อะแฮ่ม จั่วหัวว่า “จะไปฝรั่งเศส-อิตาลี 12 วัน รู้ยัง เค้าเตรียมอะไรกันบ้าง มะมาดู” ดูหล่อทีเดียวฮะว่าไหม ฮ่า ฮ่า
หลังจากรีๆรอๆมา2-3เดือน ว่าจะเขียนรีวิวทริปยุโรบครั้งแรกของตัวเองสักที
วันนี้ได้ฤกษ์แล้วฮะ อยากเริ่มกันที่เราเตรียมอะไรกันบ้างก่อนจะเดินทาง เผื่อคนที่เหมือนผมคือเป็นทาสโปรยุโรป (วันๆดูแต่เพจอาแป๊ะ ,ติดโปร,เพื่อนบอกโปร )ที่แข่งกันออกมามากมายช่วงนี้ได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลกันไปกว่า 12 ชั่วโมงเพื่อได้ไปยืนหล่อๆสวยๆถ่ายเซลฟี่กันที่ยุโรป
รีวิวนี้เป็นการทำจริง ทุกอย่างทำเองเพื่อให้ตัวเองเดินทางไปสำเร็จ เอาล่ะมาไล่ดูกันเลยว่าต้องเตรียมไรกันบ้างดีกว่านะฮะ เชิญๆ
สิ่งแรกจะไปยุโรป อะไรจะสำคัญเท่าตั๋วสิฮะ (พี่มาเกินฝันแล้วยุโรป 14,xxx บาทก็บินได้แล้ว)
สำหรับผมแล้วยุโรปเคยเป็นทริปในฝัน คือฝันจริงๆนะฮะ ไม่เคยคิดจะเป็นจริงได้เลย เพราะอย่างที่รู้ๆกันตั๋วเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ใครๆดูมันยากเหลือเกิน แต่ เมื่อสภาวะราคาน้ำมันโลกมันหมุนดิ่งมาลดราคา ทำให้บรรดาสายการบินต่างก็ลดราคาลงมาสู้กันสุดฤทธิ์ จากตั๋วโปร Multiple (คือไม่ใช่บินตรง แต่บินไปแวะเมืองแม่ของสายการบินนั้นๆก่อน แล้วต่อเครื่องลำอื่นบินต่อ) ทำราคาลงมาต่ำกว่า 20,000 บาทสำเร็จ ฝันผมก็กลายเป็นจริงไปโดยพลันเมื่อเจอ โปร Qatar Airways ทำราคา กัวลาลัมเปอร์-โดฮาห์-ปารีส และ ขากลับ มิลาน-กัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ ได้ในราคาไม่ถึง 13,xxx บาท โอ้วววว มือไม้ก็ลั่นกันไปสิฮะ สุดท้าย ผมก็สอยมาได้ และแน่นอนมันบินจากมาเลย์ฯ ก็ต้องมาหาตั๋วถูกจากกรุงเทพฯไปมาเลย์ สุดท้าย AirAsia ก็ออกโปรมาในราคาเที่ยวละไม่ถึง 1,500 บาท และนั้นทำให้ผมปิดจ๊อบที่ ยุโรปในฝันของผมแบบไป-กลับในราคาไม่ถึง 15,000 บาท!!! ขาดตัว โดยจองกันข้าม 6 เดือนทีเดียว หลังจากนั้น ชีวิตคนไทยน้อยๆคนนี้กับภรรยาก็นับวันรอกันทีเดียว (แอบเก็บลูกไว้บ้าน ทริปแรกขอ พ่อแม่ไปลุยกันเองก่อนนะ)
นี่คือโปรที่ผมสอยไปสุดท้ายพอรวมกับราคาบินจาก กรุงเทพฯ-เคแอล ก็ประมาณ 14,xxx บาทฮะ
สิ่งที่ผมอยากแนะนำสำหรับการหาราคาถูกนั้น ทุกวันนี้ง่ายมาก แค่คุณ Follow หรือภาษา Facebook คือ First look สามเพจนี้(ในอนาคตมีเพจที่ดีหรือมากว่านี้จะมาอับเดตกันนะฮะ)
1.arpae.com (https://www.facebook.com/ArPaeDotCom/)
2.เพื่อนบอกโปร(https://www.facebook.com/friendtellpro/)
3.ติดโปร(https://www.facebook.com/TidPromo)
ทั้งสามเพจนี้จะช่วยย่อยโปรดีๆจากทุกสายการบินทั่วโลกให้เราเรียกว่า ทุกวันที่เราเปิด facebook ขึ้นมากลไกลมันจะพาเราเจอทุกวันจนเบื่อเหมือนผมกันเลยฮะ เรียกว่าจากแรกๆตื่นเต้นตอนนี้เริ่มชิน แต่ไงก็ยังได้อยู่ดีเพราะมันช่วยเราหาราคาดีๆได้ตลอด อย่างตอนนี้ ผมว่าเราบินไปยุโรปได้ในราคาไม่ถึง 11,xxx บาทแล้วแบบ Multiple หรือไม่ถึง 25,xxx บาทแบบบินตรงจากการตามสามเพจดังนี้นั้นเอง
ที่พักแบบเข้าถึง “ยุโรป” คือเป้าหมาย
จบเรื่องตั๋วมาถึงเรื่องที่พักสำหรับทริปนี้ผมไปสองประเทศคือ ฝรั่งเศส กับ อิตาลี ทั้งสองประเทศนี้เป็นประเทศยอดนิยมอยู่แล้วการหาที่พักไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด แต่ๆ ถ้าจะให้ดีให้ตรงกับการเข้าถึงสองประเทศนี้อย่างจริงจังแล้ว การนอนโรงแรมสำหรับผมมันธรรมดาไป ผมเลยเลือกที่พักในแนวทางแบบ “ใกล้ชิด” แต่หาจองได้ง่ายโคตรๆ มาเชิญเลย
Airbnb
