สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน วันนี้หยิบที่พัก The Scent Hotel ที่ไปมามาฝากกัน รีวิวนี้เป็นหนึ่งในทริบ พาลูกเที่ยวทะเลไทยไปเกาะสมุยทีผ่านมา ถือเป็นภาคต่อจากรีวิวที่แล้วกับ ทริบบินตรงจากกรุงเทพฯไป เกาะสมุย เกาะสวรรค์ของอ่าวไทยเรา หนที่แล้วพากลับไป ดินเนอร์สุดโรแมนติกมาแล้วกับที่ Peace Resort Samui หนนี้จะเป็นยังไงไปเที่ยวด้วยกันต่อเลยดีกว่านะ ไปครับไปๆๆ
การเดินทาง
เนื่องจากเป็นทริบเดียวกันกับหนก่อนที่เราบินตรงด้วยสายการบิน Bangkok Airways จากกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ ไปเกาะสมุย เลยขอเอาเป็นแผนที่เดินทางจากสนามบินสมุยมาที่นี่นะครับ ที่ตั้งโรงแรมอยู่ที่หาดบางรักไม่ไกลจากสนามบินเลยครับดูจากที่ Google Map คำนวนให้ได้เลย สามารถอ่านรีวิวก่อนหน้านี้ได้ที่นี่เลย http://s.one22.com/1jZ2C7Q
เรามาถึงตอนสายๆแล้ว เดินผ่านเข้าไปด้านในสมผัสแรกรู้สึกได้เลยว่า ที่นี่เป็นโรงแรมแนวบูทีคโฮเท็ลจริงๆ ละWelcome Drink ที่นี่เก๋มากเสริฟเป็นไอติมกันเลย ชื่นใจดีจริงๆ
หนนี้เราพกกล้องตัวเล็กไปให้ปันปันหัดถ่ายภาพ รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวชอบมากเข้ามาก็กดภาพพี่ๆกันเลย
ชอบใหญ่เลย.. พี่ๆที่นี่น่ารักมากครับ เป็นกันเองดีกับแขกทุกคน 555
The Scent Hotel ถือเป็นโรงแรมบูทีคที่ผมให้นิยามไว้เองว่า Size S เพราะห้องพักมีทั้งหมด 14 ห้องแบ่งเป็น 11 ห้องปรกติและ เป็นแบบ Suite 3 ห้อง มีพื้นที่ในลักษณะแนวยาว วางตำแหน่งเป็นรูปเกือกม้า ซึ่งก็เป็นลักษณะส่วนใหญ่ของโรงแรมที่ เกาะสมุย ที่หน้าหาดจะไม่กว้างมากนัก แต่เน้นแนวลึกมากกว่า ห้องพักที่นี่มีอยู่ 2 Type หลักๆคือ SeaBreeze Suite และ Beach Front Suite การตกแต่งหยิบศิลปะในสไตล์ Indo – Chinese มาเป็นแนวทางตั้งแต่การออกแบบ เด่วเราค่อยๆมาดูกันครับ
ส่วนแรกที่แขกไปใครมาต้องเริ่มต้นก็เป็นที่ แว๊บแรกคิดว่าหลุดกลับไปหยุดที่ยุคโบราณกันเลย ตกแต่งสวยงาม โซฟาเก้าอี้ ย้อนยุคไปถึงศิลปะแบบอาณานิคม ที่ได้รับอิทธิพลจาก ชิโนโปรตุกีส อย่างที่เราเคยเห็นอยู่เยอะในจังหวัดทางใต้อย่างภูเก็ต
ของประดับตกแต่งดูเหมือนยกยุคเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ มาเลย มีกลิ่นอายศิลปะแห่งอาณานิคมผสมอยู่ทั่วไปหมดทั้ง Reception เลย
เก้าอี้และมุมเก๋ๆ
ห้องโดยรวมน่าประทับใจ ผมรู้สึกว่าเค้าละเมียดละไมในการเลือกใช้ของตกแต่ง ได้บรรยากาศย้อนยุคจริงๆครับ และที่นี่ก็เคยได้รับรางวัลจากการประกวด KTC THailand Boutique Award มาแล้วด้วย
เดินผ่านประตูเข้ามาเจอของตกแต่ง เด่นๆเลยผมว่าจักรยานค้นนี้ช่วยเสริมบรรยากาศมาก
ผสมกับของตกแต่งแนวๆ บางอย่างหากแยกวางอาจจะดูไม่เข้ากันแต่พอจัดมาวางไว้ใก้ลๆกันก็เท่ดี ไปอีกแบบ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ
