สระมันใหญ่ดีจัง…
ความคิดแว๊บแรกเข้ามาในหัวของผม ขณะที่กำลังจับจ้องมองไปที่ขอบฟ้า ในหน้าฝนเดือน 8 ในวันที่อากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย กับภูเก็ต
แม้จะผ่านช่วงเวลาหลังจาก Check- inมาแล้ว4-5 ชั่วโมงแล้วก็ตาม…
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ด้านหน้าของ Lobby ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่มากๆ ของ JW Marriott Phuket ที่ออกแบบมาเท่มากๆครับ…
เรียกว่าโชว์ความอลังการงานสร้างของที่นี้ก็ว่าได้
มองนาฬิกา 18.25 น…
สงสัยดูท่าจะหมดสิทธิ์ลุ้นกันแล้วละครับ ที่จะได้ชมพระอาทิตย์ตกที่หาดไม้ขาวในคืนแรก…ที่มาเยือน
ผมคงต้องฝากความหวังไว้คืนถัดไปแทน
คิดได้ดังนี้เลย สาวเท้าด้วยความรวดเร็ว ตามเก็บภาพสระน้ำด้านล่างดีกว่าที่ถือว่าเป็น Hilight ของ JW ก็คงไม่ผิด ตรงนี้เป็นอีกสระด้านล่างอยู่ตรงกลางทางเดินไปหาดไม้ขาวได้ เรียกว่า “Lotus Pond” เค้าจะจุดไฟตั้งแต่ 6 โมงเศษไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง ได้ ถือเป็น Hilight ของโรงแรมก็ว่าได้
มันสวยมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกำลังโพล้เพล้ แสงใกล้ๆหมดร่ำไรแบบนี้ด้วยแล้ว
สุดยอดมาก…
ผมนั่งเก็บภาพ Lotus Pond ไปพลาง…พร้อมนึกย้อนกลับไปถึงเมื่อเช้า… ที่กรุงเทพฯ…อันเป็นต้นทางในการเดินทางครั้งนี้ครับ
ขอหมุนเวลากลับไปที่กรุงเทพฯก่อนนะครับ เพื่อพาคุณๆกลับไปจุดเริ่มต้นของทริบนี้กัน…ตามผมมาดีกว่า
.
..
…
…. ขอถอยเวลากลับเล็กน้อย ก่อนจะพาคุณๆกลับสู่ ภูเก็ตกันต่อ
สำหรับทริบที่สุดชิลล์ที่สุดในรอบเดือนนี้ กับการกลับไปภูเก็ตอีกครั้งในรอบเกือบ 2 ปีกับ ที่นี้ ” JW Marriott Phuket ” เพราะได้รับคำเชิญดีๆจาก เมื่อเดือนก่อนทำให้ต้องกลับมาพลิกปฎิทินของตัวเองดูช่วงเวลาที่จะพาตัวเอง กลับมาภูเก็ตกันอีกครั้ง
ลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลงในอีก 30 วินาทีถัดมา (เหมือนจะเล่นตัวไปงั้นล่ะ 555)
ผมขอเริ่มต้นการเดินทางที่สุวรรณภูมิกัน หนนี้ยังใช้บริการ Airasia เจ้าเดิมหลังๆมานี่หมดสิทธิ์เปลี่ยนใจไปบินกับเจ้าอื่นๆเลยครับ เพราะโปรโมชั่นที่ออกมาต่อเนื่องจนจองมันข้ามปีซะแล้ว
