รีวิวนี้ดองกันมายาวนานมาก เรียกว่าเปรียบเป็นไวน์ก็คงต้องผ่านการบ่มนับแรมปีทีเดียว จริงๆเพราะมีโอกาสไปทริบ ฉางซา นี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว รีๆรอๆอยู่นั้น จนสุดท้ายมาถึงวันนี้ เอาว่าไม่ให้เสียเวลาเนิ่นนานกันออกไปอีก ผมขอเก็บภาพมาเล่าให้ทุกคนฟังถึงความประทับใจ กับ First Trip เมืองจีน และยังเป็น First Trip ฉางซาอีกด้วย ทริบนี้ อาจจะไม่มีรายละเอียดการเดินทางเหมือนทริบหลายๆที่ผ่านมา เพราะไม่ได้เดินทางด้วยตัวเอง จึงยากจะอธิบายได้ ขอเป็นการหยิบความประทับใจกับเมืองจีน และเมืองฉางซามาบอกกันดูจะเหมาะสมกว่า ถ้าพร้อมตามผมมาได้เลย
ขอบคุณภาพ Info Graphic จาก Thai AirAsia ครับ ทำมาน่ารักและครอบคลุมทั้งหมดแล้ว
ฉางซามีอะไรดี
เกริ่นกันก่อน รู้จักเมืองฉางซากันนิดมันมีอะไรดีคนถึงไปกัน “ฉางซา” เป็นเมืองหลวงของมณฑลหูหนาน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเซียง ห่างออกไปทางตอนใต้ระยะทางกว่า 130 กิโลเมตรก็เป็นบ้านเกิดของ ท่านประธานเหมาเจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนและเป็นผู้พลิกประเทศจีนให้เป็นอย่างที่เป็นตอนนี้ นอกจากนี้ ที่นี่ยังถือเป็นเมืองแห่งอาหารของประเทศจีน เป็นเมืองที่อาหารเผ็ดร้อนเป็นที่นิยมมากว่าทุกๆเมืองในประเทศ หากใครรู้จักเต้าหูเหม็นที่นี่คือแหล่งกำเนิดของอาหารชนิดนี้
หากใครเคยผ่านตาหนังอย่าง Avatar ที่นี่อีกเช่นกัน ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เจมส์ คาเมรอน สร้างเมืองลอยฟ้า ของชาวนาวีขึ้นมาจนคนต่างก็ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง แม้แต่คนจีนกันเองก็ตาม และเมื่อหนังออกฉาย ก็ทำให้เมืองฉางซาเนื้อหอมแทบจะทันทีทั้งคนจีน และนักท่องเที่ยวต่างชาติล้วนพาเหรดกันมาเพื่อชม ยอดเขาสูงเหยียดฟ้าเหล่านี้ ยิ่งเมื่อยามมีหมอกปกคลุมยิ่งทำให้คิดถึงหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก ไม่แปลกที่ใครๆก็ต่างต้องมาเพื่อให้เห็นด้วยตาตัวเองซักครั้ง ไหนจะยังเป็นจุดศูนย์รวมแหล่งช้อบปิ้งและเมืองแห่งสีสันอย่างเมือง เฟิ่งหวง ไว้อีก เท่านี้ก็น่าจะเป็นคำตอบให้สักครั้งที่คุณหากนึกถึงเมืองจีนเมืองนี้ก็เหมาะจะเป็นอีกที่ๆคุณควรนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ
01 เกาะส้ม..
มาฉางซา สัญลักษณ์สำคัญของที่นี่คือ เกาะนี้ เป็นเกาะที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงท่านประธานเหมาเจ๋อตุง บิดาของจีนยุคใหม่
รูปท่านถูกแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ สูงถึง 32 เมตร เป็นรูปปั้นสมัยท่านยังหนุ่ม หล่อเป็นพระเอกหนังกันเลย ดูกันดีๆตรงรูปปั้นนี้มีชวนให้ผมนึกถึง สฟิงค์ เหมือนกันนะครับ จะว่าไป ที่สำคัญที่นี่ก็เป็นอีกที่ๆผมเห็นคนจีนมาพักผ่อนหย่อนใจกันเยอะมาก เพราะถือเป็นสวนสาธารณะ ที่ร่มรื่นมาก ตอนที่นั่งรถเข้ามามองจากสะพานผมแทบจะไม่เห็นพื้นดินเลยเพราะมีต้นไม้ปกคลุมซะทั่วเกาะกันเลย
และสำหรับใครที่ขี้เกียจเดินกัน เค้าก็มีรถรางพร้อมบริการในราคา 20 หยวน ก็ไม่ได้ถามมาว่าราคานี้เป็นราคานักท่องเที่ยวต่างชาติรึเปล่า แต่ยังไงผมก็เห็นวัยรุ่นมาเที่ยวกันที่นี่เยอะทีเดียว
02.โชคลาง…
คนจีนมีมานานกว่าแทบจะทุกประเทศในโลกนี้ก็ว่าได้ เราจึงพบศาลเจ้ามากมาย แม้แต่ในบ้านของ เสิ่นชงเหวิ่น ศิลปินแห่งชาติผู้แต่งวรรณกรรม เรื่องราวจีนยุคในช่วงรอยต่อจากยุคเก่ามาถึงยุคใหม่ นอกจากประวัติและเรื่องราวที่น่าสนใจแล้ว สิ่งที่ผมติดใจจริงๆ คือตรงบริเวณหน้าบ้าน เค้าจะตั้งอ่างน้ำขนาดใหญ่ ไว้ความเชื่อของเค้าก็คือการ โยนเงินลงไปในบ่อจะมีโชคลาภ สติปัญญาดี แต่ที่แปลกใจจริงๆคือบ่อนี้ผมเห็นเป็นแบ็งหยวนซะเยอะเลย คนจีนยุคใหม่ไม่ธรรมดาจริงๆนะคร้าบบ
03.ที่สุดแห่งเหลา..
ตลอดทริปนี้ผมทานแต่อาหารเหลาล้วนๆ บอกได้เลยว่าจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย ทาง Thai AirAsia สั่งอาหารเสริฟทุกคน ทุกมื้อไม่อั้น สิ่งหนึ่งที่ได้จากการร่วมโต๊ะกับคณะที่มาด้วยกัน เริ่มรู้สึกสังเกตุเอาเองว่าคนจีนเป็นชนชาติที่ทานอาหารเผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาด การนั่งทานอาหารบนโต๊ะกลมที่เลื่อนไปมาได้ เหมือนกับการแสดงออกถึงการแบ่งปัน และสนทนากันและกันผ่านอาหารตรงหน้า ทั้งนึ่ง ต้ม ผัด ตุ๋น ทุกเมนูบ่งบอกความมั่งมีของอาหารในภูมิภาคนั้นๆได้เลย ส่วนตัวยังอาจจะสรุปเร็วไปเพราะเพิ่งมาครั้งแรก และอยู่แค่ภูมิภาคเดียว ไว้ผมไปภูมิภาคอื่นๆแล้วจะมาเล่าให้กันฟังอีกครั้งนะครับ
04.
ที่นี่เป็น 1ใน 4 สถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ซึ่งมี Yuelu Academy ที่ก่อตั้งมาอายุมากกว่า 1 พันปี กันเลย หากคุณรู้จัก ขงจื้อ ที่นี่คือสถาบันที่เค้าเคยสอนมาก่อน บอกแล้วครับว่า เก่าจริงๆปัจจุบันที่นี่ เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมณฑลหูหนาน และเป็นศูนย์กลางการวิจัยด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และการศึกษาของจีน รวมทั้งวัฒนธรรมและวรรณกรรมอีกด้วย
05.ใบไม้แดงในแดนการศึกษา 1,000 ปี
ภาพนี้ไม่ได้ถ่ายที่ญี่ปุ่นนะครับ แต่เป็นส่วนที่อยู่ใน มหาวิทยาลัย Yuelu มีโอกาสแวะเวียนไปมา ระหว่างที่เดินชมเข้าไปในสวนของเค้า มุมนี้ทำให้ผมหยุดเล็งอยู่นาน เพราะถึงแม้พันธ์ไม้ที่เห็นนี้จะไม่ใช่ใบเมเปิล แต่ก็ทำให้ผมเองซึ่งยังไม่เคยเห็นใบไม้แดงที่ไหนมาก่อนเลย ก็พอจะสมหวังได้ในทันที ถือเป็นอีกความประทับใจส่วนตัว
ว่ากันถึงสถานที่กันบ้าง
06.ขึ้นเขาสูงเสียดฟ้าแบบ 2 Way…