ผมเคยพูดถึงที่นี่ไปครั้งนึงแล้วจากรีวิว First Trip in Japan เพราะนั้นคือครั้งแรกที่มีโอกาสได้ลองใช้ และหลังจากครั้งนั้นผมก็ยังมีไปใช้บริการอีกเท่าที่โอกาสอำนวยส่วนใหญ่เป็นการใช้ในทริปนอกประเทศทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าในประเทศไม่ควรใช้นะฮะ แต่ในประเทศส่วนใหญ่ผมชอบรีสอร์ทมากกว่า
เอาว่าใครยังไม่รู้จัก Airbnb เชิญแวะไปอ่านแบบละเอียดๆที่นี่เลย ผมขอเล่าย่อๆว่า
ภาพ Host ครั้งแรกของ AIRBNB แบบ PRIVATE ที่ผมใช้ที่ osaka japan
การนอนกับ บ้าน Airbnb นั้นมี 3 แบบ คือ Private, Share, Entire Home หรือแปลกันง่ายๆ ห้องหรือบ้านส่วนตัว, ห้องแบบแชร์จากเจ้าของที่เค้าอยู่ด้วย,และบ้านแบบเหมาทั้งหลัง ซึ่งสำหรับทริปนี้เพื่อการรู้จักยุโรปจริงๆ ผมเลยเลือกการพักแบบแชร์ ซึ่งจริงๆเดิมอยากได้แบบ Private แต่ ดันจองแบบนี้ไป เลยได้ห้องพักแบบส่วนตัว แต่แชร์ส่วนอื่นๆของบ้านกันไปเช่น ห้องครัว ห้องน้ำ ไรแบบนี้ฮะ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เลือก พบว่าก็ประทับใจดีเพราะ Host เค้าดูแลเราดีมาก ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการพักของเราไปอีกแบบ ถ้าไปแบบครอบครัวจะเลือกเป็นแบบ Private ดูจะเหมาะสมกว่าฮะ
ข้อดีเลยคือ ผมเลยได้โอกาสพูดคุยสอบถาม Host ที่พักอยู่ด้วยเค้าก็แนะนำแบบคนในพื้นที่ให้เราได้เลย ถือเป็นการพักที่เข้าถึงยุโรปจริงๆ อย่างที่ใจอยากได้เลย สนุกไปอีกแบบ และสำหรับการจองที่พักกับ Airbnb ผมแนะนำให้เลือกจองจากlink นี้นะฮะ สำหรับใครที่ไม่เคยสมัครใช้งานมาก่อน จะได้ส่วนลดการจองครั้ง แรก700-800 บาททันที่ขึ้นอยู่กับค่าเงินในช่วงเวลาดังกล่าวฮะ
สามารถรับส่วนลดได้จากการสมัครผ่าน link นี้เลย www.airbnb.com/c/nonetwentytwo และหลังสมัครคุณก็สามารถส่งlink ตัวเองเพื่อรับส่วนลดต่อไปให้เพื่อนๆได้เช่นกันฮะ
Bed&Breakfast อาหารเช้าจัดเต็มจ้าาา
มาถึงการพักแบบนี้บ้างซึ่งเป็นที่นิยมมากในยุโรป และเกิดก่อน Airbnb ลักษณะของแบบนี้จะคล้ายๆกับ Airbnb เหมือนกันฮะ แต่ในแง่ของแบบ Private เพราะเค้าเอาบ้านเช่า อพาร์ทเม้นท์ มาแบ่งให้เราพักแต่มีอาหารเช้าให้แบบโรงแรม (บ้าน Airbnb ส่วนใหญ่ไม่มีอาหารเช้าตรงนี้เราต้องดูตอนจองฮะ) ซึ่งอาหารเช้าของที่พักแบบนี้บอกเลยว่าคุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายเพราะอาหารเช้าเค้าจะดูแลดีมาก ผมพักที่อิตาลีหลายๆเมืองอาหารบางที่เป็นบุฟเฟ่ต์โดยเฉพาะที่ ฟลอเร็น กับ ทัสคานี ผมนี่เลิฟทั้งสองที่มาก อันแรกเราได้ที่พักห่างจากสถานีรถไฟ 500 เมตรเดินถึงเลย และอาหารเช้าเค้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์
ส่วนที่ทัสคานี เราได้ที่พักแบบห้องพักกลางทิวเขาสวยงามและท่ามกลางความงดงามของปราสาทรายล้อม โอ้วมันคือที่พักในฝันทั้งสองที่เลยฮะ อยากแนะนำทั้งสองแบบมากกว่าการเลือกที่พักจากโรงแรมที่ต้องดูจาก ดาวที่ได้ทั่วไป อ่อ สำหรับการจองที่พักแบบนี้สามารถจองจากเว็บออนไลน์ทั้งหลายได้เลย ผมแนบมาให้เลือกแล้วสำหรับเว็บที่เป็นตัวเลือกจองทั้งหลายฮะ ด้านล่างนะเดี๋ยวทำ link ไว้ให้ฮะ
อ่อสำหรับที่ฝรั่งเศสผมจองนอนแบบ Budget/Business hotel ไปฮะ นั้นคือที่ Ibis ซึ่งก็ทั่วไปนั้นเอง แต่ข้อดีคือผมเลือกเอาที่ย่านใกล้รถเมล์ ใกล้สนามบินเพราะผมอยู่ฝรั่งเศสน้อยมากคือ 2 วัน 2 คืนเท่านั้นการเลือกที่พักจึงเลือกแบบใกล้แหล่งรวมการเดินทางที่สะดวก เพื่อประหยัดเวลานั้นเอง ซึ่งก็ยังคงใช้บริการจากเว็บจองที่พักทั้งหลาย ผมแนะนำให้เลือกเว็บจองที่พักจากที่ผมใส่ไว้ให้เพราะเหล่านี้จะมีดีหลายอย่างเช่น Booking.com สามารถ Cancel ได้ยังไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้านานๆ หรือ Expedia ที่สามารถใช้แต้มบัตรเครดิตหรือ สิทธิจากบัตรมาเป็นตัวลดราคาได้แบบนี้เป็นต้น
