สวัสดีครับ
จั่วหัว “เที่ยวเชียงราย พาไปดูนางพญาเสือโคร่งแหล่งใหม่ที่คุณยังไม่รู้” น่าจะสงสัยกันว่ายังมีเหลืออีกเหรอ ประเทศไทยเรา
จะบอกดังๆชัดๆว่ามีครับ เพราะดอกไม้สีชมพูกับบ้านเรามันคือ เสน่ห์ที่ทำให้เราต้องนั่งเครื่องบินกันไปเพื่อเก็บภาพกันทั้งนั้น และทริปนี้ก็พยายามตามหาไปพร้อมๆกับเที่ยวให้ทั่วในสไตล์ครอบครัว one22.com เช่นเคยจะ ค้นหาเชียงรายในรอบ 2 ปีที่ไม่ได้แวะเวียนมาแบบไหน เชิญบรรทัดถัดไปกันดีกว่า
เราเริ่มกันที่ออกแต่เช้าเลยครับไม่ 7 โมงดี ทริปนี้มาบินกันที่สุวรรณภูมิกับสายการบินบูทีคที่สุดของบ้านเรา “Bangkok Air” หน้าตายังง่วงตาตี่กันแทบทั้งบ้านเลย
หนนี้เนื่องจากเป็นทริปพิเศษทำให้เราได้เข้าไปใน Blue Ribbon Club Lounge ซึ่งครั้งนี้เราได้เข้าแบบ upgrade จากสายการบิน บรรยากาศและอาหารดีขึ้นอีกจากแบบ Economy ครับ ถือว่าน่าประทับใจมากๆเลย
อาหารมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น
เช่นเคยขาดไม่ได้ ข้าวต้มมัด และคราวนี้จัดเต็มด้วยขนมประเภทอื่นๆพร้อมเสริฟและบริการ
มีเน็ตและทีวีให้เลือกชมได้ และยังมีเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้อีก เปรมตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่องแล้วละครับ
เรานั่งกันอีกพักใหญ่ก็ประกาศขึ้นเครื่องแล้ว วันนั้นกรุงเทพฯ ร้องไห้แต่เช้าเลยทำเอาหวั่นๆใจจะไปเจออากาศแบบเดียวกันไหมที่เชียงราย
แต่มาถึงก็ไม่ต้องมานั่งผิดหวังแต่อย่างใด อากาศช่วงที่ไป 10 กว่าองศาพอดีจากความกดอากาศสูงที่แผ่มาจากเมืองจีนไทยเราได้อนิสงฆ์ไปพร้อมๆกันด้วยเย็นกันตั้งแต่เดินลงจากเครื่องกันเลยครับ เด็กน้อยกับแม่ปัน ร่าเริงกันทันทีรับอากาศแจ่มๆแบบนี้
ลงมาก็รับรถกันก่อนรอบนี้ยังใช้บริการกับ Avis เจ้าเก่าจากทริปก่อนได้มาเป็น vios ประหยัดดี และมั่นใจที่จะพาเราขึ้นเขาลงห้วยได้สบายๆ Reception ของ Avis จะอยู่ไม่ไกลจากประตูทางออกครับ หาไม่ยากช่วงนี้ราคาวันธรรมดาก็ดีทีเดียว
และร้านแรกที่ผมคาดว่าจะต้องผ่านและได้แวะแน่ๆเพราะไม่ได้มานานแล้วสำหรับร้าน “PARABOLA” ไม่ได้แวะเวียนขาทางกับร้านนี้มาหลายปีแล้ว เจอกันอีกครั้งยังเท่และน่านั่งไม่เปลี่ยน
ขนมเต็มตู้ น่ากินดีครับแต่เพราะพึ่งอิ่มจาก Lounge มาหมาด เลยขอเอาแค่เครื่องดิ่มพอ ซื่งกาแฟที่รสชาติละมุนพร้อมเสริฟมาก
วันที่เราไปถึงเป็นวันธรรมดาคนน้อยมาก นั่งชิลรับอากาศหนาวๆเย็นๆกลางแสงแดดอุ่นๆชิลไปกับเครื่องดื่มอร่อยๆ นี่ความฟินระดับ 9 กันเลย
