จั่วหัวไว้แบบนี้ Taiwan Again: 7 ที่พาครอบครัวเที่ยว ไทเป-อี้หลัน มันส์ดี๊ดี เหตุเพราะบ้านเราไปไต้หวันบ่อยน้องๆ ญี่ปุ่นเลย
รอบนี้เป็นความตั้งใจจะพาปัน แม่เย่นเที่ยวไต้หวันเน้นๆ ครอบครัวไปเลย แม้จะเป็นรอบที่ 4 ของเราแล้วก็ตาม แต่รอบนี้พิเศษที่เราเดินทางกันเอง เลือกเส้นทางเอง (ฟังดูแปลกๆ คือ 3 ทริปที่ผ่านมาไปกับเพื่อนไง ส่วนใหญ่เพื่อนเป็นคนทำทริปเราเดินตามซะมาก 555 )ใช้การเดินทางครบเกือบทุกรูปแบบ (ขาดลงเรืองมั้ง) และเป็นรอบที่เราชอบที่สุดด้วย อากาศตอนไปนี้น้องๆ เดือนเมษายนบ้านเราเลย ร้อนไฟแล่บ แต่ๆๆ ข้อดีคืออากาศมันก็ดีมากฟ้าสวยเกือบทุกวัน เราเลยได้ภาพกลับมาฝากกันเยอะเลย เอาล่ะอารัมภบทเยอะละ มะ ไปเที่ยวไต้หวันกับครอบครัว one22family กันนะฮะ 7 ที่นี่เด็ดมาก เหมาะกับการพาลูกพา เพื่อน พี่ ป้า น้า อา ได้หมดจ้า
ก่อนเดินทางต้องเตรียมไรบ้าง
เนื่องจากไปต่างประเทศทีไรเราก็อดแนะนำไม่ได้ทุกทีสำหรับไต้หวันรอบนี้ขอแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เราใช้กันบ้างดีกว่า สำหรับส่วนที่เกี่ยวกับการเตรียมเรื่องอื่นๆ ไปอ่านกันที่ รีวิวนี้ได้เลยนะ เขียนไว้ละเอียดระดับมดตอมกันทีเดียว
มาไต้หวันหลายครั้งแล้วอีกคำถามนึงที่โดนถามตลอด จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าเฉพาะทริปไต้หวันหรอกครับ คือเรื่องผมใช้กล้องอะไรถ่าย เลนส์อะไร รอบนี้มีของใหม่มาลองพอดีเลยถือโอกาสคุยเรื่องอุปกรณ์ไปพร้อมๆ กันเลย ผมสรุปได้ 7 ข้อให้คล้องจองกับเลขรีวิวเลย
รอบนี้ผมพกพา Canon EOS 77D ที่พึ่งออกมาหมาดๆ ตัวกล้องมาพร้อมเลนส์คิท 18-135 mm f3.5-5.6 และก็ไหนๆ แล้วผมเลยขอยืมเลนส์ได้มาอีกสองตัวให้ครบช่วงเลยคือ 10-18mm. f3.5-5.6 และ 70-200 mm. F4 แค่นี้ก็ไปไหนได้ทั้งโลกแล้วละ
ขอรีวิวสั้นๆ กับกล้องใหม่ตัวนี้หลังจากที่หิ้วมันไปด้วยตลอด 7 วัน
1.Canon EOS 77D เป็นกล้องแบบ Semi Pro (หรือที่เรียกกันว่ากล้องตัวคูณ) ออกมาหลัง Canon EOS 80D ปีนี้เอง จึงได้เทคโนโลยีใหม่กว่าอยู่ในร่างที่เบากว่าด้วย เพราะบอดี้เป็นพลาสติกเกือบทั้งหมดทำให้เวลาจับหรือถือ เบามาก น้ำหนักเกินครึ่งโลมานิดเดียว( 500.4 กรัม)ขนาดใส่แบตแล้วก็ตาม เสปคมันจริงๆ ที่ผมประทับใจจะแยกได้ดังนี้
2.ความละเอียดที่พอๆ กันกับ Canon EOS 80d คือ 24.2 ล้านพิกเซล อันนี้ป็นความละเอียดมาตรฐานกล้องยุคนี้ไปแล้ว มากกว่าหรือน้อยกว่านี้แปลว่าไม่โปรสุดๆ ก็สมัครเล่นไปเลย หรือไม่งั้น ตัวกล้องอาจจะออกมานานแล้ว
3.จอ LCD ด้านหลังขนาด 3 นิ้วที่พับหมุนได้รอบ ใส่ลงรุ่นนี้ก็ถือว่าดีงามมาก เพราะการหมุนได้ช่วยได้มากต่อการถ่ายภาพในมุมที่เราคาดไม่ถึงเช่นมุมต่ำๆเช่นวางกับพื้นเป็นต้น
4.ขอแยกพูดถึงการกดสัมผัส Touch Screen มันเป็น Touch Screen ที่ดี กดแม่นยำดีสะดวก ที่เลิฟมากคือ การโฟกัส สามารถกดที่จอได้เลย อันนี้เอาความสามารถของ มิลเลอร์เลส มาใส่ใน DSLR ถือว่ามาถูกทางแล้ว และเอาจริงๆ ใช้คู่กันกับ จอพับหมุนได้เข้ากันดีมาก สะดวก
5.มีสิ่งนึงที่ชอบมากกว่ารุ่นเก่าๆ ของ Canon และทำได้ดีกว่ารุ่นพี่คือจุดโฟกัส 45 จุด และสามารถโฟกัสแบบกลุ่มได้ เอาง่ายๆ ถ่ายปันนี้เหมาะมาก เพราะทริปนี้พาเค้าไปวิ่งเล่นเยอะเรียกว่าจุดโฟกัสเยอะจนไม่ต้องกังวลเลย เวลาเราต้องโฟกัสกับเด็กๆ ตรงหน้า ที่ไม่นิ่งเฉยวิ่งไวๆ ผมลองใช้ AI Servo มันจะจับภาพสิ่งที่เราโฟกัสแล้วเคลื่อนที่จุดโฟกัสตาม จนกว่าจะหลุดเฟรมเราไป ดีมากตื่นเต้นเลยครับตอนลอง
