สวัสดีอีกครั้งครับ
อย่างที่จั่วเปิดหัวไว้ว่า KOREA 10 First Look ที่คุณจะตกหลุมรัก ตั้งแต่แรกพบ ชัวร์!!!
จั่วหัวแบบมั่นโคตรๆ เลยเนอะ ฮ่าฮ่า แต่อยากบอกว่าทริปที่จะพาไปชม ที่กิน ที่เที่ยวทั้ง 10 ที่นี่ ผมไปครั้งแรกหมดเลย
อ่ะแล้วมันจะน่าเชื่อไหม จริงเหรอ น่าไปเหรอ นั้นสิ! ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ที่ตอบได้จากประสบการณ์เดินทางมาชั่วชีวิตของตัวเอง
เพราะฉะนั้นเกาหลีในรีวิวนี้จึงเป็น ทริปสนุกสนาน อาหารอร่อย หนาวและประทับใจ จนลืมสิ่งเหล่านี้ที่คนไทยรู็จักดีเช่น …
ซี่รี่ย์ใสๆรักหวานๆ (ยกเว้นสถานที่ถ่ายทำนะที่มันก็สวยอย่างในนั้นละครับ)
ครีมหอยทาก และสารพัดเครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างๆ (เพราะเราไม่ใช้นั้นเอง ฮ่า ฮ่า )
และดนตรีแด๊นซ์กระจายใน Girl/Boy Group ที่พาเหรดมาเสริฟพวกเรามาหลายปีแล้ว (เกินวัย)
อย่ากระนั้นเลย ลองมาดูรีวิวของคนที่ไม่เคยคิดฝันจะมาประเทศนี้ กับแหล่งท่องเที่ยวที่ผมไปมาแล้วประทับใจรวมๆไว้ 10 ที่นะครับ
ตามมาเลย
เช่นเคยก่อนจะถึงถ้าไม่มีสายการบินจะไปยังไง เที่ยวนี้ผมบินกับสายการบินคุ้นเคยกันดีอย่าง Thai AirAsia X บินด้วยเครื่องแอร์บัส A 330-300 ที่มีเที่ยวบินลงสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบินบินตรง สามารถค้นหาเที่ยวบินได้ที่ www.airasia.com ได้เลย โดยจะใช้เวลา 5 ชั่วโมงเศษเราก็บินมาลงสนามบินอินชอนแล้ว
การเดินทางมาราบรื่นด้วยดีครับ ที่สำคัญอิ่มหมีพลีมันกันทุกคน
ที่สำคัญทริปนี้เนื่องจากเป็นทริปที่ Thai AirasiaX จัดพาคณะสื่อมาทำให้มีกิจกรรมรอต้อนรับพวกเราไว้มากมาย โดยเฉพาะกับฝั่งสปอนเซอร์ที่ร่วมบินมาพร้อมๆกันด้วยทำให้ทริปนี้มีคนในคณะได้รางวัลดีจาก AIRASIAGO ได้ที่พักติดไม้ติดมือกลับไปด้วยอีกนะ เเม้เราไม่ได้แต่ยังอดดีใจไปด้วยเลยครับ
และแน่นอนการเดินทางไปต่างประเทศของคนยุคนี้หากไม่เตรียมชีวิตออนไลน์ไปด้วยก็คงแปลกๆ หนนี้ผมใช้ของ easykoreawifi ที่ติดต่อจากไทยไปแต่ไปรับเครื่องที่เกาหลีนะครับ และใช้งานได้ดีมากๆเลย ทุกอย่างเร็วแรงสมกับเป็นเน็ต 4G จริงๆ อ่อตอนขากลับเจ้าหน้าที่เค้าก็มารอรับเครื่องเค้ากลับถึงสนามบินเลยเพราะงั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการรับและคืนเครื่องแต่อย่างใดครับ ราคาก็ไม่แพงนะตกวันละ 290 บาท หากมีโปรโมชั่นช่วงที่ไปก็ถูกลงอีก สนใจเข้าไปดูที่นี่เลยครับ
เอาละมาเริ่ม 10 สถานที่ที่ควรไปเที่ยวกันในเกาหลีกันเลยดีกว่านะครับ
1.Snow Park (Goyang City ) มาเล่นหิมะกัน
เวลาเปิดปิด: จ-ศ 10.00-19.00 , ส-อา 10.00-20.00 น.