แวะกันไม่นานผมพากันตรงดิ่งไปยัง “แม่สลอง”ที่แรกที่อยากมามากในหลายๆปีเพราะมีความหลังที่แสนสุขเสน่ห์กับคนข้างๆเมื่อหลายปีผ่านมาแล้ว และในยามเที่ยงแบบนี้หาอะไรอร่อยๆกับร้าน คุ้มนายพล ร้านประจำทุกครั้งที่มาเยือนดอยแม่สลองหรือใครๆก็คงต้องมา
รสชาติขาหมูต้มกับใบชาโอเคนะกินคู่กันกับ หมันโถอร่อยไม่เลี่ยนไม่มันมาก แต่เยอะอ่ะกินกันไม่หมดเลย หมดตามที่เห็นนี้ 500 กว่าบาทครับสำหรับมื้อแรกที่มาถึง
เมนูแกงจืดเยื่อไผ่ของเด็กน้อย อร่อยนะครับสั่งกันหนาวๆมาสดน้ำแกงอร่อยชื่นใจ
วันนี้เจอเจ้าของร้านใจดี พาปันทัวร์ และคอยตอบข้อซักถามด้วย น่ารักมากครับ
ที่นี่ยังเป็นอีกที่ๆชมดอกนางพญาเสือโคร่งด้วยเช่นกัน รอบๆร้านอาหารและรีสอร์ท จะปลูกไว้เป็นสิบๆต้นเลย หากมาในช่วงกลางๆเดือน มค.ไปทุกปีจะได้เจอ อย่างตอนที่เรามาถึงนี่ต้นๆเดือน ทำให้ยังบานไม่เต็มที่นักแต่ก็ได้เห็นดอกบานแล้วถือว่าเป็นสัญญานที่ดีของทริปแล้วละครับ
ดอกเพิ่งพ้นตูมมานิดหน่อยแต่ก็บานให้เห็นแล้ว สีสวยมากครับ ตัดกับฟ้าเข้มๆต้องกับแสงแดดยิ่งสวยงาม
ก่อนจะไปต่อเราขับรถขึ้น ไปจุดชมวิวตรง อนุสรณ์นายพลต้วน วิวดีเลย
ที่นี่สร้างให้กับท่านนายพลต้วนที่พาชาวเขาเหล่านี้มาตั้งรกรากกันที่นี่ ซึ่งด้วยความดี แม้จะเป็นกองทหารผลัดถิ่นจาก การการนำของนายพล ต้วน ซีเหวิน ผู้นำแห่งกองพัน 5 ในกองกำลังกองพล 93 ที่หลบลี้ภัยจากเมืองจีน จนมาตั้งถิ่นฐานอาศัยสร้างเป็นหมู่บ้านสันตคีรี ด้านล่าง ประกอปกับทำคุณงามความดีด้วยในอดีต เป็นกองกำลังที่ต่อต้านภัยคอมมูนิสต์ไม่ให้รุกรานเข้ามาในเมืองไทยจากแนวสันเขาทั้งหมด ด้วยความดีนี้ รัฐบาลไทยจึงมอบสัญชาติไทยและอนุญาติให้ตั้งรกรากที่นี่จนกลายเป็นคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้
วิวไร่ชางามครับ ในวันอากาศดีๆแบบนี้ หากไม่ขับรถมาสามารถไปขึ้นรถสองแถวสีฟ้าสายป่าซาง-แม่สลอง ตรงแถวๆตลาดบริเวณบ้านป่าซาง มีรถตั้งแต่ เวลา 07.00-16.00 นสนนราคาตอนที่ผมไปสอบถามมาอยู่คนละ 50 บาทราคาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับน้ำมันและฤดูการท่องเที่ยวนะครับ หรือรถเหลืองจากแม่จัน-ท่าตอน มาต่อรถได้อีกที่กิ่วสะไต อันหลังนี้ต้องสอบถามกันจากตลาดแม่จันกันได้อีกทีครับ หรือเหมามาก็แล้วแต่ตกลงกัน
เด็กน้อยสนใจวิวน่าดู วิววันอากาศดีๆแบบนี้สงเสริมให้เที่ยวได้สนุกขึ้นสำหรับเด็กๆทุกคนครับ
