สวัสดีครับ วันนี้ Tummeng Travel กลับมา ชวนเพื่อนๆ ไป ปั่นจักรยาน ชิลล์ๆ กันอีกครั้งนะครับ
วันนี้ เป็นการ ไปปั่น ที่ จังหวัด พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์ กับ ทริปของ นกแอร์ ที่จัดขึ้นเมื่อเดือน เมษายน
ที่ผ่านมา ครับ โดยใช้ชื่อทริปว่า ปั่นตะโกนบอกฟ้า ที่ผาบอกรักครับ
เส้นทางปั่น จะโหด มันส์ ฮา ขนาดใหน ตามมาชมกันได้เลยครับ
หาก ท่านใดต้องการ ติดตามชมรีวิวเก่าๆของผมสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://pantip.com/profile/243129
ส่วนใครอยากติดตามผลงานแบบอัพเดตทันใจ เชิญได้ที่ แฟนเพจ https://www.facebook.com/TummengMagazine
จากที่หลายๆทริปที่ผ่านมา นกแอร์ มักจะจัดทริป ปั่นจักรยาน ตามหลายๆจังหวัด ตามคำเชิญของแต่ละพื้นที่ มาคราวนี้
ก็ออกมาปั่น กันที่ พิษณุโลก – เพชรบุรณ์ โดยมี เส้นทางการปั่นๆ หลักๆ อยู่ที่อุทยาน แห่งชาติภูหินร่องกล้า ครับ
และผม ในฐานะ ที่ติดตามทริปปั่นจักรยาน มากับนกแอร์แทบทุกทริป ก็เลย ได้ โอกาส มาร่วมทริปครั้งนี้ด้วยอีกครั้ง
เส้นทางปั่นหลักๆของทริปนี้ ก็ตามในแผนที่นี้เลยครับ เผื่อใครสนใจจะไปปั่นตามรอย ครับ
มาเริ่มกันที่ สนามบินดอนเมืองครับ เช็คอิน โหลดกระเป๋า และโหลดจักรยานขึ้นเครื่องฟรี กับนกแอร์ ครับ แต่ต้องห่อ และ ปล่อยลมยางให้เรียบร้อยก่อนโหลดขึ้นไป
กทม-พิษณุโลก ใช้เวลาเดินทางไม่นานครับ ประมาณ 45 นาที เท่านั้น เราก็มายืนอยู่ที่สนามบิน พิษณุโลกกันแล้ว
หากใครต้องการไป สุโขทัย อุตรดิตถ์ ก็ต่อรถไปได้เลยครับ นกแอร์มีบริการ
จุดหมายแรก เราไปแวะ เปลี่ยนเสื้อผ้า และ รับประทานอาหารว่างกันที่ ร้านกาแฟ และ รีสอร์ท ชื่อดังเมืองพิดโลก คือ เรนฟอร์เรส ครับ
มีอาหารว่าง ชากาแฟ เตรียมพร้อม เพราะ ต้องนั่งรถออกมานอกเมืองเพื่อไปยังจุดเริ่มปั่นจุดแรกครับ นั่งรถออกมาเป็นชั่วโมง เหมือนกันครับ
และแล้วก็มาถึงยังจุดเริ่ม ปั่นจักรยานครับ ครั้งเรา เริ่มต้นกันที่ “วัดสามแสงธรรม” ห่างจากทางเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ประมาณ 10โล
นักปั่นก็เอาจักรยาน ที่ใส่มาในรถหกล้อ ลงมา ประกอบ เติมลมยางอีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมปั่นกันวันนี้
ทริปนี้มีแขกรับเชิญ พิเศษ คือ ครูแนท the voice ครับ ขวัญใจ ผม ตอนนั้น ผมอุส่าเชียร์ โหวต ไป 1 ครั้ง อิอิ ครั้งมาเจอเลยขอถ่ายรูปคู่ซะหน่อย โดยครูแนท ก็ชอบปั่นจักรยานด้วยครับ ครั้งนี้ เอาจักรยานมาเองเลย