เสน่ห์สำคัญของการขึ้นไปยังหุบเขาเทียนจื่อซาน คือขาขึ้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะขึ้นโดยรถบัส และขากลับลงด้วยลิฟท์แก้ว หรือ จะสลับกันก็ได้ แล้วแต่เราเลือก
แต่ที่แน่ๆคือ การขึ้นรถบัสเพื่อไปเลือกเส้นทางขึ้นยอดเขานั้น มันสุดแสนจะฟินถึงฟินมากก ทิวทัศน์ของเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมานับโค้งได้ถึง 99 โค้งกันเลย
เพื่อไปยังยอดเขาการชมวิวสูงสุดสายตามันช่างเป็นประสบการณ์ที่เหนือการคาดหวังไว้แต่แรก เพราะงั้นต่อให้คุณเลือกวิธีการขึ้นไปยังยอดเขาจะเป็นแบบไหนเส้นทางรถยนต์ที่พาไปห้ามพลาดที่จะนั่งริมหน้าต่างนะครับ แล้วจะหาว่าไม่บอกนะคร้าบ
07.ลอยละลิ่วไปตามสายลม…
เอาเข้าจริงๆตัวผมเองเพิ่งมาค้นพบว่าชอบนั่งเคเบิ้ลคาร์มาก ถึงมากที่สุด มาเที่ยวจีนหนนี้ได้ใช้ขึ้นเขาก็ตอนไปยังหุบเขามังกรฟ้า เขาเทียนจื่อซาน วิวที่เท้าเราลอยพ้นผ่านต้มไม้สูง ผ่านหุบเขามันช่างตื่นเต้นจริงๆ ระหว่างทางที่เคเบิ้ลคาร์พอเราเหาะลอยไปบนฟ้าท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่ สร้างความตื่นเต้นและเร้าใจตลอดระยะเวลากว่า 10-15 นาทีบนฟ้าได้อยู่หมัดครับ ที่สำคัญที่นี่คือเคเบิ้ลคาร์ที่มีความยาวที่สุดในโลก ที่บันทึกไว้ในกินเนสบุ๊คทีเดียวด้วยความยาวกว่า
08.ลิฟท์แบบ Outdoor ที่สูงที่สุดในจีน
ลิฟท์ความสูง 362 เมตร ลิฟท์ ไป่หลงเทียนที ลิฟท์แบบ Outdoor ที่สูงที่สุดในจีน คือฉายาของลิฟท์นี้
จะให้ไม่สูงที่สุดก็คงจะแปลก เพราะด้วยตัวยอดเขาสูงเสียดฟ้าของ เทียนจื่อซานเองด้วยก็ยิ่งแน่นอน แต่จะว่ากันจริงๆกับค่าตั๋วราคา 72 หยวน
ถือว่าสูงเอาการแต่ถ้าคิดว่าซักครั้งที่จะได้ขึ้นลิฟท์นี้ และไม่อยากจะเดินขึ้นไปเอง ผมว่ายังไงๆก็ต้องใช้บริการสักครั้งนะครับ
09.ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน (The Heaven’s Gate of Tianmen Shan)
ความสุดยอดตามธรรมชาติสร้าง ที่ไม่ธรรมดาใครที่มาที่นี่สมควรมาเยือน ห้ามท้อเป็นอันขาด แม้จะเจอกับบันได 999 ขั้น ก็ตาม แต่ถ้ามาวันหมอกหนาๆอาจจะต้องคิดอีกทีเพราะมองไรจะไม่เห็นเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วไหนๆมาแล้วขึ้นได้ก็ควรขึ้นกันนะครับ
มารู้จักสถานที่กันหน่อย ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน หรือเรียกขานกันว่า “ประตูสวรรค์” นั้น คือสถาปัตยกรรมตามธรรมชาติสร้างขึ้นมามีลักษณะเป็น โพรงหินธรรมชาติ อยู่บนยอดเขาขนาดใหญ่ มีความสูงของช่องถึง 131.5 เมตร กว้าง 57 เมตร
เมื่อมองจากด้านล่างมันจึงดูคล้าย ประตูหรือบานทวารขนาดใหญ่ ที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นช่องทางเข้าออกของเทพเวลามายังโลกมนุษย์
ผมเองเคยเห็นภาพถ่ายที่นี่เวลาอากาศดีๆแล้วมีแสงแดดลอดผ่าน มันสวยงามมากจริงๆ เสียดายมาเที่ยวนี้เจอฝนไปเต็มๆแต่ยังไงก็ยังประทับใจมากอยู่ดีครับ
ที่สำคัญที่นี่ถือเป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศจีน สาเหตุที่เรียกว่าเทียนเหมินซานเพราะว่าเค้าว่ากันว่า ภูเขาแห่งนี้ย้อนไปหลายล้านปีก่อน น่าจะเกิดระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ จนกลายเป็นถ้ำหรือประตูสวรรค์ อย่างที่เราเห็นจนถึงทุกวันนี้
10.วิวแห่งความพยายาม…