เลยมาเราจะเจอ สระน้ำขนานเป็นแนวยาวไปกับตัวรีสอร์ท
มองจากมุมสูงเราจะเห็นผังของโรงแรมวางเป็นรูปเกือกม้า โดยมีสระอยู่ตรงกลาง
ปันปันกับแม่ก็ดู Happy ดี๊ด๊ามีความสุขกันดี ตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี่เราหาโอกาสมาลงสระกันทุกๆวัน สนุกสนานกันทั้งบ้าน
เลยมาดูด้านหน้าหาดกันบ้าง ช่วงที่เราไปอากาศดีทุกวันแต่มันก็ร้อนมากๆด้วย เอาเหอะเนอะ มาทะเลไม่เจอแดด ไม่เจอไอทะเล ก็เหมือนมาไม่ถึงสิจริงไหมครับ
ชายหาดบางรัก ถือเป็นหาดที่สะดวกและไปมาง่ายเพราะอยู่ห่างจากสนามบินไม่ถึง 6 กิโลเมตร ตัวหน้าหาดดูจะลาดลงไปมากกว่าหาดอื่นๆสักหน่อย ทรายที่นี่จะออกสีเหลืองอมแดงนิดๆ ซึ่งผมว่าเป็นแบบนี้กันเกือบทุกหาดบนเกาะนี้จะเว้นก็หาดเฉวง หรือละไม ที่ออกจะละเอียดกว่าหาดอื่นๆเค้า
ว่ากันด้วยเรื่องร้านอาหาร…
มาดูบรรยากาศห้องอาหารดีๆติดริมหาดกันบ้าง ห้องอาหาร Le Jaroen Restaurant เป็นห้องอาหารเดียวและห้องอาหารหลักของโรงแรม
บรรยากาศดีทีเดียวครับ เพราะตั้งโต๊ะเก้าอี้ ติดริมหาด สามารถนั่งรับลม ฟังเสียงคลื่นริมหาดได้
การตกแต่งก็อยู่ในร่องรอยเดียวกัน ใช้ของตกแต่งย้อนยุค
แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ก็ทำสีขัดให้ขึ้นลายไม้เก๋ๆ ดูแล้วเก่าแต่ก็มีความเท่ในการหยิบวัสดุมาเล่นดีครับ รวมๆผมชอบ
หิวกันยังครับ มาลองดูอาหารกันบ้าง เริ่มกันเป็นมื้อไปดีกว่าจะได้เห็นภาพรวมของอาหารครับ มาที่อาหารเช้าก่อน
ที่ The Scent Hotel จะเสริฟอาหารเป็น Set Alacart แต่ก็มีความหลากหลายอยู่ระดับนึง รวมกันที่ง่ายๆอย่างครัวซองค์ ขนมปังทั้งหลาย ก็เป็นออเดริฟครับ
หรืออย่างที่มีให้เลือกเป็น Set ABF เราเลือกได้ว่าเอาไม่เอาไรบ้าง จะสุกปานกลางหรือ สุกระดับไหนก็สั่งได้
มาต่อด้วยมื้อเที่ยงกันดู ผมทานอยู่สองวันขออนุญาติรวมไว้ด้วยกันเลยแล้วกันนะครับ นี่เป็นข้าวผัดแต่ผมจำชื่อแม่นๆไม่ได้ขออภัยจริงๆ
แซลมอนนี้แนะนำเลยครับ อร่อยมาก ยิ่งใครรักเลิฟแซลมอนด้วยแล้วแนะนำเลยครับ
พาสต้าซีฟู้ดครับ อันนี้ผมก็ว่าอร่อยนะแต่ไม่ได้ติดใจมากนักเพราะผมเป็นคนทานรสจัด อันนี้ไม่ได้จัดอย่างที่คาดตอนแรก
แซลมอนชิ้นโตมโหฬารมากก
ติดใจเลยสั่งแซลมอนมาต่ออีกในมื้อวันถัดมา อร่อยครับ รสชาติดีเพราะตัวเนื้อปลาเองสดด้วย
หอยเชลล์ครับจำชื่อเมนูไม่ได้แล้วขออภัยด้วย เสริฟพร้อมเกี้ยว
ความหลากหลายของเมนูครับ เมนูนี้จำชื่อไม่ได้จริงๆ ขออภัยด้วยแบบว่าลองกันไม่ซ้ำแต่ละวัน
อันนี้แม่นๆเลยต้มยำกุ้งครับ รสชาติยังไม่จัดนักหากคุณเป็นคนทานเผ็ดต้องย้ำกับพ่อครัวสักนิดครับ
และตบด้วยของหวานกันหน่อย
ห้องพักและบรรยากาศ
มาดูห้องพักกันบ้าง ถือเป็น HILIGHT ที่สุดของที่นี่เลย ห้องพักทั้ง 11 ห้องตกแต่งด้วย Mood & Tone ไปในทางเดียวกัน แต่ตกแต่วใส่รายละเอียดไม่เหมือนกันเลยสักห้อง ผมหยิบห้องที่มีโอกาสพักมาฝากกัน ห้องแรกเป็น ห้องริมสุด Type Beach Front Suite ห้องนี้อยู่ชั้น 2 นะครับริมทะเลเห็นวิวหาดได้
