รีวิว No.1 กับ Section ใหม่ รีวิวสายการบิน Nokscoot และ Scoot พศนี้ (2560)เป็นไงบ้างมาดูกัน ผมตั้งใจอยากเปิดSection นี้มาพักใหญ่ๆแล้วฮะกับ รีวิวสายการบิน
เอาจริงๆบ้านนี้ปรกติบินบ่อยและบินถี่มาก เลยอยากเปิด Section นี้เข้ามาใน #one22family #แค่อยากพารู้จักโลกกว้าง ขึ้นมาอีกหนึ่ง Section และสายการบิน Scoot ก็เป็นสายการบินออกนอกประเทศครั้งแรกของผมเลยจัดเลย ทริปนี้บินไปญี่ปุ่นครั้งแรกของปีนี้ มาดูกันนะว่าสายการบินที่เป็นการรวมกันของไทย-สิงคโปร์ ในพศ.นี้เป็นยังไงกันบ้าง
เนื่องจากมันเป็นรีวิวสายการบินครั้งแรกอาจจะตกๆหล่นๆประเด็นอะไรไปบ้างโปรดบอกกันหากอยากรู้ MENT ไว้ใต้รีวิวเลยจะยินดีตอบอย่างยิ่ง เอาล่ะมาเริ่มกันตั้งแต่ก่อนบินเถอะ
จองตั๋วยังไงให้ถูก
วิธีสอยโปรถูกๆของสายการบินนี้เอาจริงๆมันไม่ยากเลยฮะ หากคุณเป็นคนที่ใช้ Facebook อยู่แล้วอยากแนะนำให้ไป like เพจโปรฯทั้งหลายๆเช่น arpae.comเพื่อนบอกโปร,ติดโปร,Chang Trixget ฯ ประมาณนี้ไว้แล้ววันๆไม่ต้องทำอะไรเมื่อไหร่ เพจเหล่านี้ post โปรออกมาก็สอยได้เลย ส่วนใหญ่โปรจะมาก่อนเราบินโดยประมาณคือ 3 เดือน อันเป็น Cycle ที่เมื่อก่อนถือว่าด่วนแล้ว แต่ปัจจุบันด้วยการที่เรานิยมบิน Lowcost กันหนักมากทำให้สงครามราคาออกโปรกันทุกอาทิตย์!!! ไปแล้ว นอกจากปล่อยโปรใหญ่ๆระดับ 3-4 เดือนที่จะลดหนักมากกว่าและมักจะให้บินล่วงหน้าเกิน 4-6 เดือนด้วยเช่นกัน ผมเคยเจอราคาสมัยออกโปรแรกๆแบบจองล่วงหน้า 6 เดือน ราคาทุกอย่างรวมโหลดของใต้ท้องเครื่องจบ ที่ 3,990 บาท มาแล้วซึ่งถือเป็นราคาที่สวยงามมาก นานๆจะเจอกันทีหากเจอราคานี้เมื่อไหร่อีกครั้งสอยเลยฮะ อย่าลังเล บินไปกลับ ไม่ถึง 8,000 บาท ถือว่านั่ง Dreamline 3 แถวชิลๆไปนะ
ปรกติทาง Nokscoot จะมีโปรประจำสัปดาห์อยู่แล้วคือโปร Friday Fever และก็เห็นจะรวมกับ NOKAIR ในประเทศไปด้วยบางครั้ง และก็จะออกกันตั้งแต่หลังเที่ยงคืน เช้าวันศุกร์ เพราะงั้นสามารถเปิดเว็บหรือ เพจของเค้ารอจองได้เลย ราคาส่วนใหญ่มาญี่ปุ่นแบบ หิ้วกระเป๋าขึ้นเครื่องฯ ไม่มีโหลดของจะเปิดอยู่ราวๆ 3,xxx-4,xxx บาท/เที่ยว แต่ถ้าไปโดน เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดพิเศษจะบางครั้งจะพาราคาไปเริ่ม แถวๆ 4,xxxx-6,xxx บาท/เที่ยว แทน นอกจากนั้นการจองล่วงหน้านานๆก็มีผลด้วยเช่นกัน หากเราเป็นคนวางแผนเที่ยวได้ยาวๆเกิน 4 เดือนได้แนะนำให้จองเนิ่นๆ เหอะประหยัดกว่า