และเห็นแล้วก็เก็บมาบอกกันครับ สำหรับใครที่มีช่วงเวลาบินหลัง 1 ตุลาคม 2555 นี้ Airasia ก็จะย้ายกลับไปยังถิ่นเก่าที่จากมาอย่างดอนเมือง ซึ่งผมก็สุดแสนจะปลื้มจริงๆครับ ทั้งใกล้บ้านและไม่ต้องเดินกิึ่งวิ่ง เวลาที่รีบๆไปเช็คอิน (ใครที่ไปสุวรรณภูมิแบบสายๆน่าจะเข้าใจดี )เพราะกลัวตกเครื่องอีกต่อไป อันนี้ถูกใจสุดๆเลย
รักดอนเมืองก็ตรงนี้ละ…
วันนี้ขอเลือกที่นั่งแบบ Hot Seat เพราะหลังๆ เวลาหิ้ว ปันปัน ไปไหนมาไหน นั่งเก้าอี้ธรรมดามันไม่เหมาะกับข้าวของสำหรับพ่อแม่ลูกอ่อนอย่างเราเลย จริงๆครับ เพราะทั้งตำแหน่งที่นั่งและความกว้างของพื้นที่แคบกว่ามาก หลังๆมานี่จึงยอมจ่ายแพงอีกหน่อย แต่ได้นั่งใกล้ประตูและที่นั่งกว้างขึ้นเยอะนะครับ ใครมีเจ้าตัวเล็กบินด้วยน่าจะเข้าใจดี
หลังนั่งซักพักไม่ถึง ชั่วโมงก็เข้าเขตภูเก็ตแล้ว เพราะบินกลางวันเลยมีโอกาสได้เก็บภาพเกาะน้อยเกาะใหญ่ของบ้านเรา สวยดีจริงๆ
ลง เครื่องรับกระเป๋าเรียบร้อย เดินออกมาประตูขาออกก็เจอพนักงานจาก JW ส่งลีมูซีน E 250 มารอเราถึงที่ นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมก็มายืนชมวิวได้แล้ว ไม่ไกลเลย
หาดไม้ขาวเป็นหาดแรกที่ถือว่าใกล้สนามบินมากที่สุด แต่ถึงใกล้อย่ากังวลไปว่าจะใกล้ขนาดได้ยินเสียงขึ้นลงแต่อย่างใด ระยะทางห่างออกมาเป็นสิบกิโลทีเดียว
ผมขอพามาเริ่มกันตั้งแต่ทางเข้าดีกว่า สะดุดตาตั้งแต่ตอนมาเช็คอินแล้วครับ เรียกว่าสวยกันตั้งแต่ทางเข้ากันเลย
ความประทับใจแรกที่ย่างก้าวเข้ามาก็คือ ความกว้างครับ ที่นี่จงใจเล่นกับ space มากทีเดียว เพราะแค่ทางเข้าก็อลังการมากกก
มีที่นั่งที่นอนให้เลือกพักให้หายเหนื่อยระหว่างการเดินทาง เยอะทีเดียว
เข้า มาไม่กี่ก้าว ก็ได้ Welcome Drink เป็นน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ จากน้องพนักงานที่ยิ้มสวยมาแต่ไกลเลย มาร้อนๆนี่ชื่นใจดีครับ (ไม่ทันได้ถ่ายมาครับยกพรวดเดียวหมดเลย แหะๆ)
Lobby ที่นี่ผมชอบมาก ยิ่งเวลากลางคืนทั้งโคมไฟระย้าและ การเล่นแสงจะสวยมากๆ เทียบกับเวลากลางวันที่ออกจะมืดไปซักหน่อย
ตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี่..ผมจะพบเห็นภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกจูงมือกันไปมาแทบจะทุกๆจุดในรีสอร์ท
อย่างตรง Lobby นี้ผมมีโอกาสได้เก็บภาพน่ารักๆของพ่อลูกคู่นี้ด้วยความบังเอิญมาก เป็นภาพน่ารักๆที่พบเห็นได้ตลอดเวลา
น่ารักกันทั้งคุณพ่อคุณลูก…
เห็นแล้วนึกถึงเจ้าลูกชายขึ้นมาทันทีเลยครับ..
