ชวนเพื่อนให้กำลังใจนักกีฬาและชมการแข่งขัน
Asian Beach Games ครั้งที่ 4 ที่ภูเก็ต
สวัสดีครับเพื่อนๆ เมื่อต้นเดือน พย. ที่ผ่านมา
ผมได้รับเชิญจากทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปร่วมชม Test Event การจัดการแข่งขัน Asian Beach Games ครั้งที่ 4 ที่ภูเก็ตมาครับ
ซึ่งงานนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา Asian Beach Games ครั้งที่ 4ระหว่างวันที่ 14-23 พฤศจิกายน 2557 ครับ
ซึ่งงานนี้เจ้าภาพหลักคือ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และมีททท. เป็นประชาสัมพันธ์งานครับ
Test Event ที่ผมได้ไปชมมาเป็นการซักซ้อม และเตรียมความพร้อมในการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นครับ
โดย Test Event นี้มีการจำลองจัดการแข่งขัน จำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันครับ
เพื่อให้กรรมการ และทีมงานได้ลองและเตรียมความพร้อมกันครับ
และหลังจากงานเสร็จผมก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในภูเก็ตเล็กน้อย
ก็เลยได้มีโอกาสไปเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆกันครับ เอาหล่ะครับถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ
4th Asian Beach Games Phuket THAILAND
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของงาน Asian Beach Games สามารถติดตามข้อมูลได้จากที่นี่ครับ
http://www.phuketthailand2014.com/th/home.aspx
Asian Beach Games ครั้งนี้มีการแข่งขันทั้งหมด 26 ชนิดกีฬาครับ ประกอบไปด้วย
กีฬาทางอากาศ กีฬาทางน้ำ (โปโลน้ำ ว่ายน้ำมาราธอน) แฮนด์บอลชายหาด
วอลเลย์บอลชายหาด วู้ดบอลชายหาด บาสเกตบอลชายหาด เพาะกายชายหาด เรือใบ (เรือใบ วินด์เซิร์ฟ)
กาบัดดี้ชายหาด มวยปล้ำชายหาด มวยไทย เปตอง เซปักตะกร้อชายหาด ฟุตวอลเล่ย์
เจ็ตสกี ปัญจกีฬาสมัยใหม่ ไตรกีฬา สกีน้ำ แฟล็กฟุตบอลชายหาด ฟุตบอลชายหาด
กีฬาเอ็กซ์ตรีม ปีนหน้าผา กรีฑาชายหาด สควอช ยูยิตสู และแซมโบ้
คำขวัญของการแข่งขันนี้คือ “Celebrate Charming Sunshine”
มีสัญลักษณ์ตัวนำโชคเก๋ๆ เป็นเต่าทะเล 3 ตัวครับ ชื่อ สินธุ สมุทร และสาคร
เหินฟ้าสู่ภูเก็ต
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ผมเดินทางโดยป้าม่วง หรือการบินไทยครับ
ก็เลยต้องไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ
บินโดยป้าม่วงนี่ดีอย่างนึงครับ คือใช้เครื่องบินลำใหญ่
เวลาขึ้นลงไม่ค่อยวิ๊ดๆเท่าไหร่ครับ นั่งเพลินๆชั่วโมงนิดๆก็ถึงภูเก็ตหล่ะครับ
นมัสการพระผุด ณ วัดพระทอง Unseen Phuket
