Experience Sabah ,Borneo ,Malaysia
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ tummeng travel กลับมาพบกับท่านอีกครั้งแล้วนะครับ ครั้งนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวยังเกาะบอร์เนียว รัฐซาบาร์ ประเทศมาเลเซียครับ
เนื่องจากผมได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวซาบาร์ เป็น 1 ใน 5 บล็อกเกอร์ชาวไทย ที่จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ซาบาร์ โดยการสนับสนุนการเดินทางจากการท่องเที่ยวของที่นั่น
ซึ่งแต่ละคนมีภารกิจ จะพาเที่ยวในแต่ละมุมมอง แต่ละที่ แตกต่างกันออกไป แต่ก่อนที่ทุกคนจะแยกกันออกทริป ทางการท่องเที่ยวซาบาร์ ได้จัดทริปแบบ familiarization trip กันก่อน เพื่อให้รู้จัก ซาบาร์ หรือ เกาะบอร์เนียวให้มากขึ้นก่อนเดินทางจริง
ดังนั้นทริปนี้ผมจะพาเที่ยว ซาบาร์ โกตาคินาบาลู เกาะบอร์เนียว แบบรวมๆไปก่อนนะครับ ก่อนที่จะพาทุกท่านไปเที่ยว สิปาดันในทริปเดี่ยวของผมอีกที
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้รีวิวนี้นะครับ หากไม่ลำบากมากมายนัก ทิ้งข้อความทักทายกันไว้สักนิดเพื่อเป็นกำลังใจสำหรับนักรีวิวแบบผมครับ
และหากต้องการติดตามผลงานที่ผ่านๆมา สามารถเข้าไปดูที่ลิ้งค์นี้
http://pantip.com/profile/243129
และสามารถเข้าไปติดตามการท่องเที่ยวของผมได้แบบอัพเดทรวดเร็วได้ที่ เพจ ผม
https://www.facebook.com/TummengMagazine
ซาบาห์ (มาเลย์: Sabah) เป็นรัฐที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศมาเลเซีย และยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เนอเกอรีดีบาวะฮ์บายู (Negeri di bawah bayu) ซึ่งหมายถึง ดินแดนที่อยู่ใต้ลม ก่อนที่จะเข้าร่วมอยู่กับสหพันธรัฐมาเลเซียนั้น ซาบาห์เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษมีชื่อว่านอร์ทบอร์เนียว (บอร์เนียวเหนือ)
ซาบาห์เป็นหนึ่งในสองรัฐของมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียว ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ มีขนาดเล็กกว่ารัฐซาราวัก ส่วนทางภาคกลางและภาคใต้ของเกาะเรียกว่ากาลิมันตันเป็นของประเทศอินโดนีเซีย เมืองหลวงของรัฐคือโกตากีนาบาลู เดิมมีชื่อว่า เจสเซลตัน (Jesselton)
ผมนี่แทบจะไม่คิดปฏิเสธเลย เมื่อได้รับคำชวนจาก ทางการท่องเที่ยว เพราะ เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่อยากไปมาก
การเดินทางของเราเริ่มจาก ขึ้นเครื่องบิน แอร์เอเชีย จากสนามบินดอนเมือง เพื่อไปลงที่ KL เพราะ ปัจจุบัน ยังไม่มีสายการบินไหนบินตรงลง ซาบาห์ เลย