เก้าอี้ และโซฟา ที่มีให้แขกเลือกนั่งได้ตามใจจะเป็นระหว่างรอเช็คอิน หรือจะมานั่งพักผ่อนหย่อนใจก็ยังไหวเหตุผลนั้นง่ายมากครับเพราะ…
วิวตรงหน้า lobby นี้กินขาดจริงๆ เป็นอีกโรงแรมที่หากอยากชมวิวอาทิตย์ตกแบบง่ายๆไม่ต้องตะกายไปที่สูงๆ
ก็คงไม่มีที่ไหนเหมาะกว่าตรงนี้แล้ว สระกลางที่แต่งสวยๆไว้ให้ชวนมองนี้ชื่อ “Reflection Pond ”
ตกเย็นๆประมาณ 5 โมงครึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ก็จะมีการแสดง แนว ไทยประยุกต์ให้แขกทั้งไทย
และต่างชาติได้ชมกัน เป็นการแสดงกิึ่งๆ โชว์ที่น่าตื่นตาใช้ได้ครับ โชว์จะเล่นตรงเวลา ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จบแล้ว
พอพลบค่ำ..ก็เหมาะจะเป็นที่สังสรรค์ที่สุด…เพลินมากๆโดยเฉพาะตรง Sawadee Bar บาร์ริมสระน้ำด้านข้างที่เปิดตลอดทั้งวันและจะปิดในยามดึกๆประมาณเที่ยงคืน
เป็นอีกที่ๆเหมาะจะมาทิ้งตัวสุดๆ… วิวงามไม่พอ ที่นั่งก็น่าโดดลงไปนอนอย่างแรง ตัวใหญ่ๆอย่างผมยังรับน้ำหนักไม่โยกเยกเลย
มาฝั่งตรงข้ามวิวก็ยังสวยครับ โดยรอบของสระน้ำจะมีเก้าอี้ให้พักผ่อนชมวิวได้ตลอดแนว
ชอบมากๆผมใช้เวลาส่วนใหญ่แถวๆนี้เยอะกว่านั่งนอนใจห้องซะอีก ใครมาลองมานั่งเล่นๆกันดูแล้วจะติดใจเหมือนผม
ผมเดินออกมาจาก lobby มาเตร็ดเตร่แถวๆหน้าหาดต่อ แม้จะไม่สามารถเก็บพระอาทิตย์ตกแบบเห็นเป็นลูกๆได้
วิวริมหาดก็ยังมีมุมโรแมนติกให้คู่รักได้หามุมเงียบๆได้ (เอ๊ะแต่เหมือนผมจะมาเป็นกขค เค้ารีบไปดีกว่านะครับ แหะๆ)
มาดูวิวยามเช้ากันบ้าง ทุกๆเช้าที่พักที่ไหนก็แล้วแต่ก็อย่างเคยครับตื่นเช้าๆ มาเก็บแสงแรก
แม้หาดไม้ขาวจะอยู่ด้านตะวันตก จะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่เช้าๆก็มีความสวยงามมากให้เรามาสัมผัสที่สำคัญไม่รบกวนแขกแน่นอน
Lobby เช้าๆต่างจากกลางวันโดยสิ้นเชิงสงบและเงียบมาก
ผมนั่งสังเกตุดีๆ การตกแต่งของ Couter Reception ได้ไอเดียมาจากในอดีตที่ภูเก็ตได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเหมืองแร่ดีบุกชั้นดี
ทาง JW เลยดึงมาเป็น Concept ในการตกแต่งเพื่อสื่อออกมาจากการตกแต่งฝาผนังก็ดี…
เก้าอี้ม้านั่ง ต่างๆก็มีส่วนที่ใช้โลหะผสมในการตกแต่ง…
สีของโลหะจึงเน้นสีเขียวอมฟ้า ผสมกับสีทองแดง มีความเป็นแร่ธาตุผสมอยู่ในดีไซน์โดยรวมเสมอ ผสมกับงานไม้ของเฟอร์นิเจอร์ ดูมีสไตล์ชัดเจนจนผมยังแปลกใจ ก่อนมาคิดว่า style ของโรงแรมใหญ่ๆน่าจะดูเน้นไปแนว Moderm มากๆแต่ที่นี่กลับไม่เป็นแบบนั้น มีความเป็น Boutique สวยๆให้สัมผัสได้