ขึ้นมาถึงยอดแล้วก้มมองลงไปมันก็ชวนให้ทึ่งไมไ่ด้ทั้งแรงกายและแรงขาที่พาแรงใหญ่ๆน้ำหนักไม่น้อยอย่างตัวเองขึ้นมาได้แต่วิวข้างบนก็ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้นั้นล่ะ
11. ถ้ำพญามังกร “หลงหวังต้ง ” หรือจะเรียก ถ้ำมังกรเหลือง (Paya Dragon Cave)
ทริปนี้มีโอกาสเข้าถ้ำและก็เป็นถ้ำที่สวยงามมากติดอันดับใหญ่ที่สุดในในจางเจียเจี้ย ถ้ำมีความสูง 50 เมตร กว้าง 80 เมตร และยาวถึง 30 กิโลเมตรทางการจีนกลับเปิดให้ชมแค่ประมาณ 4.5 กิโลเมตร
ระหว่างล่องเรือที่จอดเรียงรายอยู่ ในนี้จะเรียกว่า สระน้ำพญามังกร มีพื้นที่ประมาณ 400 ตารางเมตร ส่วนความลึกของสระนี้ยังเป้นปริศนาอยู่ ยังไม่มีผู้ใดสามารถวัดได้ ส่วนตัวคิดว่าถ้ำนี้สวยงามด้วยแสงสีที่นำมาประดับ การนั่งเรือเข้าไปชมตัวพญามังกรถือเป็นกิจกรรมฮิตทีุ่ดเมื่อคุณเข้ามาถึง
12.ข้างทาง…ไม่ธรรมดา
ภาพนี้เป็นความบังเอิญล้วนๆครับ ได้จากการแวะระหว่างทางจะมาเมืองเฟิ่งหวง ภาพนี้ก็บ่งบอกความเป็นเมืองจีนไม่ว่าที่ใด ขุนเขายิ่งใหญ่เสมอธรรมชาติเหมือนจิ้กซอที่ต่อเติมให้จีนไม่ว่าไปเมืองใดทั้งยิ่ง ใหญ่และงดงามเสมอ
13. ขยันและอดทน…
ถ้าจะมีชาติใดในโลกนี้ที่ได้ชื่อว่า คนในชาตินั้นมีความขยันและอดทนสูงมาก จีนก็คือหนึ่งในนั้นแน่นอน จริงๆภาพคนหามของไปมาอาจจะไม่ได้แปลกตาอะไรนัก แต่กับคุณป้าคนนี้ผมดูแกเดินไปมาหลายรอบ เพื่อขนดินที่แกแบกจากบ้านเพื่อไปยังที่ไหนสักที่ เห็นแล้วก็ต้องบอกว่าป้าแกอดทนมาก แค่ผมหยุดดูตรงนี้ไม่ถึง 15 นาทีแกขนไปมา2-3 รอบแล้วขอชมจริงๆ ในความมีน้ำอดน้ำทนของแกครับ เป็นภาพง่ายๆแต่อยากสื่ออารมณ์ความเป็นประเทศที่ผ่านความยากลำบากมามากมายของคนจีนครับ
14-15.อุทยานมังกรเหลือง หลงหวังตง (ถ้ำพญามังกร)
ส่วนที่ผมไปแล้วติดใจมากกว่าตัวถ้ำ คือบรรยากาศก่อนถึงตัวถ้ำ วันที่ไปฝนปรอยๆหมอกจางๆที่ลอยละล่องล้อไปกับหุบเขาตรงหน้า นี่มันภาพวาดชัดๆเลย ยิ่งเจออาคารสไตล์เก๋งจีนมีบ่อน้ำตรงหน้า โอ้ววสุดยอดเลย แม้ส่วนตัวจะไม่ชอบเปียกฝน แต่ภาพตรงหน้าในฤดูฝนที่เรามาเยือนก็แสนมีเสน่ห์ชวนหลงใหลได้ไม่ยากเลยจริงไหมครับ
16. ความสงบของสายน้ำ…
ในเมืองเฟิ่งหวงสายน้ำยาวกว่า 3 กิโลเมตรนี้ ยามค่ำอาจจะเต็มไปด้วยแสงสี แต่พอกลางวันกลับเป็นเมืองที่แสนสงบสุขมาก ภาพเรือแจวที่ล่องไปตามสายน้ำที่เขียวดั่งสีมรกต และใสราวกระจก จึงกลายเป็นภาพชินตา ไปทันที แม๊…เห็นวิวแบบนี้มันช่างเข้ากับ Concept SlowLife ที่เค้ากำลังฮิตๆกันช่วงนี้มาก เฟริมเลยนะครับ หากใครต้องการมา ชิลล์ มาหามุมสงบๆที่นี่ตอบโจทย์ทุกอย่างโดยเฉพาะกลางวันแบบนี้นะ
17.ภาพของ เฟิ่งหวงเข้ามาอยู่ในใจผมเยอะสักหน่อยนะครับเนื่องด้วยที่นี่น่ารัก สวยงามมากโดยเฉพาะยามกลางวัน ตกกลางคืนอาจจะมีแสงสีเร้าใจมาเสริฟกันตลอดทางของริมสองฝั่งแม่น้ำ แต่มุมสวยๆยามกลางวันเราเดินไปเจอกันไม่ยากแต่อย่างใดครับ ลองไปเองแล้วจะติดใจ
18. เสน่ห์เมืองงาม
เมืองเฟิ่งหวง ยามกลางวันนอกจากนักท่องเที่ยวอย่างเราๆจะแวะเวียนมาเที่ยวกันแล้ว ไม่แปลกที่ผมจะเห็นักศึกษา ศิลปะมากมายหลายคนมานั่งวาดรูปตามจุดต่างๆ น้องหมวกแดงนี้ก็เช่นกัน ถือเป็นภาพที่บ่งบอกความสวยงามที่นี่ได้อย่างดี เห็นแล้วยังอยากหากระดาษมานั่งวาดกับเค้าบ้าง มันคงฟินมากทีเดียวครับ
19.สะพานข้ามเวลา..