กรณีต้องโหลดสัมภาระกับโปรวันศุกร์ มันจะจบที่ระดับ 4,xxx-6,xxx บาท/เที่ยวขึ้นอยู่กับวันเวลาที่เราบินนั้นเอง และอย่างที่รู้ๆกันเมื่อเป็น Low cost การจองที่นั่ง,อาหาร,เพิ่มสัมภาระ หรืออีกจิปาถะเราต้องหาซื้อเอาเอง ส่วนตัวถ้าบินคนเดียวหากไม่โหลดกระเป๋าแล้วจะไม่ซื้อไรเพิ่มนอกจาก อาหารเพราะบินนานๆระดับ 4+ ชั่วโมงมันหิวนะเออ
ตำนาน NokScoot
เนื่องจาก Scoot ถือเป็นบริษัทพ่อและ NokAir ถือเป็นแม่ ที่คลอด Nokscoot ออกมาแต่ด้วยปัญหาจากกรมการบินฯ ทำเอาไว้ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนสะสมมา ทำให้อยางที่หลายๆคนทราบว่าเราไม่สามารถเพิ่มทั้งเที่ยวบิน และเครื่องบินไปลงที่ญี่ปุ่นได้เลยมาตั้งแต่ปี 2558 แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้น ปีนั้นเป็นปีที่สายการบิน Nokscoot เกิดและยังบินได้ไม่เยอะเที่ยวนัก มีเครื่องลงจีน อย่างเดียวทำให้เค้าจึงทำได้เพียงดึง เครื่องจากพ่อ Scoot มาบริการในไทยและให้ operation ภาคพื้นดินโดย Nokscoot ไปแทน แต่ทั้งแอร์ เครื่องบิน กับตัน จึงเป็นต่างชาติทั้งหมด (สังเกตจะเป็นสิงคโปร์-มาเลย์ฯนั้นล่ะ)
เพราะฉะนั้นการบริการบนเครื่องจึงต้องยกให้เป็นทาง พ่อ Scoot ดูแลไปทั้งหมด ปัจจุบันนี้ Nokscoot มีบินไปอยู่ ประเทศหลัก
คือ JAPAN(ของ Scoot), TAIWAN,CHINA และดูๆแล้วก็จะขยายไปทางจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย เพราะงั้นพยากรณ์ไว้ก่อนเลยว่า ปี 2560 จะยังคงเป็นการขยายตัวไปทาง จีนเพิ่มขึ้นและเท่าที่สังเกตุดูจะมักเป็นเมืองแปลกๆ เน้นไปทางให้นักธุรกิจบินไปมากันซะมาก แต่ข้อดีเมืองเหล่านี้เราจะได้ราคาไม่แพง และหากใครอยากลองเส้นทางแปลกๆของจีนเมืองที่เราอาจจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อครั้งแรก สายการบินนี้ก็มีให้เยอะเลย
บริการบนเครื่องและอาหารล่ะ
มาถึงบริการบนเครื่องบ้าง เนื่องจาก Scoot หยิบเครื่อง Size ไม่เล็กเลยอย่าง Boeing 787 DREAMLINER มาบริการทำให้ความน่าสนใจอยู่ตรงนี้ ทำไมนะเหรอ หากคุณเคยบิน Lowcost มาบ้างจะเห็นว่าเครื่องที่มักให้บริการกันเป็นส่วนใหญ่จะเป็นเครื่อง Airbud 330 กันซะมาก และหากเราต้องบินกันนานระดับ 4+ ชั่วโมงต่อเที่ยว การนั่งเครื่องเล็กๆบางครั้งก็ทำให้อึดอัดได้ อย่างตอนที่ผมบินไปญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ผมบินด้วยสายการบิน Jet Star ไปลง ฟูกุโอกะ (ปัจจุบันยกเลิกเที่ยวบินนี้ไปแล้ว )หนนั้นบินข้ามคืนด้วย โดยบินจาก สุวรรณภูมิ ไปลง ฟูกุโอกะ ใช้เวลาราวๆ 5 ชั่วโมงเศษ เรานั่งกัน พ่อแม่ลูก พบว่าเมื่อยมากเพราะเราตัวใหญ่ไงและก็ทำแถวเรียงกันชิดมากตามประสา Lowcost ก็ทำให้เมื่อยมากตามไปด้วย แม้ราคาจะดีแต่อยากแนะนำว่าหากบินกันเป็นครอบครัว การเลือกที่นั่งและเพิ่มเงินขึ้นมาอีกสักหน่อยจะช่วยให้ชีวิตการนอนบนเครื่องแบบข้ามคืนพบสุขกว่าเยอะฮะ
เครื่องของScoot จะแบ่งออกเป็น 3 แถวในแบบ 3-3-3 ทำให้การนั่งเครื่องแลดูกว้างมากขึ้นช่วยให้สายตาเรามองแล้วไม่อึดอัด
สำหรับช่วงของการนั่ง ขาเว้นต่อแถวก็จะประมาณในภาพนี้ฮะ เอาจริงๆมันก็ไม่ต่างกันมากแต่ในแง่การมองแล้วถือว่ามีผลกับใจมาก หาไปเจอบินแบบ 3-4-2 อันนี้จะอึดอัดกว่า หรือเจอแบบ 2 แถวกับเครื่อง size เล็กจะรู้สึกได้เลย เพราะงั้นตรงนี้ขอยกให้เป็นความดีของเครื่องไป
สำหรับชั้นธุรกิจ จะแยกอยู่โซนหน้าและเหมาะกับคนที่ต้องการความเงียบเพื่อการพักผ่อนที่ดีระดับนึง อ่อ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ลูกเล็ก โซนนี้ไม่สามารถพาเด็กเล็กๆไปนั่งได้นะฮะ เป็นกติกาส่วนใหญ่ของสายการบินที่เพิ่มโซนแบบนี้ขึ้นมา
มาดูอาหารบ้าง การสั่งอาหารจะต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 48 ชม.และหากตอนโปรออกแล้วกำลังจองสามารถจองข้ามอาหารไปก่อนค่อยมาซื้อเพิ่มที่หลักก็ได้นะ เวลาโปรมันมาเราจะรัวๆๆๆ กดจองอยู่เด่วราคาเคลื่อนจะอดซะเปล่าๆ อ่อรวมถึงบริการเสริมทุกชนิดด้วยนะ
สำหรับอาหารเท่าที่ดูเน้นเป็นไก่เนื้อ สำหรับอาหารจานหลัก แต่พอเป็นอาหารว่างจะมี หมูให้เลือกได้เป็นครัวซองค์หรือแซนวิช ฯ
อ่อนิดนึงหากอยากทานน้ำแนะนำให้ซื้อน้ำขึ้นไปหลังผ่าน ด่านตรวจเข้ามาใน GATE จะดีกว่านะ (จริงๆทุกสายการบินเค้าก็ประกาศบนเครื่องล่ะว่าอย่านำน้ำขึ้นมาบนเครื่องแต่เอาจริงๆนะราคาน้ำบนเครื่องแพงกว่าข้างล่างพอควรและเคยพกขึ้นไปทางสายการบินก็เข้าใจนะไม่ว่าอะไร แต่อย่าแบบเอาไประดับอาบกันบนเครื่องเลยเหอะ คนละขวดพอและกับเด็กๆเค้าก็ไม่ห้ามแต่อย่างใดเอาใส่กระติกน้ำขึ้นไปได้จ๊ะ แม่ปันทำบ่อยเพราะปัญหาการ Take off กับเด็กๆเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ให้เค้าเคี้ยวหรือ กินน้ำระหว่างเครื่องขึ้นบินจะช่วยลดปัญหาโยเยได้อย่างดี) เพราะหนนี้ซื้อน้ำบนเครื่องเจอ คุณ EVIAN จัดไป 4 S$ สิงคโปร์เข้าไประดับราคาอยู่ที่ 140 บาทกันทีเดียวหรือไม่คือก็เข้าใจนะแต่ก็ถอนหายใจกันระดับนึงละจ๊ะ ให้ดีแนะนำให้สั่งเป็นชุด Set แบบในภาพเลือกอาหารได้จะมีขนมช็อคโกแลตเพิ่มมาให้ด้วยนอกจากอาหารและน้ำนะ
เพราะงั้นชุดนี้คุ้มกว่าสามารถสั่งจากหน้าเว็บได้เลย สำหรับรสชาติส่วนตัวผมลองสั่ง Nasi Lemak with Chicken and Fish Tofu มาลอง พร้อมกันในเซ็ทราคารวม น้ำชามะลิและช็อคโกแล็ตตกที่ 15 S$ ก็คุ้มกว่านะ รสชาติโอเคนะ ทานได้ไว้บินใหม่จะมาอับเดตอาหารอื่นๆให้นะฮะ
การเลือกที่นั่งบนเครื่องโดยเฉพาะเส้นทางโตเกียว
มาถึงการเลือกที่นั่งบ้าง ผมเคยนั่งเครื่อง Scoot มาญี่ปุ่นสองครั้ง ครั้งแรกบินลงโตเกียว และหนนี้ที่เขียนถึงมาลง โอซาก้า นับว่าความรู้สึกไม่มีอะไรต่างกันนะ แต่อยากแนะนำเคล็ดลับเล็กน้อยสำหรับใครที่บินไปโตเกียว และอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิ หากบินเวลากลางวันชัดๆ ให้นั่งข้างซ้ายสำหรับขาไปจาก กรุงเทพฯ ชิดติดหน้าต่างไว้เลย และนั่งขากลับฝั่งขวาเช่นกัน เท่านี้ก็จะเห็นฟูจิซังแจ่มๆให้เก็บภาพกันได้แล้วส่วนใหญ่กับตันจะประกาศให้ทราบเมือเครื่องอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้จะถึงให้ผู้โดยสารแชะกันได้ ส่วนสำหรับโอซาก้าไม่มีประเด็นนี้เพราะบินไม่ถึงนะจ๊ะนั่งซ้ายหรือขวาเลือกเอาตามสะดวกได้เลย อย่างรอบนี้ผมเลือกนั่งแถวสุดท้าย (40,41)จะเป็นแบบคู่คือ สองที่นั่งเท่านั้น ข้อดีคือหากคุณไปเป็นคู่นั่งกันตรงนี้กระหนุงกระหนิงพิงกันน่าร๊ากกก ไม่เป็นไรหรอก
แต่ถ้าคุณเลือกนั่งแถวหลังสุด 41 C,A สำหรับปีกซ้าย 41 K,H สำหรับ ปีกขวา คุณอาจจะเอนหลังได้เล็กน้อยเพราะมันไปติดตรง ผนังกันประตูฉุกเฉินด้านหลังพอดี (เค้าปรับให้เบาะเอนไม่ชนผนังนั้นเอง)หากเป็นคนนอนยากหรือ คนแก่ไม่อยากแนะนำให้พยายามเลือกเป็นแถว 40 จะดีขึ้นเพราะเอนได้เต็มๆกว่า(เป็นความอึดอัดคนหลังไปหากเอนเต็มๆมันก็ชิดระดับนึงล่ะนะ) หรือหากเป็นคนไม่ยึดติดว่าจะต้องนั่งติดหน้าต่างจริงๆ การเลือกที่นั่งตรงกลางซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยชอบแต่เอนหลังเต็มที่และไม่มีปัญหาเรื่องเอนไปบังคนหลังเลยอย่างแถว 42 F,E,D ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ ข้อดีสำคัญที่แนะนำกับเครื่อง Dreamline นี้คือห้องน้ำจะไม่ตรงกับเก้าอี้ผู้โดยสารเพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าหากเป็นการบินกลางคืนจะรำคาญนะ เสียงหรือกลิ่นใดๆไม่มาถึงหรอก อ่อ แต่ถ้าเป็นการซื้อที่นั่ง 2 แถวดังกล่าวนี้ ราคาก็จะแพงขึ้นกว่าแบบ 3 แถวทั่วไปอยู่ 150 บาท เพราะแถวปรกติแบบ 3 แถวจะอยู่ที่ 300 บาท แต่ถ้าไปเลือกเป็นแถวแรก ชิดประตูทางออกที่สามารถยืดขาได้ ราคาพาตัวเองไปที่ 1790 บาทเลยทีเดียวอันนี้ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ละฮะเลือกได้เลย
แต่ถ้าอยากไปโซนหน้าๆเครื่องก่อนถึงปีกก็เป็น Business Class ไปเลยดีกว่าผมว่สบายๆกว่าเยอะเลย
ห้องน้ำบนเครื่องล่ะโอไหม
ส่วนตัวเป็นคนชอบสังเกตุเรื่องนี้และมักจะขอเข้าห้องน้ำก่อนเสมอเมื่อสัญญานรัดเข็มขัดปิดลงจะเดินไปเข้าเลย พบว่าหนนี้ประทับใจมากอย่างนึงกับเครื่องนี้แม้สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามคือปรกติผู้ชายทั่วๆไปจะยกฝาชักโครกขึ้นแต่ส่วนใหญ่เราๆก็มักจะระแวงกันเรื่องความสะอาดใช่ไหม ถึงขนาดบางคนต้องเอาทิชชูมาจับฝานั่งขึ้นไม่ใช่มือกันเลย ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก แต่กับสายการบินนี้มีสิ่งนึงทีบริเวณขอบฝาครอบยื่นออกมาจ้า เค้าทำเป็นปีกยื่นออกมานิดนึงทั้งฝาครอบและฝานั่งเหมือนรู้ใจกันจริงๆอันนี้ประทับใจมากกกที่สุดแล้วของการนั่งเครื่องมาไม่รู้คนอื่นว่าไงส่วนตัวเราชอบจริงๆส่วนที่เหลือเรื่องขนาดหรือเรื่องอุปกรณ์ในห้องน้ำก็มาตรฐานทั่วไปนั้นล่ะ มีที่แขวนเสื้อในห้องน้ำปรกติจ๊ะ
รวมๆยกให้เป็นสายการบินที่แสนดี๊ดี เรื่องห้องน้ำที่รู้ใจไปเลยละฮะ 555
มาถึงเรื่อง Over Bookingกับเครื่อง Delay กันบ้าง พศ.นี้เป็นยังไงบ้าง
สำหรับเรื่องนี้ขอออกตัวก่อนมันเป็นเรื่องนานาจิตตังระดับนึงเลยเพราะส่วนตัวแล้วบินกับทั้ง NokAir และ Nokscoot มาแล้วยังไม่เคยเจอ ขอเอาประสบการณ์ล่าสุดที่บินวันที่ 22 มค. 2560 มาเล่าแล้วกันนะ
ผมบินเที่ยวบิน TZ298 ออกจาก Donmuang ตอน 9.45 น. ถึง Kansai Airport 14.00 น. มาถึงเช้ามากกก เพราะได้ยินกิตติศักดิ์เรื่องนี้มาตั้งแต่ปีก่อนเลยระวังตัวไว้ก่อน มาเข้าคิวตอน 6.40 น. ใช้เวลาจนเจ้าหน้าที่ออกตั๋วให้พิมพ์ลงใน Boarding Pass 6.54 น. พบว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และตอนจองก็เลือกจองเฉพาะกระเป๋าเพิ่มเท่านั้น ตรงที่นั่งมาลุ้นเอาที่ตอน Check In และถามเจ้าหน้าที่ว่ามีที่เหลือไหมสุดท้ายก็ได้ที่นั่งแบบ 2 แถวแต่ว่างเฉพาะ แถว 41 นั้นล่ะเลยได้ลองนั่งยาวๆมาจนเขียนกันนี่้ล่ะ