มาดูอาหารเช้ากันต่อเลยดีกว่า กับห้องอาหาร “Marriott Cafe ” เปิดกันตั้งแต่ไก่โห่เลยเชียวละ คือ 6.30 เป็นต้นไป
ขนาดเช้าขนาดนี้ ผมยังมาช้ากว่าแขกชาวเอเชียด้วยกันเองอย่างญี่ปุ่น , จีน นี้มาเคาะกระจกกันตั้งแต่ 6 โมงเศษๆกันเลย
ห้องอาหารที่รองรับแขกได้ทั้งหมด อาหารเช้าและกลางวันเราจะมาทานกันที่นี่ตลอด
เข้ามาปั๊บโซนแรกที่จะเจอเป็น เครื่องดื่มและผลไม้หลากหลายดีทีเดียว
และสัญลักษณ์ของรีสอร์ท ที่ถูกหยิบนำมาตกแต่งให้สังเกตุได้ไม่ยาก ก็ถูกนำมาใช้ด้วยนั้นคือ “เต่า” ครับ น่ารักดีทีเดียวละ
ห้องอาหารเน้นโทนการตกแต่งด้วยสีโทนร้อน สีส้ม ของวัสดุอุปกรณ์
หรือสีโทนน้ำตาลของเก้าอี้และโต๊ะหนัง ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษ
ห้องอาหารตกแต่งสวยงามดีครับ ยิ่งผมมาถ่ายเช้าๆแบบนี้แขกยังน้อยมาก และไม่รบกวนใครดีด้วย
มาดูตรงส่วนโต๊ะกลางอันเป็นเซ็นเตอร์ของอาหารกัน ตรงนี้อาจจะดูแคบไปบ้าง หากเวลาแขกเต็ม แต่อาหารก็เยอะใช้ได้เลยกิน 2 วันผมเลือกไม่ซ้ำกันได้เลยทั้ง 2 วัน
รวมอาหารจากในไลน์ มาให้ชมกันดูดีกว่าถ้าบรรยายคงจะยาวน่าดู เพราะเยอะจริงๆครับ รวมๆมีอาหารจากทั้ง ไทย จีน อเมริกัน ยุโรบก็เรียกว่าครบนั้นเอง ผมชิมเกือบทุกอย่าง confirm ว่า
อาหารเช้าที่นี่ อร่อยใช้ได้
อย่างจากนี้ข้าวมันไก่ โอเคเลยรสชาติคนไทยแน่นอน
จานนี้พวกไส้กรอก เบคอน ABF ครับ อันนี้พอได้ ไส้กรอกเฉยๆไปนิดแต่ไข่อร่อยครับ
แซลมอน กับแฮมนี้โอเคเลย อร่อยมาก
อันนี้แกงเขียวหวานกับกุนเชียงแบบไทยๆ อร่อยครับถึงรสชาติแบบไทยๆ
มาดูพวกของหวานกันต่อ ที่จัดมาถือว่าใช้ได้ทุกอย่าง อันกลมๆเป็นลูกแพรในน้ำเชื่อม หน้าตาดีทีเดียว
เรียกว่ารสชาติก็ดีสมหน้าตานั้นละครับ
อิ่มๆ กันแล้วไปเดินชมสระน้ำย่อยอาหารกันต่อดีกว่า สระน้ำที่นี่ต้องบอกว่าเทพมากๆครับ มีกันถึง 3 สระเลยทีเดียว
เริ่มกันที่ สระกลางอยู่หน้าหาดเลยเดินมาเจอกันก่อน
สระ ใหญ่ดีทีเดียว มีสัญลักษณ์เป็นระฆังสีขาวขนาดใหญ่แขวนอยู่ ไม่ทราบ concept แน่ๆแต่น่าจะเน้นดูไปทางไทยๆมากซักหน่อย วันอากาศดีก็น่าว่ายมากครับ
ผมเห็นเด็กชอบเจ้าช้างพ่นน้ำมาก มาวนเวียนเล่นกันหลายคนเลย มันก็น่ารักดีซะด้วยนะ
เดินมาอีกนิดเป็นสระเด็ก ขนาดและความลึกก็เหมาะกับเด็กตั้งแต่ 10 กว่าขวบขึ้นไปมากกว่าเด็กเล็กๆนะครับ
ตกแต่งเน้นพี่เต่าเหมือนกัน