ในยามค่ำสะพานข้ามฟากนี้ต่างคราคร่ำเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และแสงสีจากราวไฟที่ประดับเต็มไปไม่ต่างอะไรกับกลางวัน แต่เอาจริงๆผมกลับชอบอารมณ์กลางวันมากกว่า จะเพราะด้วยความสงบของสายน้ำ ด้านล่างกับ ผู้คนบนสะพานช่างเป็นภาพที่ต่างกัน จนดูแปลกตาไปอีกแบบ
20.เรื่องของ Q
จริงๆเมืองจีนเรื่องเข้าคิว ใครก็ตามมาจีนล้วนแต่ก็รู้กิตติมศักดิ์ของชาวจีนกันดี แซงได้เป็นแซง ปาดแบบเนียนๆหันหลังมาอีกทีมาจากไหนไม่รู้มายืนอยู่หน้าเราซะเฉย ผมว่าเรื่องนี้อยู่ที่จังหวะและเวลาครับ อย่างตอนเช้านี้ ที่มาเพื่อจะขึ้นเรือล่องไปตามแม่น้ำ เจอกรุ๊บทัวร์เข้าไป อย่างในภาพ ผมก็ขอถอยเป็นเดินชมเมืองดูท่าจะดีกว่าเยอะ ภาพนี้แม้จะไม่ได้เข้าแถวเป็นระเบียบเป๊ะกันชัดๆแต่เค้าก็ยังยืนกันสงบกันดี ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์อย่างที่บอกจริงๆ สรุปประทับใจพวกเค้ามากกว่าที่คิดนะเนี่ย
21.ตี๋น้อย …น่าร๊ากกกกมว๊ากก
55อันนี้ตามหัวข้อเลย ความเพลิดเพลินอีกอย่างในทริปนี้คือเด็กๆครับ ใครจะว่าผมดูเว่อร์ก็ไม่ว่า เล่าอาต๊อาหมวยในชุดกันหนาวดูป้อมๆของพวกเค้าน่ารักมากก
หลายๆครั้งที่ผมเสียเวลารออยู่จุดใดจุดนึงนานมาก เพื่อเก็บภาพเด็กๆที่เล่นกันหนุกหนาน บ้างก็เอามือถือพ่อแม่มาเล่น ๆไปซักพักก็เลียซะ 555 น่ารักซะไม่มี ใครไปจีนลองสังเกตุเด็กๆเค้าดู หน้าตาตี่ๆ รอยยิ้มไร้เดียงสา เป็นอีกความเพลิดเพลินอย่างมากที่จีนครับ แต่ทั้งนี้ ถ้าเวลาไปถ่ายขอพ่อแม่เค้าหน่อยก็ดีนะ พูดไมไ่ด้บุ้ยใบ้ให้รู้ว่าเราจะถ่ายรูปลูกเค้า ส่วนใหญ่จะยินดีแถม Acting ด้วยอีกต่างหาก
22. สาวงาม…
ใครจะว่าไงไม่รู้แต่ทริปนี้ความสุขอีกอย่างคือ สาวน้อยในเครื่องทรงแบบประจำชาติจีนของเค้า ที่เมือง เฟิ่งหวง ที่เค้าจะคอยมาแนะนำเราหรืออย่างน้อย ก็มาให้เราถ่ายภาพคู่ด้วยได้ ทั้งกิริยามารยาทได้รับการฝึกฝนมาดีทีเดียว และความน่ารักนี่ผมให้เกิน 100 ทีเดียวไม่ต้องอธิบายกันมากดูภาพกันได้เลย บอกไว้เลยเวลาที่หลังจากถ่ายภาพกับเค้าแล้ว อย่าลืมเอ่ย คำว่า “เซี่ยเซี่ย” (แปลว่า ขอบคุณ กันนะน้องเค้าจะยิ้มหวานขึ้นอีกหลายเท่าทีเดียว)
23.สีสันแห่งเมืองเฟิ่งหวง..
