สวัสดีครับ วันนี้มาพบกับ Tummeng Travel อีกครั้งนะครับ
วันนี้จะพาไปปั่นจักรยาน ชิค ชิค ที่จังหวัดเล็ก ๆ ที่ชื่อ จังหวัดเลยครับ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. กับ ทางสายการบินนกแอร์จัดกิจกรรมนี้ขึ้นครับโดยใช้ชื่อว่า ปั่น ชิค ชิค เลย – เชียงคาน พิชิตภูป่าเปาะ ชมฟูจิเมืองเลย
ซึ่งเส้นทางจะเป็นอย่างไรตามมาชมได้เลยครับ
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเช่นเคย สำหรับผู้มีจักรยานก็สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ฟรีครับสำหรับสายการบินนกแอร์
วันนี้ทางนกแอร์จัดกิจกรรมพิเศษโดยการยก Nok Sky Cafe ที่ปกติบริการบนเครื่องมาบริการที่จุดเช็คอินมีเครื่องดื่ม ชา กาแฟ คอยบริการพร้อม ๆ กับโดนัทให้รองห้องก่อนขึ้นเครื่อง
และบริการพิเศษอีกหนึ่งอย่างก็คือ วันนี้สามารถทำบัตรสมาชิกนกแอร์ หรือ นกแฟนคลับได้ที่จุดเช็คอินเช่นกันครับ
เมื่อถึงเวลาทุกคนเช็คอินกันพร้อมแล้วก็ถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนจะออกเดินทางโดยทริปนี้เป็นการปั่นแบบ Bike Safety
เราออกเดินทางด้วยเครื่องบินขนาดเล็กที่เป็นรุ่นใบพัดครับ ชื่อ น้องนกข้าวเหนียว เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นเครื่องบินแบบนี้
แน่นอนบนเครื่องก็ยังมีบริการอาหารว่าง และเครื่องดื่มจาก Nok Sky Cafe เช่นกัน
ข้อดีของเครื่องบินแบบใบพัดก็คือจะบินไม่สูงมากทำให้สามารถเก็บภาพระหว่างที่บินอยู่ได้ที่เห็นน่าจะเป็นช่วงที่บินผ่าน ภูทับเบิก ดูจากเส้นถนนที่คดโค้งแบบนี้
ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินเลยครับ ซึ่งตรงนี้เครื่องบินขนาดเล็กไม่ได้ขนจักรยานมาทั้งหมด จักรยานส่วนใหญ่ไปลงที่สนามบินอุดรแล้วตามมาถึงเลยในเวลาไล่เลี่ยกัน
วันนี้ดูแล้วฟ้ามีเมฆเยอะ ฝนอาจจะตกไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้แน่ ๆ เก็บภาพ นกข้าวเหนียวอีกครั้ง เพราะขากลับเราไปขึ้นเครื่องที่อุดร ไม่ได้เจอกันนะครับ
จังหวัดเลยเมืองเล็ก ๆ แต่สถานที่เที่ยวเยอะแยะมากมาย ที่เด่น ๆ ก็มีภูกระดึงเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักเดินเขา
มาถึงโรงแรมจัดการเช็คอินเก็บสัมภาระ แล้วก็ลงมาทานอาหารว่างกันก่อน
เมื่อใกล้ถึงเวลาปั่นวันแรกในช่วงเย็นนักปั่นก็เริ่มประกอบจักรยานกันแล้วครับ เช็คสภาพเพื่อเตรียมพร้อมในการปั่น
ใกล้ถึงเวลาทีมงานก็เตรียมความพร้อมในการปั่นรอบเมืองเลยในเย็นนี้
วันนี้นอกจากนักปั่นจากทางนกแอร์แล้ว ยังมีนักปั่นจากทางเจ้าถิ่นมาร่วมปั่นกันด้วยครับ
พร้อมแล้วก็เก็บภาพหมู่เป็นที่ระลึก