ดูราคาทั้งสองแบบนี้ได้ตาม link ฮะ
Booking.com—> http://goo.gl/CaKMkm
เน้นเฉพาะ Bed&Breakfast อย่างเดียว —> http://goo.gl/5QP3w6
Expedia —–> https://goo.gl/UcSCDk
หากใช้บัตรเครดิต ktc กรอกรหัสนี้ KTCEXP10 เลยครับ เวลาจอง
การสื่อสารสำคัญสุดๆยุคนี้
จั่วหัวแบบนี้จะเป็นไรไปได้ถ้าไม่ใช่เน็ต ยุคนี้แล้ว 4G ครองเมืองฮะ เรามีตัวเลือกหลากหลายมาก ทั้ง Wifi ทั้ง Sim Net หรือ Roaming ผมเองใช้ทั้งหมดเลยจากสองประเทศนี้ อย่างตอนไปถึงฝรั่งเศสผมค้นหาอยู่นานว่าจะใช้ Wifi ของอะไรสุดท้ายมาเจอ PACKAGE ของ Travelwifi ซึ่งสนนราคาไม่แพง เหมาะกับคนที่มาอยู่ในปารีส หรือจะไปทั่วฝรั่งเศสก็ยังไหว ผมดูราคาแล้วก็โออยู่ทั้งๆที่ตัวเองก็ Roaming Package ของ AIS แบบ เติมเงินไปด้วย ซึ่งมันเหมาะมากๆสำหรับการเดินทางไกล แต่ทั้งนี้ด้วยความอยากลองเปรียบเทียบเน็ตของประเทศเจริญๆเค้าดูเลยลองมา
ขอเปรียบเทียบข้อดีข้อต่างกันของการ Roaming AIS & Pocket WIFI ไว้ตามแต่ใจผมนะ อาจจะไม่ตรงกับ Lifestyle ของแต่ละคน ถือเป็นอีกความคิดเห็นไปฮะ ขอแยกเป็นกรณีๆไปดังนี้
Roaming Internet 4G
กรณีคุณต้องรับสาย โทรกลับ อันนี้ไม่มีทางเลือกใช้ Package roaming ในเครือข่ายของคุณไปได้เลย อย่างเคสผมใช้ AIS แต่เป็นแบบเติมเงิน ข้อดีที่สุดที่ผมเองก็พึ่งรู้ตอนจะเดินทางนี้ล่ะ ว่า มัน Roaming ได้นะแก๊ 55 โคตะระเชยมากก เชื่อไหมว่าผมคิดมาเสมอว่า ซิมแบบเติมเงิน มัน Roaming ไม่ได้!!!(ไม่รู้จริงๆสาบาน)
แต่สุดท้ายหลังจากเลือกไปซึ่งจริงๆก็ง่ายมากข้อดีที่สุดของการใช้ ซิมเติมเงินแบบ Roaming ได้คือ
ต่อให้คุณจะกังวลยังไงว่า เน็ตหรือค่าโทรคุณจะรั่วให้ตายแค่ไหน มันไม่มีวันเก็บหรือตัดเงินคุณเกินที่คุณเติมเข้าไปได้เลย …จริงมะหรือไม่จริง หืมมม
เพราะงั้นคุณสามารถเลือกเติมเป็นวันๆไปได้เลย ราคามันเหมาแบบรายวันให้แล้ว เคสผมเติมวันละ 1,000 บาท packkage ผมจะเป็น โซน C วันละ 499 บาท เท่ากับเฉลี่ยผมใช้ได้สองวันและผมก็ใช้มันแบบกดเติมเป็นวันต่อวัน มันหมดเมื่อไหร่เน็ตคุณก็ใช้ไม่ได้
แต่จากนั้นก็กดเติมเข้าไปก็ใช้ได้ปุ๊บเลย ครบรอบ ก็ค่อยเติมใหม่ ง่ายๆแบบนี้ละฮะ ส่วนเครือข่ายเค้าก็ส่งมาให้คุณเลือกใช้ทาง message ได้เลย อย่างฝรั่งเศสผมเลือกอยู่สองค่ายจากทั้งหมด 4 ค่ายคือ SFR กับ Orang และBouygues จากPOCKET WIFI และอีกค่ายคือ free mobiles ไม่ได้ลองใช้
พบว่าทั้งสองค่ายไม่ต่างกันมากนัก Orang จะใช้ดีเวลาลงไปในรถไฟใต้ดิน ส่วน SFR ก็มีติดๆดับๆบ้าง จากการใช้งาน 2 วันที่ต่างกัน และที่รู้สึกจริงๆเลยคือว่าความเร็วของบ้านเมืองเค้าไม่ได้เร็วกว่าบ้านเราเลยยย อย่างที่ผมคิดก่อนไป เอาจริงๆนะ ลองtest speednet ดูไม่ต่างกันเลยฮะ เผลอๆบางจุดก็ช้ากว่าเราอย่างรู้สึกได้
เพราะงั้นจงภูมิใจเถิดเน็ตบ้านเราไม่ได้น้อยหน้าประเทศที่เจริญแล้วเลยยยย เฟริมๆๆ
สำหรับใครที่สนใจ package Roaming AIS ผมทำ link ไว้ให้แล้วเข้าไปดูกันเอาเองนะฮะ เค้าแยกโซนไว้ให้แล้วเข้าใจง่าย http://goo.gl/JknW8H
แถมท้ายเป็นข้อเปรียบเทียบกรณีอยากรู้ว่าเครือข่ายของฝรั่งเศสเจ้าไหนเป็นยังไง เว็บ wiki ช่วยได้มากเข้าไปอ่านก่อนได้นะฮะ
กรณีผมนี้เป็นของฝรั่งเศส http://prepaid-data-sim-card.wikia.com/wiki/France
Pocket Wifi ดีจริงไหม
หน้าตา package ดูดีเชียวล่ะ แกะเปิดมาก็ประทับใจดีฮะ
อย่างที่บอกผมมีการจองใช้งานไป กับเว็บนี้ฮะ http://travel-wifi.com/ เป็นของฝรั่งเศสโดยตรง และใช้ได้แค่ในฝรั่งเศสเท่านั้น!
