รีวิวล่าที่มาช้าๆ…ตามชื่อ Cover หนนี้เป็นอีกที่ๆเต็มใจอยากแนะนำมากๆครับ เพราะที่ๆจะพาไปเที่ยวหนนี้เชื่อว่ายังหาคนไปได้ยาก…
ที่ว่ายากก็เพราะเหมือนอีกหลายๆที่ในประเทศไทยที่ยังไม่ฮิต ชื่อบอกไปอาจจะเผลอร้องว่า หืมม…มีด้วยเหรอ และตามมาด้วยคำถามอีกมากมาย ที่ต้องมาอธิบายขยายความต่อ
ที่สำคัญที่การันตีว่ายังคงรอการค้นพบอีกพักใหญ่ๆแน่ เพราะ ชาวต่างชาติมักจะรู้จัก(และรู้ดี)กว่าคนไทยมานานแล้วนั้นเอง (ดูปายเป็นตัวอย่างได้ครับ) ที่ๆผมพูดถึงอยู่นี้ชื่อว่า ” เกาะจำ ” และที่พักที่อยากแนะนำ ก็ชื่อเดียวกันกับเกาะเลย เกาะจำรีสอร์ท เป็นเกาะเล็กๆที่ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ภายใต้การดูแลของจังหวัดกระบี่ มีเรื่องราวของผู้คนจากสองเชื้อชาติศาสนาแต่อยู่ร่วมกันมานานหลายสิบปีที่น่าสนใจ
วันนี้ผมขอพามาทำความรู้จักที่พักน่ารัก ที่แทรกตัวเองท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวๆของต้นไม้สูงๆ และยังนอนฟังเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งได้ตลอดวัน …มาครับมาทำความรู้จักที่นี้กัน
เช่นเคยตามชมภาพแบบทั้งหมดได้ที่นี้เช่นเคยครับ เก็บเป็น Gallary พร้อมเสริพแล้วที่นี้เลยจ้า
http://blog.one22.com/archives/8449
การเดินทางมาที่เกาะจำ
จากแผนที่การมาเกาะจำมาง่าย ที่สุดคือมาทางเครื่องบินครับ มาลงที่สนามบินกระบี่ แล้วจะเหมารถมาหรือขับรถมาเองจากสนามบินก็ได้ โดยมีท่าเรือให้เลือก 2 ท่า คือ
1.ไปท่าเรือแหลมกรวดอยู่อ.เหนือคลอง ซึ่งห่างออกมาประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาจากสนามบินไม่เกิน 30 นาทีก็ถึง สามารถฝากรถไว้ได้มีที่รับฝากรถ ถ้าจำไม่ผิดจะคืนละ 50 บาทโดยประมาณ โดยมีเรือออกตั้งแต่ 10.30 ไปจนถึง เที่ยวสุดท้าย 15.00 น. เพราะฉะนั้นดูเที่ยวเครื่องที่มาลงดีๆนะไม่งั้นตกเรือ อ่อค่าเรือโดยสารแสนถูกแค่ 50 บาทเท่านั้น
2.ไปที่ท่าเรือคลองจิหลาด เป็นเรือลำใหญ่ที่รับคนจากกระบี่ไปเกาะลันตาโดยจะแวะส่งกลางทาง(ดูจากแผนที่จะเข้าใจ)โดยเราจะต้องนัดกับทางที่พักให้ส่งเรือมารับเราที่จุดแวะรับ เรือจะจะมีออกเที่ยวเดียวคือ 11.00 น.ต้องแจ้งตอนซื้อตั๋วเรือว่าลงเกาะจำนะครับ ใครจะมาเรือใหญ่ต้องนั่งเครื่องไฟท์เช้าสุดถึงจะมาทัน ค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับน้ำมันเป็นหลักครับราคาอยู่ที่ 400-500 บาท