หลังจากเครื่องลงที่ภูเก็ต พวกผมก็แวะไปไหว้พระกันก่อนครับ
โดยแวะไปที่ วัดพระทอง กันครับ วัดนี้อยู่บนนถนนเทพกระษัตรีครับ
ซึ่งวัดนี้ถือเป็นหนึ่งใน Unseen ของสถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ตครับ
เพราะมีพระผุดครับ ปัจจุบัน พระผุดที่อยู่ในวัดพระทองนั้น เป็นองค์พระที่เห็นแต่ส่วนลำตัวขึ้นมาครับ โดยส่วนที่เหลือจมอยู่ในดิน
โดยที่ผ่านมามีเรื่องเล่าว่าเมื่อแรกที่พบ “หลวงพ่อพระผุด” ณ เวลานั้นได้เกิดพายุร้าย
มีฝนตกมากจนน้ำไหลท่วมทุ่งนาเสียหาย พัดพาต้นไม้โค่นล้ม หักพังระเนระนาด
พอฝนหยุดตกก็ได้มีเด็กชายลูกชาวนาคนหนึ่งจูงควายไปเลี้ยงกลางทุ่ง แต่หากิ่งไม้ไม่เจอ
เพราะต้องการหาที่ผูกเชือกสำหรับเลี้ยงควาย กิ่งไม้เล็กๆ ที่เคยผูก เป็นประจำ ก็ถูกกระแสน้ำพัดพาไปหมด
สักพักเขาเห็นสิ่งแปลกประหลาดสิ่งหนึ่ง…มีโคลนตมพอกอยู่ มีลักษณะเหมือนตอไม้ขนาดใหญ่…ผุดขึ้นมา
เลยนำเชือกคล้องควายไปผูกไว้แล้วก็กลับมาบ้าน
พอเด็กถึงบ้าน เด็กชายคนนั้นก็เกิดอาการเป็นลมล้มชัก เสียชีวิตลงทันที
ในตอนเช้าวันนั้นเอง พ่อแม่ก็จัดการกับศพเด็กแล้วออกไปดูควายที่ผูกไว้ พอไปถึงที่ที่เด็กผูกควายไว้ สิ่งที่ปราฏแก่สายตาก็คือ
เห็นควายนอนตายอยู่เป็นที่อัศจรรย์ และยิ่งเมื่อเดินไปดูใกล้ๆ ก็เห็นเป็นวัตถุอย่างหนึ่ง
พวกเขาเกิดความรู้สึกกลัวรีบตัดเชือกผูกควายออกแล้วช่วยกันนำควายไปฝัง
ตกดึกคืนนั้น…พ่อของเด็กชายที่ตายก็ฝัน ว่ามีคนมาบอกว่า ที่เด็กและควายต้องตายนั้นเป็นเพราะเด็กได้นำเชือกควายไปผูกไว้กับเกศพระพุทธรูป
พอตกใจตื่นรุ่งเช้าก็ชวน เพื่อนบ้านให้ไปยังที่ริมคลองที่เด็กนำควายไปผูกไว้ เมื่อเห็นวัตถุประหลาดนั้น
ต่างคนต่างก็เอาน้ำมาล้างขัดสีเอาโคลนตมที่ติดอยู่ออกจนหมด จนกระทั่งสามารถ
เห็นเป็นลักษณะเหมือนเกศพระพุทธรูปเหลืองอร่ามเป็นทองคำ ชาวบ้านจึงแตกตื่นพากันมา การบไหว้บูชาสักการะกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อเจ้าเมืองทรงทราบ…ก็รับสั่งให้ทำการขุดมาประดิษฐานบนดินแต่ขุดอย่างไรก็ไม่สามารถขุดได้
เพราะมีเหตุมัศจรรย์เกิดขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ ด้วยปรากฏว่ามีตัวต่อตัวแตนจำนวนมาก
นับพันนับหมื่นตัว บินขึ้นมาจากใต้พื้นดิน อาละวาดไล่ต่อยผู้คนที่ขุด และยังต่อยแต่เฉพาะคนที่ขุดเท่านั้น
ส่วนพวกที่ไม่ได้ขุด เพียงแต่เอาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ ลูบคลำเกศพระผุด ตัวต่อแตนก็จะไม่ทำอันตรายเลย
ป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นมากชาวบ้านเมื่อขุดไม่ได้ก็พากันไปเรียนเจ้าเมืองให้ทรงทราบ