ผมเจอจากการค้นหาและอ่านรีวิวจากในพันทิบ ข้อดีของเจ้านี้เลยคือ เราสามารถรับที่สนามบิน หรือจะให้เค้าไปส่งที่โรงแรมที่เราพักก็ได้ทั้งคู่(มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมดูจากในเว็บเค้าเลยฮะ)และเวลาที่เราจะคืนก็ทำได้ไม่ยากใน Package ในภาพนี้เค้าจะให้ซองมาพร้อมเวลาส่งคืนเราแค่ไปหย่อนลงในตู้ไปรษณีย์ ที่น่ารักคือมีของแถมเป็นขนมและ poscard เก๋ๆด้วยนะ
เคสผมเดินทางจากฝรั่งเศสเข้าอิตาลีโดยสายการบิน จึงง่ายมากเพราะที่สนามบินมีตู้ไปรษณีย์ให้หย่อนอยู่แล้ว
แต่แปลกใจอยู่นิดหน่อยตรงที่ความจริงเค้ามีจุดรับส่งที่สนามบินหลักอยู่แล้ว ไหมไม่ให้เราคืนโดยตรงที่นั้นเลย อาจจะเป็นที่ผมเองไม่ได้รับเครื่องที่นั้นแต่เลือกใช้ให้เค้ามาส่งที่โรงแรมก็เป็นได้
หลังจากหาข้อมูลมาผมจึงทราบว่าเจ้านี้ใช้ซิมของค่าย Bouygues เป็นตัวส่งสัญญาน ผมพบว่าไม่ต่างกับค่าย SFR นัก แต่ที่ดีแน่ๆคือแบ็ตอึดใช้ได้ อยู่ได้ทั้งวันเหมือนกัน เน็ตใช้กับคุณภรรยาก็ใช้กันไม่หมดนะสนนราคาผมว่าไม่แพง กรณีไปกันหลายคนแชร์ก็คุ้มอยู่แต่เน็ตมันมีจำกัดต่อวันอยู่เหมือนกันฮะ ถ้าไปหลายๆคนแนะนำให้เช่าไป มากกว่า 1 เครื่อง หรือหากอยากใช้ไม่อั้น ผมว่า ROAMING ไปเลยจะคุ้มกว่า ผมพบกว่ากรณีผม Roaming ไปจากเครือข่าย ก็ใช้ได้ไม่อั้นอยู่นะ อับรูปกระจายฮะ
สรุปว่าถ้าคุณไปหลายๆวันการใช้ Pocket Wifi ดูจะคุ้มสุด แต่ถ้าคุณอยู่ไม่กี่วันแบบผมการ Roaming ก็ไม่เสียหายอะไร ยิ่งต้องรับสายโทรเข้าออกด้วยแล้วนะฮะ อ่ออีกนิดการใช้แบบเติมเงินก็เป็นตัวควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลายได้ดีแบไร้กังวลทั้งปวง
มาถึงการแลกเงินกันบ้าง
เรทล่าสุดวันที่ 21 กค 2016 หมาดๆ
แน่นอนสกุลเงินยุโรปจะเป็นอะไรไปได้นอกจากสกุลเงิน ยูโร (Euro) ตอนผมไปเรทจะอยู่ราวๆ 1ยูโรเท่ากับ 39-40 บาท ถือว่าเป็นเรทกลางๆไม่ดีไม่แย่ฮะ เพราะเคยมีที่ถูกกว่านี้ลงไป 2-3 บาท และเคยมีแพงกว่านี้ 3-5 บาทเช่นกันเพราะงั้นแลกไปเถอะถ้าคุณพกเงินไปราว 3-4 หมื่นบาทบวกลบไม่มาก (ซึ่งผมก็แลกไปประมาณนี้เลยสำหรับยุโรป12วัน แต่สุดท้ายเหลือกลับมาบ้าน หมื่นกว่าอ่ะนะ เพราะไม่ช้อปปิ้งใดๆเลยได้นาฬิกาน่ารักๆมาเรือนนึงมั้ง )แต่ถ้าตั้งใจจะไปช้อปฯกันจริงๆแลกเงินเกิน 50,000 บาท แนะนำให้เฝ้า เว็บเหล่านี้ Superrich หรือโหลดแอฟไว้เลยคอยดูวันไหนเงินลดให้รีบไปเลยครับ Superrich มี 2-3 เจ้าที่ใช้ชื่อคล้ายๆกัน
แต่จะมีต่อหน้าต่อท้ายไม่เหมือนกัน แต่ผมจะเรียกตามสีของโลโก้เค้ามากกว่าเช่น ซุปเปอร์ริชสีเขียว ,สีส้ม ,สีฟ้า เท่าที่ดูๆ2เจ้าแรกจะหาง่ายมากเดี๋ยวนี้จะเป็นตามห้างก็มีแล้ว หรือตามสถานี BTS ก็มีเช่นกัน เลือกเอาตามสะดวกได้เลย แต่ถ้าเจ้าสีฟ้ามีอยู่แค่ที่ตรงราชประสงค์ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ไปทาง ข้าวมันไก่ประตูน้ำเจ้าดังฮะ อยู่แถวๆตีนสะพานข้ามคลอง แสนแสบนั้นล่ะฮะ ทั้งสามเจ้าเรทไม่ต่างกันครับแลกได้เลย อ่ออย่าลืมเอาพาสปอร์ตไปด้วยเวลาแลกเงินนะฮะ สุดท้ายผมมีอีกเจ้าคือ สำหรับคนอยู่ในย่านจตุจักรสะพานควาย Linda excahage Money เจ้านี้ก็ดีฮะเรทไม่ต่างกันเลย และที่สำคัญคิวไม่ยาวด้วย ก็ลองเลือกตามอัธยาศัยได้เลย
การทำ Visa อิตาลียากเย็นสมตามคำร่ำลือจริงไหม
แน่นอนยุโรปจะเข้าบ้านเค้าการทำ Visa เป็นสิ่งจำเป็นและเท่าที่ผมศึกษาหาข้อมูลก่อนจะไปทำ จากประเทศทั้งสอง คือ ฝรั่งเศส-อิตาลี
