สวัสดีครับ ในวันแรกที่เราได้ไปทอดน่อง ไปแล้วส่วนนึง หลังจากที่เราได้มาถึงสิงคโปร์ ในวันนี้เราจะไปกันต่อเลยนะครับ แพลนวันนี้ ค่อนข้างยาวกันหน่อยนะครับ เพราะแพลนที่ตั้งไว้ในตอนแรกมันไม่ได้อย่างที่เราคิดกันซะแล้ว ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ ว่าวันนี้ผมจะพาไปเที่ยวตรงไหนกันบ้าง (แนะนำสำหรับคนที่ไม่ฟิตจริง อย่าทำนะครับ ผมถึงขั้นลากสังขาร กลับโรงแรมกันเลยทีเดียว)
วันนี้เราเริ่มกันเช้าหน่อยนะครับ เราออกจากโรงแรมกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ผมอยากจะแนะนำหน่อยนะครับ ว่าเวลาที่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ยิ่งในต่างประเทศ ถ้าตื่นเช้าได้จะดีมาก ๆ เพราะ นอกจากคุณจะมีเวลาในการท่องเที่ยวมากขึ้น คุณอาจจะได้เจอกับบรรยากาศที่ท่านอาจจะไม่ได้พบ จากการอ่านรีวิว ที่ไหนมาก่อนครับ ผมขอเริ่มจากภาพแรกที่ผมเห็นเมื่อก้าวเท้าออกมาจากโรงแรมนะครับ บรรยากาศยามเช้าที่นี่สดชื่นนะครับ แตกต่างจากที่คิดไว้ อากาศเย็นกำลังดี
สถาปัตยกรรมของอาคารของที่นี่ การก่อสร้างจะคล้าย ๆ กับที่นึงของบ้านเรา ทราบมั้ยครับว่าที่ไหน…
คล้าย ๆ กับภูเก็ตบ้านเราไงครับ เป็นสถาปัตยกรรมในยุคเริ่มต้นของสิงคโปร์ เพราะย่านนี้เป็นย่านที่ชาวจีนอาศัยอยู่ โดยทั่วไปจะทำการค้าขาย อาคารบ้านเรือน เลยออกแบบเหมือนห้องแถวติด ๆ กัน แต่ก็ยังเจาะช่องทางเดินไว้ สามารถเดินได้ แม้ในตอนที่ฝนตก
ผมชอบจริง ๆ เลยครับ ถือว่าโชคดีที่ไปในช่วงเทศกาลของเค้า ถึงแม้จะมาไม่ทันช่วงตรุษจีนก็ตาม การตกแต่งสถานที่เค้าทำได้น่ารักดีทีเดียวครับ รูปนี้ผมถ่ายได้ขณะเดินข้ามถนน มองซ้ายมองขวาให้ดีก่อนนะครับ ระวังรถด้วย แนะนำสำหรับคนที่จะเดินถ่ายรูปที่นี่นะครับ ถึงแม้สิงคโปร์จะมีกฎ สำหรับการจราจรที่อำนวยความสะดวกแก่คนเดินถนนมาก แต่ยังไงก็ตามก็อย่าเผลอทำผิดกฎเค้านะครับ โทษค่อนข้างสูงทีเดียวเชียว
วันนี้ยังเป็นวันทำงานอยู่นะครับ ตอนนี้เริ่มมีคนออกมาสัญจรบนถนนบ้างแล้วนะครับ แต่ไม่หนาแน่นเหมือนบ้านเรา
ที่แรกที่เราตั้งใจจะไปกันคือ ไปกิน Ya Kun Kaya Toast อาหารเช้าที่ใครมาสิงคโปร์ แล้วไม่ได้มาทาน ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ท่านพลาดสิ่งที่ไม่น่าจะพลาดไปเสียแล้ว จากที่พักของผมที่อยู่ในย่าน China Town สามารถเดินไปไม่ไกลครับ ที่นี่มีร้าน Ya Kun Kaya Toast อยู่หลายที่ครับ แต่ร้านที่ผมไป คือร้านที่ตั้งอยู่ที่ Fareast Square ที่ถนน China Street ครับ วิธีเดินทางไปที่ร้านนี้ ดูตามแผนที่ด้านล่างนี้เลยครับ
ที่ผมเลือกร้านนี้ เพราะเป็นเจ้าต้นตำหรับ เวลาเปิด – ปิดของที่นี่ ไม่ได้เป็นเวลาเดียวกันทุกวันนะครับ วันจันทร์ – ศุกร์ เปิด 7.30am ถึง 6.30pm ส่วนวันเสาร์ เปิด 8.30am (แต่หลายคนบอกว่า 9.00am) ถึง 5.00pm ส่วนวันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ “หยุด” ครับ ดูวันเวลาให้ดีด้วยนะครับ แต่ร้านนี้มีหลายสาขาครับ ดูสาขาได้ที่นี่เลยครับ บรรยากาศของร้าน ก็เหมือนร้านกาแฟบ้านเราแหล่ะครับ (แต่มันคือร้านกาแฟบ้านเค้า) แต่จะมีโซนที่นั่งด้านนอกอยู่ด้วย
