สวัสดีครับ เพื่อนๆ
จั่วหัวออกตัวแรงเสมือนกูรู “ญี่ปุ่น 4 เมือง 4 ฤดู Snow Season…..หนาวนี้มันดีต่อใจ” แบบนี้ เอาจริงๆ นะ เป็นความตั้งใจส่วนตัวมานานแล้วว่า หากเราไปญี่ปุ่นในฤดูหลักๆ ที่คนไทยชอบไปกันได้ครบ จะจับมามัดๆ แล้วเขียนแบบนี้สักครั้ง เป็นเหมือนไกด์ไลน์ส่วนตัว เพราะ สถานที่และช่วงเวลาทั้งสี่ฤดูนั้น ผมว่าคนไทยไปง่ายและไปได้จริงๆด้วยตัวเอง และมันก็แตกต่างเวลากันไป เผื่อจะมีประโยชน์กับใครที่อยากไปที่เดียวกัน ฤดูเดียวกันได้ ผมยินดีเชิญเลย ขอเริ่มที่ฤดูต้นปีนะฮะไม่ให้เสียเวลาก็ต้องเปิดด้วยฤดูหนาวสิ ประเทศนี้ไปเมื่อไหร่ก็ดีทั้งนั้นฮะ
เริ่มที่การเดินทางไปญี่ปุ่นก่อนนะ
สำหรับฤดูหนาวเริ่มกันต้นปีที่ผ่านมา ผมบินด้วยสายการบิน Hongkong Airlines ไปดูกันสิมีไรดี
สายการบินที่มีให้บริการจากไทยไปญี่ปุ่นเยอะแยะมากมาย ทั้ง โลว์คอร์ส และแบบ Full Service ผมขอพูดถึงรอบล่าสุดที่พื่งไปมาใช้บริการของ Hongkong Airlines เป็นสายการบินแบบ Full Service ที่ทำราคาออกมาแข่งกันกับ โลว์คอร์สได้สูสีมากที่สุด คือโปรตอนที่ผมเดินทางไปออกมานี่ทำราคาดีมากคือรวมทุกอย่างแล้วไม่ถึง 8-9000 บาทไปกลับ มันดีจริงๆ เพราะเราจะได้ น้ำหนักกระเป๋า บวก อาหารทานระหว่างทางไปพร้อมๆกันด้วย แถมที่นั่งก็เลือกได้เรียกว่าถ้าเจอโปรฯแบบนี้ไม่จองนี่ผิดเลย นะ
ถึงแม้ว่าจะต้องมีบินต่อเครื่องที่ Hongkong บ้างแต่กับราคาและเวลาที่เสียไปราวๆ 1-1.30 ชม. เรารับได้นะ รวมเบ็ดเสร็จ ไม่เกิน 7 ชม.เรามายืนหล่อๆกับปันที่สนามบินนาริตะแล้ว
ภายในก็ไม่ไก่กานะฮะ ส่วนตัว ที่นั่งไม่เบียดไม่ชิดกันเกินไป
มีหนังให้ดูระหว่างบินได้ (แต่ไม่มีภาษาไทยนะ เข้าใจใช่ไหม)
อาหารก็ประมาณนี้เลย หากเป็นไฟลท์ ช่วงคาบเกี่ยวมื้อไหน ก็จะเสริฟอาหารแบบ Full ทันทีฮะ
โดยรวมหากเรามีแผนตั้งใจจะค้างหรือแวะเที่ยว Hongkong ด้วยแล้วอันนี้ดีเลยเพราะมีไฟล์ทบินลงทุกวันไปได้ตลอดเวลาและจริงๆแล้วก็มีเส้นทางบินลงทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเยอะสุดๆด้วยโดยเฉพาะบนเกาะคิวชู ส่วนตัวทริปหน้าหากจะบินไปกับสายการบินนี้อีกจะนอน ที่ HK สักคืนนึงไปตะลุยกินก่อนกลับไทยดูจะเหมาะมากๆฮะ
ก่อนบินมีเน็ตรึยัง
รอบนี้เราใช้ pocket Wifi เจ้าประจำของ Samurai Wifi ตลอดระยะทางใช้ดีลื่นตลอด มีบ้างที่เน็ตหลุดหากเข้าป่าเข้าพง ซึ่งก็เป็นปรกตินะ โดยรวมกับราคา 100 กว่าบาท/วัน แบตฯอึดอยู่ได้จากเช้าถึงเย็น(ในกรณีเราใช้ไม่เกิน 2-3 คนพอนะ) ถือว่าคุ้มค่าฮะ
สนใจเข้าไปดูราคาากันได้ที่นี่นะ http://www.bs-mobile.jp/th/ อ่อตอนนี้เค้ามีจุดรับครบทั้งสองสนามบินแล้วนะ ที่ดอนเมืองชั้น 1 บู๊ทดีแทคครับ