เริ่มปั่นออกถนน ก็จะมี มาแชล นำโดยนักปั่นท้องถิ่นที่รู้เส้นทางเป็นอย่างดี ตามมาด้วยกลุ่มนักปั่นจากนกแอร์ซึ่ง รอบแรกนี้เป็นการปั่นชิค ๆ บางคนอาจจะแต่งกายไม่จัดเต็มมากนักครับ
ปั่นกันไปแบบไม่เร่งรีบ กินลมชมวิวกันไปเรื่อยๆ
จุดแรกที่แวะพักคือ ศาลหลักเมือง และ ศาลเจ้าพ่อกุดป่อง ไหว้พระกันก่อน
หลังจากนั้นก็พากันปั่นออกมารอบตัวเมืองเลย ซึ่งระยะไม่กี่กิโลเท่านั้นเอง เพราะเลยเป็นเมืองเล็กๆ
ปั่นกลับมาที่โรงแรมใช้เวลาในการปั่นทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง เหงื่อซึม ๆเป็นการวอร์มอัพ สำหรับพรุ่งนี้ 70 กิโลเมตร
มื้อค่ำพากันไปทานอาหารที่ครัวมะเดื่อ ครับ ก่อนกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม พร้อมสายฝนที่โปรยปรายลงมาเล็กน้อย
ตื่นเช้า เราไปรวมตัวกันที่ ศาลากลางจังหวัดเลย เพื่องานปั่น ครั้งนี้
คอนเซ็ปต์คือ ต้องปั่นไปให้ถึงจุดชมวิว ฟูจิเมืองเลย ครับ
เส้นทางและความชันก็ หนักเอาการอยู่ครับ แถมช่วงเช้าวันนี้ ดูท่าจะแดดร้อนมากซะด้วย
เมื่อพร้อมแล้ว ก็เตรียมตัวปั่นจริงจังกันได้ครับรอบนี้
วันนี้มีนักปั่นกิตติมศักดิ์ นำโดยท่านผู้ว่าจังหวัดเลย มาร่วมปั่นในช่วงแรกด้วยครับ
เมื่อถึงเวลา ก็ปล่อยตัวนักปั่นก็เริ่มปั่นกันไปเรื่อยๆ ครับ
ระยะทางช่วงแรกประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นทางเรียบทั้งหมด
จุดพักจุดแรก จะมีการต้อนรับโดยเหล่าชาวบ้านที่แต่งตัวคล้ายผีตาโขน มาต้อนรับ ส่งน้ำ ส่งเครื่องดื่มให้ครับ เป็นสีสันอีกแบบหนึ่ง
เมื่อพักผ่อนกันแล้ว ก็ออกปั่นไปยังจุดที่สอง ระยะประมาณ 30 กิโลเมตร เช่นกัน เริ่มมีเนินมาบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่มาเต็ม คือแดด ตอนสาย ๆ แรงมาก นักปั่นบางคนที่ไม่ฟิตร่างกายมาดี ๆ ก็ต้องเลิกปั่นกันที่จุดนี้ครับ
จุดที่สองที่พัก มีการต้อนรับด้วยชาวบ้านที่แต่งตัวแบบ ไทพวน ซึ่งเป็นชนเผาที่อาศัยอยู่แถบนี้ครับ
มีการแสดงรำไทพวน และ รำสาวภูไท ให้ชม ระหว่างรอนักปั่นเข้ามาเช็คพ้อยท์
จุดสุดท้ายที่จะปั่นไปคือ บริเวณ ผาหินคุณหมิง เมืองเลยครับ ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร มีขึ้นเขา ทางชัน ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ครับ ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการแข่งขันสองแบบคือ ระยะทาง 10 กิโลเมตรแรกแข่งทั้งแบบเสือหมอบ และ เสือภูเขา
ในส่วนที่สอง แข่งเฉพาะเสือภูเขา ปั่นขึ้นภูป่าเปาะ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ครับ
