สวัสดีครับ มาถึงรีวิวที่ 400 ! วู้วววว ไม่น่าเชื่อว่าผมจะเขียนรีวิวมาถึงขนาดนี้ได้ มากกว่า 7 ปีกันเลย และ…ทริปที่ภูมิใจนำเสนอฉลองครบรอบ400 เป็นอีกทริปที่ประทับใจ และหยิบภาพ มาลงในเพจ www.one22.com หลายรอบมาก กับ “กระบี่” แบบ Krabi in Love ทริปนี้อย่างที่จั่วหัวเอาไว้ ผมมีโอกาสไปในช่วงหน้าฝน เมื่อเดือนมิย.ที่ผ่านมานี่เอง ใน Project 7 Greens
Project 7 Greens เป็นโครงการดีๆที่ ททท. คิดขึ้นมาเพื่อให้วงการและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใน ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว รวมถึงชุมชนท้องถิ่น ได้เข้ามาร่วมกันส่งเสริมสร้างจิตสำนึก รวมถึงการปฏิบัติในการลดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม กับโครงการที่เรียกว่า แนวคิด 7 Greens ประกอบกับให้ นักเดินทาง และนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้มีโอกาสหยุดคิดสักนิดก่อนจะเป็นหนึ่งในผู้ทำร้ายธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว
อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้เข้าไปอ่านกันได้ที่นี่ https://7greens.tourismthailand.org/th/main เอาล่ะมาดูสิว่าการเดินทางท่องเที่ยวในช่วง Greens นั้นสอดคล้องและรวมกันเป็นแนวคิดนี้กันได้ยังไงบ้าง บอกเลย ใครๆก็ทำได้ เที่ยวได้ แบบชิวๆและเนิ่บๆ ปล่อยใจและเวลาให้ซึมซับกับธรรมชาติดีๆ รอบตัว มาเลย มาเที่ยว กระบี่ ด้วยกัน
การเดินทาง
ทริปนี้ได้รับการสนับสนุนการเดินทาง ด้วย Nokair
เช่นเคยเริ่มต้นกันที่ดอนเมือง ทริปนี้ผมยังคงใช้บริการ NokAirไปกับ NOKTONGCHOMPHOO จากกรุงเทพฯ ไปกระบี่ มีให้บริการ 3 เที่ยวต่อวัน บินกันได้ตั้งแต่ 10.05 ไปจนถึงเที่ยวสุดท้าย 17.40 เวลาครอบคลุมเดินทางได้ทั้งวันครับ
สำหรับการเดินทางในจังหวัด ก็ใช้บิรการเจ้าเก่าคุ้นเคยกันมาตลอด และหนนี้ด้วยรถที่ประหยัดมากและอยู่ในโครงการ Eco Car ของรัฐบาลสามารถเติม E85 ได้ตรงๆอย่าง Yaris จากการสนับสนุน ของ Thai Rent A Car
ใช้เวลาประมาณ 1 ชมนิดหน่อย. เราก็มายืนที่สนามบินกระบี่ แล้ว ผมเดินทางตอน 10โมง มาถึง รับรถกับ Thai Rent A Car ที่สนามบิน แวะเช็คลมยางที่ปั้มใกล้ๆ ก็รีบบึ่งไปแก้หิวที่ ร้านเรือนไม้กันเลย
ร้าน เรือนไม้ มากระบี่ เมื่อไหร่ก็ต้องแวะมาเสมอ ติดใจในรสชาติ อาหารร้านนี้
โดยเฉพาะ หมูสามชั้นผัดสะตอ และแกงส้มยอดมะพร้าวอ่อน รสชาติสะใจมาก มาชิมกันเองจะติดใจ เผ็ดสะใจสมกับอาหารใต้
และแน่นอนขาดไม่ได้กับ สาหร่ายสาย หาทานได้เฉพาะภาคใต้และในละแวกจังหวัดกระบี่ พังงา และที่ติดๆกันย่านนี้เท่านั้น รสชาติเคี้ยวแล้วเหมือนเราอยู่ในทะเลจริงๆเค็มๆมันๆ อร่อยมาก
ตบท้ายด้วย ข้าวเหนียวทุเรียนรสชาติดีมาก หอมละมุนทีเดียว เสียดายขาดหอยชักตีน ช่วงหน้าฝนจะเก็บกันมาได้ยากซักหน่อยครับ