ค่าเข้า:จ-ศ 20,000 วอน/คน ส-อา 25,000 วอน/คน
เด็กน้อยอายุต่ำกว่า 3 ปีเข้าฟรีจ้า
ค่าเช่าอุปกรณ์ Skate 5,000 วอน / เสื้อหนาว 5,000 วอน / รองเท้า 2,000 วอน / ผ้านวน 2,000 วอน / ถุงมือซื้อ 1,000 วอน /หมวก ฟรี (กรณีเอามาเองกี่อย่างก็ไม่ต้องจ่ายตามรายการครับ)
การเดินทาง: ด้วยรถไฟใต้ดิน 10-minute walk from Exit 4 or 5-minute taxi ride from Exit 1 of Juyeop Station, Subway Line 3 /
ด้วยรถบัส From Incheon Int’l Airport of Gimpo Int’l Airport, take bus No. 7300 or 7400 and get off at MVL Hotel (5-minute walk from hotel)
มาเริ่มกันที่จุดแรกเลยดีกว่า คนไทยขี้ร้อนเพราะงั้นที่นี่ตอบโจทย์มาก เข้าไปจะเจอกับลานน้ำแข็งกว้างๆ เป็นด่านแรก
เข้าไปครั้งแรกประทับใจเลย แสงสี สวยงาม ตกแต่งน่ารัก ที่สำคัญ หนาววว ได้ใจ
ตัวใหญ่ๆอย่างผมยังต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆกันเลย
บรรยากาศเข้าไปเหมือนเราเข้าเมืองน้ำแข็ง เค้าทำชั้นสองให้เดินขึ้นไปชมจากด้านบนได้ด้วย
มีอุปกรณ์ทั้งรถลากหิมะให้เล่นได้ด้วยนะ
ที่สำคัญจะมีฝูงสุนัขลากเลื่อน (เสียตังเพิ่ม) ให้วิ่งวนโดยรอบอีกหลายๆคนจะมาเก็บภาพตอนมันเริ่มวิ่งเข้าและออก น่ารักมากกก
เลยเข้าไปด้านในจะเป็นห้องหิมะ จะทำเป็นลาน slide ให้เราslide ลงมากันได้ด้วย รวมๆ ทุกเพศทุกวัยสนุกสนานสุดใจเลย
แนะนำเลยครับโดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกๆมาเล่นกันนะ ไหนๆมาแล้ว ที่สำคัญจะมาฤดูไหนก็หนาวเท่าเทียมกันหมดครับ ฮ่า
2.Jade garden
เวลาเปิดปิด: 09.00-18.00 ทุกวัน
ค่าเข้า: เมษายน – พฤศจิกายน 8,000won,ธันวาคม – มีนาคม 6,000won
(มีโปรโมชั่นราคาพิเศษจาก เว็บ KTO http://kto.or.th/jade-garden/ การท่องเที่ยวเกาหลี จะเหลือ 6,400won,4,800won ตามลำดับ )
การเดินทาง: นั่งรถไฟ มาลง สถานี Gulbongsan Station หน้าสถานีจะมีShuttle bus จอดรอมาถึงที่นี่เลย อ่อเป็น Free Bus นะครับ
มาถึงเกาหลี จะไม่ตามรอยที่ถ่ายทำสวยๆ ของหนังที่นี่ก็กระไร ที่นี่ถือเป็น FILMING LOCATION ยอดนิยมที่ใครที่เป็นแฟน ทั้งหนังและซี่รีย์ดังๆเหล่านี้
Wind blows in Winter,LOVE RAIN,FULL HOUSE TAKE 2,YOU’RE MY PET
ถ้าจะว่ากันจริงๆ สวนแห่งนี้จะเรียกสวนแห่งเทพนิยายก็ว่าได้ ความสวยงามของที่นี่อยู่ตรง ต้นไม้และการตกแต่งสวนที่สวยงามมาก
เพราะว่าฉายาอีกอย่างของสวนแห่งนี้คือ “Small Europe in the Forest” ครอบคลุมพื้นที่กว่า 160,000 ตารางเมตร และต้นไม้นานานาพรรณกว่า 3,000 ชนิด ด้านในมีน้ำพุอธิษฐาน และบริการพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวเขียนจดหมายรักบอกความในใจ พร้อมบริการส่งโปสการ์ดฟรีถึงคนพิเศษ