จริง ๆ แล้ว ไอ้ Ya Kun Kaya Toast มันก็คือ ขนมปังสังขยา นั่นแหล่ะครับ ต่างแค่สังขยาบ้านเค้า มันรสชาติไม่เหมือนบ้านเรา แถมขนมปัง ก็เป็นขนมปังปิ้ง บ้านเราจะเป็นขนมปังนึ่ง อร่อยไปอีกแบบครับ พนักงานของที่นี่ น่าจะคุ้นกับคนไทยมาก ผมเดินมานั่งที่โต๊ะ ยังไม่ทันจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย ยื่นเมนูภาษาไทยมาให้ก่อนเลย แอบงงเหมือนกัน ว่ารู้ได้ไงว่าเราคนไทย ยังไม่ได้พูดสักคำ
ทางเค้าจะมี Value set ครับ เป็น Set ขนมปังปิ้งใส้่สังขยา ไข่ลวก 2 ฟอง กับกาแฟ,ชา เย็น หรือ ร้อน 1 แก้ว ราคาชุดละ 3.70 เหรียญสิงคโปร์ (เอา 25 คูณ ก็ประมาณ 95 บาท) ฟินกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะไข่ลวก ลวกได้เทพมากครับ
ที่เห็นจานไกล ๆ นั่นเป็นเหมือนขนมปังชุบไข่นะครับ ผมลองสั่งมาดู ไม่อร่อยเท่าขนมปังสังขยา
พอเราจัดการกับอาหารเช้ามื้อพิเศษของเราเสร็จแล้ว ที่ ๆ เราจะไปกันในวันนี้คือ Universal Studio Singapore หรือ USS ตามที่ใคร ๆ เค้าเรียกกัน เราต้องเดินย้อนกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี China Town (NE4) นะครับ
อ่อ เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในสิงคโปร์ มารยาทการใช้บันไดเลื่อน หรือทางเดินที่นี่ คือ ถ้าใครไม่ได้รีบเดินไปไหน ให้ชิดซ้ายไว้ก่อนนะ ไม่ได้เป็นข้อบังคับ แต่ถือเป็นมารยาทนะครับ
เมื่อวานรีบมา เลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศย่าน China Town เลย.. วันนี้เลยขอสักรูปนะครับ ตอนเช้าจะดูเงียบ ๆ แต่เดี๋ยวสาย ๆ พอร้านเปิด ก็จะคึกคักขึ้นมาทันทีเลยครับ
เราต้องนั่งรถไฟฟ้า ไปที่สถานี HarbourFront(NE1) เข้าไปในห้าง VivoCity จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้น 3 เพื่อไปต่อ Sentosa Express แต่ก็จะมีอีกหลายเส้นทางที่จะไปเกาะ Sentosa นั่นก็คือ Cable Car กับเดินข้ามทะเลโดยใช้ Sentosa Boardwalk เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดนะครับ (ไม่ใช่ว่าฟรี) แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกแบบไหน แต่ผมใช้ Sentosa Express นั่นแหล่ะสะดวกสุด ใครมี EZ-Link ก็แตะผ่านได้เลยครับ ถ้าไม่มีต้องซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วก่อนขึ้น สนนราคาก็ไป-กลับ 3.5 เหรียญสิงคโปร์ อ่ะ มาแล้วครับ โมโนเรลที่จะพาเราข้ามไปเกาะ Sentosa…
เราต้องลงที่สถานี Waterfront ครับ พอลงมาจากสถานี ก็เดินมาตามทางเลยครับหาไม่ยากมีป้ายบอกทางมาตลอด