เริ่มกันที่ฤดูหนาวเลยนะ
ช่วงเวลาของฤดู:ธันวาคม-กุมภาพันธ์
ช่วงเวลาที่ผมไป: ปลายมกราคมต้นกุมภาพันธ์
เมืองแนะนำ: Nikko เมืองมรดกโลกทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม
เมืองที่ผมเลือกไปสัมผัสความหนาวเย็นจนสำเร็จคือ Nikko(นิกโกะ) เมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของโตเกียวราวๆ 120 กว่ากิโลเมตร วิธีการเดินทางดีสุดคือต้องลงโตเกียว และผมไปมาหมาดๆเมื่อต้นปีนี่เอง(ปีก่อนก็ไปมา) เป็นเมืองท่องเที่ยวอีกเมืองที่ไปง่ายหากเริ่มจากโตเกียวสามารถไปได้ไม่ว่าจะเป็น 1 day trip หรือ 2-3 day trip ก็ได้หมดขึ้นอยู่กับเวลาที่เรามี ส่วนตัวเราเองอยากแนะนำอย่างน้อยสัก 2 วัน 1 คืน อย่างน้อยจะเหมาะสุดเพราะตัวเมืองนี้มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของธรรมชาติ และ วัฒนธรรม แถมหากเป็นสายครอบครัวอย่างเราด้วยนะ มีสวนสนุกย้อนยุคให้เข้าด้วย เหมาะมาก ตามมาต่อกันนะ
การเดินทาง
วิธีที่ดีที่สุดจะไปมีอยู่ 3 ทาง คือการนั่งรถไฟ,รถบัส,รถเช่า ทั้งนี้ผมจะขอแนะนำรถไฟนะฮะ เพราะเป็นวิธีที่ง่าย และเร็ว สะดวกที่สุด
การเดินทางจากโตเกียวมีสองทางเลือกสำหรับรถไฟ เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่บริษัทเอกชนได้รับสัมปทานทำสายรถไฟไปเช่นกัน คือ Tobu Nikko Pass นอกเหนือจาก JR PASS เอาล่ะมาดูกันสิต่างกันยังไง
ตั๋ว JR Wide Pass คือคำตอบ
ปัจจุบัน JR กับ Tobu ได้ร่วมกันเดินขบวนรถไฟพิเศษ ที่สามารถขึ้นจากสถานีรถไฟ JR และสามารถใช้รางร่วมกันกับ Tobu ทำให้เราสามารถเดินทางจาก Tokyo มายัง Nikko ได้ง่ายขึ้นมาก เร็วกว่า วิ่งโดย Tobu และแน่นอนเราซื้อตั๋ว JR Wide Pass ก็ใช้ได้ทุกขบวนที่เดินทางมายังที่นี่นะฮะ ราคาตั๋วรถไฟตอนนี้ 10,000 yen สำหรับ ผู้ใหญ่ และ 5,000 yen สำหรับเด็ก ใช้ได้ 3 วัน
กรณีเดินทางด้วยรถไฟ JR PASS สามารถซื้อ Pass ล่าสุดที่เพิ่งออกมาเมื่อปลายปี 2015 ที่ผ่านมาได้เลยคือ JR Wide Pass ข้อดีเลยคือเราใช้ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน แล้วนำใบจองที่เราซื้อมาขึ้นตั๋วที่ ออฟฟิต JR ที่ นาริตะได้เลยครับ นั่งจากสนามบินเข้าโตเกียวแล้วต่อรถไฟสาย JR Nikko Stationต่อได้เลย
ข้อดีคือเราประหยัดจริงจ่ายครั้งเดียว กี่วันก็ใช้ไปกี่เที่ยวก็ใช้ได้ตามจำนวนวันที่ระบุลงใน pass