ส่วนคนที่ไม่ใช่นักปั่นก็ นักรถอีแต๊กขึ้น ภูป่าเปาะ ซึ่งเป็นจุดชมวิว ฟูจิเมืองเลยครับ
การขึ้นภูป่าเปาะนั้นไม่สามารถเอารถส่วนตัวขึ้นได้นะครับ ต้องไปติดต่อชุมชนว่าจะขึ้นไปแล้วจะมีรถอีแต๊ก พาขึ้นไปครับ เป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชมชุมชน
จุดแรกเป็นจุดชมวิว ฟูจิเมืองเลย หรือ ภูหอ ครับ เป็นภูเขาที่มีลักษณะ คล้าย ๆ กับภูเขาไฟฟูจิ ถ้ามาหน้าหนาวคงจะสวยกว่านี้แน่ ๆ
นั่งรถอีแต๊กขึ้นไปยังจุดที่สอง และที่สามจะเป็นจุดชมวิว ภูป่าเปาะ ยังมองเห็นภูหอ อยู่ครับ ตรงนี้สามารถมากางเต้นท์นอนได้
วิวก็ประมาณนี้ครับ มาช่วงเช้า หรือ ช่วงเย็น จะฟินกว่านี้มาก
จุดที่สาม และสี่ ต้องลงเดินกันแล้วครับ เป็นการปีนขึ้นไปยอดภูป่าเปาะ เพื่อจะชมวิว 360 องศา ครับ
บรรยากาศดีๆ แบบนี้ นั่งชมความงาม รับลมเย็นๆได้ครับ
หลังจากมีการ มอบรางวัลให้แก่นักปั่นกันไปแล้ว ก็ เดินทางไปทานอาหาร แล้ว ตรงไปยัง จุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดเลย นั่น คือ เชียงคาน ครับ
เชียงคาน ชื่อนี้ ผมได้ยินมาประมาณ 6-7 ปีแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้มาซะที
วันนี้มีโอกาสมา ก็เลยเดินสำรวจ กันซะหน่อย ช่วงนี้ เป็นช่วงที่คนมาเที่ยวเชียงคานน้อยครับ ผู้คนเลยไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ เดินกันได้ แบบ ชิลล์ๆ พร้อมละอองฝนที่โปรยปรายลงมา
ที่นี่ยังคงมีวิถีชีวิตแบบเก่า และใหม่เข้ามาผสมผสานกันครับผู้คนท้องถิ่นเริ่มปรับตัวรองรับนักท่องเที่ยวได้ดีมากขึ้น
ทำให้เชียงคานยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอสำหรับนักท่องเที่ยว
เดินสำรวจไปเรื่อย ๆ แสงตะวัน ก็เริ่มลาลับแสงสีทองสาดส่องมายังพื้นน้ำโขงสวยจับใจมาก
ดอกไม้ริมธาร กับ สายน้ำใหญ่ มันช่างเป็นบรรยากาศที่แสนจะทำให้ผู้คนมีความสุขมาก ๆ
ยิ่งถ้ามีเพื่อนร่วมทางดี ๆ ยิ่งทำให้การเดินทาง มีแต่ความสุข
สุดท้ายพระอาทิตย์ก็ลาลับไปจนได้หมดไปอีกหนึ่งวัน
แน่นอนอีกหนึ่งเอกลักษ์ของเชียงคาน ที่ใคร ๆ มาก็ต้องทำ คือ การตักบาตรข้าวเหนียวในตอนเช้า
ไม่ว่าคนไทยหรือต่างประเทศก็ลงมาทำกิจกรรมนี้กันในตอนเช้า
หลังจากใส่บาตรแล้วก็หาอะไรทานก่อนที่นักปั่นบางคนเอาจักรยานไปปั่นเล่น ชมเมืองเชียงคานเพราะโปรแกรมวันนี้หมดแล้ว ตอนบ่ายต้องนั่งรถไปขึ้นเครื่องที่อุดรธานี
ช่วงบ่าย ทีมนกแอร์เรานั่งรถจากเชียงคานมาขึ้นเครื่องที่อุดรธานี พร้อมจักรยานทุกคันเพื่อกลับกทมครับ
เป็นการปิดทริป ปั่น ชิค ชิค เลย เชียงคาน ที่สนุกเหนื่อย และมันส์มากครับ
ขอบคุณสายการบินนกแอร์ ที่ชวนผมไปร่วมทริปครั้งนี้ด้วยครับ
แล้วพบกันใหม่ ครับ