จากนี้เราไปกันต่อที่ “พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ” พระธาตุที่สำคัญที่สุดของดอยนี้ใครมาควรแวะกราบพระธาตุ ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็น พระราชกุศลแด่สมเด็จย่า ตั้งอยู่จุดสูงสูดของเขาลูกนี้แล้วที่ความสูงกว่า 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล
เสียดายมากที่มาตอนกำลังปิดซ่อมแซม แต่ก็เปิดให้เราขึ้นไปชมด้านบนได้ และวิวจากบนยอดก็สวยงามแบบนี้เลย
หลังจากนี้ผมก็กลับลงมาแวะที่ๆเคยมาเมื่อหลายปีก่อนถือเป็นทีแรกๆที่เก็บกลับมารีวิวกันทีเดียว ร้านน่ารักที่ไม่ได้มานานกว่า 5 ปีแล้ว ” สวีทแม่สลอง คาเฟ่ ” หากไม่เคยผ่านตามาก่อน ไปชมความหลังครั้งก่อนของผมได้ที่นี่นะครับเชิญๆที่นี่เลย
กลับมาอีกครั้งเจริญขึ้นเยอะ อาหารมากขึ้น แต่วิวยังสวยงามไม่เปลียน ถือเป็นที่ๆประทับใจที่สุดเพราะมากันสองคนเมื่อหลายปีก่อน
ได้กลับมาอีกครั้งเมื่อมีเด็กน้อยแล้ว ถือเป็นอีกที่ๆประทับใจผมมากมาย สั่งขนมมาชิมกับเครื่องดื่มอร่อยนะครับโดยเฉพาะเมนูบูลเบอร์รี่ทั้งหลาย โอสุดๆ
ที่นั่งชมวิวก็ดีงามมาก เด็กน้อยชอบที่จะได้ใช้กล้องส่องทางไกลที่หยิบมาส่องไปทั่วแล้วร้องบอกพ่อว่าอยากได้บ้าง ฮ่า ฮ่า เอามาแล้วจะส่องอะไรกันดีละเนี่ย
ผมเดินข้ามมาฝั่งตรงข้ามก็สวยงามเป็นร้านขายชา และผลิตภัณฑ์ทั้งหลายบนเขาลูกนี้ขึ้นชื่อสุดก็ใบชาเนี่ยละครับ
วิวก็ดีงามและที่นี่ก็ทำเป็นรีสอร์ทด้วยสนนราคาก็พันปลายๆนะ ใครสนใจก็ลองหากันดูครับ
ถัดลงมาผมค่อยๆพาทุกคนลงเขากลับลงมาเรื่อยๆกัน แวะตรงนี้เพราะเห็นมุมที่ดีและวิวก็งามมากเช่นกัน
มองลงมาเห็นไร่ชาฉุยฟง ด้านล่างเลย ป่ะไปกันครับ
ผมแวะไม่นานกับไร่ชาฉุยฟง มารู้ทีหลังว่าเค้ามีสองจุดอยู่ทั้งด้านขึ้นและลงเขา ถึงว่าไหมดูเงียบๆแต่ก็ยังสวยอยู่ดีครับ
หลังลงมาด้านล่างเป้าหมายสุดท้ายคือเข้าที่พักและคืนแรกนี้ก็พักที่ๆเคยมาแล้วติดใจ จนอยากพาครอบครัวกลับมาอีกครั้ง “Kataliya Spa& Mountain Resort ”
รีวิวที่แล้วกับครั้งนี้ผมพักต่างห้องกันเดี๋ยวจะแยกรีวิวที่พักตลอดทริปมาให้อ่านกันอีกทีนะครับ รีวิวนี้เน้นที่เที่ยวล้วนๆก่อนนะ หยิบมาให้ชมเป็นน้ำจิ้มกันก่อน แต่บอกเลยประทับใจยังไงก็ยังเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือครอบครัวที่ผมรักมาด้วยกันยิ่งเติมเต็มความอบอุ่นและสุขใจไปอีก
วันถัดมาช่วงเช้าจนสายใช้เวลาอยู่กับรีสอร์ทพักใหญ่กว่าจะเข้ามาในเมืองเพื่อเที่ยวต่อ ระหว่างทางเลยแวะร้านใหม่ที่คนพื้นที่แนะนำให้มาลองชิมกันดูกับร้าน “Cafe de parc” ร้านอาหารชิวๆอยู่ใกล้สนามบินเลยครับ ขับรถมาไม่ไกลใครใช้ GPS & Google Map Search ปุ๊บเจอเลย