ส่วนตัวคิดว่าสายการบินได้ปรับปรุงเรื่องนี้จนออกมาโอเคแล้ว ตลอดทริปไม่มีปัญหาเรื่องใดๆ จองมาและจองกลับปรกติดี แถมขามายังมาถึงก่อนเวลา 10 นาทีด้วยซ้ำ และอีกครั้งตอนขากลับ ไฟล์ท TZ297 ตามเวลาออกจากสนามบิน Kansai International Airport ตอน 17.55 น. ต้องมาถึง 22.40 น. แต่เอาจริงคือมาถึงตอน 22.00 น. เร็วขึ้น 40 นาทีอย่างไม่น่าเชื่ออันนี้ขอชมจากใจกันทีเดียว เพราะอย่าลืมว่าการมาถึงของเครื่องต้องบวกเวลาผ่านตม.หยิบกระเป๋าที่โหลดมาทุกอย่างมันต้องใช้เวลาเพราะงั้นทำให้ผมได้ออกจากสนามบินจริงๆคือ 22.40 น.ซึ่งมันดีต่อใจมากๆเลยฮะ เพราะงั้นคิดว่าควรปล่อยวางเรื่องราวครั้งก่อนไปได้แล้วนะ ทุกๆสายการบินก็คงไม่อยากทำให้ผู้โดยสารเคือง หรือโกรธจนกลายเป็นบอกต่อๆกันไปแน่ๆ
เคล็ดไม่ลับสำหรับหลังซื้อตั๋วจ่ายตังไปแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาท แนะนำให้เราจองตั๋วกันล่วงหน้าและก่อนเดินทางอย่างน้อยสามวันให้เช็คกับสายการบิน หรือเข้าไปหน้า Manage Booking เพื่อเช็คที่นั่งหรือให้ดีจ่ายตังเพิ่มจองที่นั่งไปเลยจะได้สบายใจได้ระดับนึงฮะ ว่าชั้นน่ะมีที่นั่งนะ เพราะคงไม่มีใครซื้อตั๋วและจองที่พักทุกอย่างไว้แล้วมาโดนเลื่อนไฟลท์บินหรือเลื่อนตั๋วข้ามวันกันหรอกจริงไหม อ่อที่สำคัญเผื่อเวลาไว้เลยเยอะๆถ้าทำได้แม้ตอนนี้ทางภาคพื้นดินจะปรับเวลาให้เรา Checkin ช้าสุดก่อนขึ้นเครื่อง 1 ชม.ก็ตามมาถึงให้อย่างน้อย 2- 2.30 ชั่วโมงไว้ก่อนมานั่งเล่นๆ หาอะไรกินหรืองีบหลับรอที่ Gate ก็จะทำให้เรามั่นใจได้มากกว่าโดยเฉพาะการมาเลือกที่นั่งกับเจ้าหน้าที่ Counter หากผู้โดยสารคนอื่นๆเค้าไม่จองมาเต็มาเราก็สามารถจะขอเลือกที่นั่งตรงนั้นโดยการคุยกับเจ้าหน้าที่ได้จ๊ะ
ท้ายนี้ผมหยิบเที่ยวบินล่าสุดที่ตัวเองบินไปลงโอซาก้ามาให้ดูถือว่าเป็นเวลาที่ดีเลย ใครเล็งๆไว้หนหน้าจะบินไปที่นี่ก็ลองดูกันได้ไม่เสียหลายจ๊ะ
รีวิวแรกนี้ขอจบตรงนี้ล่ะหากมี Comment ใดๆอยากให้ปรับปรุงบทความหรือ มีComment ใดๆทิ้งไว้ได้เลยฮะจะตอบให้ได้ทุกคนเลย
สวัสดีคร้าบบบ