สองประเทศนี้เวลาไปขอจะอยู่กันคนละที่เลย แนะนำให้เราเลือกประเทศที่อยู่นานกว่าเป็นที่หลักในการทำเรื่องขอวีซ่า แต่ๆๆ เอาจริงๆผมหาข้อมูลลึกไปอีกนั้นล่ะนะ ก็ไม่เสมอไปฮะ อย่างกรณีผม 12 วัน 10 คืน (1คืนใช้กับการนอนมาเลย์หนึ่งคืนและขากลับบนเครื่องบินอีกหนึ่งคืน) ทีแรกจะขอวีซ่าจากฝรั่งเศสแต่เพราะเคยได้ยินมาอย่างที่บอกไว้แต่ต้น ผมอยู่น้อยคืนเลยไม่ขอ แต่เลือกมาขอกับ อิตาลี และที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความเป๊ะของเอกสารมาก ซึ่งเอกสารที่ทางอิตาลีขอและเราต้องแปลมีดังนี้
เอกสารประกอบการพิจารณาการขอยื่นวีซ่าแบบ ท่องเที่ยว ไม่เกิน 90 วัน (ผมดึง link มาให้ด้วยจะได้สะดวกฮะ )
ใบตรวจสอบเอกสาร กดโหลด หรือดูจากภาพด้านล่างก็ได้ครับ จะได้เตรียมเอกสารกันถูก |
(ใบตัวนี้สำคัญมาก ไม่ print ไปพร้อมกันเอกสารวันนั้นจะไม่ได้รับการยื่นเลย ต้องกรอกด้วยลายมือ ดูจะสะดวกสุดฮะ)
เอกสารทุกอย่างผู้สมัครต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษทุกฉบับพร้อมกับแนบฉบับภาษาไทยด้วย
(จากหน้าเว็บนะครับตรงนี้ก็สำคัญอ่านกันด้วยนะ)
หมายเหตุ
- ผู้ที่ออกค่าใช่จ่ายให้จะต้องเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง สามีและภรรยาเท่านั้นและจะต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแสดงว่าเป็นบุคคลที่ออกค่าใช่จ่ายให้ทั้งหมดพร้อมทั้งถ่ายสำเนาทะเบียนบ้าน
- สำหรับผู้เยาว์อายุต่ำกว่า18ปีที่เดินทางคนเดียวหรือเดินทางกับบิดาหรือมารดาเพียงคนเดียว จำเป็นต้องยื่นหนังสือยินยอมจากบิดาหรือมารดาอีกคนที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยและจะต้องออกมาจากทางอำเภอเท่านั้น และถ้าผู้เยาว์ไม่ได้เดินทางพร้อมกับบิดามารดาเลย จะต้องทำจดหมายอธิบายว่าผู้เยาว์เดินทางไปพร้อมกับใคร จะต้องมีลายเซ็นจากบิดา มารดา เท่านั้น พร้อมทั้งสูติบัตร ทะเบียนบ้านและใบเปลี่ยนนามสกุล (ในกรณีที่มีการเปลี่ยนนามสกุล) พร้อมตัวจริง แปลเป็นภาษาอังกฤษ ในใบคำร้องขอวีซ่า ข้อ 37 จะต้องมีลายเซ็นต์ของบิดามารดา พร้อมทั้งถ่ายสำเนา หนังสือเดินทางของบิดามารดาด้วย ในกรณีที่บิดามารดาไม่มีหนังสือเดินทาง ผู้สมัครต้องเขียนหนังสืออธิบายพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนของบิดามารดาด้วย หากบิดาและมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว จะต้องมีหนังสือมรณะบัตร พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษ
- สำหรับผู้ยื่นที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางไทย จะต้องนำใบอนุญาตทำงานและวีซ่าเพื่อเดินทางกลับเข้าประทศอีกครง (Re-entry visa) มาแสดงด้วยและต้องมีอายุอย่างน้อย 2 เดือนหลังจากกลับเข้าประเทศไทย
- เอกสารทุกอย่างต้องแสดงล่าสุดไม่เกิน 1 เดือน นับจากวันที่สมัครคำร้องขอวีซ่า
- ในกรณีที่ผู้สมัครอยู่ด้วยกันโดยไม่จดทะเบียนจะต้องมีหนังสือชี้แจ้งให้ทางสถานทูตทราบและยื่นสำเนาทะเบียนบ้านและสูติบัตรในกรณีที่มีบุตร ให้ทางสถานทูตตรวจสอบด้วย
สถานทูตอิตาลีมีสิทธิ์ในการเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมได้เมื่อต้องการ
ข้อสังเกตที่สำคัญ : เรียนผู้สมัครที่จะวางแผนเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร (ประเทศอังกฤษ) และต้องการที่ประสงค์จะเข้าประเทศอังกฤษก่อน-หลัง หรือ เข้า-ออก ประเทศอังกฤษมากกว่าหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเข้าประเทศในกลุ่มเช้งเก้น ผู้สมัครจำเป็นจะต้องมีวีซ่าสหราชอาณาจักร (ประเทศอังกฤษ) ที่ถูกต้องก่อนที่จะส่งใบสมัครยื่นวีซ่าของประเทศอิตาลี
หน้าตาเว็บที่ให้รายละเอียดการทำเรื่องของวีซ่าอิตาลี ดูดีและน่าใช้งาน เสียดายไม่สามารถจองแบบบุ๊กเวลาได้