ข้อดีของห้องนี้เลยคือมีชุดรับแขกอยู่หน้าห้อง เป็นที่พบปะสังสรรค์กันได้ เวลามากันหลายๆคน การนั่งจิบเครื่องดืมเย็นๆ ชมวิวทะเล ตรงหน้า กับเพื่อน กับแฟน กับคนสนิทชิดเชื้อกัน แบบนี้ สวนตัวชอบห้องนี้ครับ แต่ที่นี่ค่อนข้างเงียบครับแขกส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่และครอบครัว จะเสียงดังก็ดูไม่เข้ากับสถานที่นักนะ
ข้างในตกแต่งย้อนยุคผสมสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ
โทนของสีและของตกแต่งดูเข้ากันได้ ชอบที่เค้าไม่หลุดconcept ครับ รวมๆเท่ดีครับ
มุมมองจากด้านในออกไปที่ Terracce หน้าห้อง
วัสุทองเหลืองก็ดูเข้ากันดีมากเลย ชอบๆ
มาดูในห้องน้ำบ้าง ห้องนี้กว้างและมีอ่างอาบน้ำแบบฝั่งลงที่พื้น
สังเกตุดูที่โต๊ะใช้เป็นโต๊ะจักรมาทำbuild-in เก๋แบบกลมกลืนดีครับ
ของใช้วัสดุอย่างที่บอกไปเค้าทำได้กลมกลืนดีมากสังเกตุตัว ขวดจะใช้วัสดุพื้นผิวเดียวกันกับอ่างล้างหน้า
มาดูห้อง Beach Front อีกห้องครับ อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลย การตกแต่งก็ไปใส่รายละเอียดกันไปอีกแบบ แต่ก็มันและเก๋ไม่แพ้กัน
การจัดวางผังในห้องต่างกันไปเลย ของตกแต่งไม่หลุด Mood&Tone โรงแรม แต่อย่างใด
ชอบที่สุดก็ตรง กล้องส่องทางไกล เคยเห็นในหนังมาหลายเรื่องเจอของจริงหนนี้เลย
การวางโต๊ะหันหน้าเข้าชายหาด นั่งทำงานผมว่าผ่อนคลาย เผลอๆอาจจะเสียสมาธิง่ายตรงที่ไม่อยากนั่งจะออกไปเล่นน้ำซะมากกว่ามั้ง
บรรยากาศรอบๆตอนช่วงเย็นๆโรแมนติกมาก
เตียงนอนจัดวางไม่เหมือนกันเลย กับห้องที่แล้ว บรรยากาศน่านอนจริงๆ
ห้องน้ำก็เก๋ไม่แพ้กัน
เดินออกมาตรงด้านริมหาดก็ชมวิวกันได้ ห้องนี้จะไม่มีชุดโซฟาเก้าอี้เหมือนห้องแรก มีความเป็นส่วนตัวกว่าเหมาะกับคู่รักมาฮันนีมูนมากกก
เลยลงมาดูบรรยากาศรอบๆตอนเย็นๆกันครับ ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นและตกไม่ตรงๆหน้าหาดแต่ความโรแมนติกไม่ได้ลดหย่อนลงไป
บรรยากาศช่วงเย็นๆสงบและสวยไม่แพ้หาดดังบนเกาะเลย
หาดเดิมแต่เวลาเปลี่ยนก็ทำให้มุมมองเราเปลี่ยนได้… โรแมนติกไปอีกแบบนะครับ
สระน้ำยังน่าว่ายเหมือนเดิม ในเวลาที่แสงใกล้ลับไป
ตัดมายามเช้ากันบ้าง หลากหลายmoment สำหรับที่นี่
ผมตื่นเช้าเพื่อเก็บภาพชายหาดบางรักได้ภาพไม่เยอะเพราะมัวแต่เหม่อชมวิวซะมาก
บางทีการมองภาพเต็มๆตาก็ให้อะไรๆมากกว่ามองผ่าน View Finder ครับ
เด็กน้อยก็ลั้นลามาก การพาลูกเที่ยวเป็นความสุขของพ่อแม่ทุกคน ทุกๆรอยยิ้มแบบนี้เติมเต็มความสุขของครอบครัว
การท่องเที่ยวใดๆไม่มีความหมายหากเราไม่ได้ไปกับคนที่เราให้ความหมาย และแน่นอนความสุขก็จะถูกเติมเต็มกันและกัน