สะพานนี้ผมข้ามไปมาหลายเที่ยวเพื่อหามุมที่คิดว่างามตามใจตัวเองที่สุด สุดท้าย ชอบภาพนี้จะด้วยเพราะสีสันสดใสก็ตามแต่ แต่สะพานนี้สะท้อนความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยผู้คน นักเดินทาง ที่ต่างก็มาเพื่อชมแสงสีนี้กันทั้งนั้น ภาพที่คิดไว้ก่อนมากับเมื่อมาเห็นด้วยตา ก็ต่างกัน แต่ยังไงถ้าคนมาฉางซา ที่นี่คือที่ๆควรต้องมา ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
24.ค่ำคืนแห่งเงาจันทรา…
ในระหว่างที่เดินเก็บภาพมาตลอดทาง สิ่งที่ผมพบอย่างนึงคือสีสันของแสงไฟมันหลากสีสันจนบางทีรู้สึกแสบตามากไปด้วยซ้ำ
กว่าจะเดินเจอมุมสวยสงบนิ่งจริงๆต้องหาอยู่นานในบางมุมบางจังหวะความนิ่งของสายน้ำก็ทำให้จิตใจเรา
สุขสงบได้เช่นกัน ภาพนี้ถูกใจตรงเงาที่สะท้อนลงบนน้ำที่สงบนิ่งนี่ละครับ
25-26.สองภาพนี้ถ่ายในบริเวณใกล้ๆกัน สะพานของภาพบนจะมีเหมือนเก๋งอยู่กลางสะพาน สามารถขึ้นชมวิวและมีที่นั่งชิลล์ ชมสายน้ำได้ นี่ละครับคือเสน่ห์ของเมืองเฟิ่งหวงที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องแวะมาที่นี่ทุกค่ำคืนไม่ขาดสายเลย
27-28.โรงแรมหรือวังน้อ…
ที่จีนหลังจากพัก 4-5ดาวมาตลอดทริปได้ข้อสรุปกับตัวเองชัดๆว่า ที่นี่เค้าชอบแนวแบบนี้ละ เดินเข้ามาจะเจอความอล่าอลังของ โถงล็อบบี้รับรองขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้า สวยงามจนต้องขอเก็บภาพ และส่วนตัวห้องพักก็ใหม่ดีมากครับ ทุกอย่างดูใหญ่โต รโหฐานทีเดียว เรียกว่าประทับใจกันมาตั้งแต่ทางเข้ากันเลยทุกที่จะเป็นแบบเดียวกัน หากเป็นโรงแรมของจีนแท้ๆ แต่ถ้าเป็นแนวโรงแรมเชนทั้งหลายอันนั้นอาจจะมี Concept ของโรงแรมมาคุม Theme กันอยู่ เช่น ในเครือ Accor ทั้งหลายเป็นต้น
29.สวนจอมพลเฮ่อหลง
หมอกหลังฝนตกหนาตามาก เรามีโอกาสขึ้นไปจุดยอดของ… ทริปนี้แทบไม่ได้เห็นแสงตะวันกับฟ้าสีเข้มเลยแต่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีความสวยงามแต่อย่างใด
ภาพนี้ชอบเป็นการส่วนตัวเพราะจังหวะที่รอคนเดินขึ้นไปกันหมดแล้ว เหลือผมอยู่คนเดียว มันให้อารมณ์เหงาดี
สวนแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1986 เพื่อเป็นเกียรติแก่นายพลเฮ่อหลงแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายในบริเวณสวนสาธารณะจะมีจุดชมวิว ซึ่งสามารถชมยอดเขาแต่น่าเสียดาย ตอนผมไปมองอะไรไม่เห็นเลยในระยะ 5 เมตร์หมอกลงปิดจนเราไม่เห็นอะไรได้เลย แต่ก็ชอบภาพนี้ในอารมณ์เหงาๆที่สีขาวปกคลุมไปทั่วหมด
30. ยอดเขาสูงเสียดฟ้า อวตาร…
ที่เดินทางมาก็เพื่อขึ้นมาชม ยอดเขาบนอวตาร จังหวัดจางเจียเจี้ย อยู่แล้วเพราะงั้นการขึ้นมายืนอยู่บนยอดแล้วมองลงไป มันให้อารมณ์ทั้งหวาดเสียวระคนสมหวังดีทีเดียว สมแล้วกับสถาปัตยกรรมธรรมชาติสร้างแห่งนี้ ไม่แปลกที่เจมส์ คาเมรอนถึงหยิบโลเกชั่นนี้ไปสร้างหนังจนทำเงินติด 1 ใน 10 หนังทำเงินของโลก ใครไม่เคยมาควรมาเห็นด้วยตาตัวเองซักครั้งแล้วจะตะลึงไม่แพ้กัน