ผมแนะนำเบื้องต้นเลยว่าการขอวีซ่าอิตาลีทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่แนะนำให้ทำตามนั้นฮะ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์การยื่นขอวีซ่าอิตาลีได้โดยตรงที่นี่เลยฮะ
http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/
เพราะเค้าจะขอแน่ๆและต้องแปลเอกสารทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษด้วยถ้าทำตามนี้ทุกอย่างผ่านแน่ๆ ดูเหมือนยุ่งยากแต่ถ้าทำตามที่เค้าระบุไว้จะใช้อะไรบ้างก็จะมีปัญหาน้อย
หน้าตาเว็บจองการยื่นเอกสารของฝรั่งเศส tlscontact ดู Document มากๆฮะแต่ข้อมูลก็ครบถ้วนดี
ซึ่งต่างจากฝรั่งเศส เท่าที่หาข้อมูลมา ของฝรั่งเศสง่ายกว่ามาก ไม่ต้องแปลเอกสารใช้เอกสารภาษาไทยเรานี้ละก็ผ่านถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องเครดิตและเอกสารครบ ที่สำคัญการไปขอวีซ่าฝรั่งเศสใช้วิธีการจองออนไลน์ผ่านเว็บนี้เลย https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php
จองแล้วเราสามารถไปตามเวลานั้นๆได้เลย สะดวกสบายกว่าอิตาลีมาก ซึ่งไม่รับการจองออนไลน์แต่เลือกการ Walkin เข้าไปเลย ทั้งสองที่มีดีมีเสียกันคนละอย่างนะฮะ ผมสรุปคร่าวๆไว้ประมาณนี้ละ
ข้อดีการขอวีซ่าฝรั่งเศส
- สามารถจองเวลาได้ว่าเราจะไปยื่นเมื่อไหร่ และไปตามนั้นได้เลย สะดวกกับคนที่อยากบริหารเวลาเป๊ะ
- ต้องกรอกรายละเอียดการขอยื่นวีซ่าก่อนถึงจะไปตามวันนัดหมายที่ได้จองไว้ก็จะลดขั้นตอนไปกรอกเอกสารหน้างานได้
- เอกสารประกอปการยื่นขอวีซ่าเป็นภาษาไทยได้ไม่ต้องแปล สำหรับเอกสารทั้งหลายกดไปดูกันได้ตาม link ด้านบนฮะ
- หากคุณต้องการความรวดเร็ว และเหมือนมีไกด์ช่วยแนะนำกรณีกลัวว่าเราจะช้า ให้ใช้บริการ …จ่ายแพงหน่อยแต่เหมือนมีคนมาช่วยกรอกเอกสาร เตรียมเอกสาร คอยแนะนำทุกๆการทำแต่ละขั้นตอนทำใหรวดเร็วขึ้น
ข้อเสียบ้าง
- การจองนั้นละเพราะคนจองกันเยอะแต่ชอบลืมกรอกเอกสารที่เค้าแจ้งไว้นั้นแปลว่าคุณนัดยื่นแต่ขาดเอกสารครบถ้วนถูกตีตกต้องกลับไปเริ่มกันทีเดียว
- ถึงคุณจะใช้บริการข้อ 3 ด้านบนและจ่ายแพงขึ้นมากแต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้วีซ่าแน่ๆ บริการนี้เป็นเพียงเพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่เตรียมตัวมากนัก เช่นขาดนู้นนี่นั้น บวกกับความไม่ชำนาญในการกรอกเอกสารทำเรื่องขอวีซ่าเรียกง่ายๆแค่เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกเท่านั้น แปลว่าถ้าคุณขอไม่ผ่านเงินที่เสียไปก็จะหลายพันเลย แต่ถ้าเอาสะดวกและเร็วก็วิธีนี้ได้ประหยัดเวลาแต่เสียเงินหลักพันฮะ
ข้อดีการของวีซ่าอิตาลี
- คุณไม่ต้องจองนั้นแปลว่าพร้อมเมื่อไหร่ Walkin เข้าไปเลยไม่ต้องเสียเวลานัดหมายแต่อย่างใด
- หากเอกสารคุณครบถ้วนตามที่แจ้งไว้นั้นก็คือได้ยื่นแน่ๆแม้จะช้าหน่อยเพราะคนทำนั้นมีคนเดียวจากหลายๆเว็บหลายๆคน
- Call Center รู้จริงจึงทำให้การเดินทางรอบนี้ผ่านไม่ยากอย่างที่เคยได้ยินเปรียบเทียบมา
ข้อเสียกันล่ะ
- เพราะจากข้อดีข้อแรก ทำให้การเดินทางเพื่อไปขอวีซ่าต้องไปเช้ามากถึงมากที่สุด เช่นวันที่ผมไปขอเป็นวันอังคาร (คิดเองว่าวันจันทร์คนต้องมาเยอะแน่ๆ)ไปถึง 6.30 น. แต่ได้คิวที่ 70 กว่าๆแล้วฮะ ผมนี่ตกใจกันทีเดียว เลยถามเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว เค้าแจ้งว่าคิวแรกมากันตั้งแต่ ตี 5 จ้า เพราะงั้นคุณๆก่อนมายื่นเอกสารให้นอนแต่หัวค่ำนะจ๊ะ
- การทำงานค่อนข้างช้าเพราะศูนย์นี้ที่ vfsglobal เป็นศูนย์ใช้ยื่นขอวีซ่าหลายประเทศ เจ้าหน้าที่จึงไม่มาก เท่าที่สังเกตุดู ของอิตาลีนี่คนเยอะสุดแล้วอย่าง สเปน หรือประเทศไม่ฮิตเท่าจะมีไม่ถึง 2 counter เลย และอย่างที่บอกเค้ารันคิวไปเรื่อยๆ จึงรอนานมาก กว่าผมจะได้เข้าไปด้านในเพื่อนั่งรอยื่นเอกสารนั้นคือหลังบ่ายโมงไปแล้ว
