สวัสดีครับ
ท้ายๆปีแบบนี้กับ10 ที่พักกินเที่ยว 3 วัน 2 คืนโฮจิมินห์ซิตี้ ผมเชื่อว่าทุกคนกำลังวางแผนเดินทาง หรืออาจจะเริ่มต้นทริปกันไปแล้วด้วยซ้ำ ผมหยิบประสบการณ์จากทริปที่ไปมาปีนี้มาฝากกัน สำหรับใครที่สนใจจะไปชิลๆ เที่ยวเบาๆ แบบเอาจริง (?) เที่ยวให้สนุกและปลอดภัย โฮจิมินห์ซิตี้ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดครับ ลองตามผมมาเลยดีกว่า
เกริ่นนำ
เมืองฮิบๆใต้ปีกอาณานิคมฝรั่งเศส
จั่วหัวไว้ว่าเป็นทริป 3 วัน 2 คืน แต่ในเนื้อหาถัดจากนี้ผมจะไม่ได้แยกเป็นการเดินทางไว้ว่าควรไปวันไหนก่อนหลัง แต่จะใช้เป็นช่วงเวลาจากเช้าจรดเย็นเป็นตัวกำหนดไว้ให้ว่าควรไปที่ใดตอนช่วงไหนของวันแทนนะครับ และทั้งหมดนี้คุณสามารถจัดเวลาลงล็อคเพื่อเที่ยวได้จริงใน 3 วัน 2 คืนนั้นเอง เพราะจริงๆแต่ละที่ไม่ไกลกันสามารถไปกันได้ลองวางแผนกันได้เองครับ อ่ออีกนิดตรงด้านท้ายจะมีเสริมร้านตัวเลือกอื่นๆให้อีกนิดเพื่อเป็นทางเลือกนะครับ
ที่ผ่านมาผมมีโอกาสมาเวียดนาม 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อหลายๆปีก่อน เป็นทริปจากเหนือจรดใต้ ด้วยความติ๊งต๊องของตัวเองคือ เห็นโปรถูกเลยรีบจองด้วยความไม่รู้ และ มั่ว เข้าใจไปเองว่า “ฮานอย”กับ “โฮจิมินห์ ” นั้นมันอยู่ใกล้ๆกัน (เอากับชั้นสิ 5555 ) แต่พอมาดูแผนที่ ก็ต้องเขกหัวตัวเองซัก 10 ที เพราะเปรียบเป็นประเทศไทยก็เหมือน แม่ฮ่องสอน กับเบตงนั้นเลยทีเดียว
จนมีโอกาสอีกครั้งปีนี้หมาดๆกับ “นกแอร์” ในทริปเปิดเที่ยวบินตรง ดอนเมือง-โฮจิมินห์ซิตี้ เอาล่ะนี่เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์หยิบเฉพาะที่ตัวเองประทับใจมาร้อยเรียงแบบเช้าจรดค่ำในเมืองที่ตัวเองชอบอย่างเมืองนี้ให้ทุกคนได้ลองอ่านกัน เผื่อจะมีประโยชน์กันได้สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปและอยากไปนะครับ
บินอะไรดี
ทริปที่สองในชีวิตกับ เวียดนาม มีโอกาสมากับ นกแอร์ เลยหยิบเที่ยวบินมาฝากกัน ใครสนใจไปเวลาใดก็เลือกเอาตามอัธยาศัยได้เลยครับ
จากนี้เป็นรวม 10 ที่พักกินเที่ยวที่อยากเอามาบอกกันตามมาเลยครับ
- อาคารไปรษณีย์กลาง Saigon Central Post Office
พิกัด GPS 10.779661, 106.699799
อาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องไป นั้นสิเนอะ เอาจริงๆ เที่ยวโฮจิมินห์ให้สนุก ทุกท่านต้องทำชีวิตให้ Slow Life เข้าไว้ โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่าของที่นี่ อาคารก็ดี ตึกรามบ้านช่องเค้าจะมีความสวยงามที่เป็นการผสมผสานวัฒนะธรรมแบบตะวันตกพบตะวันออก เกือบทุกจุด เพราะอย่างที่รู้กันว่าที่นี่เคยเป็นอาณานิคมตะวันตกอย่างฝรั่งเศสมานานเป็นสิบๆปี ทำให้ตึกรามบ้านช่องจึงรับอิทธิพลมานั้นเอง สำหรับผมแล้วการเดินชมไปรษณีย์กลางสีเหลืองเด่นแสนสง่างามแห่งนี้ก็เหมือน พาตัวเองเดินอยู่ใน หัวลำโพงบ้านเรายังไงยังงั้น ฮ่า ฮ่า ความรู้สึกพาไปแม้จะไม่ใช่สถานที่แบบเดียวกันเลยก็ตาม
มารู้ประวัติเค้าเล็กน้อย อาคารไปรษณีย์กลางแห่งนี้ สร้างแล้วเสร็จ ในปี คศ1891 เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิคอันเป็นศิลปะยอดนิยมในยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส
ซึ่งหนึ่งในสามผู้ออกแบบอาคารแห่งนี้คือ Gustaf Eiffel ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหอคอยไอเฟล นครปารีสไว้ด้วย อายุอานามเก่าแก่กว่า 124 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นที่นี่จึงดีงามที่ควรจะแวะมา แถมย่านนี้ยังเป็นแหล่งรวมอาคารสวยๆอย่างที่เกริ่นไปแต่แรก
ความสวยงามหรือจุดเด่นคือทรงอาคารสไตล์โคโลเนียล และภายในที่ยังเก็บรักษาเครื่องใช้ไม้สอยไว้อย่างดี
ถ่ายรูปกันได้ฟินทีเดียว เก๋ๆก็ตรงตู้โทรศัพท์ที่เมื่อก่อนคงเป็นตู้โทรเลขแน่ๆเลยครับ และที่จะแนะนำกันต่อก็อยู่ย่านเดียวกันมาแล้วต้องได้ครบ จัดไปจ๊ะ
2. โบสถ์นอร์ทเธอดาม ( Notre Dame Cathedral)
พิกัดGPS 10.779745, 106.699024
โบสถ์เก่าแก่ร่วมยุคร่วมสมัยกันกับ อาคารไปรษณีย์กลาง ใครมาแถวๆนี้ยังไงก็ต้องแวะ เพราะสองที่นี่ห่างกันแค่เดินข้ามถนนเท่านั้น โบสถ์แห่งนี้สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 1877 ใช้เวลาสร้างขึ้น ถึง 6 ปี สมัยก่อนจะสร้างอะไรแบบนี้ใช้เวลากันเป็นปีๆทีเดียวนะครับ สร้างผ่านมากว่า 140ปีแล้ว คือเรียกง่ายๆทั้ง อาคารไปรษณีย์และที่นี่สร้างขึ้นในยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสนั้นเอง ว่ากันว่าวัสดุที่ใช้สร้างมหาวิหารแห่งนี้นำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งหมด
ตัวโบสถ์ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอโรมัน
จุดเด่นในด้านศาสนาคือ ที่นี่เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เป็น Cathedral เป็นโบสถ์ที่มีผู้นำสูงสุดของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นั้นคืออาร์คบิชอฟ ประกอปศาสนกิจได้ การที่โบสถ์มี ท่านอาร์คฯ ซึ่งอนาคตเมื่อต้องเลือกผู้นำสูงสุดในนครรัฐวาติกัน อาร์คของทุกๆแห่งในโลกจะมี สิทธิ์ถูกเลือกขึ้นเป็นโป๊ป (ผู้นำสูงสุดได้ในอนาคตของคริสตจักร โรมันคาทอลิก) ได้นั่นเองครับ
ผมโชคดีมาก ตอนมาที่นี่ครั้งแรก เป็นวันที่เค้าจัดงานแต่งงานกันพอดีเลยได้มีโอกาสเก็บภาพสวยๆของคู่บ่าวสาวกำลังถ่ายภาพที่นี่ ถือเป็น Landmark สำคัญของการถ่ายภาพงานแต่ง งาน Pre wedding ของชาวเวียดนามกันเลยทีเดียวครับ
3.โรงละคร Saigon Opera House
พิกัด GPS 10.779745, 106.699024
เดินกันต่อมาจากโบสถ์ครับไม่ไกลกัน ที่เที่ยวในเมืองเก่าของที่นี่เดินเอาสนุกสนานกว่านั่งรถเยอะเลย ตัวโรงละครแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1897 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Eugene Ferret เพื่อใช้เป็นสถานที่แสดงละครเพลงให้แก่ชาวฝรั่งเศสและข้าราชการชาวเวียดนามที่สวามิภักดิ์ต่อฝรั่งเศสในยุคนั้น เรียกว่ายุคฝรั่งเศสครองเมืองเป็นทั้งยุคล่าและสร้างตึก อาคารสวยงามจริงๆครับ
ที่นี่ตอนผมไปใกล้ๆกันแบบเดินข้ามฝั่งมา จะเจอป้ายที่เค้ากำลังปิดเพื่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ ในอนาคตถ้าใครมาเวียดนาม ก็คงจะได้ใช้กันละครับ ตัวรถไฟฟ้าเป็นการร่วมสร้างระหว่างเวียดนามและญี่ปุ่นออกทุนร่วมกัน เทคโนโลยีของญี่ปุ่นเรื่องรถไฟเราคงไม่ต้องพูดถึง อยากให้บ้านเรามาบ้างจังเนอะ จะดีมากๆ เส้น หัวลำโพง เวียงพิงนี้ จะเป็นจริงได้ไหม ผมคงต้องฝันรอไปก่อนเนอะ 55
4. ร้าน NHA HANG NGON Restaurant
พิกัด GPS 10.777379, 106.699680
เที่ยวมาเยอะแวะพักหาอะไรกินกันก่อนดีกว่านะ ร้านนี้ถือเป็นร้าน A Must คือใครไปใครมาเมืองลุงโฮ ไม่มาร้านนี้เค้าว่ามาไม่ถึง ร้านนี้มีดีที่อาหารเวียดนามแท้ๆ และครบทุกสิ่งอย่างที่สุดทั้งคาวหวาน ผมมาที่นี่ทั้งสองครั้งจากทริป รู้สึกว่าอาหารที่นี่ถูกปากคนไทยไม่ยาก เพราะเอาจริงๆในเมืองไทยเอง อาหารเวียดนามนิยมกันดีมานานหลายสิบปีแล้ว ก่อนที่อาหารญี่ปุ่นจะบุกจนจะเป็นอาหารประจำเมืองไทยแล้วในปัจจุบัน
ตัวร้านมีความสวยงามในแบบโคโลเนียลเช่นเดียวกันกับที่เที่ยวทั้งหลาย ใช้สีเหลืองทำให้ตัวอาคารเด่นมาก ภายในก็กว้างและตกแต่งสวยงามแบบโคโลเนียลเช่นกัน ด้านในร้านจะมีลานน้ำพุอยู่ตรงกลางเป็นอาคารสองชั้นนะ