ส่วนแขกรับเชิญอีกท่าน เป็นผู้ชายครับ คุณหมอล๊อต สัตว์แพทย์ ผู้โด่งดัง ที่ชื่นชอบในการปั่นจักรยาน เช่นกัน
หลักจากจัดแต่งจักรยานกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะปล่อยตัวแล้วครับ มาถ่ายรูปหมู่กันก่อน จะเริ่มปั่นครับ
เมื่อเริ่มปั่น ทุกคนก็ ควบจักรยานคู่กาย ออกมาปั่น ทันที นำขบวนโดยหมอล๊อตสุดหล่อขวัญใจสาวๆ
จริงๆ ตามกำหนดการ จะเริ่มปั่น 4 โมงเย็น แต่ เนื่องจาก ความล่าช้าหลายอย่าง กว่าจะปั่นได้จริงๆ ปาเข้าไปเกือบ 5 โมงเย็นครับ
โดยระยะทางในช่วงแรกๆ เป็นทางเรียบผ่านหมู่บ้าน เล็กๆ ทุกคนก็ปั่นกันสบายๆ ครับ
ปั่นไปได้ ระยะนึง ก็เริ่มจะมีลงเนิน ขึ้นเนิน บ้างละครับ นักปั่นหลายคน ที่ร่างกายไม่พร้อม ก็เริ่มจะหมดแรง
ส่วน คนที่ ฟิต มาดีก้ยังปั่นได้แบบสบายใจครับ มีเนิน เล็กๆ ไม่กี่เนิน แต่ เวลาก็เริ่มผ่านไปเร็ว
ปั่นกันยังไม่ถึงจุด พักแรก พระอาทิตย์ก็เริ่มจะลับขอบฟ้าซะแล้ว
ถึงแม้จะเริ่มมืด แต่ก็ยังคงปั่นกันได้ ยังพอมองเห็นทาง อีกอย่างเส้นทางนี้ รถวิ่งไม่ค่อยเยอะ
ถือว่ายังปลอดภัยระดับนึง และยังมีรถนำขบวนคอย แจ้งเป้นระยะ ว่ามีรถสวนทางมา
ในที่สุดก็มาถึง จุดพักจุดแรกครับ ที่ ปากทางเข้า อุทยานภูกินร่องกล้า แวะพักดื่มน้ำ พักขากันก่อน เพราะ หลังจากนี้ จะเป็นการปั่นขึ้นเนิน อย่างเดียว เพรียวๆ เลยครับ จากปากอุทยาน ไปยังที่ว่าการอุทยาน
ยกที่สองเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ เป้นการปั่นขึ้นเนิน ในเวลาพลบค่ำ จักรยานต้องเปิดไฟ ที่ติดมากับรถด้วยครับ เพื่อความปลอดภัย
นักปั่นหลายๆคน ปั่นขึ้นมาได้ ไม่ถึงครึ่งทาง ก็ต้องยอมแพ้ ขึ้นรถเซอร์วิส แทนครับ เพราะ เส้นทาง โหดมาก ครับ
แต่หลานคนก็ยัง ตั้งใจปั่น ขึ้นไปให้ไกลที่สุด ด้วยกำลังใจอันแน่วแน่ ส่วนใหญ่จะปั่นขึ้นมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นครับ ก้ต้องยอมแพ้ไปเพราะ หมดแรง และ เส้นทาง ก็มืดเกินไปด้วยครับ เนื่องจากเราเริ่มปั่นกันช้าไปหน่อย
สุดท้ายมีคนปั่นถึง ที่ว่าการอุทยานแค่ 4 คนเท่านั้นครับ และคืนนั้น เราเข้าพักกันที่ บ้านพักเรือนรับรองของอุทยาน มีปารืตี้มื้อค่ำกันเล็กน้อยเป็นการ โชว์ร้องเพลงจาก ครูแนท เดอะว๊อยซ์ ครับ ก่อนจะกลับมานอนกันด้วยความอ่อนเพลีย