- อย่างที่บอกเอกสารครบและแปลมาทุกอย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าขาดอะไรไปนั้นคือเจ้าหน้าที่จะรอไม่นานฮะ อย่างผมขาดสำเนาหนังสือรับรอง (ผมเอาแต่ตัวจริงมา) เลยมีเวลาให้ไม่เกิน 30 นาทีในการไปถ่ายเอกสารกลับมายื่นอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นเอกสารแบบที่ขาดการแปล นั้นแปลว่าคุณไม่ต้องยื่นแล้ววันนั้นกลับได้เลย เพราะคุณคงจะหาคนแปลเร็วๆวันนั้นไม่ได้แน่ๆ
- และหลังจากยื่นแล้วจะมีการสัมภาษณ์ นั่งรออีกนานมาก คำถามในการสัมภาษณ์ก็ไม่ได้ยุ่งยากมาก ถามเราเกี่ยวกับการเข้าไปกี่วัน ที่ไหน ไปกันกี่คนอะไรแบบนี้ละฮะไม่ได้ยากมาก (หรือผมเจอคนง่ายๆก็ไม่รู้) เท่าที่ถามเจ้าหน้าที่มาหากบัตรคิวรันเกิน 250 ไปแล้ววันนั้นกว่าคุณจะเสร็จก็นู้นเลย หลัง 5 โมงเย็นแน่นอนฮะ เพราะงั้นอย่าไปสายโดยเฉพาะหากไปเจอกรุ๊ปทัวร์ที่นัดลูกทัวร์มาทำเอกสารด้วยแล้ว ยิ่งแย่เพราะเค้าจะกันให้ลูกทัวร์เค้าได้ยื่นก่อน (อันนี้เจอกับตัวมาแล้ว) เพราะงั้นไปเร็ว ยื่นเร็วได้เปรียบ เพราะทัวร์แบบนี้ลูกทัวร์ไม่ค่อยจะตรงเวลากันหากเค้าไม่ครบเค้าก็จะยื่นไม่ได้ ยังไงไปเร็วๆครับ
สรุปนะฮะ หากเรามีเอกสารที่ต้องการครบไม่น่ามีปัญหาในการยื่นแน่ๆ และหลังจากยื่นเราก็นั่งรอได้เลยเค้าจะมีจม.ส่งมาให้เราถึงบ้านหรือไม่ก็นัดหมายให้ไปรับได้ทั้งนี้มีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากันนะเอาสะดวกเลย
มาถึงประกันภัยสิฮะไม่มีไม่ให้เข้า และผมมีประสบการณ์ใช้จริงด้วย (ตามอ่านกันดู)
ประกันภัยเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการเข้าไปเที่ยวในยุโรปเพราะเค้าบังคับให้เราทำโดยที่มีการระบุวงเงินคุ้มครองไว้ต้องไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท สำหรับผมบริษัทที่เค้าระบุมาว่ามีที่ไหนบ้างเราก็เลือกจากบริษัทเหล่านั้นได้เลย สุดท้ายหลังจากเลือกไปมาผมมาจบที่ MSIG Insurance
หลังพินิจพิเคราะห์แล้วคำนวนทุกอย่างทั้งผลตอบแทน โดยรวมทุกอย่าง ถือว่าคุ้มค่าฮะเพราะ 12 วันเราเสียไปแค่ 955 บาท อ่อจริงๆตอนซื้อมีติดปลายนวมเป็นบัตร Starbuck ด้วยอ่ะนะโปรมันร่วมพอดี ผมเลือกแบบ Easy 3 ตามภาพก็จะได้ความคุ้มครองโดยรวมถือว่าเพียงพอแล้วและเข้าเกรณทุกอย่างแต่ๆๆ หลังจากซื้อไปแล้วผมก็มีประสบการณ์ได้ใช้จริงๆด้วยอย่างที่จั่วหัวไว้ ถ้ารู้ว่าจะมีเหตุผมจะขยับขึ้นมาอีกสักแผนทันทีเพราะไงก็ได้มากกว่าเสียเห็นๆ มาดูกันดีกว่าเพราะอะไร
ระหว่างที่ผมเดินทางอยู่ในอิตาลีและเป็นวันแรกที่มาถึงโรม เมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามและ ในความสวยงามนี้มีอีกอย่างที่ขึ้นชื่อตั้งแต่ก่อนเดินทางผมก็ทราบดีนั้นคือ “ขโมย” ฮะ จริงๆจะว่าไปแล้วทุกๆหัวเมืองในยุโรปจะฝรั่งเศสหรืออิตาลี และประเทศอื่นๆในแถบนี้ขึ้นชื่อลือชา แต่ขนาดว่าเราระวังแล้วก็ยังมีพลาด เหตุเพราะ ระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่ในละแวกมหาวิหารวาติกัน และคุณภรรยาก็หวังดีช่วยผม เพราะเห็นผมเก้ๆกังๆสาระวนถ่ายรูปไปมาพร้อมกับแบกกระเป๋ากล้องและกระเป๋าใส่เงินซึ่งผมเอาไว้ด้านหน้า ของตัวเอง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ปลอดภัยแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะความหวังดี ผมเลยให้เทอไปถือ และจังหวะที่เรากำลังถ่ายรูปกัน และเธอก็คงจะถ่ายรูปไปเพลินๆ จนถึงเวลากลับระหว่างเดินกันกลับเพื่อมุ่งไปยังรถไฟใต้ดิน
อยู่ๆเธอก็หันมาบอกว่าผมเก็บกระเป๋าเงินไว้ไหน ..