31.เมืองอู๋หลิงหยวน หุบเขา Avatar เขาเทียนจื่อซาน
จริงๆคือเมืองที่เราไปเที่ยวกัน หลายๆคนอาจจะเรียกที่นี่ติดปากว่า จางเจียเจี้ย แต่จริงๆเป็นชื่อของจังหวัด แต่ตัวหุบเขาเองนั้นอยู่ในเมือง อู๋หลิงหยวนอีกที ตัวเขาเทียนจื่อซาน
อยู่ในเขตจางเจียเจี้ย มีเนื้อที่ 65 ตารางกิโลเมตร บนยอดเขาเทียนจื่อซานสูงประมาณ 1,250 เมตร เขาเทียนจื่อซาน เต็มไปด้วยชะง่อนผาอันสูงชัน ลำห้วยลึกและป่าหิน มีหินยักษ์ในรูปลักษณะแปลกตา ยืนตระหง่านค้ำฟ้า จุดเด่นของเขาเทียจื่อซานคือ เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว (สะพานใต้ฟ้าอันดับ 1) มีทิวทัศน์ที่สวยงามและเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังหลายเรื่อง
ที่ยอดเขา Avatar คือหุบเขาที่ได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “ภูมิทัศน์แห่งอู่หลิงหยวน และพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ” โดยคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 16 เมื่อปี พ.ศ. 2535ได้เคยประกาศไว้ ใครที่เป็นแฟนหนัง Avatar ก็ต้องบอกว่าห้ามพลาดจริงๆ ต้องมีเวลาหาประสบการณ์อยู่บนยอดเขาเหล่านี้และ
32-33.เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว (สะพานใต้ฟ้าอันดับ 1)
สะพานที่เห็นนี้ไม่ใช่นะครับ ต้องข้ามไป และเดินต่อไปอีก แต่ที่ผมประทับใจกับเป็นสะพานเหล็กอันนี้แทน เพราะถึงเราจะเห็นเป็นสะพานเหล็กที่ดูแข็งแรง แต่ในวันที่ลมพัดแรงอย่างที่ผมไป มันก็ช่างน่าตื่นเต้นเสียนี่กระไร เพราะตัวสะพานก็จะไหวๆให้เรารู้สึกได้ ปัจจุบันนี้ได้ข่าวว่าสะพานเหล็กแห่งนี้กำลังปิดเพื่อซ่อมแซมอยู่นะ ยังไงใครไปถ้าเปิดแล้วลองไปเดินข้ามกันดูครับ คุณต้องลองประสบการณ์นี้ด้วยตัวคุณเองจริงๆ
34.นอกจากพันธุ์ไม้และสีเขียวบนยอดเขาในจางเจียเจี้ย พันธุ์ดอกไม้ ต้นไม้ป่าสวยงามหาได้ง่ายมาก ถือเป็นอีกสีสันในวันฝนพรำแบบนี้ได้เช่นกัน
35.ยิ้มมมมมมมลูก…
คนจีนเอาจริงๆผมกลับว่าพวกเค้ายิ้มง่ายกว่าที่คิดไว้มากนัก โดยเฉพาะกับเด็กๆหรือเป็นเพราะเรามีลูกเด็กๆเหมือนกัน ทุกครั้งที่ไปเมืองไหนก็ตามในทริปนี้ผมจะพบเด็กๆยิ้มยี้แทบทั้งนั้น ดูน่ารักไปอีกแบบภาพนี้เป็นคุณแม่ที่กำลังพยายามหลอกล่อเด็กน้อยให้ยิ้มเพื่อจะได้ถ่ายภาพ ให้เดาเลยนะครับภาพนี้แม่ของหนูน้อยกำลังยิ้มปากกว้างสุดๆแน่นอน ถือเป็นภาพแคนดิก น่ารักๆที่บังเอิญได้มา
36-37.โชว์จิ้งจองขาว สุดอลังการงานสร้างระดับโลก…