ด้านล่างสองข้างจะทำเป็นซุ่มอาหาร ให้แขกสามารถมาเดินช้อบปิ้งของกินแล้วไปนั่งที่โต๊ะได้ ถือว่าเก๋อยู่นะ หรือหากจะนั่งโต๊ะแล้วเรียกบริกรมารับออเดอร์ก็ได้เช่นกัน ถือเป็นเสน่ห์ของร้านนี้
อาหารเด็ดๆของที่นี่ ที่ผมชอบมาก เริ่มเบาๆก็สิ่งนี้เลยเป็นขนมของเค้าหน้าตาและรสชาติคล้ายรวมมิตรบ้านเรา กินแล้วสดชื่นมาก
ถัดมาเป็นของคาวบ้าง ก๋วยเตี๋ยวครับ คล้ายเฝอแต่ไม่ใช่เพราะที่ใส่เป็นเครื่องปรุงจะผสมปลาร้าเข้าไปด้วยแต่กลิ่นจะไม่มีเลยนะ
แน่นอนมาร้านแบบ Original จะขาดสิ่งนี้คงไม่ได้ ข้าวเกรียบปากหม้อ และกุ้งพันอ้อย อร่อยมากๆอร่อยทั้งคู่เลย ห้ามพลาด
และอีกเยอะดูกันเอาเอง หมูกรอบนี้ก็ดีงามนะ
รวมแล้วสมกับที่เป็นร้าน A MUST ใครมาต้องแวะครับ
5.M2C bistro and coffee
พิกัด GPS 10.776953, 106.700080
ยามบ่ายไม่ให้อิ่มแล้วหลับกันง่ายไป แวะไปชิมขนมกันต่อ ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านแรก เดินกันไม่ถึง 2 สี่แยกถึง ตัวร้านเป็นตึกแถวในย่านกินเที่ยวของเมือง ตอนผมไปกับทางสื่อต่างๆและนกแอร์ คือเราแทบเหมาร้านกันทีเดียว ขนมเด่นๆที่นี่เห็นจะเป็นขนมต้ม และเค้กอันนี้ล่ะ รสชาติหน้าตาละม้ายคล้ายขนมไทยเราเหมือนกัน ทั้งรสชาติและรูปทรง
ส่วนตัวชอบการตกแต่งร้านแนวๆ ดิบๆ ปูนเปลือยแบบนี้นะ มันให้ความรู้สึกร่วมสมัยผสมกับความเป็นเมืองของลุงโฮได้เลย
อ่อที่นี่มีสาธิตการชง กาแฟแบบเวียดนามให้เราชมกันได้ด้วย สาธิตเสร็จก็ให้ชิมได้เลย อย่างที่ทราบกันดี กาแฟแท้ๆของเวียดนามส่งออกดีมาก ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยเลยทีเดียว จะว่าไปในสิบประเทศอาเซียนก็มี ไทย มาเลย์ฯ เวียดนามฯ อินโดนีเซีย นี่ล่ะที่ส่งออกผลิตภัณฑ์ทางเกษตรกรรมไปขายได้ทั่วโลก เพราะงั้นไทยปลูกอะไรได้ เพื่อนบ้านเค้าก็ปลูกได้เช่นกัน
ผมไม่ใช่นักชิมกาแฟ แต่ก็บอกได้ว่ากาแฟเค้าไม่แพ้เรานะ
ร้านนี้เดินมาง่ายใครไปอิ่มกันที่ร้านแรกแล้วแวะเดินย่อยมาต่อกันที่นี่ได้เลยครับ
6. Coffee Workshop
พิกัด GPS 10.773623, 106.705288
อย่าพึ่งอิ่มกัน บ่ายๆต้องหาร้านจิบกาแฟกันต่อ มาถึงร้านที่กิ๊บเก๋ ยูเรก้า ที่สุดในทริปนี้ ผมชอบมาก ถ้ามาเปิดเมืองไทย พี่จะไปเข้าตั้งแต่วันแรกกันเลย
ตัวร้านจะอยู่ชั้นบนสุดของอาคารออกแรงกันนิดนะครับ
ร้านนี้นอกจากทำเป็นร้านกาแฟน่านั่ง แล้ว เค้ายังทำคอร์สสอนชงกาแฟแบบ อินเตอร์ด้วย
จุดเด่นของกาแฟที่นี่คือ กาแฟพันธ์อาราบิก้า ที่สั่งตรงส่งมาจากเมืองดาลัด เมืองท่องเที่ยวในหุบเขาสูงของเวียดนามอีกแห่งที่ตัวผมยังไม่เคยไปและอยากไปเช่นกัน