มาถึงก็เป็นบรรยากาศแบบกันเองหน่อยเหมือนมาทานอาหารบ้านพี่บ้านเพื่อน กันเองและพี่เมย์เจ้าของก็น่ารักมาก
อาหารเด็ดๆคือเมนูเสต๊กปลาแซลมอนและเมนูไทยฟิวชั่นที่ทำออกมาอร่อยมากโดยเฉพาะเมนูส้มตำฯ รวมๆอร่อยดีครับ หากใครหิวลงเครื่องแล้วแวะทานกันได้ไม่ไกลกันมาก
หลังจากมื้อกลางวันแสนเอร็ดอร่อยกันแล้วเราตรงดิ่งไปยังที่ๆอยากมานานแล้วแต่ไม่ได้มากับเค้าสักทีเฉยเนอะ ที่นี่คือ ” สิงห์พาร์ค” หรือ ชื่อไทยๆว่า “ไร่บุญรอด” หรือ เรียกันติดปากว่า ” ไร่สิงห์ ”
เราไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆแล้วอากาศกำลังเย็นสบายแดดร่มลมตก สวยมาก จริงๆไร่สิงห์ มีมานานหลายปีแล้วครับ แต่สักปีสองปีมานี้ปรับปรุงทำจนกลายเป็น 1 ในแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดเชียงรายไปเรียบร้อยแล้ว และวันที่เราไปก็เป็นวันเด็กพอดีเลย ทางไร่สิงห์ก็มีกิจกรรมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น เสียดายเราไปตอนช่วงท้ายๆแล้วละครับและก็อยากเข้าไปดูด้านในด้วย เพราะงั้นตามเรามาซะดีๆเถอะ
เข้ามาด้านในผมเองก็เพิ่งรู้ว่ามันกว้างใหญ่ขนาดนี้ เรามาตรงที่บริเวณที่เค้าปลูกชาเอาไว้ครับ จะอยู่ใก้ลๆกับร้าน “ภูภิรมย์” ร้านอาหารในบรรยากาศไร่ชาสุดสายตา
บรรยากาศแบบเปิดโล่งสี่ทิศ สวยงามมากครับ
แถมวันที่มาก็มีงานแต่งงานพอดีเลยอิจฉาหนุ่มๆสาวๆเค้าที่เลือกที่แต่งงานได้ดีเชียว
ร้านก็สวยดีนะครับบรรยากาศรอบๆกับไร่ชาทำให้ร้านแน่นเลยเชียวล่ะครับ
ยิ่งเย็นเท่าไหร่ยิ่งดีมากๆ ผู้คนมากันคึกคักมากหน้าหลายตาแต่ก็ยังมีพื้นทีอีกมากให้…
ถ่ายselfie กัน…
เก็บภาพสวยๆยามเย็น…
ผมพาปันมาวิ่งเล่นแถวนี้ และให้เด็กน้อย ไปเล่นกันเพื่อนใหม่ที่พึ่งพบเจอกัน
โลกของเด็กช่างสุขสดใส ไร้ซึ่งกำแพงจะขวางกันมิตรภาพได้ ไม่ถึง2 นาทีพวกเค้าก็เหมือนรู้จักกันมาแสนนานแล้วโลกของเด็กๆ สนุกสนาน เสมอ
กลับออกมาด้านหน้าผมพาเค้ามาวิ่งเล่นกับลานสิงห์ตรงด้านหน้า สิงห์ตัวใหญ่กลายเป็นเสมือนดาราก็ไม่ปาน ทุกคนรวมรุมล้อมกันจับจองมุมที่จะให้มีตัวเองกับสิงห์ใหญ่นี้กันแทบทั้งนั้น
สำหรับปันแล้วก็เช่นกัน สนุกยังไงลื่นไถลไปแค่ไหนก็ไม่เจ็บง่ายๆ เป็นความสนุกง่ายๆของเด็กจริงๆครับเห็นแล้วผมกับแม่ปันก็มีความสุขเช่นกัน
วันนั้นเราปิดทริปกันที่ร้านดังอีกร้านของเชียงราย บอกไปใครๆก็คงรู้จักกันทั้งนั้น “Melt in Your Mount” ร้านอาหารริมแม่น้ำที่แสนสวย
วันที่ไปเราก็สั่งหลายอย่างรวมๆผมว่าอาหารรสชาติไม่ถึงอร่อยจนต้องบอกให้มาแต่อาหารสายตาโดยเฉพาะวิวสวยอย่าบอกใคร