ตื่นเช้าขึ้นมา วันที่ 2 อากาศดีมากครับ ทั้งที่ ช่วงที่ไปเป็นเดือน เมษายน แต่ อากาศ ที่ภูหินร่องกล้า ในตอนเช้า อุณหภูมิแค่ 20 องศา นิดๆ เท่านั้น บางคนก็ออกมาปั่น ชมวิว ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากัน บางคนก็ออกมานั่งทานอาหารเช้า ที่ร้านค้าสวัสดิการ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว เราก็ มานั่งฟังวิทยากร พูดถึงความเป้นมาคร่าวๆ ของภูหินร่องกล้า กันสักนิดนึงครับ
หลังจากฟังเสร็จแล้ว ก็ออกมาเตรียมพร้อมปั่นเสตรจ ที่ 2 ของทริปกันครับ โดย ช่วงที่สองนี้ จะเป้นการปั่น ภายใน อุทยานภูหินร่องกล้า จะมี ขึ้นเนินลงเนินบ้าง แต่ไม่ได้ขึ้นหนักเหมือน เมื่อวานเย็น
จุดแรกที่ไป ก็คือ ลานหินแตกครับ ปั่นออกจาก ที่ว่าการแปบเดียว ลงเนินซะส่วนใหญ่
เมื่อมาถึงก็เอาจักรยานจอดไว้ด้านนอก แล้วเดินเข้าไปครับ
ปัญหานิดหน่อย ตรงนี้ คือ นักปั่นหลายท่านใส่รองรองเท้าสำหรับปั่นจักรยาน ทำให้เดินลำบาก อยู่บ้าง สำหรับที่นี่ บางคนถึงขั้นถอดรองเท้าเดิน แต่หินก็ร้อนซะ เท้าเกือบสุก
เดินเข้าไป 400 เมตร ก็ถึง ลานหินแตก ซึ่งเป็น สมรภูมิรบ ที่โชกโชน ในสมัยก่อน หากใครอยากรู้ประวัติลองไปหาอ่านดูได้ครับ ให้เล่าตรงนี้ สามวันอาจจะไม่จบ 555
จุดที่สองที่ไปคือ ลานหินปุ่ม ครับ แต่เนื่องจาก เวลามันกระชั้นมาก เลยไปถึงแค่ ทางเข้า แล้ว ก็ต้องรีบปั่นออกมา เพราะ จุดหมายหลักของวันนี้ อยู่อีกที่ หนึ่ง รอบนี้ มีปั่นย้อนขึ้น มาบ้างแล้วครับ
บางคนที่ร่างกายไม่พร้อม ก็ขึ้นรถ เซอร์วิส ไปครับ
และแล้ว ก็มาถึงจุดหมายสุดท้าย ของการปั่นทริปนี้ ครับ คือ จุดชมวิวแห่งใหม่ ของ อุทยานภูหินร่องกล้า นั้นคือ ผาบอกรักครับ
เป็นจุดชมวิว ที่ มีผาหิน ยื่นออกไป มองเห้น ทิวป่า และยอดดอย สวยงาม ครับ
จริงๆ น้องจากผาบอกรัก ยังมีอีกหลายผา นะครับ ไกล้ๆ กัน แต่ละผาก็มีชื่อ ต่างกันไป ทั้งผาคู่รัก ผาไททานิค และอีกหลายผา ต้องลองไปดูกันเองครับ
ใหนๆ ก็มาแล้ว ก้ต้องตะโกน ให้สมกับชื่อทริป ปั่นตะโกนบอกฟ้า ที่ผาบอกรักสักหน่อย
หลังจากออกจาก อุทยานภูหินร่องกล้า คณะเราก็ นั่งรถไปยังเขาค้อ เพื่อที่จะไป ทานอาหารเที่ยง ซึ่งเลทมาจนเกือบ บ่ายสองโมง ที่ เขาค้อทะเลภู
ทานข้างเสร็จ ก็ เดินทางไปยัง วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดชื่อดัง ของเขาค้อครับ