พอเดินมาได้สักพักนึงจะเห็นอาคารใหญ่ ๆ สวย ๆ อยู่ทางด้านซ้าย อันนั้น Casino นะครับ ของเราอยู่ทางด้านขวา… สังเกตสิงโตทะเล รูปด้านล่างนะครับ เดินตามทางที่หางสิงโต ชี้ไป จะเจอกับ USS พอดี (ถ้าตอนนี้ไปถึง แล้วเค้าเอาสิงโตตัวนี้ออก ก็ขออภัยด้วยนะครับ แต่คงจะไม่หรอกน่า)
มาถึงแล้วครับ Universal Studio Singapore ลูกโลกตรงหน้าประตูทางเข้าที่เป็นสัญลักษณ์ของ USS เรามาถึงกันค่อนข้างเร็วกว่าเวลาเปิดนิดหน่อย ประตูเค้าเปิด 10.00 โมงเช้า ผมมาถึง ยังไม่ 9 โมงเลย (กลัวคนเยอะ ซึ่งก็เยอะจริง ๆ เสียด้วย) วันที่ผมไป เป็นวันศุกร์ ซึ่งถือว่าเป็นวันธรรมดา ก็หวังว่าคนจะไม่เยอะมาก แต่ที่ไหนได้ เยอะทีเดียว ดีนะที่ผมมาเช้า แต่ถ้าเทียบกับที่เคยอ่านรีวิวหลาย ของหลาย ๆ คน ถือว่ายังจิ๊บ ๆ นะครับ
วันนี้โชคดีครับ ที่ USS ฟ้าสวย แดดดี เห็นหลายคนที่เคยมาเจอตอนวันฟ้าหม่น เห็นแล้วเซ็งแทนเลย
ตอนนี้เริ่มมีการตั้งแถวขึ้นแล้วนะครับ เตรียมตัวกันเลยนะครับ บัตรเอาออกมาถือเตรียมไว้กันเลย
เจ้านกหัวขวานจอมแสบ รอต้อนรับทุกท่านครับ
เมื่อเข้ามาถึง จุดหมายแรกที่เราตรงไปก็คือ ไปเล่นเจ้า Transformer ก่อนเลยครับ เพราะเห็นหลายคนบอกว่าสนุกมาก แถมต่อคิวนานมาก ๆ เราเลยตรงดิ่งไปก่อนเลย อธิบายคร่าว ๆ นะครับ พอเข้าไปข้างในแล้วจะเป็นทางเดินไปตรงกลาง จะเป็นร้านค้าซะส่วนใหญ่ โซนนี้เราเรียกว่า Hollywood แล้วเลี้ยวขวา เข้าสู่โซน Newyork พอสุดทางจะเป็นเหมือน Library แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที จะเป็นโซน Sci-fi ซึ่งก็คือเจ้า Transformer นี่แหล่ะครับ ผมมี Link ของแผนที่มาให้ดูคร่าว ๆ นะครับ แผนที่ Universal Studio Singapore
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วจะเป็นทางเดินวกไปวนมา ซึ่งเข้าใจได้ว่า เวลาที่คนเข้ามาข้างในแล้ว ก็มาต่อคิวกันข้างในนี่แหล่ะ ไม่ต้องไปยืนรอข้างนอก อย่างน้อยก็เข้ามาตากแอร์เย็น ๆ ที่ท่องเที่ยวที่สิงคโปร์ หลาย ๆ ที่จะทำทางเดินแบบนี้นะครับ แต่ระหว่างที่เรายืนรอคิว ก็จะมีอะไร ต่าง ๆ นานา ให้เราดู เรียกได้ว่าเป็นของประกอบฉาก ที่ดูได้เรื่อย ๆ นะครับ
ผมเข้ามาถือเป็นกลุ่มแรก ๆ ได้ขึ้นรถเป็นคันที่สอง ถือว่าเร็วเลยแหล่ะ รูปที่เห็นอันนี้เกิดจากการเดินไปถ่ายไป อาจจะดูไม่ชัดไปบ้างอย่าว่ากันเลยนะครับ อ่อ สำหรับที่นี่ เราไม่ต้องฝากกระเป๋านะครับ แต่ให้เราวางไว้ที่ใต้ขาแล้วล็อคดี ๆ อยากเสียวแต่สนุกขอแนะนำให้นั่งข้างหน้าเลยครับ รับรองสนุก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าไม่ติดว่าต้องมีที่ไปต่อ ผมจะกลับมาเล่นอีกซักรอบ
พอเล่นเสร็จ ก็ออกมาข้างนอก มีมุมให้ถ่ายรูปกับเจ้ารถ Chevrolet Camaro หรือเจ้า Bumblebee ตัวเก่งของทีม NEST กับอีกมุม ที่มีเจ้าหน้าที่คอยถ่ายรูปนักท่องเที่ยว เพื่อเอาไปเป็นของที่ระลึก ซึ่งหุ่นข้างหลัง ก็คือเจ้าหุ่นที่เรานั่งไปเมื่อกี้แหล่ะ อ๊ะยังไงไปลองเล่นดูแล้วจะรู้ครับ แต่สำหรับคนที่มีกล้อง สามารถให้เค้าถ่ายให้ได้นะ ไม่ต้องซื้อของกับเขาก็ถ่ายได้ ว่าแล้วผมก็ขอมาสักช๊อตนึง