วิธีการสาธิตในวันที่เราไปนั้นเค้าจะชงกาแฟเป็นช็อตๆ โดยวิธีการชงจะเป็นแบบ Syphon ใช้อุปกรณ์ค่อนข้างเยอะ และดูแล้วไม่ง่าย กว่าจะได้ออกมาเป็นกาแฟให้ชิมกันสมกับที่เค้าบอกว่าที่นี่คือที่สุดในด้านการชงกาแฟแบบนี้แล้วในเมืองนี้
ผมชอบการตกแต่งของที่นี่มาก เค้าเก็บตึกโบราณแห่งนี้ไว้แล้วทำใหม่แบบผสมอารมณ์ดิบๆแบบดั่งเดิมเข้ากับการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูทันสมัย
ทำให้ร้านนี้เท่สุดๆทีเดียว ใครไปใครมาเมืองนี้อยากให้แวะมาชิลกันได้นะครับ
อ่อรสชาติช็อคโกแลตก็อร่อยไม่แพ้ใครเหมือนกันครับ
7. พิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์ (MUSEUM OF HO CHI MINH CITY)
พิกัด GPS 10.775990, 106.699646
อิ่มกันทั้งคาวหวาน แวะมาเดินย่อยอาหารชมพิพิธภัณฑ์กันดีกว่า พิพิธภัณฑ์นี้มีดีตั้งแต่อาคารไปจนถึงของที่อยู่ภายใน ตัวอาคารสีขาวตั้งเด่นเป็นสง่า มีธงชาติโบกปลิ้วไสว
หากใครมาเมืองนี้แล้วอยากรู้จักความเป็นมาของประเทศเวียดนามรวมถึงของล้ำค่าที่ได้คืนกลับมาตั้งแต่สมัยสงคราม ที่นี่มีคำตอบให้ครบ
ส่วนตัวดูแล้วนึกถึงศาลาว่ากลางแบบคลาสิกที่คุ้นๆตาในบ้านเรา หรือจะดูกระเดี๊ยดไปทาง บ้านท่านข้าหลวง ในแรกเห็น จนผมลองค้นหาที่มาจนพบว่าที่นี่เคยเป็นที่พำนักของข้าหลวงใหญ่ตั้งแต่สมัยอาณานิคมอีกเช่นกัน
ภายในมีศิลปะวัตถุที่แยกยุคสมัยไว้ตั้งแต่ชั้นแรกไปเรื่อยๆจนถึงชั้นบน ตัวตึกก็สวยงาม ในสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลอีกเช่นกัน
ที่นี่ยังเป็นอีกที่ๆนิยมมาถ่าย Pre Wedding ด้วยเช่นกัน วันที่ผมไปเจอเจ้าสาวกำลังแต่งหน้า แลดูมีความสุขมากเลยนะครับ
ที่สำคัญเค้าอนุญาติให้เก็บภาพได้หมด ทำให้การมาเที่ยวและแวะถ่ายภาพที่นี่เพลิดเพลินไม่แพ้การเดินเที่ยวอยู่ภายนอกเช่นกัน
8.ศาลาว่าการเมืองโฮจิมินห์(HO CHI MINH CITY HALL) + จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue)
พิกัด GPS 10.777024 , 106.701149
มาถึงที่แวะเที่ยวยามเย็นบ้าง ทั้งสองที่ล้วนแล้วแต่เดินถึงกันได้ ที่แรกกันก่อน ตัวศาลาว่าการ ยังคงเป็นอาคารสไตล์ เฟรนช์โคโลเนียลอีกเช่นกันสร้างมาตั้งแต่ปี คศ.1902 จนต่อมาในปี 1975 จึงเปลี่ยนมาเป็นสภาประชาคม (คือที่ตั้งของข้าราชการเวลาต้องมาประชุมกันจะจัดกันที่นี่ ในประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์จะมีอาคารลักษณะแบบนี้แทบทุกเมืองใหญ่ที่เป็นหัวเมืองปกครองท้องที่นั้นๆ)