6.ที่ดีขึ้นไปพร้อมๆ กันด้วยคือ ระบบรองรับ wifi, Bluetooth ที่ช่วยให้ถ่ายโอนไฟล์ภาพได้ง่ายเลย แค่กดส่งจากกล้องสู่มือถือแต่เราต้องลง Application ของ Canon ที่ชื่อ Canon Camera Connect โหลดได้ทั้ง IOS,Android
Application ตัวนี้จะเป็นตัวเชื่อมในการส่งถ่ายไฟล์หากันและต่อกันได้ง่ายดีมากเหมาะกับคนติดอับรูปเที่ยวลงเฟสบุ๊คกันได้ทันอกทันใจทีเดียว และที่สำคัญด้านหลังมีปุ่ม wifi ที่กดแล้วสามารถส่งภาพเข้ามือได้เลยผ่าน Application อันนี้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก ข้อดีคือมันมีปุ่ม wifi ใช้กดส่งภาพได้เลยจากด้านหลังถ้าเรา sync กับ software เรียบร้อยแล้วนะครับไม่ต้องไปกดเข้า MENU ใดๆ ให้ยุ่งเลย
อันนี้ถูกใจจริงๆ เหมาะกับการถ่ายแล้วอับภาพลงมือถือเข้า FB,IG อวดเพื่อนได้เลย
7.เลนส์คิท 18-135 mm F3.5-5.6 รุ่นใหม่ จริงๆ แค่ตัวนี้ก็เที่ยวได้ทั่วโลกแล้วละ สำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านที่อยากได้กล้องที่พกพาง่ายอยู่ในร่างที่แลดูโปรที่จับถนัดมือสักหน่อย คุณภาพดีกว่ากล้องรุ่นเล็กลงมาอย่าง ซี่รีย์หลักร้อยของ Canon (Canon EOS 600d,Canon EOS 700d ประมาณนี้) ตัวนี้ตอบโจทย์ในราคาที่ยังจับต้องได้ 31,00-49,000 บาท อยู่ที่เลนส์ kit ที่เลือก
เอาล่ะลองมาดูภาพและเที่ยวไปด้วยกันเลยแล้วกันนะ ภาพทั้งหมดในรีวิวนี้มาจากภาพสองอุปกรณ์คือ Canon EOS 77D + มือถือผมเองภาพจากมือถือจะไม่มีลายน้ำนะครับอันที่มีลายน้ำจะมาจากแคนนอนทั้งหมด และผมแต่งภาพปรกตินะครับเหมือนที่เคยๆ เห็นกันเพราะงั้นจะดูไฟล์ดิบอะไรจะไม่มีนะ ไม่ต้องขอ 55 แต่ก็เปรียบเทียบเองได้จากทุกรีวิวแล้วกันนะ
เดินทางกับขาประจำไต้หวัน Tiger Taiwan Airways
ยังคงเป็น สถิติ 100% ในการเลือกบินไปไต้หวันทุกครั้งของผมที่ใช้บริการสายการบิน Tiger Air อาจจะเป็นเพราะเวลาที่บินกับตัวเองเหมาะกับนิสัยส่วนตัวที่ชอบบินไปนอนที่นู้นมากกว่าจะนอนหลับบนเครื่องแล้วไปถึงเช้า รอบของไทเกอร์ฯ ถูกกับนิสัยของผมสุดแล้ว รอบนี้พาปันแม่ปันมาด้วยกันก็ดูจะชอบเหมือนกันนะหรือเป็นเพราะตื่นเต้นกับการได้บินอีก
ข้อดีของไทเกอร์แม้จะเป็น Low Cost ที่แต่ละอย่างเราต้องซื้อเอง แต่ที่ให้มาคือน้ำหนักถือขึ้นเครื่องให้มาด้วย 10 กิโล ถ้าเราใช้กระเป๋าเล็กๆ ที่สามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้อันนี้ก็ดีเลย
เที่ยวบินของไทเกอร์จะบินออกจากดอนเมืองมุ่งหน้าสู่ไต้หวันลงที่สนามบินเถาหยวนมีวันละ 1 เที่ยวทุกวันนี้อัพเดตถึงวันนี้เลย (08/09/17) สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้เองที่นี่เลย http://www.tigerairtw.com/th/
โดยรวมเรื่องการบริการยังดีสม่ำเสมอนะ (ถึงยังเลือกใช้บินมาอยู่นี่เอง) และถ้าสอยช่วงโปรออกใหม่อันนี้ดีเลย ราคาจะถูกระดับบินไปกลับไม่เกิน 4000 บาทยังเคยได้เลย
และเที่ยวนี้ยังสั่งอาหารมาทานบนเครื่องด้วย รสชาติถือว่าใช้ได้เอาจริงๆ อาหารของไต้หวันดูจะเข้ากับคนไทยได้ไม่ยากเลย ของ 3 คนพ่อแม่ลูกเราสั่งคนละอย่าง ที่เห็นเป็นผัดหมี่และน้ำผลไม้เสิร์ฟพร้อมขนมขบเคี้ยวที่เป็น MIX NUT ข้างใน ส่วนของปันเป็นข้าวไข่พะโล้หมูอบ อันนี้อร่อยเลยแนะนำที่สุดในทุกเมนูเลยครับ
ประกันเดินทางคือ A must ที่สุดที่ยกให้เสมือนตั๋วเครื่องบิน อย่ามองข้ามเด็ดขาด!!!