อิ่มกันดีไปเที่ยวกันดีกว่าจุดหมายแรก ของทริปแบบ Green Green เราคือมุ่งหน้าไป หาดไร่เลย์ หาดสวยงามที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก และในฤดู Green แบบนี้การเดินทางจะมาใช้จากท่าเทียบเรืออ่าวน้ำเมา แทนเพราะทิศของลมทะเลด้านนี้จะสงบกว่าที่จะขึ้นจาก อ่าวนาง อ่อค่าตั๋วไม่แพงนะครับ 80-100 บาทขึ้นอยู่กับค่าน้ำมันเป็นหลักครับ
รอบของเรือ ครับใครจะมากะเวลาเอาเองได้เลย
อากาศวันนี้แจ่มใสดีมาก ข้อดีอีกอย่างคือ เที่ยวฤดูนี้ประหยัดและไม่ต้องแย่งกิน แย่งเที่ยวกับใคร ยิ่งผม มาเที่ยววันธรรมดาแบบนี้ยิ่งสบายๆเข้าไปใหญ่
นั่งเรือราวๆ 15 นาทีก็มาถึงแล้วครับ เคยมาไร่เลย์ครั้งเดียวและจำไมไ่ด้แล้วด้วยเพราะเกิน 7 ปี มาอีกทีผมว่าที่นี่มีเสน่ห์แบบที่หาดอื่นๆไม่มีคือ บรรยากาศเหมือนเรามาติดเกาะกันเลย ด้วยความที่การเดินทางมาได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น ทางรถ เข้ามายากมากโดยเฉพาะหน้านี้ด้วยแล้ว หมดสิทธิ์จริงๆ
พร้อมแล้วตามมาเลยครับ
มาถึงเก็บกระเป๋าเข้าที่พักกันก่อนจะดีกว่า ที่พักคืนแรกของผมคือที่นี่เลย “Railay Princess Resort & Spa” ที่พักติดหาด เดินจากท่าเรือปั้บมาถึงเลย สะดวกดีมากครับ
ห้องพักผมคืนนี้ เป็น Type Deluxe เตียงน่ารักดีมาก
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ ให้ขนาดห้องกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ ราคาน่าคบ ผมเช็คจาก AirasiaGo กับ Expedia ดูได้ราคา 1500 เศษๆเองน่าคบมาก
เก็บข้าวของเสร็จได้เวลาออกมาเดินชมหาดกันแล้ว ที่หาดไร่เลย์ มีจุดท่องเที่ยวหลายจุดทีเดียว ตัวหาด แบ่งออกเป็น ฝั่งตะวันออก เรียกว่า หาดน้ำเมา เป็นท่าเรือที่เราโดยสารมาในฤดูกาลนี้ และ อีกฝั่งคือหาดไร่เลย์ตะวันตก ซึ่งดูจะเป็นที่คนนิยมไปนั่งนอนชมพระอาทิตย์ตกที่สวยอีกแห่งนึงของจังหวัดทีเดียว ฝั่งตะวันออกจะมีจุดปีนเขาบริเวณที่นิยมปีนผาหินปูนที่ดังที่สุดแห่งนึงขอปรเทศไทย และที่ฝั่งนี้เช่นกันที่มีถ้ำพระนาง ด้วยที่คนเรือที่นี่มีความเชื่อ และตั้งศาลไว้กราบไหว้กันด้วย
ระหว่างทางเดินไปที่ถ้ำพระนาง เราจะเจอเหล่าสมุนเหงเจียทั้งหลายคอยต้อนรับ ใครเผลอหยุดดู ใส่หมวกนี้ระวังหายนะครับลงพวกนี้ซนมาก และไม่ควรเอาอาหารให้เป็นอันขาดไม่งั้นลิงทั้งหมดจะมารุมคุณกันเลยทีเดียว แต่ถ้าเราเดินกันไปมาเฉยๆ เค้าจะไม่มาข้องแวะใดๆนะครับไม่ต้องกลัว
คนเรือบอกผมตั้งแต่ลงเรือมาแล้วว่าวันนี้ผมโชคดีมากเพราะฝนเพิ่งหยุดกระหน่ำลงมาตลอด 4-5วันที่ผ่านมาวันนี้มีแดดวันแรกเลยทีเดียว แบบนี้ละครับที่เรียกว่าพกดวง พกแดดมาเต็มกระเป๋ากันเลย ^_^
เดินแค่อึดใจเราก็มาถึงชายหาดแล้ว และจะเจอกับศาลที่อยู่ในถ้ำพระนางด้วย สังเกตุรูปล่างสุดเราจะเห็น งานแกะสลักไม้ดูคล้ายศิวลิงค์ และภายในถ้ำจะเป็นที่ตั้งของ ศาลพระนางซึ่งชาวเรือ นิยมนำศิวลึงค์มาสักการบูชา นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมายังอ่าวแห่งนี้ จึงมักจะมากราบไหว้ บูชา สักการะศาลพระนางแล้ว ก็ได้พักผ่อนบนหาดทรายที่สวยงามไปด้วย ในวันอากาศดี น้ำทะเลที่นี่จะใสและสีเขียวมรกตกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังเป็นอีกจุดที่ใช้ออกเรือเพื่อไปเที่ยวดำน้ำดูประการังด้วย วันที่ผมไปแม้น้ำจะยังไม่ใส่สุดๆแต่แดดออกดีสวยงามมาก ที่สำคัฯคนไม่เยอะด้วย ช่างเหมาะเจาะจริงๆครับ