จุดเด่นที่สวยงามของที่นี่อยู่ตรงบริเวณ รูปปั้นอนุเสาวรีย์ ท่านโฮจิมินห์นั้นเองครับ ใครไปใครมาก็อยากถ่ายรูปคู่ทำท่าทางเลียนแบบอดีตท่านผู้นำของประเทศท่านนี้แทบทั้งนั้น
ลานนี้เป็นลานเอนกประสงค์ ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะมีพิธีอะไรของเมืองนี้ จะจัดกันที่บริเวณนี้เสมอ คล้ายๆอารมณ์สนามหลวงบ้านเรานั้นเอง และยิ่งเวลาพลบค่ำจะยิ่งมีคนเวียดนามมาเดินเล่นกันที่นี่เยอะมาก
ส่วนถัดมาเป็น จตุรัสลุงโฮ ที่นี่ทำให้ผมแปลกใจสุดๆยิ่งมาตอนใกล้ๆค่ำยามเย็นด้วยแล้ว คนจะพลุกพล่านมาก มีผู้คนมาเดินเล่นชมวิว (หรือจะเรียกชมคนดีล่ะ) เพราะผู้คนจะหลั่งไหลมาเดินกันเต็มถนน เส้นนี้กันหมด
ตรงบริเวณนี้เป็นถนนยาวไกลหลายกิโลเมตร และมีลานน้ำพุให้เด็กๆมาวิ่งเล่นกันด้วย
ที่บอกว่าแปลกใจก็เพราะมันดูเป็นถนนหรือลานที่ไม่มีอะไร แต่ทำไมเค้าออกมาเดินเล่นกันจัง แถมเราสามารถพบได้ทุกเพศวัยกันเลย ถือเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับผมมาก
อาจจะเป็นเพราะที่นี่ดูจะเป็นแหล่งนัดพบกันของหนุ่มสาวได้ง่ายก็เป็นได้ เราจึงพบเห็นวัยรุ่นมานั่งคุย นั่งล้อมวงร้องรำทำเพลงกันได้ตลอดทางเดิน
แม้แต่ครอบครัวก็พากันจูงมือมาเดินเล่นกันให้เห็นเยอะแยะ
บางจุดก็มีโชว์มาแสดงทั้งดนตรี และโชว์แปลกๆแต่ทั้งหมดทั้งหลายผมชอบมาก ดูน่ารักและปลอดอบายมุขใดๆทั้งนั้นถือเป็นที่เที่ยวที่หากเราๆอยากมารู้จักผู้คนของเค้าที่นี่มีครบเลยครับ
9. The Refinery restaurant
พิกัด GPS 10.777984, 106.703859
มาถึงมื้อค่ำกันบ้าง ร้านนี้เป็นอีกร้านที่อยู่ในย่านกินเที่ยวยามค่ำของโฮจิมินห์ บริเวณโดยรอบจะมีร้านอื่นๆด้วยแต่เท่าที่สังเกตุดูร้านนี้จะมีคนแน่นกว่าเพื่อน บ่งบอกถึงความนิยมได้เป็นอย่างดี
ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส และอินเตอร์ มาลองเข้าไดูด้วยกันครับ
แต่โดยรวมก็พบว่าเราทานกันได้สบายๆอาหารยุโรบกับคนไทยก็พบรักกันมานานเป็นศตวรรษแล้ว
อาหารจะเน้นไปทางสเต๊กเยอะหน่อย แต่โดยรวมรสชาติดีและทานง่ายไม่ยาก
ที่ดีคือวันนั้นทางนกแอร์จัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้กับทีมงาน และสื่อที่ไปในวันนั้น แบบร่วมกันเป่าเค้กกันโดยมีท่านกงสุลไทยประจำเวียดนามมาเป็นเกียรติด้วย ทำให้งานเลี้ยงในวันนั้นคึกคักเป็นพิเศษกันเลย