ประกันเจ้าที่ผมใช้ประจำครับ แนะนำหากคุณต้องการความมั่นใจ ขออวยเลยว่าดีจริงๆ ร่มนี้ได้มาจากประสบการณ์ที่เจอจากหนก่อน ทางบริษัทมอบไว้ให้ ไปไต้หวันรอบนี้ได้ใช้เลยทีแรกกะจะกันฝน สุดท้ายกันแดดดีมากกก (ขอเซ็นเซอร์ชื่อครอบครัวนะครับ)
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเจอเหตุการณ์คนในครอบครัวเจ็บป่วยระหว่างเดินทาง ทำให้กลายเป็นว่าปรกติก็ซื้อประกันภัยการเดินทางอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกใส่ใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก รอบนี้ผมไม่ตัดสินใจเลือกที่ราคาถูกสุดอย่างเดียว เหมือนที่เคยคิดว่าแค่มีประกันไว้ก่อนก็พอแล้วอีกต่อไป เริ่มพิจารณาลงไปที่รายละเอียด รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่เลือกของ AGA Insurance หรือชื่อเต็มคือ Allianz Global Assistance ขอบใจตัวเองที่ไม่งกเห็นแก่ถูกอย่างที่บอก
ตัวที่เลือกใช้ยังคงเป็นตัว Package พ่อแม่ลูกชื่อ Oasis Leisure คือซื้อประกันเดินทางให้ตัวเราเอง (พ่อแม่) จะคุ้มครองลูกด้วยทั้งแบบ 3 และ 4 คน (พ่อ แม่ ลูก 2 คน หรือ พ่อแม่ ลูก 1 คน) ที่ดีสุดคือการจ่ายตามจริงไม่มีกำหนดแบบประกันอื่นๆ ที่เคยซื้อมา
อย่างที่บอก เหตุการณ์ที่คุณยายป่วยที่ญี่ปุ่น ทำให้ตัดสินใจไม่ยากเลยครับ ใครที่คิดว่าประกันเดินทางไม่สำคัญกด link ข้างหน้าไปอ่านเลยจะเข้าใจ สำหรับคนที่สนใจจริงๆ ก็เข้าไปดูในเว็บเค้านะครับรายละเอียดของแต่ละ package มีบอกไว้หมดแล้ว ที่นี่เลย
บัตร Easy Card บัตรนี้ตั้งแต่เดินทางหนก่อนใช้ยังไม่หมดเลย บัตรสำคัญที่สามารถเอาไปเป็นส่วนลดการเดินทางรถไฟ รถบัสได้สะดวกคล้ายบัตร Rabbit บ้านเราเลย หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อหรือซื้อจากตู้กดที่สนามบินได้เลย ค่าบัตร 100 TWD ได้บัตรเปล่านะ เอามาเติมเงินกันต่อได้เลย
ซิม Travel Asia TruemoveH อันนี้ติดใจตั้งแต่ไปญี่ปุ่นหนก่อนใช้ดีจริงแต่ต้องเปิดซิมก่อนไปนะไม่งั้นได้ที่รองแก้วแทนซิมมือถือถ้ากะเอาไปเปลี่ยนใส่ที่ต่างประเทศก่อนจะลงทะเบียนซิมที่ True Shop ทุกสาขา อย่างสาขาที่เราไปเปิดคือชั้นG ที่ดอนเมืองเปิดง่ายลงทะเบียนซิมแป๊บเดียวแถมยังได้เน็ตใช้ฟรีในประเทศได้อีก 2 GB อีกด้วยนะ ระหว่างรอขึ้นเครื่องเล่นเน็ตกระจายได้เลย ดีงามมากเพิ่งมารู้ตอนซื้อซิมแล้วเปิดเบอร์ น้องที่เคาน์เตอร์เปิดแล้วก็จะแจ้งให้เราทราบเลย เรียกว่าเสียเงิน 399 บาท ได้เน็ตต่างประเทศ 4 GB+ ในประเทศ 2 GB เลยนะตอนนี้ประเทศอะไรบ้างไปดูกัน ที่นี่เลย แล้วกันนะ
ผมเดินทาง 7 วันไม่นับค่าตั๋วเครื่องบินผมแลกเงินไปแค่ 10,000 TWD และตั้งใจจะไม่ใช้บัตรเครดิตรูดอะไรนัก เดี๋ยวติดลม เอาว่าจะใช้ให้ได้แค่นี้ล่ะ
ที่พักสำหรับไทเปคืนแรก
สำหรับที่พักคืนแรกของเราเลือกมาพักที่คุ้นเคยกันดี ได้ข่าวจากเพื่อนๆ ที่ตามรอยจากรีวิวไปพักต่อจากเราว่ามี การ renovate ใหม่ตรงโซนกลางเราเลยเลือกกลับมานอนที่นี่อีกรอบกับ Mr Lobster’s Secret Den Design Hostel