หนนี้ครอบครัว ปันปัน ก็ได้ตั๋วประหยัดจาก Airasia เช่นเคยบินจากกรุงเทพฯมาลงที่กระบี่จะดีที่สุดครับ ทำให้ยังคงมาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิฯอีกครั้ง ช่วงหลังหมดสิทธิ์ขึ้นสายการบินอื่นเลย เพราะจองตั๋วข้ามปีตุนไว้เยอะมาก
เดินทางยามบ่ายอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใสดี ทัศนวิสัยเยี่ยมมาก …ยิ่งเข้าใกล้จังหวัดกระบี่มากเท่าไหร่ สีเขียวๆก็ยิ่งหนาตามากขึ้น
บ่งบอกถึงธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของที่นี้ …วิวบนฟ้ายังงามขนาดนี้เลย มองไปเห็นทิวเขาสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว
อะแฮ่ม…เจ้าหนูวันนี้หาได้หลับง่ายๆไม่ ยังดีที่มีไม้ตายคือขวดนมที่เตรียมมาพร้อม แน๊ะ …ทำตาสู้กล้องพ่อซะงั้น 555
เหมือนจะตั้งใจอ่านเลยนะนั้น 555 มีอะไรก็รื้อออกมาหมดเลยนะปันปัน ^ _ ^ ”
ส่วนของพ่อก็หิวววไม่แพ้กันเลยมีโอกาสได้ลองทาน set ข้าวกล่องของ airasia ซักหนึ่งมื้อ รสชาติโอเคอยู่ใช้ได้เลยครับ
ถ้าจองซื้อมาทางออนไลน์ได้ราคาประหยัดกว่าและเสริฟก่อนอีกต่างหาก
ปันปันก็พึ่งมาหลับตอนเครื่องแตะรันเวย์…หลับสนิทลงมาในอ้อมกอดแม่เค้าเลย
…………..
จำไม่ได้แล้วครับว่ามากระบี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ รู้แต่ว่ามาหนนี้ สนามบินใหม่พึ่งเสร็จหมาดๆ
สนามบินโฉมใหม่นี้น่ารักดีนะครับ กระทัดรัด กำลังดีเดินแป๊ปๆก็ทั่วแล้ว และ….ปันปันก็ยังคงหลับต่อไป…55
ไม่ช้าหลังพ้นประตูขาออกสนามบินออกมาก็เจอ พี่ณี แกเป็น TAXI VIP ที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารอยู่ที่สนามบินนี้เอง ทางรีสอร์ทนัดแนะให้มารอรับเรา
พี่ณีเป็นคนอัธยาศัยดีมากๆตลอดทางจากสนามบินกระบี่ไปสู่ ท่าเรือแหลมกรวด แกเสมือนเป็นไกด์ชั้นดีที่คอยแนะนำเราไปตลอดทาง
ขอบคุณมากนะครับพี่ มีโอกาสไปกระบี่เมื่อไหร่จะกลับไปใช้บริการพี่อีกแน่ๆครับ ใครอยากใช้บริการ taxi สนามบินเชิญนะครับ
จริงๆอยากเล่าเรื่องเกาะจำมากๆกว่านี้เอาว่าเดี๋ยวขอแยกเป็นตอนต่างหากไปเลยดีกว่าเนอะ ตอนนี้ขอพาเที่ยวรีสอร์ทอย่างที่จั่วหัวก่อนดีกว่า
ถึงท่าเรือแหลมกรวด ผมกวาดตามองไปเจอเรือโดยสารที่จอดอยู่ จดๆจ้องๆพักนึง ต้องบอกว่าเป็นเรือที่เราไม่คุ้นตาซักเท่าไหร่จริงๆ มีพื้นที่นั่งน้อยกว่าขนของ