สร้างสายใยความผูกพันของ คำว่าครอบครัวให้แน่นแฟ้น กระชับพื้นที่แห่งความรัก ให้ชิดสนิทสนมกันและกัน มากขึ้น
ผมจึงมักพาปันปันเที่ยวไปทุกๆที่ให้เค้าได้เรียน ได้รู้บทเรียนชีวิตจากประสบการณ์จริงในโลกกว้างๆ ใบนี้
สรุปกันนิด
สุดท้ายนี้ ผมคงไม่ต้องบอกใดๆว่าชอบที่นี่หรือไม่ เพราะทั้งภาพถ่ายและการเขียนทั้งหลายน่าจะบอกทุกอย่างได้อยู่ระดับนึง แต่ยังไงขอสรุปส่งท้ายสักนิดดีกว่าครับ
ห้องพักที่นี่เท่และเก๋สมกับรางวัลต่างๆที่โรงแรมได้รับมา
การบริการอันเป็นสิ่งที่สำคัญของโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมยิ่งเล็กยิ่งต้องใส่ใจ ที่นี่ไม่ตกหล่นใดๆตลอดเวลาผมจะหันหน้าหันหลังหากพนักงานเห็นจะเอ่ยทักทายสวัสดีกันตลอด จนบางทีผมเขินเลยนะ
การตกแต่งหากคุณชอบสไตล์แบบนี้ มีกลิ่นอาย ย้อนยุค ในแบบจีนผสมตะวันตก เติมด้วยการคุมโทนสีอุ่นๆ ของห้องและเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ ละก็ใช่เลยครับ
ความเงียบสงบของธรรมชาติ ถือเป็นจุดขายของ หาดบางรัก หากรักทั้งสองอย่างที่นี่ก็ใช่อีก
แน่นอนหากคุณเป็นคนชอบความคึกคักครื้นเครง ที่นี่ดูจะไม่เหมาะนัก ควรเลือกหาดอย่างเฉวง หรือละไมดูจะตรงกว่า
อาหารยังมีความเป็นสากลมากกว่าไทย เพราะอาหารที่นี่ส่วนใหญ่เน้นอาหารยุโรบมากกว่าอาหารไทย ใครชอบความต่างต้องมาลองกันเองดู แต่ถ้าชอบจัดจ้านที่นี่อาจจะต้องบอกกล่าวกันตอนสั่งเป็นพิเศษครับ
หน้าหาดไม่ได้สวยสุด ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกที่ริมขอบฟ้า(แต่เห็นตกลับขอบเขาแทน) เพราะงั้นหากคุณๆมาเพื่อสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบ
ห้องพักไม่เยอะ เพราะฉะนั้นควรสอบถามจองกันก่อนล่วงหน้า และถ้าจะมาหลายๆคนเพื่อสั่งสรรค หรือมีกิจกรรมใช้เสียงดัง ไม่แนะนำเพราะดูไม่เข้ากับที่นี่ นัก ที่นี่เหมาะกับคู่รัก หรือครอบครัวที่อยากมาพักผ่อน ทิ้งเรื่องยุ่งๆในชีวิตหลีกหนีความวุ่นวายสักพักเพื่อชารต์แบตฯกลับไปลุยกันต่อ
ที่เหลือขอบคุณทุกอย่าง ทุกสิ่ง ที่ทำให้ได้มีเวลาดีๆกับครอบครัวณ.ที่นี่ The Scent Hotel Samui หากอยากพักโรงแรมเก๋ๆ ที่ตกแต่งได้ถึงพร้อมกับสไตล์ ชิคๆเท่ๆ แตกต่างจากโรงแรมทั่วๆไปบนเกาะนี้ที่นี่จะเป็นคำตอบให้กลับมาครับ สำหรับวันนี้คงต้องลากันที่ตรงนี้ก่อนลมทะเลจะพาเรามาเจอกันอีก สักที่ในโลกใบนี้ นะครับ
จนกว่าจะพบกันอีกวันนี้ทิ้งท้ายด้วยภาพนี้ เป็นภาพครอบครัวเราใบเดียวที่ผมเก็บได้ อย่าลืมนะครับ ความสุข ในครอบครัวหาได้ตลอดเวลา แค่คุณคิดถึงก็สุขใจแล้ว
สวัสดีคร้าบบบ
*** รีวิวนี้ทาง The Scent Hotel ออกงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 32 4-7 กันยายน 2557 สามารถไปเดินดูโปรโมชั่นของโรงแรมได้ที่ บู๊ท P276 นะครับ
2 Comments
Lookmoo Pk
เป็นครอบครัวที่น่ารักจริงๆเลยค่ะ ^^
one22
ขอบคุณมากๆเลยครับ ดีใจที่ชอบนะครับ ^_^