จริง ๆ แล้วถ้าดูจากแผนที่ ธรรมดาเค้าจะเดินตามเข็มนาฬิกา แต่ของผม ย้อนครับ เริ่มจากด้านขวา วนไปทางซ้าย ออกมาจาก Transformer แล้วเราจะเจอเจ้ารถไฟเหาะ Battlestar Galactica จะมีอยู่ 2 ลายนะครับ มี Cylon (สายสีฟ้า) กับ Human (สายสีแดง) เสียวยังไงสนุกยังไง ไปลองกันเอาเองนะครับ ผมยอมรับว่าไม่ไหว กลัวว่าวันนี้จะไม่สนุกซะเปล่า ๆ
โซนต่อไปคือ Ancient Egypt เครื่องเล่นจะมีอยู่ 2 อันคือ อันนึงขอเรียกว่า รถคุณปู่เป็นรถรางวิ่งไปช้า ๆ เหมาะสำหรับคุณหนูนะครับ ส่วนอีกอัน เราขอเรียกสั้น ๆ ว่า Mummy อันนี้ ไม่ขอแนะนำสำหรับเด็กนะครับ และต้องฝากกระเป๋านะครับ ยอมรับว่าหนักกว่า Transformer เยอะครับแต่ไม่น่ากลัวหรอกครับ เป็นยังไง ไปลองเล่นดู อ่อฝากกระเป๋าตรงจุดนี้ถ้าไม่เกินเวลาไม่เสียเงินนะครับ
พอผมเสร็จจากเจ้า Mummy ก็เป็นเครื่องเล่นอันต่อไป คือ Jurassic Park Rapids Adventure ของโซน The Lost World ครับ ผมไม่มีรูปอะไรมากนะครับ ผมลงทุนฝากกระเป๋าไว้เลยครับ ที่โซนนี้ จะฝากไว้แป็บเดียวหรือจะนาน เสียเงินเหมือนกันครับ คือเรื่องก็คือผมกลัวกระเป๋ากล้องผมจะเปียกน้ำ เพราะเครื่องเล่นที่จะไปเล่นมันจะเหมือนคล้าย ๆ ล่องแก่ง ถ้าใครกลัวเปียก แนะนำให้ซื้อเสื้อกันฝนมาเล่นนะครับ ผมซื้อมาจากที่ไทยนี่แหล่ะ Lotus ตัวละ 20 บาท คือเค้าก็มีขายนะครับ โลโก้ Jurassic เสียด้วย แต่ขอโทษครับ แพงบรรลัยเลย หรือจะใช้เครื่องเป่าลมของเค้าก็ได้นะครับ แต่เสียตังค์ครับ ไม่ฟรี
แต่บอกตามตรงครับ เจ็บใจจริง ๆ เพราะผมกับแฟน ไม่เปียกเลย…. อุตส่าห์เตรียมตัวเสียอย่างดี เสื้อกันฝนพร้อม แต่ทิศทางที่ตอนที่ต้องโดนน้ำ ดันอยู่คนละด้าน น้ำกระเซ็นมาโดนแค่มือ พอมานึกอีกที อยากจะซ้ำ แต่ก็กลัวจะไม่ทัน สงสารแต่คู่พ่อลูก น่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น โดนเต็ม ๆ ไม่มีอะไรป้องกันเลย กระเป๋าหนูน้อย เปียกเต็ม ๆ…
ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่หารูปมาประกอบให้นะครับจะได้พอเห็นภาพบ้างจากเว็บ singapore-vacation-attractions กับเว็บ rwsentosablog
ต่อไปผมไม่ต่อคิวเล่นเจ้า Caonpy Flyer คล้าย ๆ รถไฟเหาะแบบนั่งห้อยขา แต่ระยะสั้น ๆ นะครับ ไม่ค่อยหวาดเสียวมาก เด็ก ๆ น่าจะชอบ เส้นทางก็จะวนอยู่ในสวนของ The Lost World นี่แหล่ะ
หลังจากนี้ ผมกับแฟนไม่ไหวแล้ว เนื่องจากยังไม่ได้กินอะไรให้หนักท้องเลย แฟนผมถึงกับเวียนหัวเลยแหล่ะ เลยต้องเบรคไปหาอะไรกินก่อนหละครับ ก่อนไปของแชะภาพสักรูป ด้านหลังเป็นศูนย์อาหารของโซนนี้นะครับ Discovery Food Court แต่ผมเล็งไว้ที่โซน Madagascar
กำลังจะเดินไปกินข้าว ก็เจอะเจ้า Raptor ขาโหด เจ้าหน้าที่เอาออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน แต่ยอมรับนะครับว่าบังคับได้เยี่ยมมาก เล่นมุขคอยงับหัวคนเสียด้วย เหมือนเดิมครับ ฝากพี่เจ้าหน้าที่ให้ถ่ายรูปให้เหมือนเดิม