พอไปถึง ทุกคนก็เสาะหาสัญญาณ wifi ของสนามบิน สามารถใช้ฟรีได้ 3 ชั่วโมง หรือบางคนที่เปิดโรมมิ่งมาจากเมืองไทย ก็สามารถอัพเดทข้อมูลการเดินทางได้อย่างทันท่วงที และสำหรับผม ช่วงนี้ต้องติดต่องานเยอะครับ เลยเลือกที่จะ เปิดโรมมิ่งไปจากเมืองไทยครับ ผม ใช้ dtac เลยเปิดโรมมิ่ง dtac (dtac roaming) ซึ่ง dtac ใช้เครือข่ายโรมมิ่งร่วมกับ DiGi ของมาเลย์ เท่าที่หาข้อมูลมาเทเลนอร์เป็นผู้ดำเนินการครับ และตลอดทริปก็ไม่ผิดหวังครับ ใช้ได้ทุกที่ที่ไปมาเลย สามารถแชร์รูปแบบจัดเต็มตลอดทริป ไม่ต้องกังวลเรื่องเน็ตรั่ว เพราะก่อนเดินทางผมสมัครใช้บริการ dtac Worry Free ทำให้ผมควบคุมค่าใช้จ่าย data roaming ได้เอง นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเมื่อครบวงเงิน และมี sms คอยแจ้งเตือนการใช้งานอีกด้วย แพ็กเกจเริ่มต้นที่ 280 บาทต่อวันเท่านั้น เพื่อนๆคนไหนที่เดินทางไปต่างประเทศแล้วชอบเล่นเน็ตนี่ผมแนะนำเลยครับ
หลังจากได้กระเป๋าสัมภาระกันมาแล้ว ก็ออกมานั่งพักรอต่อเครื่องไป Kota kinabalu ประมาณ 3 ชั่วโมงครับ เลยเดินเล่นช้อปปิ้งกันนิดหน่อย
และถึงเวลาก็ขึ้นเครื่อง นั่งยาวไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ไปถึงสนามบินโกตาคินาบาลู ของรัฐซาบาห์ เกาะบอร์เนียว พอไปถึงจะมีการตรวจพาสปอร์ตอีกรอบครับ ตามธรรมเนียม
วิวระหว่างเดินทางครับ สวยดี มีเกาะแก่งใหญ่น้อยให้ชม
รับกระเป๋า แล้วเจอไกด์ และคนขับรถแจ้งว่าจะพาเข้าโรงแรมก่อน แต่นาทีนั้นเวลาห้าโมงกว่าๆแล้ว จึงบอกไกด์ไปว่า อยากหาจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกสวยๆ ไกด์เลยจัดให้ เป็นทางผ่านไปโรงแรมพอดี ริมทะเล สวยทีเดียวครับ
ลองดูแอพมือถือ บอกว่า อีกประมาณ 30 นาที พระอาทิตย์ถึงจะตก เลย ยืนรอ ถ่ายภาพกันที่นี่ครับ
เสียดายที่ไม่มีฉากหน้าสวยๆมาให้ถ่ายเท่าไหร่นัก ก็เลยจัดหาก้อนหินมาเป็นฉากหน้าซะเลย
ทรายของที่นี่ จะไม่ค่อยละเอียดแบบหาดบ้านเรานะครับ
เก็บภาพไปเรื่อยๆ ระหว่างพระอาทิตย์กำลังจะตกน้ำ อัพเดทลง IG FB เรียบร้อยเป็นการเทส โรมมิ่ง dtac (dtac roaming)ไปในตัว ซึ่งก็อัพได้สบายหายห่วง
และในที่สุดพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปจนได้
โปรแกรมวันนี้ ไม่มีอะไร นอกจาก ไปเจอเจ้าหน้าที่ การท่องเที่ยว ซาบาห์ ที่ร้านอาหาร ไกล้ๆโรงแรม และ รับประทานอาหารเย็นเป็นการต้อนรับ ดังนั้นจึงไม่รีบกันเท่าไหร่ ยืนรอเก็บแสงกันจนมืด เลยถือโอกาสแอบถ่ายช็อตน่ารักๆ มาสักหน่อย
ร้านอาหารที่ทานเป็นร้านแนวออแกนนิกอครับ เน้นขายปลา เพราะมีฟาร์มเลี้ยงปลาแบบออแกนนิกอยู่ ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย แต่อาหารอร่อยโดยเฉพาะเมนูปลา
หลังจากทานอาหารแล้ว กลับ โรงแรม ก็ออกมาเดินเล่นแถวๆในเมือง ตรงตลาดที่เขาเรียกว่า night market ซึ่งจากการที่ดูแล้ว เป็นร้านอาหารทะเล ซะส่วนใหญ่ ที่นี่เป็นแหล่งอาหารทะเลที่สำคัญนะครับ จึงจะเห็น ปลา ปู กุ้ง หอย ตัวใหญ่ๆ เพียบเลยครับ
ล็อบสเตอร์ตัวนี้อลังการมาก
อาหารปิ้งย่างข้างทางก็มีขายคล้ายๆบ้านเราครับ
หลังจากนั้นก็กลับไปพักผ่อนหลังจากเดินทางมาเกือบ 12 ชั่วโมง ก่อนนอนก็อัพเดท social อีกหน่อย ก็ Worry Free นี่ครับ
ก่อนจะตื่นเช้าขึ้นมา เพื่อนั่งรถไปชมภูเขาโกตาคินาบาลูในวันถัดไป
วันที่สองเรานั่งรถตู้ เพื่อเดินทางไปยัง อุทยานโกตาคินาบาลู ระหว่างทาง มีจุดแวะให้ถ่ายภาพภูเขา โกตา คินาบาลู ก็เลยแวะเก็บภาพกันหน่อย