ตอนผมไปมันทำให้นึกถึงสถานที่หลายๆแห่งตัวอาคารต่างๆเหมือนยกเอารูปแบบและสไตล์อิตาลีมาไว้ที่นี่
ข้อดีที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมการตกแต่งสวยจากทุกมุมโลกมาไว้ด้วย ตอนเดินชมข้างในเลยเหมือนเดินหลุดไปประเทศนู้น ประเทศนี่ไปเลยครับ
ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้และดอกไม้นานาชนิด บวกกับจำลองบรรยากาศคล้ายกับประเทศอิตาลีอย่างที่บอกไปทำให้หนุ่มๆสาวๆมาชม มา selfie กันเพียบเลย
ผมเดินไปไม่สุดนะครับมานั่งเล่นตรงมุมร้านกาแฟซึ่งก็ทำได้เก๋มาก
นึกๆไปแล้วก็ทำให้นึกถึง PALIO บ้านเราเหมือนกันนะต่างกันตรงที่นี่เน้นสวน ต้นไม้เยอะๆมากกว่าที่ช้อปปิ้ง
ยังไงมาเกาหลีแล้วแวะนั่งรถมาซัก 1 ชั่วโมงเศษๆ มาถ่ายรูปหรือนั่งชมต้นไม้ใบหญ้าที่เค้าจัดไว้ดีเลย ก็ถือว่าคุ้มค่านะครับ
3.Yangpyeong RailBike
เวลาเปิดปิด:เดือนมีนาคม – เดือนตุลาคม เปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. วันละ 5 รอบ
สำหรับเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 15.00 น. วันละ 4 รอบ
ค่าปั่น:ราวๆ 700 บาทสำหรับ 2 คนหรือ 4 คนราวๆ 900บาท(ขึ้นกับเรทแลกเปลี่ยนนะครับ)
วิธีเดินทาง: ถ้ามารถไฟใต้ดินให้ลงที่สถานี Gangbyeon ออกประตู 2 นะครับ จากนั้นมานั่งรถบัสจาก Intercity Bus DongSeoul Terminal ไป Jeongseon เมื่อถึง Yeoryang ต่อมินิบัสไป Gujeol-ri แล้วลงที่สถานี Gujeol-ri
สำหรับกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความสามัคคีและยังได้ออกกำลังไปด้วยแบบนี้ สมควรมาลองกันครับ ตัว Rail bike นี้จะอยู่ที่เมืองจองซอนลักษณะคือเป็นจักรยานแบบนั่งปั่น 4 คน และแบบ 2 คนหลังปั่น เริ่มกันตรงสถานีกูจอลรี (Gujeol-ri) เราจะเริ่ม ปั่นไปตามรางรถไฟที่ไม่ได้ให้รถไฟจริงๆใช้แล้วนะครับไม่ต้องห่วงว่าจะปั่นๆอยู่จะเจอรถไฟ
วิวข้างทางที่ระยะ3.2 กม.สวยงามมาก ที่สำคัญปั่นไปเม๊าท์กันไปเพลินมากก
ยิ่งหากช่วยกันปั่นด้วยแล้วจะผ่อนแรง แต่ถ้าใครอู้อันนี้ก็นั่งกัน 4 คนจัดการกันเองนะครับ 555
ส่วนตัวคิดว่าเป็นกิจกรรมที่น่ามาแม้จะต้องออกมาจากโซลซักหน่อยก็ตามครับ
4.Bukchon Hanok Village (หมู่บ้านวัฒนธรรมหมู่บ้านบุกชอนฮันอก)
เวลาเปิดปิด: ไม่มีจ้า จะเดินกันกี่โมงยามก็ตามสะดวกเลย
ค่าใช้จ่าย:ฟรี
วิธีการเดินทาง: สถานีรถไฟใต้ดิน สาย 3 ลงที่ Anguk Station เดินออกทางออกที่ 2 เดินตรงไปอีก 300 เมตร เลี้ยวเข้าไปในซอย 11 Gahoe-dong หรือ 31 Gahoe-dong