การตกแต่งของที่นี่ยอมรับนะครับว่า สวยทุกมุมจริง ๆ แม้กระทั่งร้าน Popcorn ก็ถ่ายรูปได้นะครับ
เอาหล่ะมองเห็นเจ้าเรือจากเรื่อง Madagascar ก็เดินเข้าไปกันเลยครับ
Food Court ของโซนนี้ มีชื่อว่า Marty’s Casa Del Wild Food Court นะครับ เป็นลักษณะเหมือนศูนย์อาหารที่ ikea คือเราเลือกอาหารที่เราจะทาน แล้วไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ โชคดีคราวนี้ผมมี คูปองที่แทนเงินสด มาได้ 20 เหรียญ ช่วยได้เยอะเลยครับ
รูปที่เห็นด้านล่างนี้ ถ้าดูดี ๆ มันคือ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนะครับ แต่ดูราคาซะก่อน 9.8 เหรืยญ เกือบ 250 บาทครับ ดูแล้ว ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์แซ่บกว่าเยอะครับ อ่อเท่าที่สังเกต ที่นี่อาหารประเภทหมูจะไม่ค่อยมีเห็นเท่าไหร่นะครับ
ผมกับแฟนเลือกมาคนละอย่างครับ เอามารวม ๆ กันทาน ไก่ย่าง ย่างได้น่าทานมาก อย่างที่เห็นในรูปแหละครับ เลยจัดมา 1 จาน ส่วนอีกจานเป็นข้าวไก่สะเต๊ะ ก็อร่อยดีครับ ยิ่งน้ำจิ้มที่มากับจานไก่สะเต๊ะ (ที่เห็นอยู่บนแตงกวานั่นแหละครับ จะบอกว่ารสชาติเหมือนน้ำพริกกะปิมาก กินแล้วคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาทันทีเลย) อิ่มนี้ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยครับ
จบด้วยของหวาน “วุ้นน้ำตาลสด” ครับ ช่วยได้มากเลยครับ รสชาติดีทีเดียว
พออิ่มท้องกันแล้ว ก็ไปต่อกันเลยนะครับ โปรแกรมต่อไป เราจะไปดูโชว์ WaterWorld กันครับ จะมีเป็นรอบ บางคนจะเล่น Jurassic Park Rapids Adventure เสร็จแล้วจะมาตรงนี้กันเลย เพราะเปียกกันมาแล้ว ที่นั่งที่นี่เค้าจะมี โซนแห้งกับเปียกนะครับ ก่อนนั่งดูให้ดี เพราะโซนเปียกนี่ อยากจะบอกว่า นักแสดงเค้าใส่ให้ไม่เกรงใจกันเลยนะได้ดูได้จากภาพเลยครับ
ไม่ขอพูดอะไรมากนะครับ ไปดูโชว์กันเลย
ขอจบฉากด้วย Act สุดท้ายที่ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ ครับ
หลังจากการแสดงเสร็จ นักท่องเที่ยวก็เข้าแถวกันรอถ่ายรูป ขอเบลอหน้าซะหน่อยนะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่ปลอดภัยไว้ก่อนครับ
ต่อไปเราจะไปเยือนเจ้ายักษ์ตัวสีเขียวกันครับ เจ้า Shrek แห่ง Far Far Away ครับ ที่นี่เป็นที่เดียวในวันนี้ ที่ผมรู้สึกว่า มีการต่อแถวนาน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เห็นแถว Express แล้วพอจะรู้ข้อดีของมัน แต่พอผมมารู้ความจริง ไอ้เจ้า Express นี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ เพราะจริง ๆ แล้วเรากำลังจะไปดูหนัง 4D กันทีละเกือบ 400 คน มันเลยต้องรอนานท่านั้นเองแหล่ะครับ
ที่เห็นช่องโล่ง ๆ นั่นแหละครับ Express Lane
บรรยากาศข้างในครับ ดูแน่นและมืด จริง ๆ มืดกว่านี้นะครับ นี่พยายามปรับให้สว่างขึ้นมาหน่อย แต่ไม่อึดอัดนะครับ