โชว์ในจีนผมเองไม่เคยมีโอกาสได้ชมมาก่อน แต่ถ้าเป็นผลงานของผู้กำกับโชว์ครั้งนี้ละก็ได้ดูมาหลายครั้งแล้ว เพราะเค้าคือ จางอี้โหมว สุดยอดผู็กำกับที่เคยบุกไปประกาศศักดาถึงฮอลลีวู้ด มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ด้วยหนังที่นำเสนอความเป็นจีนแท้ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่ ที่สำคัญยังเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและในต่างประเทศมาแล้วมากมาย และผลงานของแกจริงๆในช่วงหลังที่ทุกคนในโลกจะได้เห็นผ่านตามาแล้วคือ พิธีเปิดปิดโอลิมปิคเมื่อครั้งที่จัดในเมืองจีน ถือว่าสมราคาทุกอย่าง
จริงๆโชว์นี้เนื้อหาต้องการพูดถึงความรักข้าม 2 โลกระหว่างปีศาจ และมนุษย์ แต่ด้วยการใช้ เบื้องหลังเป็นประตูสวรรค์เทียงหมิงซาน นั้นเอง โชว์นี้จึงไม่ธรรมดาและอลังการงานสร้างทันที ใครไปที่นี่ห้ามพลาดนะครับ
38. ไกด์จีนหัวใจไทย…
ส่วนนี้คงไม่ได้เกี่ยวใดๆกับสถานที่ๆไปมานักถือเป็นความประทับใจส่วนตัวมากกับไกด์ทั้งคู่ ในความกันเอง ความน่ารัก และภาษาไทยที่ชัดถ้อยชัดคำมาก สถานที่หลายๆแห่งแม้มันจะแปลกตาและตื่นเต้น พอเป็นไกด์เราทั้งสองคนเล่ายิ่งทำให้เรื่องราวน่าสนใจเข้าไปอีก จะว่าไงไม่รู้ผมสัมผัสได้ว่าเค้าไม่ได้แค่ทำตามหน้าที่แต่เพราะเค้ารักที่จะทำให้ดี และผลลัพธ์ก็ออกมาดีมากๆเลย ถือเป็นความประทับใจส่วนตัวครับ
39.เพื่อนร่วมทริป…
ในทริปหลายๆครั้งของการเดินทาง เพื่อนร่วมทริปสำคัญมากเสมอ เพราะเวลาที่เราอยากหันไปคุย ปล่อยมุขขำๆ (ซึ่งก็อาจจะไม่ขำเบยเวลาไปเล่าให้คนอื่นฟัง) ให้กันฟัง ส่วนตัวทริปนี้จะไม่สำเร็จเลยหากไม่มีเพื่อนร่วมทริปกระตุ้นให้การเดินทางสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
40-41.
และมาถึงสุดท้ายของความประทับใจจาก Thai AirAsia ทริปนี้แม้จะเป็นทริปสื่อ แต่ก็จัดได้ดีมาก ทั้งการวางแผนไปจุดต่างๆก็ดี การเดินทางทั้งหมด อาหารทุกอย่างน่ารักมากมายครับ
ต้องขอขอบคุณมากสำหรับทริปนี้ที่ให้เกียรติ์พาผมมาเยือนเมืองจีนแถมเป็นเมืองที่สวย และมีที่เที่ยวเยอะมากมายขนาดนี้ ส่วนตัวประทับใจกับทริปฉางซานี้ มากถึงมากที่สุด อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้จักสถานที่ๆเป็นแรงบันดาลใจของหนัง Epic ระดับโลก ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ที่สำคัญมันคือการเดินทางมาจีนครั้งแรกอีกต่างหาก ถือเป็นอีกที่ๆไม่มีวันลืมง่ายๆครับ
ที่นี่ถือเป็นอีกเส้นทางขายดีของ Thai AirAsia ทีเดียวเพราะ เค้าบินกันถึงด้วยเที่ยวบิน FD540 บินตรงลงที่ ฉางซา ทุกวันถึงวันละ 1 เที่ยวบิน
ทำให้คนไทยเองมาเมืองนี้กันเยอะด้วยบริการบินตรงใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมงเราก็มาเที่ยวได้แล้ว ใครสนใจก็เข้าไปดูเส้นทางและวันเดินทางกันได้ที่ www.airasia.com นะครับ
ท้ายนี้ขอลาพวกเราทุกคนไปก่อนเดี๋ยวมีรีวิวมาอีกจะมาชวนเที่ยวเรียกแขกกันใหม่เน้อ วันนี้ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