บอกว่าบางคนที่ขุดถูกแตน ต่อ ต่อยเป็นพิษไข้ถึงแก่ความตาย
ต่อมาได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินธุดงค์มาจากเมืองสุโขทัยมาปักกลดในบริเวณดังกล่าว ท่านได้เห็นหลวงพ่อพระผุด
เป็นพระพุทธรูปโผล่เพียงพระศอขึ้นมาเป็นทองคำ ท่านเกรงว่าหากพวกโจรเห็นแล้วจะตัดไปขายเสีย
ท่านจึงคิดว่าควรจะสร้างวัดที่นี่ เพื่อเป็นการรักษาพระพุทธรูปองค์นั้นเอาไว้ ให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวถลางสืบต่อไป
ขนมจีนสะพานหิน
หลังจากไหว้พระเสร็จเราก็ขับรถเข้าเมืองกันครับ ได้เวลาทานข้าวกลางวันพอดี
เลยแวะไปทานขนมจีนสะพานหินกันครับ ซึ่งปกติแล้วคนภูเก็ตจะทานขนมจันกันในช่วงเช้า
จึงไม่ค่อยมีร้านที่เปิดช่วงกลางวันและเย็นซักเท่าไหร่ครับ
ก็มีร้านที่สะพานหินนี่แหละครับที่เปิด ซึ่งปกติผมเองเป็นคนไม่ทานขนมจีนครับ แต่หลังจากได้ทานที่นี่ก็เห้ยอร่อยแหะ
ขนมจีนที่นี่เค้าจะจัดใส่จานไว้ครับ แล้วให้เราเลือกน้ำยาที่จะราดเองครับ
ผมเลือกเป็นขนมจีนน้ำยาปูครับ อ้อพวกผักต่างๆเค้าจะยกเป็นถาดมาวางให้ที่โต๊ะเองครับ
สำหรับคนี่มาภูเก็ตอาหารอีกอย่างที่ผมแนะนำคือ ห่อหมกครับ ห้อหมกภูเก็ตจะไม่เหมือนที่อื่นๆ (แต่พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าต่างยังไง รู้แต่ว่าอร่อย 555)
ย้อนอดีตภูเก็ตที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว
หลังจากอิ่มท้องผมได้แวะไปชมพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวครับ ซึ่งที่นี่สมัยก่อนเป็นโรงเรียนจีนครับ
ฝั่งบ้านคุณภรรยาผมเมื่อก่อนก็เคยเรียนที่โรงเรียนนี้กันครับ ซึ่งหลังจากที่การปรับเปลี่ยนเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทย
ที่ให้คนไทยต้องเรียนหนังสือ 9 ปี (ถึง ม.3) ทำให้ที่ตั้งโรงเรียนเดิมเริ่มคับแคบไปจึงมีการย้ายโรงเรียนไปที่อื่น และต่อมา
มีการปรับปรุงที่ตั้งของโรงเรียนเก่า ให้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว แทนครับ
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนถนน ถลาง เป็นอาคารเก่าแก่ ด้านหน้ามีสัญลักษณ์รูปค้างคาวกางปีกสีแดง ซึ่งว่ากันว่าเสมือนการเปิดปกหนังสือ
ซึ่งเป็นความเชื่อของคนจีนสมัยก่อนว่าเป็นโชคลาภ รวมถึงค้างคาวนั้นถือเป็นหนึ่งในหาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีนด้วยครับ
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ คนไทย 50 บาท ต่างชาติ 200 บาท เปิดบริการทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. มีไกด์คอยแนะนำให้ความรู้ตลอดการเข้าชม