ลืมบอกไปอย่างครับ ว่าถ้าเจอเจ้าตัวนี้ ซื้อไปเถอะครับ ช่วยได้เยอะเวลาเจออากาศร้อน ๆ ใช้ตอนไปรับปริญญาก็ดี ราคาอาจจะดูแพงซะหน่อย แต่ผมว่าคุ้มครับ เป็นพัดลมผสมปืนฉีดน้ำครับ
ขอแวะอีกโซนนึง เป็นโซนสุดท้ายครับ นั่นก็คือโซน New York เป็นโซนที่มีตัวเอกเป็นเจ้าตัวละครจาก Sesame Street เป็นตัวเอก โซนนี้เหมาะกับเด็ก ๆ นะครับ สบาย ๆ ชิว ๆ ตามรูปเลยครับ
ขอจบกับ Universal Studio Singapore ด้วยรูปสุดท้ายนี่นะครับ ความรู้สึกสำหรับการได้มาที่นี่ มันทำให้ผมได้รู้สึกปลดปล่อย ได้ย้อนไปในวัยเด็ก และความรู้สึกสนุกในแบบผู้ใหญ่ ถ้าใครไม่ได้มา ขอบอกว่าเสียดายแย่เลยครับ
ยาวกันหน่อยนะครับ อย่างที่บอกครับ นี่เป็นแค่ 1 ใน 3 ของวันนี้เองนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ตามผมไปดูกันต่อเลย สถานที่ต่อไปที่ผมจะขอพาไปเที่ยวกัน คือ Garden By The Bay ครับ
สำหรับการเดินทาง ผมนั่ง MRT ไปขึ้นที่สถานี Bayfront (CE1) ครับ แต่ออกทางออก B นะครับ ถ้าไปออกอีกทางจะไปโผล่ตรงด้านหน้าของ Marina Bay Sands เดินไกลกันเลยหล่ะ แต่ถ้าเราออกทางออกนี้ เราสามารถเที่ยวได้สองที่ คือ Garden By The Bay กับ Marina Bay Sand
Garden By The Bay จะมีทั้งหมด 3 ส่วนใหญ่ ๆ นะครับ คือ Flower Dome, Cloud Forest และ Supertree Grove การเดินชมที่นี่ใช้เวลาหน่อยนะครับ ยังไงก็เผื่อเวลาไว้ด้วย ถ้าอยากค่อย ๆ เดินให้ทั่ว ๆ ผมขอเริ่มที่ Flower Dome ก่อนเลยนะครับ
ภายใน Flower Dome จะเป็นโดมปรับอากาศ เย็นสบาย เหมาะมากครับสำหรับผมที่ เหนื่อยมาจาก USS มีดอกไม้สวย ๆ มุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ เยอะเลย สำหรับคนที่ชอบดอกไม้ อย่าพลาดเชียวนะครับ เพราะคุณสามารถได้เห็นดอกไม้นานาพันธุ์ อยู่ในที่ ๆ เดียว
ตอนแรกผมก็นึกว่าจะเจอแต่นักท่องเที่ยว แต่ไป ๆ มา ๆ ก็เจอคนสิงคโปร์เองมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันครับ แอบเห็นครอบครัว พาเด็ก ๆ มานั่งเล่นทีนี่ด้วย คิดว่าเพราะประเทศเค้าไม่ได้มีที่เที่ยวเยอะเหมือนบ้านเรา เค้าจึงพยายามสร้างสรรค์ สิ่งต่าง ๆ เพื่อให้คนในเมืองเค้าได้มีที่พักผ่อนหย่อนคลายเยอะ ๆ เพราะประเทศเค้าค่อนข้าง เคร่งเครียดกับการทำงานกันพอควรเลยทีเดียว แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบนะครับ บ้านเราดูเร่งรีบกว่าเสียอีก
ดูรูปกันไปเรื่อย ๆ แล้วกันนะครับ
ข้อแนะนำสำหรับการไปเที่ยวกันเองแค่ 2 คนทางที่ดีให้พกขาตั้งกล้องไปด้วยจะช่วยได้เยอะเลยครับ และถ้ายิ่งตกพกไปไหนต่อไหน น้ำหนักขา ก็ต้องไม่มากเกินไปนะครับไม่งั้นจะกลายเป็นเกะกะเกินไป ถ้ายิ่งมี remote สำหรับถ่ายภาพอย่างที่ผมใช้จะดีมากเลยครับ แต่ถ้าไม่มีอาศัยตั้งเวลาก็ช่วยได้ครับ แต่ต้องแม่นกันหน่อยนะครับ ไม่งั้นอาจจะต้องวิ่งกันหลายรอบหน่อย เหนื่อยกันพอดี
ต่อไปเราจะไปเดินกันต่อที่ Cloud Forest นะครับ สำหรับ Dome นี้ จะเป็นโซนที่แสดงเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ในพื้นที่ป่าฝน หรือป่าดิบชื้น จะมีพวกมอร์ส กล้วยไม้สวย ๆ ให้เราดูกัน