เท่านั้นล่ะฮะ หันกลับไปดูกระเป๋าถือแบบสะพายของผม ซึ่งคัดมาแล้วอย่างดีว่าปลอดภัยเพราะตัวเองถ้าสะพายจะไว้ด้านหน้าชิดติดลำตัว มันเผยอออกตรงซิบ และแน่นอน กระเป๋าสตังค์ผมได้อันตธานหายไปเรียบร้อยโรงเรียนวาติกัน เราเจอเข้าแล้ว!!!
หลังจากมึนกันได้ที่เราทั้งคู่พยายามตั้งสติทบทวนก็แน่ใจว่าเป็นช่วงเธออยู่ในระหว่างก้มๆเงยๆถ่ายภาพแล้วพวกนี้จะมาประชิดตัว มือเบามากๆเปิดโดยการรูดซิปแล้วแอบหยิบไปซึ่งเดชะบุญที่มันไม่หยิบเอาพาสปอรต์ผมไปด้วยไม่งั้นทริปนี้ผมไม่ต้องไปไหนต่อแล้ว
และหลังจากนั้นผม post เรื่องราวของเราลงใน เฟส มีเพื่อนแนะนำให้รีบไปแจ้งความไว้ก่อนไม่ให้เกิน 24 ชม. เพื่อจะได้กลับมาเคลมประกันภัยไว้ได้ ผมก็ไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในเช้าวันถัดมา และทริปของเราก็ดำเนินไปปรกติ จนกลับมาเมืองไทย
หลังจากกลับถึงไทยผมโทรเข้าไปเพื่อแจ้งความจำนงค์มนการเคลม ตามที่เข้าใจว่าน่าจะได้ แต่สุดท้าย หลังจากเจ้าหน้าที่ปรึกษากัน และโทรกลับมาแจ้งผลให้ทราบว่าตัวประกันที่ผมทำไปมันไม่เข้าเกณฑ์อยู่ 2 ข้อคือ ข้อแรกกระเป๋าที่ผมใช้ไม่ถือเป็นกระเป๋าเดินทาง (ถือเป็นกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าสตางค์ที่ใส่เงินไม่นับ)จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ข้อที่ 8 ที่ระบุไว้ว่าต้องเป็นกระเป๋าเดินทางและทรัพย์สินในกระเป๋าเท่านั้น และไล่มาดูที่ข้อ 13 ตรงนี้อาจจะเข้าข่ายแต่ประกันที่ผมซื้อไปมันไม่คุ้มครอง!!
อัยยะ พลาดด คือคำแรกที่เรานึกขึ้นได้ ถ้าผมขยับซื้อเป็นแผน easy 2 หรือ easy 1 ข้อนี้จะเข้าเกณฑ์ทันทีฮะ
และนับๆดูเงินที่หายไปไม่ถึง 3000 บาท เพราะผมระมัดระวังการใช้จ่ายแต่ละวันและป้องกันการหายไว้แต่แรก ทำให้ผมแยกเงินเก็บไว้หลายจุด ทำให้ในกระเป๋าเงินวันนั้นผมหยิบใช้ไปแล้วบ้าง เงินจึงเหลือไม่มากถ้าซื้อประกันครอบคลุมไว้ก็เท่ากับว่าผมไม่หายและได้เงินคืนเกินคุ้มด้วยซ้ำไป
บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่าให้เราศึกษาคู่มือประกันภัยให้ดี และถ้าจะว่ากันจริงๆของ MSIG ก็ไมไ่ด้แพง แต่ด้วยความงกอะนะทำให้เราเอาแค่ครอบคลุมวงเงินตามที่ VISA ระบุไว้เท่านั้น
และข้อสุดท้ายขอเตือนจากใจเลยฮะ
ยุโรบสวยงาม แต่ความปลอดภัยของเราต้องมาก่อน
เพราะคนในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงเค้า คนยากจนเข้ามาหากิน และหน้าตาเอเชียอย่างเราๆนี่ล่ะกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะที่ผมเห็นพวกทัวร์จีนนี่ตัวดีเลย กลุ่มใหญ่มากเป็นเป้าให้พวกนี้หากินได้ง่าย และตำรวจประเทศนี้ก็กำลังน้อยมากจะไล่ตามจับ หรือว่าจริงๆไม่สนใจจะจับก็ว่าได้ และก็กระจายตัวอยู่ตามเมืองดังๆทั้ง ฟลอเร็นซ์ มิลาน เวนิช และอีกมากมายในประเทศยอดนิยมเหล่านี้ เพราะวีซ่าไม่ต้องมีนั่งรถไฟข้ามไปกลับได้เลย (คุ้นๆไหมแถวๆนี้ก็ไม่ช้าไม่นานก็คงไม่ต่างนะ )
ทำให้หลากสายชาติพันธ์ที่มาหากินได้ง่าย
เพราะงั้นเราต้องระมัดระวังให้มากไว้ฮะ
อย่าเผลอเป็นอันขาด งานนี้คนเสียใจคือเรา…
เพราะเงินในกระเป๋าใบนั้นที่ภรรยาทำหายไปคือเงินโผมมมมม เฮ่อออออ
จบแล้วสำหรับบทแรกสำหรับการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง ท้ายนี้หวังว่าจะช่วยให้ใครที่กำลังเล็งโปรดีๆทั้งหลายจากสายการบินที่ทยอยแข่งกันออกโปรมาไม่เว้นแต่ละวันน่าจะมีประโยชน์กันบ้างไม่มากก็น้อยนะฮะ สำหรับตอนหน้าจะพาไปชมที่พักตลอดทริปแบบสั้นๆกันบ้าง ห้ามพลาดเลย แม้จะเป็นทริปแรกของเราแต่การค้นหาข้อมูลแน่นนมากก 555 เพระหาอยู่นานทีเดียวโปรดติดตามนะ