ออกจากโรงแรม 8.30 ก็มาถึง ยังจุดชมวิว ยอดเขา โกตาคินาบาลู ในเวลาประมาณ 11.00ครับ จุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปก่อนจะขึ้นอุทยานกันครับ
ตรงจุดนี้จะมีสินค้า วางขายแก่นักท่องเที่ยวด้วย
โกตา คินาบาลู ชื่อเสียงของภูเขาคินาบาลูโด่งดังเข้าหูคนไทยมาช้านานแล้ว ขุนเขาแห่งนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 4,095 เมตร(4,095.2 เมตร) ซึ่งแม้จะไม่ใช่ภูเขาที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ภูเขาสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ภูเขา Hkakabo Razi (สูง 5,881เมตร) ในประเทศพม่า) แต่คินาบาลูก็เป็นภูเขาสูงสุดแห่งเกาะบอร์เนียว
และนี่คือยอดสูงสุดของ KK หรือ kota kinabalu ครับ อดไม่ได้ที่จะ share ภาพให้เพื่อนๆได้ร่วมสัมผัสความสวยงามผ่าน dtac roaming ครั้งนี้ผมยังไม่มีโอกาสได้ปีนขึ้นไป แต่หากเป็นทริปเดี่ยวของผม ผมจะลองหาโอกาสปีนให้ได้ครับ
ออกจากจุดชมวิว เราก็เข้ามาที่อุทยานโกตาคินาบาลูครับ ซึ่งปกติถ้านักปีนเขาก็จะมาเริ่มกันที่นี่ครับ
แต่ครั้งนี้เราแค่มาเดินศึกษาธรรมชาติเส้นทางสั้นๆ ในอุทยานเท่านั้นครับ
ที่ซาบาห์ เกาะบอเนียว รัฐซาบาห์ ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนใต้สายลม” ที่อุดมไปด้วยป่าฝนเขตร้อน
ที่นี่จะมีพืชพันธุ์ที่เป็นป่าเขตร้อนให้ดูมากมาย เช่น กล้วยไม้ กว่า 4000 ชนิด หรือ ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ก็มีเยอะในแถบนี้
ลักษณะป่าจะคล้ายๆ ป่าทางภาคใต้บ้านเราครับ
แอบส่องนกส่องกระรอกไปตามเรื่องครับ ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที ก็กลับไปทานข้าวกลางวันกันครับ
ช่วงบ่ายเรามีคิวไปเยือน บ่อน้ำพุร้อนของคินาบาลูครับ เป็นบ่อที่สร้างขึ้นจากน้ำพุธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาครับ
ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาบ่อน้ำพุร้อนกันเยอะทีเดียวครับ ทั้งวัยรุ่น คู่รัก และครอบครัว
เดินผ่านน้ำพุเข้าไป เป็นเขตอุทยานอีกครั้งครับ ที่นี่มี sky walk ให้เดินชมความงามตามธรรมชาติด้วยครับ ซึ่ง sky walk นี้ สูงจากพื้นประมาณ 30 เมตรครับ ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวความสูง
สูงน่าดูเหมือนกันนะครับ เดินไปแอบเสียว เพราะมันโยกเยกครับ ควรใส่รองเท้าที่กระชับ กระฉับกระเฉง หน่อยนะครับ จะได้เดินสบาย
ออกจากน้ำพุร้อน ไกด์แจ้งให้เราทราบอีกครั้งว่าจะนั่งรถไกล ใช้เวลาไปยังที่ต่อไปประมาณ 2.30-3 ชั่วโมง เพื่อไปยัง หมู่บ้านชนเผ่าของเกาะบอร์เนียว ที่ชื่อว่า mari mari Cultural village ซึ่งคำว่า mari mari นั้นแปลว่า come come ครับ
ก่อนเข้าชมก็จะมีคนมาแนะนำก่อนว่าเราจะใช้เวลาเท่าไหร่ เดินยังไง มีอะไรให้ชมบ้างครับ ก็ฟังกันไปเพลินๆ 15นาที
สำหรับที่นี่ ค่อนข้างเข้ามาในป่าแต่ไม่ได้ลึกมาก สัญญาณโทรศัพท์ ของ DiGi ที่ผมโรมมิ่งกับ dtac ก็ยังสามารถใช้งานได้ ปกติอยู่ครับ เน็ตไม่สะดุดเลย