ทางเดินจะเป็นการเดินลดหลั่นกันไปภายใต้ภูเขาจำลอง และยังมี ทางเดินลอยฟ้า ให้ได้เสียวกันเล็กน้อยนะครับ
ไม่ขอพูดอะไรมากมายไปดูรูปกันดีกว่าครับ
พอเราเดินมาถึงด้านล่างสุดจะมีโถงกว้าง ๆ พร้อมที่นั่ง เค้าจะฉายสารคดีสั้นว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าโลกเรา อุณหภูมิสูงขึ้น ดีนะครับ เค้าพยายามสอดแทรกความรู้ในแทบจะทุกที่ ๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เราได้อะไรกับไปมากกว่าความเพลิดเพลิน
พอออกมา แทบคลั่งครับ เค้าปล่อยไอน้ำพอดี จริง ๆ ผมอยากถ่าย Cloud Forest ในรูปแบบที่เป็นไอน้ำแบบนี้แหล่ะ มันจะคล้าย ๆ กับหนังเรื่อง Avatar เลยครับ แต่ถ้าลงมาถึงขั้นนี้แล้ว เราย้อนขึ้นไปไม่ได้แล้วครับ โดนดักด้วยบันได้เลื่อนลง ได้แต่ทำใจ กะจะคุยกับพนักงานตรงทางออกว่าจะขอย้อนกลับไปเข้ามาใหม่ ก็คงจะพอดี หยุดปล่อยไอน้ำพอดี ก็เลยได้แต่ถ่ายในมุมที่พอจะถ่ายได้…เศร้านิด ๆ ครับ
ที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือ ขึ้นไปชมภาพมุมสูงที่ Sands SkyPark บนโรงแรม Marina Bay Sands กัน ซึ่งผมคิดว่ากลางคืนน่าจะดีกว่ากลางวัน เราสามารถเดินจาก Garden By The Bay ข้ามทางเชื่อมเข้าสู่ตัวโรงแรมได้เลยครับ แอบถ่ายสภาพรถติดในสิงคโปร์มาให้ดู มีเหมือนกันนะครับรถติด แต่สังเกตมั้ยครับว่า ระยะห่างของรถเค้าห่างกันไม่ขับจี้กันเหมือนกรุงเทพ มันทำให้อุบัติเหตุมันมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย และไม่มีการแทรกเลนกัน
เมื่อเราเดินผ่านมาทางนี้ จะเข้าสูตัวโรงแรม แล้วใช้ลิฟต์ด้านนอกเพื่อลงไปชั้นล่างเพื่อไปขึ้นลิฟต์ที่จะพาเราขึ้นไปด้านบน เราจะผ่านตัวด้านในของโรงแรม ถ้าสังเกตดี ๆ เห็นประตูห้องตามชั้นมั้ยครับ นั่นแหละครับ ประตูห้องพัก (อยู่เหมือนอยู่แฟลตเลย) ด้านล่างเป็น Business Zone มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ก็รู้สึกแปลกนิด ๆ นะ เพราะบ้านเราจะดูเป็นส่วนตัวกว่ากันมาก
และแล้วเราก็ได้ขึ้นมาด้านบนกันแล้ว ค่าบัตรก็คนละประมาณ 500 กว่าบาท แต่เห็นว่าถ้าเราซื้อ Drink แล้วขึ้นมานั่งกินก็จะขึ้นมาได้เหมือนกันเรียกว่าไม่เสียเงินไปเปล่า ๆ แต่ตอนผมไม่แน่ใจว่าต้องไปตรงไหน ก็เลยไม่ได้ใช้วิธีนี้ครับ ผมขึ้นมาตั้งแต่ก่อน 6 โมง นิด ๆ ก็กะจะอยู่จนกว่าจะได้แสง Twilight ก็ประมาณ 1 ทุ่ม ก็อาศัยเดินดูมุมไปเรื่อย ๆ แล้วก็จองที่เตรียมถ่าย ที่นี่เท่าที่ผมรู้่ เค้าห้ามใช้ขาตั้งนะครับ พอดีขาตั้งผมสามารถทำเป็น Monopod ได้ ก็ดีไป อาศัยพิงดี ๆ ก็พอถ่ายได้ครับ แต่ผมก็เห็นนะว่าหลายคน เค้าก็กางขาตั้งกันเลย เจ้าหน้าที่ก็ไม่เห็นว่าอะไร อันนี้ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่า จริง ๆ เค้าให้ใช้หรือเปล่า เห็นหลายคนโดนห้าม น่าจะเป็นเพราะพอกางแล้ว รบกวนคนอื่นมากเกินไปถึงโดนว่าหละมั้ง แต่ที่ผมใช้ Monopod เค้าไม่ได้มาห้ามอะไรนะ