แต่…หลังนั่งรอไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คำตอบที่ผมสงสัยก็ถูกเฉลยเมื่อชาวบ้านต่างก็ทยอยลลงเรือจากเรือที่ว่างๆตอนแรก ตอนนี้ทั้งรถมอเตอร์ไซต์หลายๆคัน ลังของ ถุงกระสอบทรายใบโตๆ ฯลฯ ก็เต็มลำเรือและคนก็พร้อมนั่งกันแน่นทีเดียว นับเป็นบรรยากาศการนั่งเรือโดยสารที่สนุกและได้บรรยากาศการมีส่วนร่วมไปกับชาวบ้านเค้าดีเชียว
คนเต็มลำ ของเต็มเรือ พักเดียวเรือก็แล่นออกมารับลมพัดกระทบหน้า…
นี่ละทะเล มองไปข้างๆ เรืออีกลำก็ออกจากฝั่งพร้อมๆกันเห็นไหมครับ เรือลำแค่นี้ละขนได้ทุกอย่างเลย 🙂
วันนี้อากาศดี๊ดี เหลือหลายฟ้าใส ตัดกับสีเขียวๆของภูเขาสวยอย่างที่ใจอยากพาปันปันมาเห็นเลยครับ
ไม่ถึง 30 นาทีดีเรือก็ค่อยๆมาเทียบท่าที่ท่าเรือมูตู. เป็นท่าเรือเล็กๆของเกาะซึ่งก็อย่างในภาพเลย เป็นท่าเรือที่เรียบง่าย ไม่หรูหราออกจะลูกทุ่งๆเกิน ที่จะเรียกว่าท่าเรือได้ด้วยซ้ำ น่ารักดี
ไม่ช้าพี่คนขับรถจากเกาะจำรีสอร์ท ก็เดินเข้ามาทักทายผมและครอบครัว อย่างไม่ลังเล สงสัยจะดูไม่ยากเลยครับ 55 ก็เพราะครอบครัวผมของเยอะพะรุงพะรังที่สุดแล้วมั้งบนเรือเค้านะ
ระหว่างทางขับรถไปที่พักผมเลยมีโอกาสเป็นนักท่องเที่ยวชั้นดีคือ…สัมภาษณ์และสำรวจสภาพแวะล้อมไปพร้อมๆกัน เกาะจำเป็นเกาะเล็กๆที่ผู้คนอยู่อาศัยกันมาเป็นร้อยปีแล้วครับ สภาพแวะล้อมที่ผมเห็นแล้วต้องแปลกใจว่าอยู่ในจังหวัดที่เจริญที่สุด จังหวัดนึงในเรื่องการท่องเที่ยวของไทยเราอย่างกระบี่
แม้พื้นที่บนเกาะจะไม่น้อย แต่ไฟฟ้าจากแผ่นดินใหญ่พึ่งมีไม่กี่ปีมานี่เองครับ สมัยก่อนที่นี้ยังใช้ไฟปั่น ผสมไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์กันอยู่
ถนนจะเป็นทางปูนสลับกับทางดินหินลูกรังอย่างในภาพ สลับไปตลอดรอบเกาะ ถ้าพอใกล้ๆชุมชนตำบลหมู่บ้านถึงจะมีถนนเรียบๆให้ใช้อีกครั้ง
อย่างถนนเส้นจากท่าเรือมูตูออกมาไม่ถึง 3 กิโลเมตร ทางราชการพึ่งมาทำให้ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำไปครับ
พี่คนขับเล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า รถจิ๊ฟที่เรานั่งกันอยู่ ตั้งแต่เค้าใช้มาพึ่งมีโอกาสได้ใช้เกียร์ 3 ตอนถนนนี้เสร็จเนี่ยละครับ T__T และกว่าจะมีงบมาลงอีกทีเมื่อไหร่ยังไม่รู้….นี้ละ เมืองไทย
ไม่ช้าผมก็นั่งรถจิ๊ฟคันเก๋าฝ่าถนนลูกรัง หรือจะเรียกลูกหินดีล่ะมาถึงรีสอร์ท นั่งขโยกขเยกกันมา 3 คนพ่อแม่ลูกสนุกสนานดีครับ ปันปันดูจะสนุกเหมือนนั่งรถBump ได้เลย