การชมหมู่บ้าน มาริ มาริ นี้ จะแบ่งเป็นรอบๆ วันละ 3 รอบ โดยเป็นการแจมทัวร์ระหว่างหลากกรุ๊ปครับ สำหรับรอบนี้มีทั้งจากไทย จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ครับ
เมื่อเข้าไปก็จะพบการสาธิต วิถีชีวิตชนเผ่าต่างๆหลายชนเผ่าครับ มีทั้งที่อยู่ ที่กิน บ้านเรือน และการทำอาหารและขนม พื้นเมือง แจกให้ชิมฟรีอีกด้วย
มีสาธิตการดำรงชีวิต การจุดไฟจากไม้ไผ่ การล่าสัตว์ต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งผมมีความรู้สึกว่า ประเทศไทยของเราก็น่าจะทำแบบนี้บ้างเพราะเราก็มีชนเผ่าเยอะเหมือนกัน
ก่อนจะจบโปรแกรม ก็มีการละเล่นปิดท้ายโปรแกรมก่อนจะทานอาหาร คือ ประเพณีรับรางวัลจากหัวหน้าหมู่บ้านสำหรับนักรบที่ออกไปรบมาครับ เป็นการเอารางวัลไปแขวนไว้บนขื่อสูง แล้วให้นักรบช่วยกันกระโดดขึ้นไปคว้ารางวัลนั้น โดยมีแผ่นกระดานที่สามารถเด้งได้คล้ายๆสปริง ซึ่งเมื่อก่อนรางวัลคือ ยาสูบบ้าง เขาสัตว์บ้าง หรือ โลหะที่จะเอาไปทำเป็นอาวุธ แต่ปัจจุบัน ประยุกต์มาเป็นธนบัตรจากนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่นักแสดงครับ
หลังจากนั้นก็มาชมการแสดงระบำแบบชนเผ่า ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้การแสดงรำแบบลาวกระทบไม้นี่มันมีเกือบทุกประเทศใน อาเซียนเลยนะครับ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นมายังไง เพราะไทยก็มี ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลย์ อินโด ก็มี
หลังจากนั้นก็ไปทานอาหาร หรือใครสนใจจะเพนท์ลายก็มีบริการครับ
หลังจากนั่งรถกลับมาถึงที่พัก ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็พักผ่อนกันครับ เลยออกไปหาเบียร์ทานกันหน่อย ปรากฏว่าที่นี่ เบียร์แพงมากครับ ใน 7-11 ขายเบียร์กระป๋องละ 75 บาทเลยครับ ยี่ห้อดาวแดงนะครับ กระป๋องเล็กด้วย
นั่งกินบาร์ข้างๆโรงแรม ราคา tower ละ 1,100
วันที่สามของทริป ช่วงเช้าไกด์ปล่อยเราฟรีสไตล์ครับ ให้ไปเดินเล่น ที่ Sunday market หรือเรียกง่ายๆว่า ตลาดนัดบ้านเรานั่นแหละครับ เพราะมีเฉพาะวันอาทิตย์ จะมีคนเอาสินค้ามาขายและปิดถนนไปเส้นนึงครับ เพียงแต่ที่นี่ขายเช้าถึงบ่าย บ้านเราขายบ่ายถึงดึก สินค้าก็ไม่ต่างจากตลาดนัดบ้านเราเท่าไหร่ครับ มีของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า มีขายอาหาร เครื่องดื่มต่างๆ
เที่ยง เนื่องจากกรุ๊ปเรารีเควสอยากทานร้านอาหารแบบ Local บ้าง ทางไกด์เลยจัดมื้อนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแบบบ้านๆหน่อย แต่ก็อร่อยดีนะครับ ชื่อร้าน Kou man
จะเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่แยกจากน้ำซุปที่สามารถเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็น หมู เนื้อ เครื่องใน เป๋าฮื้อครับ โดยเป๋าฮื้อที่เห็นในภาพนี้ราคาชามละ 75 บาท เท่านั้นเอง ถูกกว่าก๋วยเตี๋ยวชามละ 115 อีกครับ