มีเครื่องเล่นเป็นสไลด์เดอร์ เห็นเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องชมเลยว่าทำสระน้ำได้ดึงดูดดีมาก นี่ถ้าไม่ต้องเดินสะพายกล้องก็ยังอยากกระโจนลงไปเล่นกับเค้าเหมือนกันนะ เนี่ย
แม้แต่ยามค่ำสระก็ยังดูสวยเชียวล่ะ ภาพนี้ผมมาเดินเก็บบรรยากาศ ตอนสระปิดแล้วครับ ได้แสงช่วงพลบค่ำพอดี
เดิน เลยต่อมาฝั่ง North มีอีกสระที่ให้แขกโซนที่พักฝั่ง North Wing ใช้กันมากกว่า สระนี้เน้นธรรมชาตืมากๆครับสังเกตุได้จากต้นไม้เยอะเลย
สระนี้เน้นผู้ใหญ่เป็นหลักทั้งความยาวและลึกของสระ ใครชอบว่ายน้ำ สระนี้เน้นๆกันไปได้ออกแรงเยอะดีครับ
ส่วนใหญ่จะเจอแต่ชาวต่างชาติมานอนแอบแดดกันเยอะ เอเชียไม่ค่อยมีเท่าไหร่นะสระนี้
และสระสุดท้ายที่ผมว่าเท่กว่าเพื่อน ดูจะได้ใจพวกวัยรุ่นอย่างเรา (ไม่ค่อยเลย 55) มากกว่าสระอื่นๆ เป็นสระน้ำฝั่ง South Wing
สระนี้ตกแต่งในแนว Modern เน้นสีฟ้าน้ำเงินเป็นหลัก มีน้ำตกและมินิบาร์อยู่ตรงกลางเท่ใช้ได้เลย
ห้องน้ำก็เท่ครับแต่งแนวๆดี กระจกเพียบไม่ต้องแย่งกันส่องเลย สระนี้จึงเห็นวัยรุ่นมาใช้เยอะที่สุดแล้ว
รวมๆแล้วสระนี้ดูดีกว่าเพื่อนแต่คนก็มาเล่นไม่มากนะครับ ใครชอบสระเงียบๆ เท่ๆ มาสระนี้ได้เลย
เล่นน้ำกัน 3 สระแล้ว ผมจะพาไปชมบรรยากาศรอบๆต่อ มีอย่างนึงที่อยากขอชมคือ ต้นไม้และสวนครับ บ่งบอกถึงความใส่ใจอย่างดีของผู้ดูแล
ที่นี้ต้นไม้เยอะมากเดินไปมุมไหนก็เจอสวนสวยตลอดเวลา ร่มรื่นมากๆ
ตรงนี้อยู่ใกล้ๆกันสระเด็กครับ มีเครื่องเล่นให้เด็กๆได้ปีนป่ายด้วย
พาชมริมหาดก่อนต่อก่อน เดี๋ยวจะพาไปดูห้องพักที่เราเข้าพักกันนะครับ
ผมเดินไปเพลินๆริมหาด เดินจนเจอพระเอกของที่นี่เค้า เจ้า “ต้นข้าว” ช้างพังวัยประมาณ 2 ปี เป็นพระเอกของเด็กๆและสาวๆเลย เพราะไม่ว่ามันจะทำอะไรก็จะได้ยินเสียงเด็กๆ หัวเราะ ไปตลอดเวลา แขกสามารถซื้ออาหารเลี้ยงเจ้าต้นข้าวได้ครับ ทางควานช้างก็จะให้เด็กๆได้ขี่คอเจ้าต้นข้าวและถ่ายรูปได้
ดูๆก็สนุกสนานกันดีโดยเฉพาะสาวๆญี่ปุ่นกลุ่มนี้ ดูจะชอบมากเป็นพิเศษ เห็นแล้วอย่าไปอิจฉาต้นข้าวมันก่อนละครับ 🙂
ป่ะ เที่ยวกันได้เหงื่อแล้วไปดูห้องพักกันบ้าง ห้องพักที่นี่จะมีหลายร้อยห้องเเบ่งเป็น villa และโซนตึก ส่วนเราเข้าพัก Type Deluxe Sala Garden View ห้องวิวสวน
ขนาดของห้องเข้ามาไม่เล็กเลยครับ แม้จะเป็น Type แรกก็ตาม ห้องพักของเราจะอยู่ชั้น 2 ห้องแบบนี้มีทั้งฝั่ง North & South Wing