ข้อเสีย คือเราต้องต่อรถไฟอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง กรณีเราขึ้นจาก Tokyo ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรถไฟขบวนที่เราเลือกต่อ น้อยสุดคือ 1.40 นาทีโดยประมาณ ส่วนใหญ่เค้าจะไปต่อกันที่สถานี Utsunomiya แล้วต่อขบวน Nikko เพื่อไปลงที่ สถานี JR Nikko Station และยังมีข้อเสียอีกนิด ที่ทำให้ช้าลงอีกหน่อย (10 นาที อย่างน้อย) สถานีรถไฟ JR Nikko จะอยู่ห่างจากสถานีรถบัสเที่ยวรอบเมืองอยู่ เรายังต้องต่อรถไปอีกหน่อย เราจะเลือกเดินหรือจะรอรถบัสเวียนมารับก็ได้ แต่ส่วนตัวเลือกเดินเอาเพราะก็ราวๆ 1.5 กิโลเมตรได้ฮะ เดินชิลๆแป๊บเดียวก็ถึง
หน้าตาของสถานี JR Nikko ครับ สวยงามและเป็นอีกจุดที่ควรแวะไปเก็บภาพด้วยนะ
มาถึงขบวนเอกชนบ้าง กับ Tobu Nikko เป็นขบวนรถไฟสายของเอกชนที่เดินสายตรงจากโตเกียวมุ่งตรงสู่ Nikko เลยไม่ต้องแวะใดๆ
ข้อดีประหยัดเงินกว่า(1360 yen) เพราะใช้เวลาออกจากสถานี Tobu Asakusa ไปถึง Tobu Nikko Station รวดเดียวไม่ต้องเปลี่ยนขบวนหรือต่อใดๆเลย ทำให้ไม่ต้องเสียเงินตอนเปลี่ยนขบวน และที่สำคัญเมื่อถึงสถานี Tobu Nikko เดินออกมาจากสถานีเจอป้ายรถบัสที่ไปเที่ยวต่อได้เลย ทั้งโซนของที่นี่ สะดวกมาก
ข้อเสียคือ ช้ากว่าขบวน JR มากอย่างน้อยต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงหน่อยๆขึ้นอยู่กับขบวนที่เราขึ้นมาจากโตเกียว แต่…อย่ากังวลไป ทางออกมีแล้ว
ไพ่ตายสำหรับการเที่ยว Nikko ให้ทั่วคือ
อันนี้สำหรับทางเลือกสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยขบวน Tobu Nikko สามารถซื้อตั๋ว 2 Day Pass หรือ All Day Pass ได้ ตั๋วนี้ข้อดีเลย สามารถขึ้นรถบัสขึ้นลงไม่จำกัด เวลาที่เราต้องการเที่ยวให้ทั่ว แบบ 2 Day Nikko Pass เหมาะกับคนรักธรรมชาติเน้นไปทางขึ้นเขาเที่ยว กับการแวะเที่ยวมรดกโลก แบบนี้เหมาะ แต่ถ้าจะเที่ยว Nikko ให้ครบจริงๆ ส่วนตัวผมเลือกแบบ All Nikko Pass ก็เที่ยวทั่วแล้วสัก 3 วัน ราคา อยู่ที่ ผู้ใหญ่ 4520 yen เด็ก6-11 ปี 2280 yen เมื่อเปิดใช้แล้วจะมีอายุรวมทั้งหมดไม่เกิน 4 วัน
สามารถดูราคาทั้งหมดและสิทธ์ประโยชน์ของบัตรนี้ได้ที่นี่เลย http://www.tobu.co.jp/foreign/th/pass/all.html
สามารถซื้อตั๋วรถไฟด่วนพิเศษในราคาส่วนลดได้ แต่คุณต้องไปที่ศูนย์บริการข้อมูลการท่องเที่ยวโทบุ ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ภายในสถานีอาซากุสะ และที่โทบุกรุ๊ปทัautumn, hongkong airlines, Japan, nikko,ญี่ปุ่น 4 เมือง 4 ฤดู Snow Season…..หนาวนี้มันดีต่อใจ, ญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี, นิกโกะ, ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี,ฮ่องกงแอร์ไลน์วริสต์พลาซ่าชั้น 5 ตึกเดียวกันเท่านั้นนะ
ส่วนตัวคิดว่าคุ้มมาก เพราะเดินทางในฤดูหนาว มันเย็นและสวยงามกับบรรยากาศสีขาวของหิมะนั้นเอง การนั่งบัสเที่ยวชมสร้างความเพลิดเพลนิมาก
เส้นทางท่องเที่ยว Nikko
