สวัสดีปีใหม่ครับ
ปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆคนที่มีโอกาสแวะเวียนมาทักทายหรือเยี่ยมชม จะด้วยตั้งใจหรือบังเอิญ มาเจอกัน ผมเหมาว่าเรารู้จักกันแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนสุขสมหวัง โรคภัยอย่าได้มาเบียดเบียน สิ่งใดที่ตั้งใจไว้ปีนี้ขอให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ตลอดปี 2553 นี้นะครับ
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อกับวันที่ 3 ที่ผมจบไว้ที่ ปางอุ๋ง และแวะไปรีวิว ที่สบป่องริเวอร์ อินท์ ที่พักปางมะผ้า มาวันนี้ผมจะพาทุกๆคนเข้าไป ยัง “ปาย” เมืองที่แสนจะโด่งดังเหลือเกินในแม่ฮ่องสอน เมืองที่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายให้คนนำมาเล่าเปรียบเทียบ ต่างๆนานา มีเรื่องราวเล่าถึงทุกแง่มุมของปายออกมาให้ได้ยินตลอด
สำหรับผมแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา ผมได้สัมผัสจากภาพถ่าย เรื่องเล่ามากมายของใครหลายๆคน จนวันที่ได้กลับมาอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้สร้างความรู้สึกแปลกและแตกต่างกับเราทั้งคู่พอสมควรทีเดียว ผมขอเริ่มพาคุณๆเที่ยวต่อกับผมเลยครับ
ภาพกว่าร้อยภาพเก็บใส่ Gallery ไว้เช่นเคยเชิญชมภาพได้ตามอัธยาศัยครับ
http://blog.one22.com/pics/longtrips/honeymoon-in-north-trip/honeymoon_day3
มาเที่ยวกันต่อกันดีกว่านะ
กว่าจะออกจากหมู่บ้านรักไทยก็เลยเที่ยงมาเยอะแล้ว เรามุ่งหน้าจะกลับที่พักเพื่อเก็บของและเตรียมย้ายกันไปยังปายต่อ
ระหว่างทางผ่านจุดแวะชมวิวกิ่วลม เห็นท้องฟ้าเข้มๆและอากาศดีๆแบบนี้ไม่แวะคงไม่ถูกใจคนข้างๆเท่าไร
หลังจอดรถ ผมลงเดินไปที่ป้ายบอกจำนวนโค้งนับพันที่วิ่งมา ป้ายนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อครั้งก่อนก็มาถ่ายรูปกับป้ายนี้ไว้
เวลาผ่านไปไวจริงๆ และแล้วก็ได้กลับมาที่ป้ายนี้อีกครั้ง หลังจากเดินเข้าไปใกล้ๆ สังเกตุที่สงสัยป้ายนี้มันมีเจ้าของเสียแล้วสิ ท่าทางจะพึ่งพิชิตมาเหนื่อยๆแล้วจอดยาวที่นี้เลย
ผมหันกลับไปให้บอกใบ้เธอให้ดูภาพที่เห็นจะว่าขำก็ขำ อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้นนี้
หลังจากถ่ายภาพผมสำรวจรอบๆ พบกว่าเดี๋ยวนี้มีชาวเขาและชาวบ้านเอาของมาขายกันเยอะเชียวทั้งของที่ระลึกและเสื้อผ้าโดยเฉพาะเสื้อยืด เยอะกว่าปรกติ เราทั้งคู่เดินเลยเข้าไปยังจุดชมวิวเพราะวิวตรงหน้าชวนให้เข้าใกล้ถึงใกล้มากๆทีสุด
วันนี้โชคดีอากาศแจ่มใสอย่าบอกใคร ฟ้าสีเข้มๆตัดกับทิวเขาสุดสายตา แถมโชคดีซ้ำสองที่มีดอกบัวตองบานขึ้นแถวๆนี้สีเหลืองของดอกจึงตัดกับสีท้องฟ้าเข้มๆดูแจ่มดีจริง