เตียง ก็มีให้เลือกได้ว่าจะเป็นแบบ King Size หรือ 2 Bed สามารถแจ้งกับทาง Counter ได้เมื่อคุณทำการจอง เตียงนี้ดูดร่างอีกแล้วครับ นอนสบายและหมอนก็ใช้ขนเป็ดด้วยนอนแล้วหัวจะเหมือนจมลงไปชอบมากๆ
เข้าพักปุ๊บที่โต๊ะจะมี Welcome Fruite วางรอพร้อม mail ต้อนรับใส่ใจสมกับเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว
มีที่นั่งชิลล์ๆเวลาหากอยากอ่านหนังสือหรือชมวิวสวนสวยๆ ได้
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันมาก และทุกๆวันก็จะมีมาเปลี่ยนให้เวลาพนักงานมาทำห้องพัก
ดูแบบรวมบรรยากาศทั้งหมดครับ
หิวยัง พามาชิมอาหารกลางวันข้างนอกกันบ้างดีกว่า วันที่สอง ผมมีโอกาสไปทานอาหารนอกโรงแรมซึ่ง อยู่ใกล้ๆไม่ห่างจากโรงแรมมากนัก
ไปครับไปชิมอาหารอร่อยๆกันต่อ “ร้านจักจั่น ซีฟู้ด” ริมหาดทรายแก้ว ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่
อาหาร ทะเลของที่นี่นับว่าถูกปากคนไทยแน่นอน ผมชอบมากๆไล่กันตั้งแต่เมนูสามัญประจำบ้านเรา “ต้มยำซีฟู้ด” ทั่วไทยใครๆก็ทำได้
แต่ถ้าจะให้แซ่บและอร่อยนี่ต้องเลือกร้านดีๆ ร้านนี้ผมจัดอยู่ในแบบแนะนำให้สั่งครับ อร่อยมาก
และเมนู อื่นๆของจัดรวมให้ชมทีเดียวดีกว่าเยอะมาก กินกันแทบไม่หมด ทั้ง ข้าวผัด,ปลากระพงทอดน้ำปลา,จักจั่นทอดกระเทียม อันนี้อยากแนะนำให้สั่งกันกรอบอร่อยมาก
อิ่มได้ที่ พาไปนวดกันต่อไม่หลับให้มันรู้ไป เห่อๆ กับ Mandara Spa สปาขึ้นชื่อที่สุดแห่งนึงของ JW Marriott Phuket
PRODUCT ของที่นี่ครับ จริงๆ จะมีของ Anantara วางอยู่ด้วย ให้แขกเลือกได้แล้วแต่ชอบ brand ไหน
ผมมีโอกาสได้ลองใช้บริการก็ประทับใจนะครับ ผ่อนคลายมากๆเลย ห้อง spa ก็บรรยากาศสบายๆครับเปิดเพลงฟังเคลิ้มหลับกันไปได้เลย
หลังบริการจะมีน้ำขิงอุ่นๆ ให้ได้ดื่มก่อนด้วย น่าประทับใจสำหรับประสบการณ์สปาระดับ 5 ดาวของที่นี่
มาถึงมื้อสุดท้ายที่สุดประทับใจของผม ปรกติผมจะเป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นสุดๆเลย ครับ วันนี้มีโอกาสได้ลองอาหารญี่ปุ่นหนึ่งเดียวของที่นี่ นั้นคือ ร้าน “Kabuki ” น้้นเอง
ร้าน Kabuki ผมอ่านรีวิวมาจากหลายสำนักแล้ว ล้วนแต่ยกนิ้วให้ถึงความอร่อย และสดใหม่ของอาหารทะเล ผมเข้ามาวันเสาร์
วันที่แขกเยอะใช้ได้เลย น่าจะเป็นการการันตีของร้านได้ระดับนึง
เสริพกันก่อนด้วยซาซิมิ โอ้ววสุดยอดมากๆครับปลาแซลมอนนำเข้าจาก นอร์เวย์ อันนี้เป็นสรรพคุณของวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่ได้ฟังตอนเข้าไปทาน ดูจากขนาดขอชิ้นครับไม่เล็กเลย เต็มคำสุดๆ