ด้วยทำเลดีมากใกล้ๆ กับสถานีรถไฟหลักอย่าง Taipei Maim Station เรียกว่าเดินลากกระเป๋าถึงที่พักใน 10 นาทีได้เลย
ห้องพักรอบนี้เราได้เป็นห้องขนาดใหญ่มีหน้าต่างวิวดีอีกด้วย เราขอเพิ่มเตียงเสริมทาง รร. ก็ทำให้ตามที่จองมา (สังเกตภาพนี้นะครับ ผมปรับด้วยการเปิด Shadow ให้สว่างขึ้น และไม่ใช้ขาตั้ง น็อยส์ที่เห็นระดับ iso 6400 ไฟล์ก็ยังรับได้อยู่นะ อันนี้ขอชมเจ้า Canon EOS 77D )
ห้องน้ำกว้างดีและ อุปกรณ์ทุกอย่างก็ครบถ้วนพอให้เราใช้งานได้
โซนที่เป็น Hilight เสมอก็คงเป็นโซนห้องอาหาร รอบนี้ปรับปรุงใหม่มีที่นั่งมากขึ้นและทำให้มีมุมถ่ายรูปเพิ่มไปด้วย โดยรวมยังคงน่าพักและเท่ + เก๋ ไปในตัว
ข้อดีของที่นี่ที่ทำให้อยากกลับมานอนอีกเรื่อยๆ คือ ใกล้สถานีรถไฟ MRT Taipei Main Station ใกล้กับสถานีรถไฟวิ่งตรงสู่สนามบินได้เลย เดินไม่ถึง 500 เมตรเลย
ถือเป็นอีกที่ๆ แนะนำสำหรับใครที่จะมาแบบครอบครัวอย่างเราหรืออยากประหยัดนอนห้องรวมก็ยังได้
เริ่มต้นที่แรก..ไทเป (Taipei )
1. สวนสนุกกลางแจ้ง Taipei หรือสวนสนุกเด็กไทเป (Taipei Children’s Amusement Park)
ประทับใจตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาจากทางรถไฟแล้ว เพราะค่าตั๋วเข้าไม่เสีย เพียงแค่เราพกบัตร Easy Card ที่มีเงินในบัตรเรียบร้อยและโชว์ตรงทางเข้าเท่านี้ก็เข้ามาได้แล้ว เหตุผลเพราะทุกเครื่องเล่นจะใช้บัตรใบนี้ในการจ่ายเงินนั้นเอง โดยให้เราไปเสียเงินตามเครื่องเล่นที่เราอยากเล่นได้เลย และเอาจริงๆ ราคามันก็ไม่แพงเท่าไรเลยด้วย
เรามาช่วงหน้าร้อนอากาศมันก็จะอบอ้าวหน่อยเครื่องเล่นแต่ละตัวเราล้วนคุ้นเคยกันเช่นรถไฟเหาะตีลังกา ม้าหมุน รถราง ชิงช้าสวรรค์
แต่ๆๆ ทุกอันเวลาเราจะเล่นมันไม่แพงอย่างที่คิดเลยนะเริ่มต้นตั้งแต่ 20 TWD ขึ้นไปถือว่าถูกมากเลย 22 บาทเอง
ความดีอีกอย่างคือ เครื่องเล่นเหมาะกับเด็กวัยปัน แทบทั้งหมดเล่นได้ มีบางอันทำดีมากๆ เลยด้วยซ้ำอย่าง ชิงช้าสวรรค์นี้ร้อน
หนีไปขึ้นได้เลยนอกจากได้ดูวิวทั่วของบริเวณนี้แล้วยังได้ตากแอร์เย็นๆ ด้วย
ส่วนอีกอันที่ปันชอบมากกับเป็นอะไรบ้านๆ อย่าง Slider สองชั้นที่วนเล่นอยู่นั้นล่ะสามรอบเลย ดูหน้าตาเอาเองเลยครับ
ถือว่าเด็ดเหมาะกับครอบครัวที่อยากพาเด็กๆ มาเล่นเครื่องเล่นในสุดสัปดาห์
ส่วนตัวอยากแนะนำให้ลองมาเล่นกันหากมีเวลาอยู่ไทเป และย่านๆ ด้านนี้สร้างมาสำหรับเด็กทั้งนั้นเลย ไม่เชื่อไปดูลำดับถัดไปเลย
เวลาเปิด ปิด: วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00 – 20.00 น. หยุดทุกวันจันทร์และตรุษจีน
วิธีเดินทางที่แนะนำ: วิธีการมาที่สะดวกสุดคือ ทางรถไฟ MRT สายสีแดงลงสถานี Jiantan Station เดินมองหาทางออก Exit 1 ขึ้นมาจะเจอป้ายรถเมล์ สวนสนุกจะมีบริการ Shuttle Bus ฟรีทุกวันอาทิตย์ เวลา 08.00 – 18.00 น. และรถจะวิ่งรับส่งทุกๆ 4 – 6 นาที หรือต่อรถบัสหมายเลข 41 และ 529 มายังสวนสนุกแห่งนี้
2. ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์แห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan Science Education Center)
แค่เราเริ่มย่างก้าวเข้าไปยืนเก๊กท่าหน้าประตูก็รู้แล้วว่า ที่นี่เหมาะมาก หากจะพาเด็กเล็ก เด็กโต มาปล่อย เอ้ย มาเที่ยว ฮ่า ฮา ยิ่งพอเข้ามาเจอลานโล่งในอาคารสูง 10 ชั้น
แต่ละชั้นจะมีห้องแตกต่างกันเว้นแต่ชั้นลอยที่เป็นศูนย์อาหาร และเหมือนพิพิธภัณฑ์ทั้งหลายที่จะมีจัดนิทรรศการหมุนเวียนช่วงที่เราไปเป็นการแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษพอดี แถมกำลังมีการแข่งขันกันอยุ่ด้วย
และหากอยากเอ็นเตอร์เทนอีกหน่อยที่ ชั้นใต้ดิน เป็นโรงภาพยนตร์ 3 มิติ และมีโซนห้องอาหารและด้านหน้าเป็นเครื่องเล่น ปันก็ไปเล่นตรงนี้ละ ราคาไม่ได้แพงอะไรด้วย เกือบเสียเงินแล้ว
เด็กๆ เวลาเข้ามานอกจากได้ความรู้แล้วยังได้ความสนุกสนานตอนเราไปด้านบนจัดให้มีเครื่องเล่นสนุกๆ ปั่นจักรยานกลางอากาศพอดี ปันนี่วิ่งเข้าไปเลย และสนุกมาก (ขอให้สังเกตแววตาเด็กน้อยได้ ตัว Canon ผมใช้ระยะซูมสุดที่ 135 ก็ยังได้ภาพ Focus คมมากทีเดียวนะลองดูภาพเองเลย)
ถือว่าเป็นสถานที่ๆ เหมาะสมกับเด็กๆ มากได้ทั้งความรู้และสนุกสนานเราวนเข้าออกอยู่ด้านในกว่า 2-3 ชั่วโมง ทีเดียว
เวลาเปิด ปิด: เปิดทำการทุกวัน วันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ 9:00-17:00 น. วันหยุดพิเศษ และ เสาร์อาทิตย์ 9:00-18:00 น.
ค่าเข้าชม 100 TWD เด็ก 70 TWD
วิธีเดินทางที่แนะนำ: นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี MRT Taipei Main Station มาลงที่สถานี MRT Shilin Station เดินออกมาที่ทางออก Exit 1 เดินไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือหากรู้สึกไกลเกินจะให้เด็กๆ เดินไหวให้นั่งแท๊กซี่เลย ใช้เวลาจากสถานี Taipei มาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น Taxi Meterไต้หวันเริ่มต้นที่ 70 TWD และเพิ่มเป็นหลักกิโลเมตรเหมือนบ้านเรา
3. พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ Taipei Astronomical Museum
มาถึงพิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่ใกล้ๆ กับ 2 อับดับแรก ข้างในไม่กว้างเท่าข้อ 2 แต่มีความน่าสนใจที่ดึงใจเด็กๆ ได้ด้วยนิทรรศการที่ใช้ภาพยนต์เกี่ยวกับอวกาศมาทำให้น่าสนใจ
และยังมีกิจกรรมสนุกๆให้เด็กได้มีส่วนร่วมสอดแทรกไปกับการสอนให้รู้จักดวงดาว อันนี้ขอชมเลย แม้พื้นที่จะเล็กกว่าข้อสองมากแต่ใช้พื้นที่แต่ละชั้นได้อย่างมีประโยชน์จริง
แต่อาจจะปิดเร็วสักหน่อย ตอนเราไปถึงใกล้ปิดแล้ว อดขึ้นชั้นบนสุดเลยใครไปอย่าลืมขึ้นไปชั้นบนนะครับ
สำหรับด้านนอกยังมีสวนสนุกกลางแจ้งให้เด็กไปวิ่งเล่นได้นะ และเค้าทำเก๋มากที่ใช้ดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล เป็นตัวตกแต่งให้น่าสนใจมากขึ้นไปอีกด้วย เดินเล่นข้างในเสร็จแล้วลองแวะออกมาเล่นข้างนอกกันดูนะ
เวลาเปิด ปิด: หยุดทุกวันจันทร์ วันอื่นๆ 09.00-17.00 น. เสาร์ 09.00-20.00 น.