ผมยกเจ้ากล้องตัวเก่งเก็บภาพตรงหน้ามาเยอะเลยทีเดียวเมฆปุยขาวๆ ลอยเอื่อยๆ ยังกับรู้ใจให้ได้เก็บภาพ
“อากาศดีจริงๆ” เสียงสาวเจ้าพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“มาถ่ายรูปให้หน่อยสิ” เธอพูดพร้อมกวักมือให้เดินตามไปถ่ายใกล้ๆกับแนวทิวเขา
หลังเก็บภาพให้แล้วผมก็ยังคงเดินเก็บวิวต่างๆเพิ่มๆ สำหรับตากล้องสมัครเล่นที่ขาดอุปกรณ์(และฝีมือ)ดีๆอย่างผมแล้ว สภาพอากาศและแสงขนาดนี้มันชวนให้ถ่ายภาพจริงๆ
เราเดินชมของอีกพักใหญ่ก็ได้เวลาไปกันต่อแล้ว เพื่อไปยัง สบป่อง ริเวอร์ อินท์ ยังไม่ได้เก็บของใส่กระเป๋าเลย
หลังถึงที่พักต่างคนต่างจัดการธุระส่วนตัวด้วยเวลาอันรวดเร็วเนื่องด้วยมันเลยเวลา chek out แล้ว หลังจัดการะธุระส่วนตัวเรียบร้อยผมเดินออกมาเก็บภาพวิวรอบๆอีกเล็กน้อยเพราะเมื่อวานไม่ได้ถ่ายตอนกลางวันซักเท่าไหร่เลย กลางวันของสบป่อง อากาศเย็นกำลังดีไม่ร้อนเพราะได้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่รอบๆที่ปลูกไว้ครึ้มบังแดดให้ และสายน้ำลาง ด้านล่างก็ช่วยให้บรรยากาศน่ารื่นรมย์เสียนี้กระไร
ไม่นานสาวเจ้าก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ที่ขนกันลงมา เดินกลับออกมาจนถึงด้านหน้ารีสอร์ทเข้าไปร่ำลาและคืนกุญแจ ผมขอโทษคุณจอยที่ใช้เวลาเกินไปเยอะ
คุณจอยเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับมาพร้อมบอกว่า “ไม่เป็นไรคะ อย่าลืมกลับมาเยี่ยมที่นี่ใหม่นะคะ”
เสียงใสอารมณ์ดีๆ ผมนึกคำตอบในใจได้แทบจะทันทีว่าต้องกลับมาเยี่ยมเยียนที่พักแสนอบอุ่นแห่งนี้อีกแน่นอนครับ
ห
หลังร่ำลาด้วยมิตรภาพและความประทับใจผมก็รีบบึ่งกลับสู่เส้นทางนับร้อยโค้งเพื่อไปยัง เมืองปายอันเป็นเป้าหมายของเรา ระยะห่างกันราว เกือบครึ่งร้อยกิโล เราขับกันเรื่อยๆไม่ถึง ชม.ดีก็มาถึงหลักกิโลเกือบสุดท้ายเลยขอแวะที่หลักกิโลที่ 2 กันโดยตัวเลขแอบมีนัยที่เกี่ยวกับเราทั้งคู่นิดนึง
ก่อนเข้าตัวเมืองผ่านสะพานแม่น้ำปาย มาถึงทั้งทีไม่แวะกดภาพก็กระไรอยู่
ภาพแม่น้ำปายไหลเอื่อยๆตรงหน้าชวนให้ลงไปเดินเล่นแต่เราก็ อดใจไว้ก่อนเพราะที่พักคืนนี้ยังไม่ได้หากันเลย
มากันวันธรรมดาแบบนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าที่พักน่าจะพอมีให้เราได้เลือกกันพอสมควรล่ะน่า ขับรถเข้าเมืองกันดีกว่า
ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเมืองมากเท่าไหร่ ความแปลกหน้าของผมและปายก็มากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดผมเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงของปาย ก็ยังต้องแปลกใจ