ภาพแรกที่เห็นก็ทำให้ผมนึกย้อนไปสมัยซัก 10-20กว่าปีก่อน ตอนเที่ยวทะเลครั้งแรกๆกับเพื่อนไม่ได้ ภาพกระต๊อบที่ปลูกอยู่ริมหาดเรียงสลับกับต้นไม้ใหญ่ที่แทรกตัวให้ร่มเงา มองแล้วแสนจะครึ้มตา ทำให้นึกถึงตอนตัวเองเที่ยวแบบ backpack ค่ำไหนนอนนั้นมันย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง โอ้ววเห็นแล้วประทับใจครับ
เกาะจำรีสอร์ทถือเป็นรีสอร์ทขนาดเล็กๆ อยู่บนเชิงเขาลดหลั่นกันลงมาจนถึงแนวชายหาด ปลูกสร้างด้วยเป็นเรือนไม้สักเกือบทุกหลัง บางหลังเป็นไม้ไผ่บ้าง และบางหลังเป็นไม้สักสลับกับปูนเพื่อนเสริมความแข็งแรง แต่ดูแล้วได้บรรยากาศน่าพักทุกๆหลัง มีให้เลือก 3 Type แบบแรก Seaview Bamboo Cottages เป็นแบบที่แนบชิดชายหาดที่สุดติดหน้าหาดตลอดแนวสูงขึ้นมาจากชายหาดมีประมาณ 7 หลัง ทุกหลังหันหน้าออกทะเลเห็นพระอาทิตย์ตกดินไม่ต้องแย่งกัน
เก็บของเข้าห้องเสร็จ…พาปันปันออกไปเดินเล่นกันดีก่า…go
พาปันปันมาเดินเล่นหน้าหาด ดูเค้าชอบเชียวล่ะ
นั้นๆ…สู้กล้องน่าดูเชียวล่ะ เห็นหน้าแดงเป็นจ้ำๆไม่ใช่อะไรครับเพิ่งส่าไข้มาไม่กี่วันเองฮับ…
โอกาสจะได้พาเจ้าหนูมาชมธรรมชาติบริสุทธิ์ได้ไม่บ่อยนักครับสำหรับคนเมืองอย่างเรา…อยากให้เค้ามีโอกาสซึมซับกับธรรมชาติเท่าที่โอกาสจะมีได้
ถอยขึ้นเขามาอีกนิดเป็นแบบใหม่ที่ทำเพิ่มขึ้นมา ไว้รองรับแขกที่มากันมากกว่า 2 คน เป็นเรือนไม้ผสมปูนขนาดก็ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยครับ เป็นแบบที่ผมพักในคืนแรกที่มาถึงนี้เองสอบถามแล้วยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ นักมีอยู่แค่ 2 หลังเท่านั้น
และแบบสุดท้ายที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเห็นวิวงามและขนาดห้องใหญ่มากๆใหญ่ที่ขนาดนอนกันจริงๆ 5-6 คนก็ยังไหว คือแบบ Seaview Teakwood Villas เป็นอีกแบบที่ผมได้พักในคืนถัดมา
เรามาลองชมห้องแรกกันดีกว่า หลังนี้อย่างที่บอกอยู่ถอยจาก Seaview Bamboo เข้ามาอีกหน่อยแต่ก็ยังเห็นวิวทะเลแม้จะมีต้นไม้บังอยู่บ้าง บรรยากาศด้านหน้าห้องมีเก้าอี้ไม้ให้นั่งรับลมเย็นๆได้สบายดีมากๆ
มาดูข้างในครับ ผมออกไปเก็บภาพข้างนอกแป๊บๆกลับเข้ามา แม่ลูก นอนหลับปุ๋ยกันทั้งคู่เลย สงสัยจะเหนื่อยจากการเดินทางเหมือนกัน เลยได้โอกาสแอบเก็บภาพลักหลับทั้งคู่เลย…