ผมใช้เวลาอยู่ไม่นานเลยเดินกลับมาข้ามมาอีกฟากของหาดไร่เลย์ มาฝั่งตะวันตกบ้าง และใช้เวลาอยู่ที่หน้าหาดนี้นานเพื่อรอเก็บภาพ พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆแล้ว
“Slow Life @ Railay”
บรรยากาศตอนนี้จึงเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเดินชมพระอาทิตย์ตก มานั่งรอกันแล้ว บรรยากาศดีจนเกินบรรยายทีเดียว ทัศนาตามภาพกันเองเลยจะดีกว่านะครับ ผมนั่งแอบเก็บภาพ นักท่องเที่ยวน่ารักๆไว้เยอะเลย ที่นี่เหมาะมากๆกับ นิยาม “Slow Life” ที่กำลังฮิตกันช่วงนี้เลย
เสียดายแม้จะพลาดไม่ได้เห็นอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่างที่ตั้งใจแต่บรรยากาศช่วงเวลานี้ก็ช่างเป็นใจ และโรแมนติกมากทีเดียว ใครพกคู่รักมาจากบ้าน หยิบออกมาใช้ตอนนี้ด่วนๆๆๆเลย ฮ่า ฮ่า
ใครมานั่งชมอาทิตย์ตกที่นี่แล้วไม่หวีดหวาน ขอให้ดูภาพนี้เป็นพยาน นี่ละคร้าบบ โอ๊ย โรแมนติกไปไหนน้อ น่ารักมาก คร้าบบ
ร้านรวงฝั่งนี้ น่ารักมาก ไม่นานผมจึงเห็นนักท่องเที่ยวจับจองเก้าอี้ริมหาดกันไว้หมด ในภาพนี้ถ่ายก่อนคนจะเข้ามากันนะครับ
หลังพระอาทิตย์ลับแล้ว ผมเดินกลับมาที่โรงแรมเพื่อมาทานอาหาร ระหว่างรออาหารมาเสริฟ ก็เลยเดินขึ้นมาชั้นสองของโรงแรมเพื่อมาชมสระว่ายน้ำที่เค้าชมกันนักหนาว่าวิวงาม และอย่างที่เห็นก็งามสมคำรำ่ลือเลย คืนนั้นผมหลังทานอาหารก็เลยได้มาลองเองบรรยากาศสงบสุขมากครับ
ไม่นานอาหารก็ยกมาเสริฟแล้ว ทุกโต๊ะเค้าจะจุดเทียนเอาไว้ให้บรรยากาศโรแมนติกขึ้นไปอีก สามเท่าตัว
เมนูปลาครับ จัดมาสวยงามรสชาติก็ดีมากปลาสดมากครับ
อันนี้เป็นของหวานตบท้าย ช็อคโกแลตลาวาเสริฟพร้อมไอติมวนิลา อร่อยมากกกก ถึงมากที่สุด ใครมาขอให้สั่งเมนูนี้ตบท้ายนะครับ แนะนำเลย
คืนที่ดาวพราวฟ้า…
คืนแรกนี้ผมมีโอกาสลองออกมาถ่ายดาว หาทางจับช้าง (เก็บภาพทางช้างเผือก) กันเค้าดูบ้าง และก็จับได้สำเร็จแม้อาจจะไม่เต็ฒตัวนักแต่ก็ถือเป็นการล่าช้างครั้งแรกที่สำเร็จของผมเลย เสียดาย ที่แสงไฟช่วงขอบเขาค่อนข้างสว่างไปหน่อยปลายๆเลยหายหมด แต่ก็ยังดาวล้านดวงอยู่ดีนั้นเอง
ถือเป็นการมาพักที่ไร่เลย์ครั้งแรกของผมที่ประทับใจมาก กับเวลาเพียง 2วัน 1คืนที่ไร่เลย์ ช่างผ่านไปไวจริงๆ ที่นี่ให้บรรยากาศที่ยากจะลืม ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะมาในช่วงเวลาแบบนี้ คนไทยน้อยมากนะครับ เห็นแต่ฝรั่งเป็นส่วนใหญ่ และนักท่องเที่ยวเหล่านี้เค้าจะอยู่กันเงียบๆ สงบ เพราะเค้าหนีความศิวิไลซ์ของบ้านเมืองเค้ามาหาสิ่งนี้ที่บ้านเรา ใครมาไร่เลย์ฤดูนี้แนะนำจริงๆ
ตอนหน้า เจ้าของรอยยิ้มตาหยีแบบนี้ละครับ ปันจะมาเจอกันแล้ว จะพาเที่ยวกระบี่ในหลายหลายสถานที่ๆเหมาะกับ Green Season แบบนี้มันเจ๋งยังไงบ้าง โปรติดตามนะครับ
1 Comments
Miziki Miziki
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