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ เป็นอย่างที่คิด กลางคืนดีกว่ากลางวันเยอะ เพื่อไม่ให้เสียอรรถรส ไปดูกันเลยนะครับ
ผมลงมาจาก Sands SkyPark ประมาณ 2 ทุ่ม ฝนลงเม็ดมานิด ๆ แล้วหล่ะครับ ประกอบกับว่า เริ่มมีทัวร์ขึ้นมาเป็นกลุ่ม ๆ แล้ว เลยของลงดีกว่า แต่ผมหมายตาไว้ที่นึงที่จะต้องไปถ่ายให้ได้ นั่นก็คือเจ้า Supertree Grove ในตอนกลางคืน เลยต้องเดินย้อนไปหน่อยนะครับ รูปนี้เป็นรูประหว่างที่ผมจะเดินไปตั้งกล้องถ่าย ก็สวยไม่ใช่เล่นนะมุมนี้ ได้ทั้ง Marina Bay Sand และ Singapore Flyer ด้วย
และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ด้วย ผมเห็นหลาย ๆ คนก็เดินมาถ่ายเหมือนกันนะ เสียดายที่ไม่ได้เดินลงไปถ่าย เพราะต้องเดินกลับไปหาข้าวเย็นกินแล้ว ขาก็เริ่มล้าแล้วด้วย (อาการเริ่มออกหล่ะ สงสารก็แต่แฟนผมแหล่ะ ต้องมาลำบากกับผมด้วย เห็นใจจริง ๆ เล้ย)
และพอหันกลับมา มันก็ได้อีกมุม ผมรีบวิ่งไปตั้งกล้องเลยครับ แล้วก็…แช๊ะ! ออกมาได้เป็นภาพนี้ครับ
หลังจากนั้น เราก็ไปหาที่ทานข้าวเย็นกัน ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ก็ Food Court ใน Marina Bay Sands มืชื่อเรียกว่า “Rasapura Masters” อาหารอร่อยดีนะครับ วันนั้นแฟนผมเค้าอยากลองกิน ลักซา (Laksa) ก็ได้กินสมใจแหล่ะครับ ดูแล้วก็คล้าย ๆ ข้าวซอยบ้านเรานั่นแหล่ะครับ แตกต่างกันที่เส้น ส่วนของผมเป็นบะหมี่แห้ง เนื้อตุ๋น (ดูไม่เรียบร้อยไปหน่อยนะครับ ดันไปคนซะก่อนที่จะถ่าย)
พออิ่มท้องกันแล้ว จุดต่อไปที่ผมจะไป ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลแหล่ะครับ ตรงสะพาน Helix อยู่ตรงด้านหน้าของ Marina Bay Sands สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป แนะนำนะครับอย่าพลาด เพราะแสงมันสวยจริง และยังได้วิวสวย ๆ ของอ่าวมารีน่า อีกด้วย แสงดีแค่ไหน ดูได้จากรูปนะครับ
ขอจบรูปสุดท้ายของวันนี้ ด้วยรูปนี้นะครับ
เป็นไงบ้างครับ สำหรับการตะลุยเที่ยวกันในวันนี้ ยาวสะใจดีแท้ วันนี้ยอมรับเลยครับว่า ถึกจริง ๆ เมื่อยขามาก ๆ ถึงโรงแรม ตอนอาบน้ำผมถึงกับทิ้งตัวลงนวดขาอย่างนานเลย เค้าว่ากันว่าที่สิงคโปร์นี่ ต้องเดินกันเยอะ ก็อย่างที่เค้าบอกกันเลย ใครอยากจะจัดทริปเหมือนผมก็ได้นะ ไม่ว่า แต่ขอให้เตรียมความพร้อมกันซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน สำหรับของวันนี้จบแค่นี้ก่อน รีวิวต่อไปจะเป็นของวันสุดท้ายที่อยูเที่ยวที่สิงคโปร์แล้วหละ อดใจรออีกนิดนะครับ
6 Comments
MaMew Ku
อยากไปๆๆ
Miziki Miziki
รูปสวย ต้องตามรอยไปบ้างแล้ว
Love Dining
แวะมาทัวร์สิงคโปร์ ^_^
P's Patchiee
ตามมาเที่ยวต่อภาค สองค่า รูปสวยมาก มีโอกาสขอตามรอยน้าค้า ^^
NaiSoop
ขอบคุณทุก Comment ครับ
Luie Saetang
ตามมาเที่ยวด้วยครับ