ตามมาด้วย เมนูกิ๊ฟเก๋สุดๆตั้งแต่เคยทานอาหารญี่ปุ่นมาต้องยกให้เมนู “Sky rocket” เพราะมีไฟเย็นปักมาด้วยไอเดียบรรเจิด
สร้างความตื่นเต้นในการเสริพได้สุดๆ
ที่สำคัญเนื้อปลาสดมากๆกัดเข้าไปเต็มๆคำแทบละลายไปกับข้าวได้เลย อันนี้ขอให้สั่งกันเวลามาทานครับ
และยังมีซาซิมิ แซลมอน ชิ้นโตมากๆ มากที่สุด เท่าที่เคยทานมา ที่ขอสั่งพิเศษต่างหากให้มันรู้กันไปว่าข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากนอร์เวย์มันรสชาติดีขนาดไหน
และ..มันก็สุดๆขนาดไม่ต้องเคี้ยวก็แทบจะละลายในปากเราได้เลย แค่คิดก็อยากกลับไปซะแล้วสิครับ >o<
และยังมีซูชิพาเหรดกันมาอีกหลายเมนูครับ จานนี้ขออภัยจำชื่อไม่ได้แต่อร่อยและหอมมากทีเดียว ข้างนอกเป็นอะโวคาโด ข้างในสอดไส้ปูอัดและผักหอมๆหลายอย่างอร่อยจนถึงปลายลิ้นกันเลย
หากใครมาภูเก็ต และต้องการอาหารญี่ปุ่นเกรดเอ ขอให้ตรงดิ่งมาร้าน Kabuki ก่อนเลยครับ ไม่ต้องแวะที่ไหน ทุกๆเมนู สุดยอดยกให้เป็นร้านญี่ปุ่นในดวงใจไปจริงๆ กลับมากรุงเทพฯคงต้องหาโอกาสไปลองร้าน Tsunami ของ JW Marriott BKK แล้วละครับว่าจะสุดยอดไม่แพ้กันไหม
อิ่มๆ แบบนี้ไปจิบอะไรเย็นๆกันหน่อยดีกว่า ไปครับเราไปหาเครื่องดื่มเย็นๆกันดีกว่า กับ Out of the Blue เป็นบาร์ริมหาด เหมาะสำหรับการแวะมา Drink กับคนรู้ใจที่สุดบรรยากาศยามเย็นๆด้วยแล้วโรแมนติกมากๆเลย ป่ะ! ไปดูกัน
ที่ นี่ผมยกให้เป็นอีก Hilight เลยก็ว่าได้ บาร์นี้จะอยู่ห่างมาทาง South wing เลยสระน้ำ มาอีกหน่อย บาร์นี้ตกแต่งด้วยสีฟ้าและน้ำเงินสมชื่อ ร้านเท่มากมาย
บรรยากาศริมหาดตอนพลบค่ำ นั่งจิบไวน์หรือ เครื่องดื่มเย็นๆแม้ไม่ต้องบรรยายกันมาก..เลยใช่ไหมครับ ^ 0 ^
หรือจะเลือกนั่งโซฟาด้านนอกก็สุดจะชิลล์ ที่นี่จัดไฟสวยมากถ่ายมุมไหนก็ดีไปหมด
รวมๆที่นี่เป็นอีกที่ๆมีเสน่ห์มากๆใครมาพักอย่าลืมแวะมาชิลล์กันที่ บาร์นี้ได้ครับถูกใจกันแน่นอน
และร้านสุดท้าย เสียดายไม่ได้มีโอกาสเข้าไปลองครับ ร้านอาหารไทย “กินจา”
ผมถ่ายจากภายนอกเท่านั้นเห็นแขกนั่งกันเต็มเกรงใจเกินจะเข้าไปรบกวน
คืนนั้นจำได้ดีว่าหลับแบบสลบกันเลยสำหรับเรา ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจกันไป ทิ้งท้ายด้วยมุมสวยๆของ Lobby ครับ
สรุปส่งท้ายกัน
ข้อดีที่อยากบอก…