วิธีเดินทางที่แนะนำ: ตัวพิพิธภัณฑ์อยู่ใกล้ๆ กันกับข้อ 2 เพราะงั้นนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี MRT Taipei Main Station มาลงที่สถานี MRT Shilin Station เดินออกมาที่ทางออก Exit 1 เดินไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือไกลไปให้นั่งแท๊กซี่เลย ใช้เวลาจากสถานี Taipei มาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น Taxi ไต้หวันเริ่มต้นที่ 70 TWD และเพิ่มเป็นหลักกิโลเมตรเหมือนบ้านเรา
อย่างที่จั่วหัวไว้ Taiwan Again: 7 ที่พาครอบครัวเที่ยว ไทเป-อี้หลัน มันส์ดี๊ดี มาถึงเมืองถัดไปกันดีกว่า
เมือง Yilan
มาถึงเมืองใกล้ๆ ไม่ไกลจากไทเปนั่งรถบัสหรือรถไฟใช้เวลาไม่เกิน 60 นาทีเท่านั้นก็ถึงแล้ว ลองมาดูกันนะฮะเมืองนี้พาครอบครัวมาเที่ยวอะไรบ้าง
4. พามาชิลกับธรรมชาติที่ Wang Long Pi
หลังจากอยู่ในเมืองมาแล้ว เรามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ กับบรรยากาศธรรมชาติสวยๆ กันบ้าง
สำหรับที่นี่เป็นเสมือนป่าขนาดใหญ่โอบล้อมทะเลสาบ Wang Long Pi ไว้ตรงกลาง จุดดึงดูดสายตาทุกคนจะเป็นอะไรไม่ได้ก็คือสะพานโค้งกลางทะเลสาบที่เชื่อมเกาะกลางเอาไว้ ใครเห็นก็ต้องหยิบมือถือ หยิบกล้องขึ้นมา กดภาพกันทั้งนั้น
โดยปรกติคนอี้หลันมักจะมาใช้เวลากับครอบครัวพักผ่อนโดยตลอดสองฝั่งรอบสระน้ำสีเขียวใสขนาดใหญ่จะมีทางเดินพาเที่ยวโดยรอบ
มีร้านอาหารสไตล์ พื้นเมือง ร้านกาแฟเก๋ๆ อยู่รอบๆ ทะเลสาบ
สำหรับคนไต้หวันที่นี่เหมาะจะมาพักผ่อน หรือพาเด็กๆ มาวิ่งเล่น ไปพร้อมๆ กันกับได้เรียนรู้จักธรรมชาติสวยงาม การมาที่นี่ครั้งนี้ทำให้เรารู้เลยว่าคนไต้หวันอยากให้เด็กๆ เรียนรู้จากของจริงมากกว่าจะอยู่แต่ในบ้าน และสำหรับผู้ใหญ่ก็เหมือนมารีชารจ์พลัง ก่อนจะกลับไปลุยงานใหม่กันต่อ
รวมๆ เราชอบที่นี่กันมากมันทั้งสวยงาม และแสนสงบดีทีเดียวละ
เดินเมื่อย หรืออยากนั่งชิลชมธรรมชาติก็มีร้านขายชา และอาหาร อยู่ไม่ไกลเหมาะกับการนั่งรับลมเย็จากหุบเขารอบๆ ดีเลยทีเดียว
เวลาเปิดปิด: ตลอด 24 ชม.
วิธีเดินทางที่แนะนำ: ควรใช้รถส่วนตัวมาเพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟค่อนข้างเยอะ เราปักหมุดไว้ให้แล้วกดโหลด Google Map ได้เลย
5. Jimmy Liao Square แห่งเมืองอี้หลัน (Yilan)
หากเอ่ยชื่อ จิมมี่เหลี่ยว ให้คนไต้หวันสักคนเค้าจะพูดถึงด้วยความชื่นชมกันแทบทั้งนั้นเพราะนักวาดภาพ นักเขียนท่านนี้ถือเป็นคนที่ทำให้ไต้หวันเป็นที่รู้จักในระดับโลกในด้านงานศิลปะที่มีบรรยากาศอาคารเก่าที่จับมาตกแต่งเพ็นท์สีลงไป ผสมเข้ากับตัวการ์ตูนที่น่ารักและน่าสนใจ
และมาที่เมือง Yilan นี้ ยังไงก็ควรต้องแวะมาเที่ยวที่ Jimmy Lian Square กันเพราะเค้าทำให้บริเวณริมถนนใกล้กับสถานีรถไฟ Yilan Station กลายเป็นอาณาจักร์ศิลปะย่อมๆ ของเค้าเลย
หลายคนมาแล้วก็จะติดใจเพราะคาแร็คเตอร์เหล่านี้มีความน่ารักในขนาดเท่าตัวคน ให้เราได้ถ่ายรูปและยังสีสันของเหล่าอาคารในบริเวณนี้ทุกๆ วันจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนนักท่องเที่ยวมากมายที่แวะเวียนมาชมและถ่ายรูปด้วยตลอดทั้งวัน
ช่วงที่เราไปจะเย็นแล้วใกล้ๆ ค่ำ ภาพชุดนี้ก็ยังดูใส นอยส์ น้อยกว่าที่คิดทั้งๆ ที่เปิด AUTO ISO และเราเหลือบไปดูตอนถ่ายว่ามันพาไปถึง ISO 6400 เลย แต่ก็ยังถือว่าจัดการ น๊อยส์ ได้ดีมาก ดูจากภาพแม้จะผ่านการดึงแสงเงาแล้ว ก็ยังใช้ได้ดีทุกอย่าง ถือเป็นจุดขายของกล้องตัวนี้อยู่นะ