หากเป็นวันอาทิตย์ จะมีจัดแสงสีช่วงเย็นด้วย เรียกว่า Night at the museum ซึ่งมีสัปดาห์ละวัน
และเพิ่งเริ่มจัดแสดงได้ไม่นาน
หากใครสนใจชม ลองติดต่อที่เบอร์ 076-211-224 สามารถเข้าไปชมรายละเอียดของพิพิธภัณฑ์ ได้ที่
ด้านในอาคารตรงกลางจะเปิดโล่ง เหมือนบ้านเรือนของคนภูเก็ต ช่องโล่งนี้เรียกว่าช่องฉิ่นแจ้ ถูกออกแบบให้เปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ
เนื่องจากอาคารที่ภูเก็ตนั้นเป็นหลักษณะตึกแถวซึ่งจะไม่ีหน้าต่างด้่านข้างบ้านครับ และอีกสาเหตุหนึ่งคือเพื่อเป็นบ่อน้ำ รับน้ำฝน เป็นลานซักล้าง
ปัจจุบันด้านในอาคารจะมีห้องจัดแสดงต่างๆ ที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเมืองภูเก็ต
ลักษณะบ้านเรือน การแต่งกาย อาหารท้องถิ่น อาชีพขุดแร่ดีบุก ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนภูเก็ตสมัยก่อน
ส่วนชั้น 2 จะมีห้องเล่าเรื่องคนจีนที่อพยพมาตั้งรกรากอยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งต่อมาได้ทำมาหากินจนร่ำรวย
สร้างครอบครัวที่เมืองไทย ต่อมาเกิดเหตุการณ์กบฐอั้งยี่ จนกบฐถูกปราบในที่สุด
ส่วนตัวสำหรับผม ผมไม่ค่อยสนใจประวัติศาสตร์เท่าไหร่ 5555
แต่ผมสนใจในเรื่องการการทำเหมืองดีบุกในสมัยก่อนมากกว่าครับ ในยุคผมตอนเรียน
มักจะโดนฝังหัวว่าประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกดีบุก มีการส่งออกดีบุกเป็นสินค้ามากเป็นอันดับต้นๆของประเทศครับ
ซึ่งที่พิพิทธภัณฑ์ก็จะมีประวัติและรายละเอียดรูปแบบการทำเหมืองในรูปแบบต่างๆมากมายให้ศึกษาครับ
แต่ปัจจุบันการทำเหมืองในภูเก็ตได้หยุดไปแล้ว และมีการปรับเปลี่ยนภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวดังเช่นในทุกวันนี้ครับ
ถนนถลาง สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส อันสวยงาม
พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวนั้นตั้งอยู่บนถนนถลาง ซึ่งเป็นถนนที่มีบ้านเรือนเก่าๆอยู่มากมายครับ
โดยบ้านเรือนเหล่านั้นล้วนมีสถาปัตยกรรมเป็นแบบ ชิโนโปรตุกีสครับ
จุดเด่นอย่างหนึ่งของบ้านลักษณะนี้คือ บริเวณด้านหน้าบ้านที่ชั้นหนึ่งช่วงห้องแรกนั้น แต่ละหลังจะเว้นที่ให้คนสามารถเดินได้แบบนี้ครับ
แต่ในช่วงที่ผ่านมามีเจ้าของบ้านหลายๆหลัง ได้ทำการโบกปูนหรือเอาเห็ลกดัดมาปิดทางเดินดังกล่าว
ซึ่งทางเมืองภูเก็ตก็พยายามขอความร่วมมือให้แต่ละบ้านช่วยเปิดทางเพื่อให้สภาพเป็นดังเช่นอดีตครับ
ที่ถนนถลางนั้นช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟ light up ครับ