และที่สุดท้ายก่อนกลับที่แวะไปกันคือ งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งามและดนตรีในสวน ครั้งที่ 12 จัดกันมานานแล้ว
อยากให้มากันครับจะเริ่มจัดกันตั้งแต่ปลายปี ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีใหม่กันเลย บรรยากาศงานคึกคัก ทั้งดนตรีและดอกไม้ที่สวยงามคนเยอะแต่ก็ขอชมผู้จัดที่จัดได้ดีจริงๆดอกไม้สวยจริงๆและผู้คนก็ดูมีความสุขกันทั่วหน้าหวังว่าจะได้มาอีกในปีถัดๆไปครับ
คืนนี้เข้าพักที่ The Mantrini Resort Chianrai โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากเซ็นทรัลเชียงราย เรียกว่าเดินกันถึงไม่เกิน500 เมตรเลยครับ
ห้องพักขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ เช่นกันครับเดี๋ยวผมจะรวบรวมลงในรีวิวที่พักแยกไว้ให้อีกทีแล้วกันนะ เข้านอนกันดีกว่า
เช้านี้ผมมีภารกิจแต่เช้า ปล่อยให้แม่ลูกเค้านอนกันก่อน เพราะเส้นทางที่จะไปลุยเพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่งหนนี้ไม่ธรรมดาครับ ผมนัดแนะกับทางผู้ใหญ่ท่านนึงที่การท่องเที่ยวประจำจังหวัดเชียงรายแนะนำมาอีกทีให้รู้จักคือ อบต.ห้วยชมภู เสรี ขันอาสาพาผมขึ้นไปยัง สถานีเกษตรที่สูงชุมชนบ้านปางขอน อยู่ใน อ.เมือง จ.เชียงราย
เส้นทางจริงๆจะว่าไปไม่ได้ยากเย็นนักแต่ถนนตรงระยะสุดท้ายกว่า 5 กิโลเมตร ยังเป็นดินลูกรัง ทำให้หากอยากขึ้นไปให้ถึงยอดเขาจริงๆต้องใช้รถขับ 4 ล้อจะดีที่สุดครับ
เส้นทางหลังผ่านป่าเขาเราก็มายืนเด่นเป็นสง่ากันที่ยอดเขาแล้วครับ อยากบอกว่าแม้จะมาไม่ยากไม่ง่ายแต่เมื่อมายืนบนนี้แล้วประทับใจเลย
สิ่งที่ประทับใจแรกคือธรรมชาติครับบนนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติไร้การปรุงแต่งใดๆ มีลานจอดคอปเตอร์ที่ทำง่ายมากอยู่บนสุด รอบๆผมเห็นดอกนางพญาฯ ประปรายบ้าง
แต่เมื่อทางหัวหน้าเสรีพาผมเดินลึกเข้าไปด้านใน ที่เป็นแหล่งปลูกกาแฟ อาราปิก้าพันธ์ดีและนำมาเพาะพันธ์กันเองจนกลายเป็นกาแฟเฉพาะ ที่เรียกขานกันว่า กาแฟปางขอน และยังมีร้านนำไปขายกันในเมืองด้วย และผมก็มีโอกาสได้ชิมกาแฟนี้ที่ร้านกาแฟปางขอนตรงแถวๆ วงเวียนหอนาฬิกาครับ ใครสนใจอยากชิมดูไปลองกันได้เลย
นอกจากกาแฟแล้วที่นี่ยังปลูกอีกหลายอย่างทั้งดอกไม้และผลไม้ อย่างสตอเบอร์รี่ ก็มีนะ
พ้นจากทางเดินมาผมก็เจอดงดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มไปทั่วไร่เลย
ที่นี่จะปล่อยให้มันขึ้นตามธรรมชาติ แต่ก็มีปลูกลงเพิ่มเสริมเข้าไป ทำให้เราเดินชมกันได้ในแนวไร่กาแฟครับปลูกสลับกันไปเรื่อยๆ