ส่วนตัวร้านนี้เหมาะที่จะมาดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันได้ บรรยากาศและทำเลดีทีเดียวครับ
10. Hotel Pullman Saigon Centre
พิกัด GPS 10.764421, 106.691928
มาปิดท้ายกันที่หลับที่นอนระดับ 5 ดาว บอกเลยว่าที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวังสมกับที่อยู่ในเครือ Accor เครือโรงแรมที่พักประจำของผมเอง
ที่นี่มีดีหลายอย่าง เริ่มกันที่ใกล้ตลาดช้อปปิ้งอย่าง ตลาดเบนถั่น แหล่งซื้อของกิน ของฝากสำคัญของเมือง
เดินถัดมาไม่ไกลจะเจอแหล่งท่องเที่ยวอย่างสวนสาธารณะหรือแหล่งรวมบริษัททัวร์ ต่างๆหากอยากเที่ยวกันก็ไม่ยากครับ
เริ่มกันที่ วิวจากห้องอาหาร Cobalt ห้องอาหารวิว 360 องศาบนชั้น 30-31 วิวทั้งสองชั้นนี้ เว่อร์วังอลังการ
สามารถมองเห็นเมืองลุงโฮฯ ได้ทั่ว
ส่วนใหญ่เมืองหลวงแห่งนี้ยังคงมีตึกรามบ้านช่องทันสมัยอยู่น้อย หากมองไปไกลๆเราจะเห็นอาคารทรงสูงอยู่ด้านนอกซะมากกว่า
มาดูห้องพักกันครับ ห้องพักของที่นี่สวยงามตามมาตรฐาน Type ที่ผมได้เข้าพักเป็น TYPE ปรกติคือ SUPERIOR ROOM ห้องจะมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็พักผ่อนได้สบาย
ที่เก๋และทำให้ที่นี่แอบเซ็กซี่ก็อยู่ตรงห้องน้ำนี่เอง คือห้องน้ำที่นี่เป็นกระจกใสครับ หากมาเป็นคู่รักดูจะเหมาะมาก แต่ถ้ามาแบบเพื่อนฝูงกันก็ยังต้องนัดแนะกันหน่อยเวลาที่ใครจะเข้าห้องน้ำ
Facilities ทุกอย่างเข้าขั้นดีทีทีเดียวครับ สมมาตรฐาน 5 ดาวทุกกระเบียดนิ้ว
จริงๆนอกจากห้องพักของตัวเองแล้ว ผมยังมีโอกาสเยี่ยมชมห้องแบบอื่นๆอีกหลายแบบ แต่ที่ติดใจที่สุดคือ Type PULLMAN SIGNATURE SUITE
เป็นแบบห้อง Suite ที่มีเพียงแค่ 4 ห้องเท่านั้น เหมาะกับคู่รักอย่างยิ่ง
โรแมนติกที่ห้องอาบน้ำ มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่แถมยังมีกระจกบานใหญ่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้
จินตนาการว่าเราอาบน้ำนอนแช่ในยามใกล้ๆค่ำคงสวยงามแน่ๆเลยครับ
จบแล้วละครับสำหรับ 10 ที่พักกินเที่ยวของเมืองโฮจิมินห์แห่งนี้ แต่เดี๋ยวก่อนผมยังไม่ยอมให้จบง่ายๆนัก
ถัดจากนี้เป็นรวมมิตร ที่อยากแนะนำ และอาจจะเป็นที่แวะเที่ยวช้อปปิ้งที่คุณๆ สามารถหยิบเป็นตัวเลือกได้ แม้ผมจะไม่ได้หยิบไปเป็น 1 ใน 10 ก็ตามครับมาดูสิมีที่ไหนบ้าง
ตลาดเบนถั่น (Ben Thanh Market)
พิกัด GPS 10.772393, 106.697975