ทริบภูเก็ตหนนี้แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ เน้นๆมาพักผ่อนในโรงแรมโดยเฉพาะ สำหรับ JW Marriott Phuket มีทุกอย่างที่จะมาเป็นคู่เพื่อมาพักผ่อนหรือจะมาเป็นครอบครัวใหญ่ๆก็ได้เพราะมีทั้งกิจกรรม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ให้ความสำคัญกับเด็กๆมากเป็นพิเศษ
เหมาะกับการพักผ่อนในวันหยุดทั้งสั้นและยาวของทุกๆคนมาก ด้วยความสะดวกสบายที่ีมีให้ทุกอย่าง ห้องพักมีระดับแม้จะเป็น Type แรกเริ่มก็พักได้สบายมาก ลืมภาพตึกสูงๆ แนว Modern ไปได้เลย แต่ขอให้คิดถึงการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ในการดีไซน์สวยๆในทางของบูติคโฮเท็ลเก๋ๆ เข้ามาแทน แม้จะเปิดมานานเข้าหลัก 10 ปีแล้วแต่ก็ยังรักษาความสวยงามของโรงแรม ดูจะมีการ Renovate อย่างสม่ำเสมอ สังเกตุได้จากที่ผมไม่เจอสภาพส่วนใดๆที่มีความเก่าให้เห็นแต่อย่างใด
ทั้งร้านอาหารรสเลิศ การบริการชั้นดี สมกับความเป็น 5 ดาว สำหรับอาหาร ไม่มีอะไรจะเลิศไปกว่าอาหารญี่ปุ่นของที่นี่จริงๆ ครับรสชาติสุดยอดมาก
ขอแนะนำที่อยากบอก…
คลื่นลมในช่วงฤดูฝนครับ เนื่องจากหาดไม้ขาว มีหาดในลักษณะเว้าลึกลงไปไม่เหมาะกับเด็กๆเล่นน้ำเท่าไหร่นักในฤดูนี้ แนะนำให้ว่ายในสระจะดีกว่าหรือไม่ก็มีผู้ใหญ่คอยอยู่ด้วยก็จะอุ่นใจ
การเดินทางไปจุดต่างๆไม่ใกล้เมือง เท่ากับว่าหากคุณมาพักจำเป็นต้องมีรถส่วนตัว หรือไม่ก็ต้องเหมารถกันอย่างเดียวเท่านั้น
หากใครอยากทราบรายละเอียด และโปรโมชั่นต่างๆ โปรดติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook ของ JW เอง ลองค้นๆกันดูพิมพ์คำว่า jw marriott phuket เจอแน่นอนครับ แต่ละเดือนเค้าจะมีโปรโมชั่นเด็ดๆราคาพิเศษปล่อยออกมา เดือนหน้านี้ก็เช่นกันเป็นไงลองติดตามกันดูครับ
สุดท้ายก่อนลากัน…
ต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคุณโน๊ต ที่ต้อนรับเรา อย่างดีและช่วยตอบคำถามทุกๆข้อในข้อสงสัยต่างๆความน่ารักและเป็นกันเองนี่ เป็นอีกอย่างที่ประทับใจสำหรับเมื่อไหร่ที่คิดถึง JW Marriott Phuket ขึ้นมาคงจะอดนึกถึงไม่ได้ รวมถึงน้องๆพนักงานที่ยิ้มแย้มเอาใจใส่เราดีมาก ผมมาหลายวันน้องพนักงานหลายคนจากหลายๆจุด ทักทายจำชื่อผมได้ นับเป็นอีกความใส่ใจเล็กๆที่สัมผัสได้
ขอบคุณมากๆครับ JW Marriott Phuket แล้วคงจะคิดถึงเสมอ เวลามาเยือนภูเก็ตนะครับ
*** ติดตามความเคลื่อนไหว รีวิวใหม่ๆ แวะมาคุย หรือแวะมากดlike กันได้ที่ facebook/likeone22 นะครับ แล้วพบกันครับ