บางช่วงก็จะขึ้นสวยงา สังเกตุดอกใกล้ๆกำลังบานได้ที่เลยครับ
จนมาถึงแถวๆบริเวณ์ในสุดที่เป็นเรือนพักด้านใน ผมเองเงยหน้ามองไปเจอต้นนางพญาเด่นอยู่สามต้นด้วยกัน ดอกกำลังบานสะพรั่งสีชมพูสวยงามทีเดียว
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับทางหัวหน้าพักใหญ่พร้อมกับแนะนำไปบ้างเกี่ยวกับการทำที่รองรับนักท่องเที่ยวขึ้นมาชม เพราะหลักๆที่นี่ไม่มีอาหารขาย หรือที่นั่งชมดอกไม้มหัศจรรย์นี้ที่จะพาผู้คนให้มาตกหลุมรักบนดอยนี้ได้ไม่ยาก หากจัดการได้ดีพอ โดยรวมทางหัวหน้าเสรีก็รับฟังและจะลองเอามาคุยกันในส่วนของผู้ดูแลกันต่อไปครับ
โดยรวมผมคิดว่าที่นี่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติอยู่สูงมาก ตัวต้นนางพญาเองก็ยังไม่โตมากนัก ยังคงผลิตผลดอกไม้ออกมาให้เราได้ชมกันต่อๆไปในปีถัดๆไปได้แน่ แต่อย่างที่แจ้งนะครับใครจะไปควรติดต่อผู้ใหญ่เสรีจะดีกว่าหรือหากอยากขับรถขึ้นไปควรใช้รถ ขับสี่ล้อหรืออย่างน้อยก็เป็นรถสูงซักหน่อย รถเก๋งหรือรถขนาดเล็กไม่แนะนำเพราะเส้นทางระยะสุดท้ายกว่า 5 กิโลเมตรเป็นดินลูกรังสูงต่ำไม่เสมอกัน อาจจะทำให้รถเล็กๆแบบนั้นผ่านไปยากยิ่งครับ แต่ยังไงก็อยากแนะนำครับ
กลับลงมาก็บ่ายแก่ๆแล้วผมเลยเข้าไปเก็บของและเข้าที่พักวันสุดท้ายก่อนจะกลับในเช้าวันถัดมาที่สุดท้ายอยู่ในย่านนิยมเช่นกันคือบริเวณหอนาฬิกากลางจังหวัดเชียงราย “Lepatta Chiangrai ” ที่พักแนวบูทีคอีกแล้ว จะบอกว่ามารอบนี้พักแต่ละที่มีจุดเด่นของตัวเองดีเลยทีเดียว ที่นี่ก็เช่นกัน ห้องที่ผมพักอยู่ชั้นสามริมในสุด มองจากเฉลียงออกไปวิวดีเชียวละ โดยรวมที่นี่มีคุณลักษณ์และทำเลที่ดีงามพอตัวครับ ไว้จะกลับมาเล่าให้ฟังกันอีกที่ตอนรวมที่พักนะครับ ชมภาพไปพลางๆก่อน
และสุดท้ายพวกเราก็ได้เวลากลับกันแล้ว เที่ยวเช้าๆเช่นเคย บินมาพักแบบบูทีคโฮเทลเราต้องกลับแบบบูทีคแอร์เวย์เช่นกัน
ทริปนี้สุดสุขใจในสองสิ่งที่ตั้งใจมาแล้วสำเร็จ สิ่งแรกคือมาตามหาดอกไม้สีชมพูอันทรงอิทธิพลที่สุดในฤดูหนาว และอีกสิ่งคือการพาครอบครัวมาเที่ยวพาปันมาเปิดมุมมองของโลกให้เค้าอีกนิด อยากบอกว่าหากคุณรักใครคนนั้นของคุณพาเค้าไปเที่ยว ไปเปิดโลกมันจะเยี่ยมยอดตรงที่มีเค้าและคุณอยู่ตรงนั้นด้วยกันครับ
ท้ายนี้เช่นเคยจนกว่าจะพบกันใหม่รีวิวหน้าจะไปไหนในโลกสีฟ้าแห่งนี้โปรดติดตามนะครับ
อ่อท้ายนี้อันเดตกันได้ไวขึ้นผ่านช่องทาง Fan Page one22.com ได้ที่นี่ครับจะได้สนิทกันเร็วขึ้นอีกนะ
1 Comments
Pingback: รีวิว รวมที่พักเชียงราย จากยอดดอยถึงกลางเมือง