ตลาดรวมของฝากก็ดี รวมของกินช้อปปิ้งของคนเมืองนี้ ด้านหน้ามีวงเวียน ตัวอาคารนี้สร้างกันมานานเป็นศตวรรษเช่นเดียวกันกับอาคารโดยรอบ ของเมืองนี้ สีเหลืองออกปูนๆทำให้ที่นี่มีเสน่ห์น่าถ่ายภาพไม่แพ้ที่อื่นๆที่แนะนำแต่อย่างใดครับ
ถือเป็นแหล่งรวมของกิน ของฝากที่คุณอาจจะอยากซื้อกลับไปฝากกันได้ ส่วนตัวผมเห็นมีกาแฟนี่ละครับที่น่าซื้อที่สุดที่นี่เน้นของไม่แพง และสามารถต่อรองได้ แต่บอกไว้นิดนึงของส่วนใหญ่ในตลาดนี้ต่อรองกันให้เต็มที่เลยนะครับ เปิดราคามาต่อกันเกินครึ่งไปก่อนเลย เพราะราคาของเค้าบอกผ่านสุดๆ เพราะงั้นอย่าเกรงใจไปไม่ต้องกลัวครับ
สวนสาธารณะ กลางเมือง โฮจิมินห์ซิตี้
อยู่ในบริเวณเดียวกันกับโบสถ์นอร์ทเธอดาม ไม่ไกลกัน สังเกตุง่ายๆเลยครับจะเจอต้นไม้สูงๆอายุอานามประเมินด้วยสายตาเป็นร้อยปี
สวนแห่งนี้ถือเป็นปอดกลางเมืองเก่าแห่งนี้ก็ว่าได้ มีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ให้ร่มเงา
ผมจะสังเกตุว่ามีหนุ่มสาวมานั่งชิลกันเยอะทีเดียว บ้างก็มาวิ่งออกกำลังกาย เต้นอาราบิก หรือผู้สูงวัยมาเดินออกกำลังกันให้เห็น ถือเป็นอีกที่ๆมีเวลายามเย็นเหมาะมาเดินชิลๆ นั่งอ่านหนังสือ หรือชมชีวิตผู้คนชาวเวียดนามได้
ร้าน AN RESTAURANT
พิกัด GPS 10.774392, 106.704187
ร้านอาหารสไตล์จีนผสมเวียดนาม หากกินอาหารเวียดนามมาเยอะแล้วอยากกินอาหารจีนที่ปรุงรสชาติถูกปากคนไทยด้วยแล้ว ร้านนี้แนะนำเช่นกัน
อาหารส่วนใหญ่จะเสริฟแบบผสมผสานทั้งจีนและเวียดนาม รสชาตินั้นถูกปากกันได้ไม่ยาก
โดยเฉพาะเมนูหอยต่างๆผมว่าเค้าทำได้ดีมาก มีความเป็น Fusion ผสมผสานกันดีทั้งจีนและเวียดนามทีเดียว ส่วนตัวชอบนะร้านนี้ ที่สำคัญ พนักงานเสริฟแต่งตัวน่ารักด้วยชุด อ๋าวใหญ่ มองแล้วเพลินตาดีมาก ฮ่า ฮ่า
หมดจริงๆแล้วละครับสำหรับที่กิน เที่ยว ช้อปฯ ของเมืองนี้ เสน่ห์สำคัญที่ทำให้อยากมาเที่ยวที่นี่ส่วนตัวพบว่า เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่สวยงาม ทำให้การมาเที่ยวถ่ายภาพในเมืองๆนี้ง่ายมากมองไปทางไหนในย่านเมืองเก่าเราจะพบตึกสวยๆเก๋ๆกันได้ไม่ยาก และในปัจจุบัน มีสายการบินหลายสายบินตรงเข้าไปอีกก็ยิ่งไม่ยากเข้าไปใหญ่ อย่างของ Nokair เองก็มีบินตรงทุกวัน วันละ 2 เที่ยวอยู่แล้ว สามารถไปกันได้ง่ายๆครับแล้วแต่สะดวกกันเลย
ท้ายนี้ขอขอบคุณ Nokair สำหรับทริปเติมเต็มความทรงจำที่ดีๆอย่างทริปนี้ ที่พาพวกเราบินลัดฟ้ามา ซินจ่าว เวียดนามแบบนี้นะครับ ถึงตรงนี้ขอร่ำลากันก่อนจะกลับมาพบกันใหม่ที่ใดสักที่ในโลกสีฟ้าแห่งนี้ครับ
สวัสดีครับ