ถนนสองเลน แคบๆแต่ก่อนเดี๋ยวนี้ยิ่งดูแคบกว่าเดิมมาก ร้านขายของ ร้านอาหาร และการขับรถเป็นวงกลมที่ไม่สามารถจะเลี้ยวได้ดั่งใจแบบแต่ก่อนก็เปลี่ยนไป
เพราะทางตำรวจก็ปรับการใช้ถนนในเมืองเสียใหม่หมด ป้ายตรงแถวๆปั้มน้ำมันที่เคยมีโบว์ชัวร์มาแปะแนะนำที่พักต่างๆ วันนี้ก็เยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า ไฟแดงที่แต่ก่อนมีแค่ 1,2 สี่แยกเดี๋ยวนี้ก็มีทุกแยกแล้ว แถมตำรวจยังมาคอยอำนวยความสะดวกช่วยระบายรถตามสี่แยกให้วิ่งกันได้ง่ายขึ้น นับว่าสิ่งเหล่านี้ดูเปลี่ยนไปมากสำหรับผมทีเดียว หลังจากขับรถวนไปมา สุดท้ายเราก็สามารถหาที่จอดรถได้แม้จะต้องเดินเข้ามาหาที่พักไกลซักหน่อยอย่างน้อยก็ไม่ทำให้การจราจรภายในตลาดติดขัดมากขึ้น
หลังจากตะเวณหาที่พักจนเหงื่อซึมกันเล็กน้อยเดินอยู่เกือบชั่วโมงและแล้วเราก็ได้ที่พักอยู่ฝั่งตรงข้ามสะพานไม้ไผ่ด้านหลังชิดติดริมน้ำปายเลยทีเดียว “ปายในฝัน รีสอร์ท”
ที่พักที่เปิดให้บริการมาไม่กี่ปีนี้เอง ที่พักหลักพันต้นๆที่หาได้ในวันธรรมดาแม้จะเป็นช่วงเข้าสู่หน้า Highแล้ว
หลังจากที่เรามาคราวก่อนที่แถวๆนี้ยังไม่มีรีสอร์ทขึ้นแต่อย่างใด วันนี้ที่แนวสายน้ำปายต่างมีรีสอร์ทพุดขึ้นชิดติดรั้วกันเป็นแถวไปแนวเดียวกันตลอด
ที่พักคืนนี้เป็นห้องพัดลมอยู่ติดน้ำนับว่าบรรยากาศดีใช้ได้วันที่เราเข้าไปพักอุณหภูมิอยู่ที่ 14-17 องศาหนาวกำลังดี ที่พักภายในก็มีอุกรณ์ให้ ทีวี น้ำอุ่นอันนี้มีให้ทุกห้องไม่ว่าจะอยู่โซนไหนก็ตาม
ทางรีสอร์ทกำลังเพิ่มบ้านทรงสามเหลี่ยมคล้ายเต๊นท์ขึ้นมาตรงแนวริมน้ำพอดี จะว่าไปคงน่าจะถูกใจนักเที่ยวแบ็กแพ็กแบบกางเต๊นท์ดี แต่สื่งที่เสียไปบ้างเล็กน้อยก็คือแขกที่เลือกห้องพักอาจจะมีเต๊นท์ไม้ไผ่เรียงรายขึ้นมาบดบังแทน แต่ผมเองก็มองด้วยความเข้าใจเพราะยังไงไม่ทำก็ต้องมีคนมากางเต๊นท์อยู่ดี
แต่ที่เก๋สำหรับที่นี้ตรงที่เค้าจัดรถจักรยานสามล้อสีสันสุดจี๊ดวางให้นักท่องเที่ยวได้หยุดแวะถ่ายภาพกัน 2 คัน
และนักท่องเที่ยวเองก็ดูจะชอบกันใช่ย่อย
บ้านไม้ไผ่หลังคาทรงสูงดูจะเป็นสไตล์ของที่พักริมน้ำฝั่งนี้เพราะมองเผินๆอาจจะดูคล้ายๆกันไปบ้าง มีเพียงรั้วไม้ที่กั้นแนวรีสอร์ทพอให้ทราบเท่านั้นเอง
แต่บรรยากาศริมน้ำก็ยังเป็นที่พักที่น่าให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆเลือกก่อนอยู่ดี
มองถัดไปก็เป็นของ อินเดียนน่า คอทเท็จ รีสอร์ทริมน้ำอีกแห่งติดๆกัน ที่นี้ตรงริมน้ำก็มีเต๊นท์ให้บริการแต่หลังจะใหญ่มากทีเดียว บ้านที่จ่ายแพงกว่าด้านหลังคงไม่สบอารมณ์นักที่มีเต๊นท์หลังใหญ่มาบดบังวิวเสียหมดแบบนี้ มองอีกมุมนึง ถือว่าแบ่งปันกันก็พอได้อยู่