เวลาเปิด ปิด: ตรงบริเวณสวนฝั่งตรงข้ามสถานีจะมีตลาดศิลปะที่เปิดตั้งแต่บ่ายๆ ยัน 5-6 โมงเย็นก็จะเก็บของกันแต่ส่วนของ Jimmy Square จะเปิดทั้งวันแต่ถ้ามาค่ำไฟไม่มีถ่ายรูปยากนะให้ดีมาช่วงเช้าหรือบ่ายดีที่สุดเพราะ คนยังน้อยอยู่
วิธีการเดินทาง: จะให้ประหยัดนั่งรถไฟ HSR มาลง Yilan Station แล้วเดินออกมาเจอเลย เรามาครั้งแรกด้วยวิธีนี้แต่มีพิเศษสำหรับรอบนี้ลองอ่านต่อเลยนะอยู่ด้านล่าง
6. ศูนย์แสดงศิลปะอนุรักษ์ National Center for Traditional Arts
ทีแรกเราคิดว่าที่นี่น่าจะเฉยๆ หรืออาจจะเชยๆ เพราะดูชื่อแล้วชวนคิดแบบนั้นแต่พอได้เข้ามา มันเชยจริงๆ นั้นล่ะแต่ๆๆๆ เป็นความเชยที่เท่และเก๋มากมาย เดินเข้ามาจะเจอตึกอาคารบ้านเรื่อนในแบบที่ตั้งใจอนุรักษ์เอาไว้แต่ใส่ความ Art เข้าไปในแทบทุกจุด มีความเก๋ในแบบเก๋าๆ จนเรารู้สึกว่าเท่มาก
ยิ่งเดินเข้าไปเรื่อยๆ จะพบกับ Shop กึ่ง Art อย่าง Shop นี้จะมีโซนสอนทำ DIY และทดลองทำเอง เหมาะกับการพาเด็กๆ มานั่งทำงานประดิษฐ์ การปั้นปูนตุ๊กตา การเพ็นท์สี การทำร่ม การสอนเขียนพู่กันจีนให้กับเด็กๆ เลยไปถึงการใช้เศษไม้ เศษขี้เลื่อยมาทำ ที่เก๋ไปอีกคือ จักรยานไม้ทั้งคัน สวยมากนักปั่นเห็นก็คงอยากได้แน่ๆ เลย เรายังอยากได้เลย
เดินต่อๆ ไปจะมีโซนถนนStreet Art สองข้างทางมีร้านรวงขายของเก๋ๆ น่าซื้อจากในไต้หวันมารวมไว้ นับว่าเป็นย่านที่คึกคักที่สุด และด้านหน้ายังมีลานกว้างไว้แสดงโชว์ด้วยก็เป็นการแสดงงิ้วแบบประยุกต์ให้เข้ากับสถานที่ดึงให้เด็กๆ และวัยรุ่นสนใจได้ไม่ยากเลย ดูเพลินดีมาก
ตบท้ายด้วยของร้านของกินจะเน้นอาหารไต้หวันเป็นหลัก เด่นๆ ที่เราเห็นนิยมมากเลยคือข้าวหมูพะโล้ รสชาติคือ หมูพะโล้บ้านเราเลย อร่อยดีฮะ เสิร์ฟพร้อมผักดองเปรี้ยวๆ กินแกล้มกันลงตัวดี
บ้านเราใช้เวลาอยู่ในนี้เกือบค่อนวันยังไม่อยากไปไหนเลย ไหนจะยังมีร้านคาเฟ่เหมาะกับครอบครัวน่ารักน่านั่ง สีสันชวนถ่ายรูปเยอะเลย เดินไปทางไหนเจอเด็กๆ วิ่งกันเต็มไปหมด วัยรุ่นเองก็มาเที่ยวกันเยอะอยู่นะ เอาว่าคุ้มค่าเข้า 150 TWD จริงๆ
เวลาเปิด ปิด: 9.00-20.00 น. ขายบัตรสุดท้ายไม่เกิน 17.00 น.อย่ามาสายกว่านี้อดเข้าแน่ๆ
ค่าเข้า: High Season 250 TWD Low Season 150 TWD เด็ก High Season 200 TWD Low Season 120 TWD
วิธีการเดินทาง:
จากสถานีรถไฟ Luodong Station ให้ต่อรถบัส Taiwan Tourist Shuttle Bus สาย Dongshan River Route No.260 จากบริเวณป้ายรถตรงด้านหน้า ขึ้นรถบัสไปลงสุดสาย หรือหากเอาสะดวกสุดนั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟจะอยู่ราวๆ 100-140 TWD ขึ้นอยู่กับรถติดหรือไม่
7. ตลาดกลางคืนเย่ซื่อ หรือ Luodong Night Market
มาเมืองอี้หลันทั้งที ขอมาปิดท้ายด้วยอีกที่ห้ามพลาด คือการมาเดินชิมของกินแบบ Street Food ที่ตลาดนี้กัน ของกินเยอะมากเป็นตลาดกลางคืนที่เปิดทุกวันใครมาก็สามารถแวะมาได้เพราะไม่ไกลจากสถานี Yilan Station นั่งถัดมาแค่ 1 สถานี เท่านั้น
จุดเด่นตลาดนี้ก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากอาหารเป็นตลาดที่ปิดสี่แยก 2-3 บล็อกกันเลย ถือว่าใหญ่ทีเดียว โดยเฉพาะอาหารประเภทปิ้งย่าง ที่ปรุงด้วยต้นหอมของเค้าแทบทุกๆ เมนูปิ้งย่าง หรือแม้แต่พวกทอดที่มีไส้จะมีต้นหอมยักษ์นี้เป็นส่วนผสมเสมอ สนนราคาก็ไม่ได้แพงอะไรประมาณ 40-50 TWD ไม้อย่างใหญ่เลย