เปลี่ยนมุมไปมาอย่างเบาๆ…เพราะกลัวปันปันกับแม่จ๋าเค้าตื่น แอบกดชัตเตอร์ไป อมยิ้มไป บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหนแต่ที่ใช่แน่ๆคือ มีความรู้สึกอบอุ่นมากเกิดขึ้นมาในหัวใจตอนนี้เลย …
อยากให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสพักผ่อนแบบนี้เสมอ..แค่นี้ก็สุขใจผมมากมายแล้ว…
อย่างที่บอก กว้างขวางใช้ได้ทีเดียว ในห้องมีเตียง King Size ให้พร้อมมุ้งกันยุงให้อีกหนึ่งชั้น ประตูหน้าต่างก็มีมุ้งลวดกันยุงให้อยู่แล้วด้วย ค่ำๆยุงเยอะใช้ได้ไม่ควรเปิดประตูทิ้งไว้เป็นอันขาด
ห้องน้ำก็มีทุกอย่างที่ควรจะมีครบครับ ขาดแต่น้ำอุ่น เพราะงั้นไม่ควรอาบน้ำดึกเพราะน้ำจะเย็นมากๆนะครับ ไม่ดีแน่ๆเลย
แอบเก็บภาพเค้าไปไม่นานทั้งแม่ทั้งลูกก็รู้สึกตัวแล้ว สงสัยจะหิวได้เวลาทางอาหารกันแล้วจ้า หิวแล้ว………….
ระหว่างเดินไปทานอาหาร ผมมีโอกาสได้เก็บภาพพระอาทิตย์ตกยามเย็นครั้งแรก ที่นี้เป็นอีกที่ๆเหมาะจะชมพระอาทิตย์ตกมากๆเลยหล่นตรงหน้าชัดๆกันเลย
แถมยังมองเห็นเกาะพีพีอยู่ด้านหน้าได้ด้วย เป็นทัศนวิสัยที่ดีมากๆ
บรรยากาศยามเย็นตรงริมสระน้ำก็สวยมากทีเดียวผมเก็บภาพได้เพลินเชียวละครับ
เพลินจนเดินลงไปที่ชายหาดได้เก็บภาพยามเย็น…เก้าอี้คู่นี้น่านั่งไหม..
….เงิยบและสงบ จนได้ยินเสียงริ่งเรไรรอบๆได้เลย
เก้าอี้ยามเย็น…ดูเหงาไปถนัดตาเลย
มาต่อกันที่ห้องอาหารหนึ่งเดียวของรีสอร์ทกันบ้าง ห้องอาหารไม่ได้เท่เก๋มากมายใดๆ แต่ที่นั่งสามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากทุกจุด ชอบครับ
อาหารไทยที่นี้รสชาติดีทีเดียวครับ ผมสั่งเมนูซีฟู้ดแบบไทยๆมาไม่กี่อย่างแต่ก็อร่อยทั้ง ต้มข่าไก่ กุ้งชุบแป้งทอด และอีก 1-2 เมนูที่ถ่ายไม่ทันความหิว ซัดซะก่อนแล้ว
ผมชอบบรรยากาศค่ำๆของที่นี้ครับ บรรยากาศดีและมีชีวิตชีวามากๆเลย แถมเรายังเป็นเป็นคนไทยกลุ่มเดียวของรีสอร์ทในวันนั้นด้วย
ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติหมดเลย บอกแล้วไงครับ ฝรั่งเค้ารู้จักก่อนเรามานานหลายปีแล้ว…
กลางคืนระหว่างเดินกลับที่พักแหงนหน้ามองจันทร์วันนั้นพระจันทร์เต็มดวง สวยงามดีเชียวละ
มาดูเช้าๆกันบ้างแถวๆรีสอร์ทเวลากลางวันบรรยากาศดีเชียวละ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในรีสอร์ทไม่เล่นกับปันปันก็เดินเก็บภาพแถวๆชายหาด