เป็นสีสรรต่างๆครับ แต่ส่วนตัวผมว่ายังไม่น่าดึงดูดเท่าไหร่ครับ
ร้านรวงต่างๆส่วนมากจะเปิดช่วงกลางวันครับ
แต่จะมีบางร้านที่ทำเป็นร้านอาหารเปิดกลางคืน เช่น ร้านโกปี้เตี่ยม ซึ่งเป็นเสมือน Landmark ของถนนนี้ครับ
หลังจากเดินเล่นที่ถนนถลางเสร็จผมก็เข้าที่พักครับ
โดยครั้งนี้ผมพักที่หาดป่าตองครับ เพราะใกล้กับสถานที่จัดงาน Test Event (หาดกะรน)
Test Event Beach Volleyball
วันรุ่งขึ้นเป็นคิวที่ผมไปชมการจัด Test Event ของการแข่งขัน Asian Beach GAmes ครับ
ช่วงที่ผมไปนั้นเป็นช่วงจัด Test Event ของการแข่งขัน Beach Volleyball ครับ (เค้าจะเวียนจัดงาน Test Event ไปเรื่อยๆครับ)
การแข่งขัน Beach Volleyball นั้นจัดที่ชายหาดกะรนครับ
ตอนแรกแอบดีใจว่าได้มาชม Beach Vollyball จะได้ดูสาวๆใส่บิกินี่เล่น Volleyball เสียหน่อย
ไม่ครับพอไปถามคนจัดบอกว่าวันนี้จำลองการแข่งขัย Beach Volleyball ผู้ชาย T___T
ที่หาดจะมีทั้งสนามย่อยแบบไม่มีที่นั่งชม และสนามหลักแบบมีที่นั่งให้นั่งชมครับ
ในการจัด Test Event นั้นเค้าจะจัดการแข่งขันแบบจำลองทั้ง Tournament เลยนะครับคือมีจำลองให้มีทีมจากประเทศต่างๆแข่งกันจริงๆ
(แต่ใช้นักกีฬาไทยแข่งครับ ซึ่งก็คงถือเป็นการซ้อมให้คุ้นกับสนามไปในตัวนั่นเอง) นัดที่ผมดูเป็นการแข่ง ระหว่างญี่ปุ่นกะจีนครับ
เอาหล่ะครับจะเริ่มแล้วครับน้องๆอาสาสมัครทำการเกลี่ยสนามกันก่อน
ปรี๊ดดดดดด เริ่มเกมส์ ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายเสิร์ฟครับ
ญี่ปุ่นตบ….. (อ้าวต่อยกันซะละ 55555) ^ ^
หลังจากจีนโดนต่อยหน้า นักกีฬาเลยเจ็บเท้าครับ (เอ๊ะ… มันใช่หรา 555)
ตอนนักกีฬา (แกล้ง)เจ็บ เพื่อซักซ้อมทีมงานแพทย์
ปรากฎว่าทุกคนงงครับ เพราะทีมงานไม่ได้แจ้งมาก่อน ปรากฎว่าตอนนั้น แพทย์ไม่อยู่ ยังมาไม่ถึง
กรรมการงงลืมจับเวลา… เล่นเอาคนจัด Test Event มีโวยเลยครับ (อย่างว่าไม่มีบอกล่วงหน้าเอามา surprise กันในงานเลย)
แต่ก็โอเคครับ เพราะในการแข่งจริงมันก็จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ครั้งนี้ก็เลยถือเป็นการซ้อมกันไปครับ
เอาหล่ะครับกลับมาแข่งกันต่อ ญี่ปุ่นเสิร์ฟฟฟฟ….
ญี่ปุ่นตบได้แต้ม Set Point แล้ววววว….
ญี่ปุ่นตบอีก…. ได้เซตแล้ววว ญี่ปุ่นนำจีน 1-0 (ตรงนี้ก็มีโฆษกประกาศแต้มครับ)
ระหว่างพักเซตครับ ผมเลยพักไปถ่ายหาดมั่ง 5555
เซตที่สอง ญี่ปุ่นเสิร์ฟครับ… ย๊ากกกกกก… (ปล. ชอบคนนี้เสิร์ฟจัง Action มันดี 55)
เซตที่สองผลัดกันตบอย่างเมามันครับ…. ฮึ่ยย่า…
แต่ญี่ปุ่นรับไว้ได้และเตรียมบุกกลับมั่ง….