หลังจากไปมา 3 ครั้งมาเที่ยวเมืองนี้แบบซ้าๆก็ยังพบว่าที่ Nikko บนเขานี่คือสวยงามแปลกตาทุกฤดูแต่ เฉพาะเจาะจงในฤดูหนาวนี้ จุดเที่ยวอาจจะมีปิด หรือเปิดก็ได้ถ้าเลือกไป บนเขาเพราะงั้นควรเช็คให้ดีเรื่องฤดูกาลไปอย่างหน้าหนาวแบบนี้เปิดแต่จะปิดเร็วเพราะมันมืดเร็วและยิ่งเย็นจะยิ่งหนาว ที่ปิดแน่ๆบางครั้งดูเป็นวันๆไป จะเว้นก็เฉพาะเกิดมีหิมะถล่ม หรือพายุเข้า ถนนปิด เพราะงั้นตอนก่อนเดินทาง 1-3 วัน เช็คกันด้วย เอาล่ะที่แรกที่อยากแนะนำกรณีมีเวลาสั้นๆ 2 วันไปได้เลย
โซนมรดกโลก
มีเวลาสักครึ่งวันก็เที่ยวได้ทั่วแล้ว ยิ่งมาฤดูหนาวแบบนี้ยิ่งได้ฟิล ความขลังขึ้นไปอีกวิธีการมาก็นั่งรถบัสจากหน้าสถานี Tobu Nikko เลยมีบอกไว้ให้เลือกเส้นทาง World Heritage Bus ถ้าเราซื้อตั๋วรถไฟสาย Tobu Nikko แบบ 1 /2 day pass มาเราเบ่งขึ้นไปได้เลย จะกี่เที่ยวก็ได้ ถึงบอกแนะนำให้ซื้อไว้
กรณีไม่ได้นั่งมากับ รถไฟสายนี้ แต่เป็น Jr ก็เลือกซื้อเป็น แบบ package tour เฉยๆก็มีขายเช่นกัน ซื้อที่สถานีได้เลยฮะ มีขายเดินเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่เค้าจะบอกอีกที
การจะเข้าไปชมวัดวาทั้งหลายก่อนเข้าก็ต้องจ่ายตังสิ เสียตรงทางเข้า บัตรเบ่งใช้ไม่ได้นะ ต้องจ่ายเอง ราคาก็ไม่ได้โหดอะไรมาแล้วก็ต้องเข้าจริงไหม
วัดรินโน วัดนี้น่าเสียดายอย่างแรงมากตอนเราไปเค้าอยู่ในช่วงปิดซ่อมแซมพอดีฮะ ใครมาควรจะแวะมาหลังจากวัดนี้เปิดนะฮะ คาดว่าจะเสร็จในปี 2020 (อีกนานเบย บทความนี้เขียนตอน 2016 ) เด่นๆของวัดนี้ก็คือ องค์พระพุทธรูปแกะไม้ 3 องค์ใหญ่ องค์กวนอิมพันมือ องค์พระอมิตพุทธเนียวไร และสุดท้ายองค์พระที่มีศรีษะเป็นม้า หากมีโอกาสก็อยากกลับไปไหว้สักครั้ง เพราะจริงๆแล้วเค้าย้ายองค์พระทั้งสามไว้ข้างนอกแต่ตัวเองไม่รู้เลยไม่ได้เดินเข้าไปเลย เสียดาย
ถัดมาเป็นศาลเจ้าโทโชกุ อันนี้สวยงามมากฮะ เดินเข้าไปขึ้นบันไดไปเรื่อยๆเราจะเจอแค่ตรงซุ้มประตูทางเข้าที่ทำเป็นแกะสลักไม้ลวดลายสิบสองนักสัตว์นี่ป็เริ่ดสุดๆแล้ว
ระหว่างทางเดินจะเจอหิมะกองๆอยู่ดูสวยงามมากบรรยากาศดีจริงๆ
เข้าไปด้านในจนเจอศาลดูอร่ามด้วยสีทอง งดงงามมากครับ
ตัดกันสีขาวๆของหิมะที่ปกคลุมรอบๆยิ่งสวยขึ้นไปอีก
และสุดท้ายที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้และไม่ต้องเสียเงินดู แต่ถ้าหากอยากเข้าไปด้านในก็เสียตังนะ คือ Shinkyo Bridge (สะพานชินเคียว)ถือเป็น Hilight สำคัญใครมาก็ต้องถ่ายกันไว้ สะพานไม้สีแดงนี้สวยสุดๆเราว่าเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเพราะบรรยากาศด้านหลังสะพานจะเหลืองๆ แดงๆเต็มไปหมด สะพานไม้แห่งนี้อายุอานามกว่า 380 ปี ขึ้นเป็น 1 ใน 103 จุดทั่วประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกตอนปีคศ. 1999