หลังเก็บข้าวของเข้าห้องพักได้ ผมเดินออกมาสำรวจรอบๆที่พัก มุมชิวที่นี่ก็มีอยู่อย่างที่ติดริมน้ำทางรีสอร์ทก็เอาหมอนอิงและฟูกมาปูให้ได้นั่งฟังเสียงน้ำ กันได้ แม้ไม่ใหญ่มากนัก ก็นับว่าเป็นรีสอร์ทวิวดีทีเดียว
นั่งกันไม่นานก็ถึงยามค่ำแล้วอากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ได้เวลาออกไปพบแสงสียามค่ำอันเลื่องชื่อของปายกันแล้ว หลายๆคนที่เคยมาเที่ยวปายสมัยก่อน และติดใจความเงียบสงบของปายในอดีตอาจจะไม่ชอบใจกับภาพและแสงสีของตลาดถนนคนเดินปาย
ปัจจุบัน ที่มีร้านขายของมากมาย มี 7-11 อยู่ตามสี่แยก มีชาวบ้านที่เอาบ้านของตน มาทำร้านขายของกันเกือบทั้งนั้น กลายเป็นทำเลทองของปายกันเลย
ผมเคยได้ยินมาว่าบ้านบางหลังที่อยู่ชิดติดถนนคนเดิน เวลาประกาศขายกันเป็นตัวเลข 7 หลักกันทีเดียว
นับว่าถนนเส้นนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของชาวบ้านและคนปายไปอย่างไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และไม่ว่าใครจะว่ายังไง
สำหรับเราแล้วการมาชมเมืองปายยามค่ำและเดินเที่ยวถนนคนเดินนับเป็นอีกเป้าหมายหลักของเราทีเดียว
ถนนคนเดินปาย ค่อยๆมีแสงสีมากขึ้นตามเวลาที่ค่ำลง เราค่อยๆเดินสำรวจสีสันของถนนเส้นนี้กันอย่างเพลิดเพลิน มีทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น
ร้านขายของที่ระลึกปายๆ ร้านทัวร์ท่องเที่ยวรอบๆปาย ร้านนวดแผนไทย ร้านขนมแปลกๆที่หากินที่ไหนไม่ได้ หรือแม้แต่ร้านขายของเล็กเก่าๆก็มีให้เราได้ชมกัน
ร้านขายของที่ระลึกขายของเล่นเก๋ๆที่เปิดกันแทบทุกๆ ก้าวที่เราได้เดินผ่านและที่เราเห็นว่าเยอะที่สุดของปายคือ ร้านขายเสื้อยืด ครับ
เรียกว่ามีกันทุกๆ 5 ก้าวคุณจะเจอร้านขายเสื้อยืดปาย ต่างๆตลอดซ้ายขวา ทีเดียว
ทุกๆตัวต้องมีคำว่าปายอยู่ในนั้ เช่น เมา+อ้วก=ปาย ,i love ปาย, ปาย ครั้งเดียวไม่เคยพอ ฯลฯ นับเป็นของที่ระลึกสุดฮิตที่สุดของที่นี้
ผมเองก็ตั้งใจมาที่นีก็เพราะเสื้อเช่นกัน เลยซื้อกลับมาหลายตัวทีเดียว เราเดินกันต่อจนมาแวะพักกันที่ร้านกาแฟแสนเท่ที่เอารถโฟล์คเต่ามาประยุกต์ทำเป็นร้าน
เดี๋ยวนี้นอกจากจะขายกาแฟแล้วยังมีเสื้อขายด้วยเช่นกัน เราได้คุยกันระหว่างนั่งรอ ก็ได้รู้เรื่องปายในหลายปีที่ผ่านมา นับว่าน่าสนใจดีทีเดียว
เดินต่อมาอีกเจอคุณตำรวจจราจร ท่านนึงกำลังเพลิดเพลินกับจังหวะเพลงสนุกๆของนักดนตรีริมทาง มองดูน่ารักไปอีกแบบ
ตำรวจกับลีลาน่ารักๆแบบนี้เราไม่ได้เห็นกันบ่อยๆแน่ๆ นับเป็นเมืองที่มีสีสันและผู้คนที่น่าสนใจมาร่วมกันจริงๆ