หลังจากนั้นเราเดินทางไปยังจุดชมวิวเมืองโกตาคินาบาลูครับ ซึ่งจริงๆควรจะมาช่วงพระอาทิตย์ตก แต่ไม่มีเวลาแล้ว
หลังจากชมวิวแล้ว ก็ออกเดินทางอีกครั้ง โดยนั่งรถไปไกลมากครับ ประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะไปล่องเรือชมลิงจมูกยาว และ สัตว์ต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำ ซาบาห์
ตอนแรกได้ยินว่าเป็น Cruise แอบดีใจว่าน่าจะเป็นเรือใหญ่อะไรแบบนั้น พอมาเจอเป็นเรือคล้ายเรือท้องแบนครับ
มาถึง รอกลุ่มอื่นๆมาพร้อมกันก็ใส่ชูชีพ เตรียมกล้องให้พร้อมแล้วขึ้นเรือครับ
นั่งไปสักพัก เรือก็จอดครับ แล้วไกด์ก็บอกว่าให้ดูลิงครับ อยู่ไกลมาก ไม่แปลกที่ตรงท่าเรือมีกล้องส่องทางไกลให้ยืม
แถมลิงก็ตื่นคนด้วยครับ เห็นเรือจอดคนเยอะหน่อย พากันกระโดดเข้าป่าไปเกือบหมด สารภาพเลยว่าตลอดทั้งทริปในการนั่งเรือ ผมแทบจะถ่ายได้แต่ก้นลิงครับ
โชคยังดีบ้างที่ลำผมออกก่อน ยังพอจับภาพชัดๆ ซูมระดับ 70-200 f2.8 ได้ภาพมาบ้าง เพราะค่อนข้างเย็นมากแล้ว แสงก็เริ่มหมดไปเรื่อยๆ
ในเมื่อถ่ายลิงไม่ได้ดั่งใจ ก็หันมาถ่ายเรือ และคนข้างๆบ้างครับ
ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 2 ชั่วโมงครับ เรือก็พาเรากลับมายังท่าเรือเพื่อทานอาหารเย็นครับ ก่อนจะออกไปล่องเรือเพื่อชม หิ่งห้อยอีกครั้ง และต้องขอบอกเลยว่าการชมหิ่งห้อยที่นี่ไม่เหมือนที่อัมพวาบ้านเรานะครับ ที่นี่มีเยอะมากๆเพราะธรรมชาติบ้านเขายังสมบรูณ์สุดๆแต่สุดความสามารถที่ผมจะถ่ายรูปมาให้ชมได้ครับ
ระหว่างทานข้าวก็เจอแสงสวยๆอีกครั้ง เลยเก็บภาพมาฝาก หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็เดินทางกลับโรงแรม เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว
สุดท้าย เราเดินทางกลับประเทศไทยด้วยสายการบินแอร์เอเชียไปต่อเครื่องที่ KL และ กลับถึงดอนเมือง ตอนดึกๆ เพราะ เครื่องบินดีเลย์นิดหน่อย เป็นการปิดทริป Survey Sabah Borneo ที่ประทับใจไปอีกทริปหนึ่ง และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเดินทางไปที่นี่อีกครั้งในทริปแยกของแต่ละคนครับ สำหรับผม รับผิดชอบพาทุกท่านไปเที่ยว สิปาดัน สวรรค์ของนักดำน้ำ
และขอขอบคุณ การท่องเที่ยว ซาบาห์ ที่สนับสนุนการเดินทาง
ขอบคุณแพ็กเกจ dtac data roaming และบริการ dtac Worry Free ที่ทำให้อัพเดทได้ทันใจตลอดเวลา และไม่ต้องกังวลเรื่องเน็ตรั่ว เพื่อนคนไหนสนใจสามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจและการใช้งานเพื่มเติมได้ที่ http://bit.ly/1FGz4rw
เจอกันอีกที ทริปแยกครับ ฝากไว้สำหรับรูปสุดท้ายครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้รีวิวนี้นะครับ หากไม่ลำบากมากมายนัก ทิ้งข้อความทักทายกันไว้สักนิดเพื่อเป็นกำลังใจสำหรับนักรีวิวแบบผมครับ
และหากต้องการติดตามผลงานที่ผ่านๆมา สามารถเข้าไปดูที่ลิ้งค์นี้
http://pantip.com/profile/243129
และสามารถเข้าไปติดตามการท่องเที่ยวของผมได้แบบอัพเดทรวดเร็วได้ที่ เพจ ผม
https://www.facebook.com/TummengMagazine