มาถึงถนนสำคัญที่สุดเส้นนึงของเกาหลี หากคุณมาแล้วไม่ได้มาเดินชมบ้านชมถนนย่านนี้ถือว่ายังมาไม่ถึงความเป็นเกาหลีแต่ดั้งแต่เดิมกันเลยเชียว
หมู้บ้านนี้ตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบ๊อคกุง ( Gyeongbokgung Palace) และพระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace)เคยเป็นหมู่บ้านที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดาขุนนางระดับสูง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งคนพื้นถิ่นจะเรียกหมู่บ้านแห่งนี้แบบง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า “หมู่บ้านบุกชอน” ซึ่งในภาษาเกาหลีจะหมายถึงหมู่บ้านทางเหนือครับ
ผมเดินเล่นชมวิวไปมาในถนนสายนี้ จริงๆจะว่าไปเสน่ห์มันอยู่ตรงลักษระบ้านแบบโบราณทั้งหลายตลอดถนนเส้นนี้
ประตูไม้หรือลวดลายของกระเบื้องทั้งหลายก็น่าจะบ่งบอกความเก่าแก่ที่แต่ละบ้านเก็บรักษาไว้อย่างดี
รวมๆใช้เวลาไม่มากแต่วิวสวยๆจากสุดถนนเส้นนี้ก็สวยงามดีอยู่นะ
5.Samcheongdong-gil Street (ถนนซัมชองดง)
ค่าใช้จ่าย: ฟรี
วิธีการเดินทาง:ฝั่งตรงข้ามของBukchon Hanok Village
ถ้าหมู่บ้านบุกชอนเป็นการเดินชมเพื่อเรียนรู้ความรุ่งเรืองในอดีตของคนเกาหลีในเมือง แล้ว ถนนซัมชองดง คือถนนแห่งความฮิบ เท่และรวม Art Street ของเมืองก็ว่าได้
ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Gyeongbokung Palace และ Cheongwadae มีความยาวโดยประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยบ้านเกาหลีใบแบบร่วมสมัย ซึ่งก็น่ารักสุดๆครับ
ผมชอบย่านนี้มากมันเท่ และมีของกิ๊บๆเก๋ๆให้ช้อบกันได้ด้วย
ร้านกาแฟเอย ร้านเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีเก๋ๆ
ร้านขนมและอีกสารพัดร้านน่ารักมากมายบนตรอกซอกวอยย่านนี้ช่วยสร้างความเพลิดเพลินและชวนเสียตังจริงๆครับ
รวมๆย่านนี้สร้างความเพลิดเพลินให้กับทุกคนมากๆเลยทีเดียว
6.Wolmi Traditional Park
ค่าใช้จ่าย: Free
ค่ารถรางขึ้น 1,500 วอน
ชุดฮันบก Free
เวลาเปิดปิด: มีนาคม – ตุลาคม 05:00 – 23:00
พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 05:00 – 22:00
สวนวัฒนธรรมที่ค่อนข้างมีความหลากหลาย ตรงที่รวบรวมสวนสวยๆในสไตล์เกาหลี และเราเริ่มกันที่สวนเกาหลีโบราณครับ Korea Traditional Garden
ภายในกว้างมาก เดินชมสวนกันเพลิดเพลินดีทีเดียว ลักษณะสวนแบบ Traditional ก็ให้อารมณ์เหมือนเราชละครย้อนยุคของเกาหลียังไงยังงั้นเลย อ่อที่นี่เคยเป็นที่ถ่ายทำ Full House (Thai Ver.) ด้วยเช่นกัน