ที่นี้น้ำใส แม้ทรายจะออกสีแดงๆแต่ก็ยังสวย หาดที่เกาะจำรีสอร์ทตั้งอยู่ถือเป็นหาดสวยที่สุดหาดนึงของที่นี้ หาดติงไหร
หาดติงไหรมีรีสอร์ทอยู่ 4 แห่ง กระจายอยู่จากต้นหาดไปจนสุดหาด ชายหาดติงไหร มีหินปะปนอยู่บ้างเวลาเล่นน้ำต้องอย่าลงไปลึกๆเพราะมีหินอยู่นั้นเอง
ผมเดินมาเรื่อยๆเลาะริมหาดบรรยากาศที่นี้ดีเชียวล่ะครับ เจอนักท่องเที่ยวหลายหลายดีเชียว
ต้นไม้ใบหญ้ายังอุดมสมบูรณ์มาก มองไปก็ดูเจริญหูเจริญตาดีครับ
หลังเดินสำรวจรอบๆผมเดินกลับเข้าที่พักแม่จ๋ารู้ใจสั่งน้ำมะพร้าวเย็นๆมารอไว้ให้..ชื่นใจจริงๆ
และอาหารกลางวันของเราก็ยกมาเสริฟ ไม่รู้ว่าของใครจะน่าทานกว่ากันเนอะ…
ดูของพ่อจ๋าใกล้ๆก่อนน่ากินนะเนี่ย
ปันปันก็หม่ำๆของตัวเองใหญ่เลย เลอะเข้าปายย
และ…ก็เป็นเช่นนี้ของทุกๆวันในครอบครัวเรา
ตกบ่ายๆหลังจากกลับจากตามพี่ๆที่รีสอร์ทออกไปเที่ยว กลับเข้ามาตัวเหนียวๆก็ได้เวลาเล่นน้ำกันล่ะ เล็งๆไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะสระนี้
เล่นกันหนุกหนานน่าดู
ปันปันชอบมาก ตีน้ำใหญ่เลย
ความสุขเล็กๆของครอบครัวเล็กๆที่ยินดีแบ่งปันครับ ( ^__^ )
คืนสุดท้ายเรามีโอกาสเข้าพักห้องพักอีก TYPE เป็นห้องพักที่ดีที่สุดของที่นี้ และวิวก็ดีมากๆด้วยเป็น Type Seaview Teakwood Villas เปิดประตูเข้ามาก็ต้องถึงกับประหลาดใจในความกว้างขวางใหญ่โตของห้อง
เฟอร์นีิเจอร์ในห้องพักนอกจากเตียงขนาด King Size แล้ว ประมาณด้วยสายตาดูผมว่าสามารถ พักได้อย่างน้อย 4-5 คนยังไหว ถ้าเอาเตียงเสริมเข้ามา
ห้องพักทำด้วยไม้สักทั้งหลังจึงดูแข็งแรงพื้นขัดมันอย่างดี
เพราะทราบว่าเรามีเด็กอ่อนจึงเตรียมเปลเด็กไว้ให้ด้วย นอกนั้นก็มีทุกอย่างครบครันดีครับ
อีกมุมห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือไว้ให้ใช้เพราะห้องค่อนข้างกว้างมากจึงดูโล่งๆ ถ้ามีโซฟาหรือชุดรับแขกซักชุดน่าจะลงตัวขึ้น
และห้องน้ำที่ไม่น่าเชื่อว่าเห็นแบบนี้ก็เหอะมีอ่างอาบน้ำจากุชชี่ให้ด้วยนะเนี่ย
แต่เรื่องวิวห้องนี้กินขาดครับ เปิดประตูออกมารับลมชมวิวได้สบายๆ จะชมจันทร์ก็ยังไหว คืนไหนพระจันทร์เต็มดวงละก็จะโรแมนติกสุดๆทีเดียว
นับเป็นอีกห้องที่น่าประทับใจมาก
อีกอย่างทุกๆห้องที่นี้ไม่ได้ติดตั้งแอร์อากาศตอนกลางคืน เนื่องจากลมบกลมทะเลตามธรรมชาติ กลางคืนลมพัดดีเชียวครับ คืนนั้นผมเปิดพัดลมนอนหลับสบายกันทั้งบ้าน…ใต้ผ้าห่มอุ่นๆถึงเช้าเลย
ตี 5.30น.