เดินต่อมาเจอแป้งทอดคล้ายๆ แผ่นโรตี แต่ก็ยังคงใช้ผักต้นหอมไต้หวันมาปรุงด้วยอยู่ดี ผมลองชิมดูอร่อยดีรสชาติไปคล้ายกุยช่ายจริงๆ ด้วย ตัวผักมันดูใกล้เคียงมากกว่าจะเป็นต้นหอมแบบบ้านเรา คนกินกุยช่ายได้ก็กินได้เช่นกัน ให้ดีก่อนมาอย่าพึ่งกินอะไรเพราะของกินที่นี่มีทุกอย่าง เดินชิมเดินกินไปเรื่อยๆ อิ่มแน่ นอกจากพวกชานมไข่มุก อีกเจ้าที่เจอบ่อยๆ
ถ้ายิ่งมาเดินช่วงอากาศเย็นจะดีมาก ช่วงที่เราไปหน้าร้อนก็ร้อนหน่อยแต่เดินเพลินไปก็ไม่คิดอะไรมากครับ นับเป็นตลาดที่ยกให้ของกินชนะเลิศเลย
ตบท้ายด้วยเมนูนี้คือน้ำมะนาวแบบมีเนื้อวุ้นๆ ตรากบ (คือที่ตัวรถเข็นเค้าแบะรูปกบไว้อ่ะนะ เราเลยเรียกแบบนี้เลย) และบางทีก็เจอแม่ค้าหน้าหวานยืนขายน้ำหวานแบบนี้อยู่ด้วยนะ
เอ้ยๆ แม่ปันมองมาล่ะ ขอบายกันตรงนี้ก่อนละนะฮะ ก่อนจะโดนบรรยากาศตะคุ่มๆ มาด้านหลังแว้วววว ฮ่า ฮา
เวลาเปิด ปิด: ตั้งแต่ 16.00-24.00 น เดินได้
วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟจากสถานี Yilan Station ไป 1 สถานี ลงสถานี Luodong Station ราคาค่ารถไฟ 14 TWD
วิธีการเดินทางมาเมือง Yilan ที่อยากแนะนำสำหรับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนที่จะมาหลายๆ คน
สำหรับบ้านเรารอบนี้ เราเลือกที่ใช้บริการรถเช่าแบบมีคนขับหลังจากลองค้นหาดูในเว็บแนะนำทั้งหลายสุดท้ายมาได้คำตอบจากเพื่อนๆ blogger ด้วยกันเองให้รู้จักคุณบอล จากเพจ Family travel ยิ่งพอรู้ว่าเป็นคนไทย พูดไทยได้ แบบนี้ยิ่งเหมาะกับบ้านเราเข้าไปอีกเพราะเราสามารถให้คุณบอลพาครอบครัวเราเที่ยวไปได้ทั่วหมดหากต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวใน 1 วันรอบๆ เมืองไทเป เรามีโอกาสใช้บริการในทริปนี้ 2 วัน วันแรกเลือกเส้นทางเมือง Yilan ซึ่งคุณบอลมาตามนัดกันที่โรงแรมเราแต่เช้า ด้วยรถ Mini Mpv 5 ที่นั่ง (ในไต้หวันมีกฎหมายห้ามโดยสารเกิน 4 คนในรถ Size นี้)
เพื่อมุ่งหน้ามาที่เมืองอี้หลัน โดยเราจะไปที่ไหนให้ตกลงกันก่อนคร่าวๆ นะครับ ถึงเวลาจริงๆ สามารถปรับเปลี่ยนให้ตรงความต้องการอีกครั้งได้ขอให้อยู่ในเขต รอบๆ ไทเป 5 เมืองนี้ (ไทเป ,เถาหยวน, จีหลง, นิวไทเป, อี้หลัน) สามารถเริ่มเวลาทำงานได้ตั้งแต่เช้าจนถึงมืดนะจะไปไหนก็ได้ ที่สำคัญแกเป็นคนไทยที่รูจักไต้หวันดีทีเดียว จึงเสมือนเป็นไกด์ให้เราได้ไปในตัวครับ และก็จะพาเราเข้าไปเที่ยวในแต่ละจุดด้วยตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยเราลงไปแล้วไปนั่งรอเฉยๆ คืออันนี้ดีมาก ด้วยอัธยาศัยใจคอที่เป็นคนพร้อมจะบริการก็ยิ่งทำให้เราประทับใจขึ้นไปอีก อ่อสุดท้าย คือแกเป็นช่างภาพสมัครเล่นครับ ระหว่างออกทริปไปด้วยกัน ภาพตัวเองหรือภาพครอบครัวก็ได้แกช่วยถ่ายให้นี่ล่ะ ไม่งั้นไม่มีรูปตัวเองแน่ๆ เลย เป็นประโยชน์กับลูกทริปทุกคนแน่ๆ อันนี้คือเบื้องหลังแกนะครับ
รถที่ใช้จะเป็นมินิแวน 5 ที่นั่งครับและ แกมีอีกคันเป็นรถตู้นั่งได้ระดับ 8-9 คน รองรับได้สบายมาก สามารถติดต่อคุณบอล ที่นี่เลยนะครับ เค้ามีเพจด้วย ตอบเร็วมากหากไม่ได้ขับรถอยู่
จบแล้วสำหรับตอน Taiwan Again: 7 ที่พาครอบครัวเที่ยว ไทเป-อี้หลัน มันส์ดี๊ดี เป็นไงบ้างหวังว่าจะมีประโยชน์กับใครๆ ที่กำลังจะพาครอบครัวไปไทเป-อี้หลัน กันนะ ใครที่สงสัยสามารถสอบถามเราได้เร็วและใกล้ชิดขึ้นอีกนิดที่ Fanpage ที่นี่เลย www.facebook.com/one22family จะตอบได้เร็วมากเลย
ตอนหน้าจะพาเที่ยวเมือง TaiChung กันต่อนะครับ เมืองชิคๆ อาร์ตๆ น่ารักแม้ขนาดเมืองจะดูใหญ่โต แต่มุมฮิบ มุมเก๋ เยอะมากกับ Taiwan อีกครั้ง ไถจง 36 ชั่วโมงเที่ยวแบบครอบครัว สายชิลสายอารต์อย่าพลาด ไปดูกันต่อได้เลยฮะ
สำหรับตอนนี้ลากันตรงนี้ก่อน
สวัสดีฮะ