จะมองมุมไหนก็เด่นนะ ใครเสียตังก็จะได้เข้าไปยืน เซลฟี่ตรงกลางสะพานได้เลยฮะ เผลอๆได้เป็นนางแบบนายแบบไปให้กับคนอื่นได้ถ่ายด้วยนะเออ
ตบท้ายด้วยภาพสาวๆในชุดกิมโมโน น่าร๊ากกกกสุดๆอ่ะ จริงไหมฮะ 555
โซนธรรมชาติ (หิมะแรกในชีวิตที่นี่เลย)
บนเขาเลยฮะ เราไปญี่ปุ่นก่อนหน้าไม่เคยเจอหิมะฝันไว้ซักวันนึงจะไปเห็นหิมะที่นี่และวันที่ไปนิกโกะก็สมหวังแล้ว จะไปไม่ยากนั่งบัสสาย Chuzenji Onsen ขึ้นไปจากหน้าสถานีรถไฟ Tobu Nikko เช่นกัน
รถจะค่อยๆขับพาเราไปยังด้านบน ซึ่งจุดแรกที่ทุกคนต้องแวะเที่ยวก็คือบริเวณโดยรอบทะเลสาบแห่งนี้นั้นเอง
อุณหภูมิตอนมายืนตรงสถานีเรียบร้อย เบาๆเอ้งง เนอะ -3 องศา ตอน 4 โมงเย็นจ้า เดินกันหนาวไปถึงปลายเล็บทีเดียวมือไม้ไม่ต้องรู้สึกกันล่ะ ไม่อยากคิดถ้ามืดจะพาตัวเองไปขนาดไหน
เราเคยมาตอนช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆทะเลสาบสวยมากจนเรียกว่าจอดรถมันทุกๆ 5 นาทีเลย เพราะทริปนั้นขับรถไปเอง จุดที่เรามาแวะเที่ยวกันคือที่ น้ำตก (Kegon Falls) น้ำตกที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอยู่ในบริเวณทะเลสาบที่สูงที่่สุดด้วยเช่นกัน เวลาไปให้ลงที่สถานีบัส24
แต่มาฤดูหนาว การขับรถไม่เหมาะอย่างยิ่ง นั่งบัสมาดีกว่าปลอดภัยกว่าเยอะ
เวลารถรับส่งครับ
เดินออกมาเจอเข้ากับเจ้าหมี สัญญาลักษณ์ของเมืองนี้ โดนหิมะปกคลุมแบบนี้เท่ดี
ด้วยบรรยากาศโดยรอบของทะเลสาบที่ขาวโพลนไปหมดแบบนี้ด้วยมองไปทางไหนก็สวยไปหมด
ถนนหนทางที่เดินหนาวๆกันไป เราว่าสวยงามมากแม้จะปกคลุมไปด้วยหิมะก็ตาม
เจอหิมะครั้งแรก ในหัวนี้จินตนาการว่าจะเจอหิมะนุ่มๆ โปรย แต่ไม่คิดจะเจอพายุปานนี้ แต่เอาละ มันสวยขนาดนี้ไม่เดินเล่นก็แปลกละจริงไหม
บรรยากาศรอบๆสวยมาก ไปถึงนี่มันเป็นน้ำตกที่ดูยิ่งใหญ่ จนติด 1 ในสาม น้ำตกทีสูงที่สุดของญี่ปุ่นทีเดียวฮะ
ตบท้ายด้วยบรรยากาศสวยๆยามใกล้ๆแสงหมดที่สถานีฮะ
เอาล่ะสำหรับหน้าหนาวจริงๆยังมี Hilight มากกว่านี้แต่เกรงจะยาวไปใครสงสัยว่าเมืองนี้เที่ยวไรได้อีกถามมาได้เลย เพราะจริงๆยังขาดอีกหนึ่งจุดสำคัญเหมาะกับครอบครัวที่เรียกว่า Edo Land เป็นสวนสนุกย้อนยุคไปยังสมัยซามูไรนั้นเลย ที่นี่เหมาะกับครอบครัวและเด็กๆมากไว้มีโอกาสไปจะเก็บมาเล่าให้ฟังนะฮะ
สำหรับฤดูหนาวที่ประเทศนี้เอาจริงๆเที่ยวง่ายและปลอดภัยมั่นใจได้ว่าไปแล้วถ้าเตรียมตัวเกี่ยวกับยูกยาและเสื้อผ้าดีๆแล้วไปได้และสวยงามไม่แพ้ฤดูอื่นๆเลย
คราวหน้าจะพาไปฤดูไหนต่อโปรดติดตามฮะ ประเทศนี้เที่ยวมันได้ทั้งปีจริงๆนะเออ
จนกว่าจะพบกันอีกฮะ
สวัสดี
#one22family