หลายๆคนคงเคยมาที่นี่กันแล้ว ตอนผมมาครั้งแรก และ ครั้งที่ สอง พระเจ้า 5 พระองค์ นี้ ยังสร้างไม่เสร็จ เลยนะครับ แต่ตอนนี้ สร้างเสร็จแล้ว
มากี่ครั้งก้ยังคนเยอะเช่นเดิม สำหรับวัดนี้ ครับ แต่ความสวยงามก็ยังคงมี เสมอ
แดดออก สลับกับเมฆ ครึ้ม เล่นเอาถ่ายภาพยากเอาการครับ
ใช้เวลา อยู่ที่วัด ประมาณ 1 ชั่วโมง เราออกเดินทางไปยัง ร้าน story of cup อีกหนึ่งร้านดัง ของเขาค้อครับ เพราะ แวะ จิบกาแฟ น้ำชา ยามบ่ายๆ เย็นๆ
ก่อนจะตรงดิ่ง กลับเข้าไปยังที่พัก ที่ตัวเมืองพิษณุโลก อีกครั้ง
เช้าวันสุดท้ายของทริป เรามีโปรแกรมนั่งรถรางชมเมือง พิษณุโลกกันครับ
ก็นั่งกันชิลล์ๆ แดดออก สลับกับ ฟ้าตรึ้ม ชม เมือง และ ประวัติศาสตร์ของเมือง สองแคว จาก ทีมงาน ททท พิษณุโลก ครับ
แล้วรถก็มาจอดที่ ..พระราชวังจันทน์ตั้งอยู่ติดกับค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 ถ.วังจันทน์ โดยเป็นที่ตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งในอดีตยังเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม …
…ในปัจจุบันนี้ผู้คนมากมายก็ยังเดินทางมากราบไหว้ศาลสมเด็จพระนเรศรวรมหาราชกันอยู่ไม่ขาดสาย และในวันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเราได้แวะมากราบไหว้ที่พระราชวังจันทน์นี้เช่นกัน
หลังจากทาน ข้าวเที่ยงแล้ว ทีมเราก็ แวะไป ชมพิพิธภันฑ์ พื่นบ้านจ่าทวี ครับ โชคดี วันนี้ ลุงจ่าแกอยู่ด้วยเลยมีโอกาส เก็บภาพบุคคลสำคัญ คนนึงของบ้านเมืองเราครับ
เพราะ ที่นี่ จ่าทวี เก็บรักษา ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เป้นของไทย ของพื้นบ้าน เพื่อให้ลูกหลานเราได้เรียนรู้สืบต่อกันเรื่อยไปครับ
ช่วงบ่ายๆ ก่อนค่ำ แวะไปไหว้พระ พุทธชินราช สักหน่อยครับ เพื่อเป้น สิริมงคล ในชีวิต
พอถึงตอนค่ำก่อนขึ้นเครื่องกลับ คณะเรา ได้มายัง ถนนคนเดิน พิษณุโลกครับ เพื่อ มาร่วม งาน รำวง ย้อนยุค กับ พี่น้องชาวพิษณุโลก งานนี้ ทั้งหนุ่ม ทั้งแก่ รำวงกันอย่างสนุกสนาน
ชาวพิษณุโลก กับชาวนกแอร์ออกสเต็ปกันเต็มที่ เพราะไฟล์ต กลับ สามทุ่ม เลย ไม่ต้องรีบร้อน
สุดท้าย งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลาครับ
ทุกคนกลับบ้าน กันด้วย รอยยิ้ม และ สุขภาพ ที่แข็งแรง หลังจาก ออกทริปปั่น ท่ามกลางธรรมชาติ ที่สดชื่น ในครั้งนี้
และผมก้ขอลา การรีวิว ทริป ปั่นตะโกนบอกฟ้า ที่ผาบอกรักไว้ ตรงนี้ ด้วยครับ พบกัน ในรีวิว หน้าครับ
ขอบคุณครับ