เดินต่อมาจนถึง ร้านขนมที่ผมคิดถึงและเป็นอีกร้านที่เวลามาปายจะต้องแวะให้ได้ร้าน Cake Go O ร้านขนมชื่อดังสุดอร่อยที่สุดของปายเลยก็ว่าได้
เค้กและขนมปังชนิดต่างๆล้วนแต่หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลย แถมขนาดจะใหญ่เป็นพิเศษที่สำคัญราคาไม่แพง
สดใหม่มากๆ ผมเองสั่งมากินกัน 2คน ยังแทบกินไม่หมดเลย ใครที่มาที่นี่อย่าลืมแวะมานะครับแล้วจะติดใจเช่นกัน
หลังอิ่มกันดีเดินกันต่อจนเจอ Kbank ผมเห็นคนมายืนถ่ายภาพกันเยอะมากทีเดียว เพราะความสวย และการจัดด้านหน้าได้เก๋ไม่เหมือนใคร นับเป็น bank กสิกรที่เก๋ที่สุดที่ผมเคยเจอทีเดียว
ที่สำคัญปรับตัวให้กลมกลืน และโดดเด่นเข้ากันดีกับเมืองปายนี้จริงๆ
ผ่านร้านโปสการ์ด ชื่อดัง “ร้านมิตรไทย” ที่ไม่ว่าสมัยไหนก็ยังแน่นเหมือนเคยคนยังคงมาส่งโปสการ์ดกันแน่นเช่นเคย
อีกร้านใกล้ๆกันนอกจากมีโปสเตอร์ขายยังมีเสื้อยืดของที่ระลึกต่างๆที่ติดแบรนด์ ปายไว้เช่นกัน
เดินเลยมาจนถึงร้านกาแฟที่เก๋ไม่เหมือนใครเช่นกันถึงกับยอมเปลี่ยภาพลักษณฺของแบรนด์ตัวเองเพื่อเมืองปายโดยเฉพาะ “ร้านกาแฟปายหนาว”
หรือร้าน Black Canyon นั้นเอง
นี่ก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองจนจำไม่ได้แต่นับว่าเก๋และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนมาถ่ายรูปได้เป็ยอย่างดี ด้านในตกแต่งและใช้สีสันสดใส
มีมุมเก๋ๆให้ได้ถ่ายภาพหลายมุมทีเดียว
เท่าที่สังเกตุจะมีคนแวะเวียนมาถ่ายยรูปกันตลอดเวลา ที่สำคัญหน้าร้านขึ้นป้าย เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง ปายอินเลิฟ ด้วย
เราเดินกันต่ออีกหน่อยก็กลับที่พักกันแล้ว พรุ่งนี้เช้าๆอยากตื่นมาเก็บภาพปายในหมอกกันหน่อย
ระหว่างทางพบเจ้านี้นั่งเต๊ะจุ้ยอยู่ดูขำๆดี เลยได้ภาพที่มันนั่งเอเขนกมาฝากกัน
คืนนั้นเราหลับสบายในผ้าห่มอุ่นๆทั้งคืนเพราะยิ่งดึกยิ่งหนาวลงเรื่อยๆ
6 Comments
bangkok holiday
สวยอ่ะ อยากไปเที่ยวมากๆๆๆ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
projectone
มีโอกาสไปแม่งฮ่องสอนต้องลองไปดูครับ
bb
ถ่ายรูปได้สวยจังเลยเห็นแล้วอยากไป เป็นช่างภาพหรอคะ ไม่ทราบว่าใช้กล้องอะไรจะได้ไปซื้อมาใช้เผื่อจะได้เก็บภาพสวยๆอย่างนี้บ้าง
projectone
ขอบคุณสำหรับคำติชมนะครับ ผมเป็นมือสมัครเล่นมากๆครับ ยังต้องฝึกฝนอีกเยอะเลย ส่วนกล้องผมใช้ canon ครับ
คนเมือง
สวยนะ แต่สวยแบบในเมือง ไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร รีสอร์ทก็บรรยากาศเหมือนตามเขาใหญ่ ดูไม่ค่อยสงบเลย