เดินชมมาเรื่อยๆจนถึงบ้านทรงเกาหลีโบราณอยู่ในสวน ผสมเข้ากับการให้พวกเราได้แต่งตัวด้วยชุดฮันบก อันเป็นชุดประจำชาติเหาหลีถ่ายรูปกันด้วย
พี่ๆที่ไปด้วยกันถ่ายกันหมดรวมเราด้วย ขำๆน่ารักกันดีครับ
การตกแต่งให้อารมณ์เกาหลีสุดๆ มีบ่อน้ำ ลานนั่งเล่น ห้องครัว คือครบกันเลย มาที่เดียวรู้จักเกาหลีแบบโบราณครบ
หลุดจากอดีตไปที่ปัจจุบันของเกาหลีกันต่อ ที่หอคอย Wolmido observation tower
ที่นี่เป็นจุดชมชายฝั่งและเมืองท่าอย่างอินชอนชั้นดีก็ว่าได้ ขึ้นไปชั้นบนสุดสามารถมองเห็นวิวชายฝั่งทะเลของเกาะและเห็นไปไกลๆถึงเมืองได้เลย
ข้างบนจะเป็นร้านกาแฟด้านบน ไอ้ที่เก๋ๆคือที่ผนังของร้าน เค้าจะให้แผ่นกระเบื้องมาเพื่อเขียนขอพรลงไปแล้วนำไปติดไว้ที่ผนังได้
ผนังรอบๆจึงเต็มไปด้วยลายมือของคนที่มาแล้วก็ฝากคำขอเอาไว้เยอะเลย เห็นๆนี้ภาษาไทยเพียบนะคร้าบบบ
มาที่เดียวต้องเอาให้คุ้ม ไม่ไกลกันนั่งรถgolf กันมาต่อที่ Korea Traditional Food and Experience Center หรือ
(จริงๆมีเนื้อส่วนอื่นๆแยกส่วนต่างๆกันไปต้องไปสั่งกันเอง)
เนื้ออื่นๆจะประมาณนี้เลย
แวะมาย่านนี้แล้วสมควรมาลองกันนะ
ค่าใช้จ่าย:ตามนี้เลย จานเล็กครึ่งตัว 19000 วอน / จานกลาง 1 ตัว 29000 วอน / จานใหญ่ 1 ตัวครึ่ง 39000 วอน ตอนที่ไปมีโปรโมชั่นลดราคาคือ 17000/27000/37000 วอน ไปเองดูหน้าร้านกันอีกทีนะ
การเดินทาง: ดูจากการเดินทางมา One Mount Park ด้านบนเลยจ้า
เวลาเปิดปิด 11.30-22.00 น.
ค่าใช้จ่าย: มื้อกลางวัน 11:30 – 16:00 ผู้ใหญ่ ราคา 26,000 วอน / เด็ก 13,000 วอน
Go 70m forward, then cross the street.
Go 100m more to arrive at a path to Jogyesa Temple.
เวลาเปิดปิด: วันเสาร์ ถนนเส้นนี้จะปิดไม่ให้รถเข้าตั้งแต่เวลา 14:00 – 22:00
อาคาร 3 ชั้นที่วางรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสทั้งสามชั้น
รถไฟใต้ดิน Line 2 สายสีเขียว ลงสถานี Euljiro1(il)-ga ออก Exit 5
เวลาเปิดปิด: 24 ชม
ค่าใช้จ่าย:ฟรี
การเดินทาง: รถไฟฟ้าใต้ดิน
- Line 1: City Hall Station, Jonggak Station, Jongno 3-ga Station, Jongno 5-ga Station, Dongdaemun Station, Sinseoldong Station
- Line 2: Euljiro 1-ga Station, Euljiro 3-ga Station, Euljiro 4-ga Station, Sindang Station, Sangwangsibni Station
- Line 3: Jongno 3-ga Station
มาถึงของแถมที่ผมอยากแนะนำกันหน่อย ถือเป็นสถานที่ๆผมชอบที่สุดในเมืองก็ว่าได้
และได้เริ่มมีการปรับปรุงพื้นที่อีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยใช้เวลาในการปรับปรุงทั้งสิ้น 2 ปี และ 3 เดือน