อะจ๊าก……….. เอิ่มเห็นลูกบอลบี้ขนาดนี้ ถ้าตบโดนหัวคนคงหลุด 5555
จีนรับไม่อยู่ สรุป ญี่ปุ่นชนะไป 2-0 เซตครับ….. จบเกมจับมือ 🙂
ก็ประมาณนี้ครับสำหรับงาน Test Event ซึ่งก็สนุกไม่น้อยเลยครับ วันแข่งจริงคงสนุกมากกว่านี้อีกครับ…
ก็ถือโอกาสนี้ขอเชิญเพื่อนๆ ทุกคนที่อยู่ในภูเก็ตหรือมีคิวเดินทางไปยังภูเก็ตในช่วง 14-23 พย. 2557
ว่าลองไปชมการแข่งขัน Asian Beach Games ดูนะครับ เพราะ Event นี้ถือว่าเป็น Event ใหญ่ระดับชาติเลยทีเดียวครับ
และที่สำคัญ เข้าชมการแข่งขันฟรี ด้วยครับ ไปให้กำลังใจนักกีฬากันนะครับ 🙂
และหลังจากเสร็จภารกิจในการชมการจัด Test Event แล้วผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของภูเก็ตอีกนิดหน่อยครับไปชมกันครับ
จุดชมวิวสามอ่าว Karon View Point
จุดชมวิวสามอ่าวจะอยู่เลยหาดกะรน และหาดกะตะไปครับ อยู่ทางที่จะมุ่งหน้าไปแหลมพรหมเทพครับ พิกัด GPS คือ 7.797444, 98.301969
ที่จุดนี้เป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นวิวของชายหาด 3 แห่งคือ กะรน กะตะ และ กะตะน้อยครับ
ส่วนตัวแล้วผมชอบจุดนี้มากที่สุดในบรรดาจุดชมวิวของภูเก็ตเลยครับ
แหลมพรหมเทพ สุดชายแดนตะวันตกประเทศไทย
จุดที่เป็นอีก Landmark ของภูเก็ตก็คือ แหลมพรหมเทพครับ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นจุดชมประอาทิตย์ตกครับ
แต่ผมมีเวลาแวะมาช่วงกลางวันแทน ตอนแรกคิดว่าคนไม่มากนะครับ ที่ไหนได้คนเยอะมากครับ.. โดยเฉพาะคนจีน
ที่นี่สาวชาวจีนที่มาส่วนมากกว่า 90% จะมีผ้าพริ้วๆมา 1 ผืนครับ ทุกคนจะต้องมา Act ท่าแบบถือผ้าพริ้วๆให้ลมพัดครับ
เดาว่าคงมี blogger ชาวจีนเขียนแนะนำไว้แน่ๆ ถึงได้ทำเหมือนกันหมดขนาดนี้ 555
นมัสการ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง
ถ้าถามว่า Landmark ของภูเก็ตที่ทัวร์ทุกทัวร์จะต้องพามาคืออะไรผมตอบได้เลยว่าคือวัดฉลองครับ
วัดฉลอง หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ วัดไชยธาราราม ก่อนครับ วัดนี้เป็นวัดที่คนถูเก็ตให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากครับ
วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากบริเวณห้าแยกวัดฉลองมากนัก ซึ่งวัดนี้จะมีหลวงพ่อแช่มที่เป็นที่ศรัทธาของชาวภูเก็ตมาตั้งแต่สมัยอดีตเลยทีเดียวครับ
ภายในวัดฉลองจะมี พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมี
ซึ่งเป็นที่ประดิษฐสถานของ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกาด้วยครับ
พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือ พระใหญ่
พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือ พระใหญ่ ตั้งอยู่ที่เขานาคเกิดซึ่งถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของภูเก็ตครับ โดยทางขึ้นเขาจะอยู่ใกล้ๆกับวัดฉลองครับ
ปัจจุบันที่นี่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์นะครับ แต่ก็มีความคืบหน้าในการสร้างมาเรื่อยๆครับ อย่างตัวองค์พระปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว
ตอนนี้ก็เป็นช่วงสร้างภายในฐานองค์พระ และมีการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบเช่น การทำกำแพงป้องกันดินสไลด์ อะไรอย่างนั้นครับ
จากจุดนี้สามารถมองไปเห็นวิวของอ่าวฉลองได้ครับ
แต่น่าเสียดายวันที่ผมขึ้นไปฟ้าปิดเมฆเยอะมากครับ
แวะชิมบะหมี่ฮกเกี้ยน ที่บะหมี่ใต้ต้นโพธ์ วงเวียนสุรินทร์
ที่กลางเมืองมีร้านอาหารร้านหนึ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อนั่นคือ บะหมี่ใต้ต้นโพธิ์ (ปัจจุบันต้นโพธิ์ไม่อยู่แล้วนะครับ)
เป้นบะหมี่ฮกเกี้ยนเจ้าดังของภูเก็ต ที่ใครมาล้วนต้องแวะมาทานที่นี่กันครับ ร้านอยู่กลางเมืองที่วงเวียนสุรินทร์เลยครับ
แต่ด้วยความที่ว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาทานกันเยอะ ที่ร้านเองจึงมีการจ้างพ่อครัวพม่ามาทำ (เมื่อก่อนเจ้าของร้านทำเองครับ)
ทำให้หลายปีหลังที่ผมไปทานมานั้นรสชาติเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนครับ ซึ่งปัจจุบันร้านนี้ชาวเมืองเองก็ทานกันน้อยลงครับ
เนื่องด้วยทั้งรสชาติที่เปลี่ยนไป และนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาทานที่ร้านนี้ครับ ซึ่งเท่าที่ผมคุยกับญาติคุณภรรยาที่อยู่ที่ถูเก็ต
เค้าบอกว่าหลังๆเค้าไปทานร้านหมี่สะปำ เสียมากกว่าครับ แต่ร้านนั้นสำหรับนักท่องเที่ยวจะถือว่าไปยากกว่าหมี่ใต้ต้นโพธิ์ครับ
แต่ต้องบอกว่าถึงรสชาติในปัจจุบันจะไม่เหมือนในอดีต แต่ผมก็ยังถือว่าเป้นสิ่งที่ต้องลองในการมาภูเก็ตครับ
เพราะบะหมี่ฮกเกี้ยนก็ถือว่าเป้นหนึ่งในอาหารท้องถิ่นของภูเก็ตนั่นเองครับ แนะนำว่าจะอร่อยต้องสั่งแบบใส่ไข่ด้วยนะครับ
ที่ร้านยังมีพวก หมูสะเต๊ะ ทอดมัน และห่อหมกให้ทานด้วยครับ (จริงๆแล้วเมนูมีอีกเพียบเลยครับ)
ถ่ายรูปเล่นที่ Phuket Trick Eye Museum
ที่ภูเก็ตพึ่งมี Museum ใหม่มาเปิดได้ไม่นานครับนั่นคือ Phuket Trick Eye Museum
ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนพวก Art in Paradise ที่พัทยาครับ เหมาะกับคนที่มาเดินหลับร้อนช่วงบ่าย ถ่ายรูปเล่นครับ
ผมก็ได้ถ่ายรูปเล่นมาเล็กน้อยครับ ซึ่งจริงๆในนี้มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆๆๆๆครับ
อยากให้รูปนี้เป็นจริงขึ้นมาจัง 555
อยู่ที่บ้านทำแบบนี้ไม่ได้ มาถ่ายขำๆที่นี่ล่ะกัน
เพราะถ้าลองทำจริงสงสัยชีวิตผมจะไม่ยืนแน่ๆ 5555
เป็นยังไงบ้างครับกับรีวิว Test Event ของงาน Asian Beach Games ครั้งที่ 4 ที่ภูเก็ตครับ
สุดท้ายนี้ผมก็ยังอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆทุกคนนะครับในการร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีสำหรับการต้อนรับคณะนักกีฬาจากประเทศต่างๆ
ที่จะมาร่วมการแข่งขัน Asian Bech Games ครั้งที่ 4 ในระหว่างวันที 14-23 พฤศจิกายน 2557 ที่จะถึงนี้ครับ
รวมถึงถ้ามีเวลาก็ขอเชิญชวนไปร่วมให้กำลังใจนักกีฬากันด้วยนะครับ
ที่สำคัญเข้าชมฟรีด้วยครับ….
สำหรับวันนี้ผมคงต้องขอลาไปแต่เพียงเท่านี้นะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามชมครับ
แล้วพบกันในรีวิวถัดไปครับ 🙂