เช้าสุดท้ายแล้ว ผมลุกแบบไม่งัวเงียเกินไปนัก…เมื่อคืนหลับเร็วและรวดเดียวจบ พยายามลุกไม่ให้คนข้างๆตื่นไปด้วย เช้านี้อยากออกไปเก็บภาพฟ้าสุดท้ายก่อนกลับอีกซักครั้ง
เช้าๆอากาศดีมากๆเดินดุ่มๆอยู่คนเดียวเก็บภาพไปเรื่อยๆ
บริเวณสระน้ำที่ยังเช้าเกินกว่าใครจะมาว่ายได้…
ประทับใจกับบ้านไม้ไผ่ริมหาดครับชอบความเรียบๆง่ายๆแต่กันเองแบบนี้มากๆเลย
ที่นี้เป็นอีกที่ๆถ้ามีโอกาสอยากกลับมาพักอีกซักครั้งให้ได้ เพราะธรรมชาติและความเรียบง่ายของต้นไม้ใบหญ้ามองไปตรงไหนก็สดชื่นจริงๆ
ปิดท้ายด้วยภาพจากห้องพักสายๆที่ผมแอบเก็บภาพคุณพ่อคุณลูกชาวต่างชาติ เค้าเล่นน้ำกัน สนุกสนานดีทีเดียว
บรรยากาศภาพนี้ ผมชอบมากๆขอเป็นภาพสุดท้ายก่อนลากันนะ
สรุป
เกาะจำรีสอร์ทอย่างที่บอกครับหากคุณอยากย้อนเวลากลับไปเที่ยวทะเลไทยซักสิบปียี่สิบปีก่อนที่นี้เหมาะมาก ทั้งความเจริญที่ยังไม่ย่างกรายมาทำให้ช้ำ ทำให้คุณๆยังมีเวลาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ กับธรรมชาติที่น่ารื่นรมย์
แม้การเดินทางอาจจะไม่สะดวกรวดเร็วและสบายเหมือนเกาะอื่นๆนักแต่ถ้าครอบครัวเรามาได้ปันปันมาได้ ผมว่าใครๆก็มาได้นะครับ ตัวรีสอร์ทถ้าว่ากันจริงๆยังต้องมีหลายๆสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่ไม่ว่า น้ำอุ่น ที่ถือเป็นปัจจัยนึงที่สำคัญโดยเฉพาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆอย่างเราไปด้วย แม้จะแก้ไขได้โดยใช้กาต้มน้ำร้อนช่วยได้แต่ก็จะสะดวกมากขึ้นถ้ามีเองจริงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเรื่องไฟฟ้าที่ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วยสิ่งเหล่านี้รีสอร์ทเองล้วนทราบดีและก็กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง
ถนนหนทางแม้จะลำบากไปนิดแต่สุดท้ายผมว่ามันก็คุ้มค่ามากๆหากคุณๆได้มีโอกาสใช้เวลาละเมียดละไมกับที่นี้ช้าๆบ้าง ชีวิตคนเมืองมันเร็วจนเราไม่มีโอกาสได้หยุดคิด หยุดพัก มองอะไรๆได้ละเอียดๆเท่าไหร่เลย อยู่ที่นี้ผมชอบมากๆรู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีเวลาคิด ทำ พูด นอน ได้นานนนนนและช้าลงจริงๆ อยากให้ทุกๆคนได้มีโอกาสสัมผัสแบบเราบ้างครับ ห้องพักที่อบอุ่น บรรยากาศห้องพักอารมณ์ไม้ไผ่ริมแนวหาด ในวิวงามๆดูยังไงก็แสนจะบรรยากาศดี หรือแบบ villa ในมุมสูงเห็นพระอาทิตย์ตกตรงหน้าก็สุดแสนจะโรแมนติกดีจัง เป็นบรรยากาศที่น่ามาสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆครับ
ท้ายนี้ขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นของทุกๆคนตั้งแต่คนเรือ พี่โชเฟอร์ที่รับเรามา คุณเอกผู้จัดการรีสอร์ทที่แนะนำเราตลอดการเดินทาง Front Managerใจดี ที่พาเราเที่ยวรอบเกาะ และยังคอยแนะนำเป็นไกด์เฉพาะกิจให้เราตลอดเวลา และการให้การต้อนรับขับสู้เราอย่างดีที่รีสอร์ท คุณโอ๋เจ้าของใจดีที่อุตส่าห์เล่าเรื่องราวของที่นี้ให้เราฟังจนทำให้เราได้มาพักและสัมผัสประสบการณ์ที่เหมือนย้อนวันวานทะเลไทยกลับมาอีกครั้ง
สุดท้ายจะลืมไม่ได้ที่จะขอบคุณคนอ่านทุกๆคนที่ติดตามกันมาถึงบรรทัดนี้ครับ ไม่มีเพื่อนๆ พี่ ๆ ทุกๆคนผมก็คงไม่มีใครให้มาแบ่งปันเช่นวันนี้ขอบคุณนะครับ
ทุกๆคนสามารถหารายละเอียดกันได้ที่นี้เลยครับ www.kohjumresort.com และเข้าไปดูโปรโมชั่นจาก fanpage เค้าได้ที่นี้ http://www.facebook.com/kohjumresort
เรื่องราวบนเกาะจำยังไม่หมด จะกลับมาเล่าในแบบที่เที่ยวให้อ่านกันต่ออีกรอบ กับภาพประทับในประสบการณ์บนเกาะนี้มากๆครับเร็วๆนี้เช่นเคยโปรดติดตามกันนะจ๊ะ
2 Comments
จุฑารัตน์ ภูรี
ดูรีวิวแล้วเหมือนได้ไปด้วยเลย ภาพสวย บรรยายได้ละเอียดดี อ่านแล้วน่าติดตามมากๆเลย ถ้าจะถามก็คงเรื่องของราคาห้องพักค่ะ อยากทราบว่าแต่ละหลังคืนละเท่าไหร่คะ ก่อนจะตามรอยจะได้จัดงบถูก
น้องน่ารักมากๆเลยค่ะ ขอให้ครอบครัวมีความสุขกันแบบนี้ตลอดไปเลยนะคะ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆค่ะ
one22
ขอบคุณมากๆเลยครับ ดีใจที่ชอบจังเลย เรื่องราคาที่ถามมา อยากให้ลองดูราคาที่นี้ครับ http://www.facebook.com/kohjumresort เพราะจะมีโปรบ่อยๆและเค้าก็มักจะมาคอยตอบคำถามอยู่เรื่อยๆ ราคาเท่าที่ทราบมาก็หลักพันต้นๆไปจนถึง 2 พันกว่ามั้งครับอันนี้ไม่แน่ใจนะครับ อยากให้เช็คกับทางรีสอร์ทเองจะชัวร์สุดครับ ยังไงมีไรสอบถามกันได้ตลอดนะครับ คุยกันทาง facebook fanpage ของ one22 ได้เลยครับสะดวกสุดๆครับ ^ ^