ซาบาห์ อยู่ไหน? ทำไมถึงจั่วหัวขนาดว่าเป็น 9 Impressions in Sabah ประสบการณ์ประทับใจเราไม่รู้ลืม ขนาดนั้น จะว่าไปหลังจากกลับมาทริปนี้ ผมนั่งคิดเลยว่าทำไมมามาเลเซียหนนี้จึงประทับใจเราได้ขนาดนี้
รีวิวสายครอบครัวของ One22family รอบนี้ เราขอพาทุกคนไปยังเกาะที่คนไทยรู้จักแหล่งท่องเที่ยว มากกว่าชื่อเกาะด้วยซ้ำ เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดระดับโลกอย่าง ยอดเขา โกตาคินาบาลู 1 ใน 10 ขุนเขาที่สูงที่สุดในเอเชียที่ๆนักปีนเขาทั่วโลกอยากมาพิชิตมันซักครั้งและอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ใต้ท้องทะเลที่ต้องดำดิ่งลงมหาสมุทร เอ่ยชื่อ สิปาดัน นักดำน้ำลึก ทุกคนต้องอยากมาดำพบฝูงปลาสารพัดสักครั้ง เพราะที่นี่ก็เป็น 1 ใน 10 จุดดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกด้วย
ทั้งสองสิ่งจากยอดเขาจรดใต้ทะเล ล้วนเป็นที่รู้จักดี แล้ว เราล่ะมาทำไม ดำน้ำเหรอ ไม่ใช่เลย เพราะเราได้อย่างมากก็แค่ ดำน้ำตื้นเท่านั้น ปีนเขาล่ะ โอ้ยยยย เด็กน้อยคงบ่นตั้งแต่เริ่ม 20 เมตรแรกแน่ๆ นั้นสิเพราะงั้นทริปนี้เราจึงมาเพราะอยากพิสูจน์ว่า ซาบาห์รัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศมาเลเซียนี้มีดีกว่านั้นเยอะเลย เอาล่ะ ไปกันเลยกับ 7 ความประทับใจจากทริป 4 วันที่ทำให้อยากกลับไปอีกเรื่อยๆนี้
รู้จักรัฐซาบาห์กันก่อน
ซาบาห์เป็นชื่อรัฐที่อยู่ในการปกครองของ สหพันธรัฐมาเลเซีย มีการปกครองระบบเจ้ารัฐดูแลประชาชน แต่รวมศูนย์การปกครองขึ้นตรงร่วมกันเป็นพันธรัฐมาเลเซียที่ KL
อย่างท่ีบอกไปที่นี่ตั้งอยู่ในเกาะบอร์เนียว เกาะที่แบ่งกันระหว่างประเทศ มาเลเซีย (อยู่ในโซนบอร์เนียวตอนเหนือ)และประเทศ อินโดนีเซีย (บอร์เนียวตอนกลางและตอนใต้) ด้วยความที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ ทำให้บริเวณโซนตอนเหนือของเกาะมีแนวชายฝั่งยาวประมาณ 1,440 กิโลเมตร และเพราะมีพื้นที่ตั้งอยู่ใต้แนวพายุใต้ฝุ่น ซาบาห์ จึงได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนใต้ปีกแห่งสายลม” โดยติดทะเลจีนใต้ในฝั่งตะวันตก และติดทะเลซูลู และCalabes ในฝั่งตะวันออก อากาศบนเกาะจะมีฤดูฝนยาวนานกว่าฤดูร้อน จึงทำให้ที่นี่จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นป่าและพันธ์ไม้บางสายพันธ์อายุระดับล้านปี และยังคงค้นพบพันธ์ไม้หายากอยู่เสมอๆ
วิธีเดินทางจากไทยไปซาบาห์
น่าเสียดายที่ไทยสไมล์ที่เปิดเที่ยวบินตรง BKK-KINABALU ปิดไปแล้ว
ปัจจุบันถ้าคุณจะไปวิธีที่ดีสุดคือบินจากไทยไปลง KL (กัวลาลัมเปอร์) แล้วต่อเครื่องต่อไป เมืองคินาบาลู อีกทีครับ
ใช้เวลาแลดูจะนานหน่อย ราวๆ 4-6 ชม. ขึ้นอยู่กับเที่ยวบิน รอบนี้เราเองก็ใช้ AirAsia บินไป
วันที่เดินทางลมสงบทำให้ถึงในเวลารวมรอต่อเครื่องที่ 5 ชม. พอดีครับ
วันที่รอเครื่องขึ้นการจราจรบนรันเวย์หนาแน่นเหมือนกันนะ หนนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นเครื่องบินติดไฟแดงเป็นครั้งแรกเลยครับ
ที่อยากจะแนะนำคือ อาหารบนเครื่องขาไปจากเมืองไทยเราเลือกอาหารได้ง่ายเลยเพราะเป็นอาหารไทย แต่จาก KL-KINABALU แนะนำให้สั่ง NASI LAMAK อันนี้รสชาติใช้ได้เลย ถ้าไม่ชอบกินอาหารสไตล์มาเลย์ ที่มีเครื่องเทศเยอะๆ อันนี้ผ่านได้สบาย หรือไม่งั้นก็เป็นอาหารพวกพาสต้า ไปเลยอันนี้อร่อยเหมือนกันถ้าคุณชอบชีสนะครับ ส่วนของเด็กจะเป็นขนมปังแบบที่ปันกินเสริพกับน้ำผลไม้ อร่อยใช้ได้ เช่นกันครับ ดูจากอาการเด็กน้อยเค้าโอเคอยู่
การเดินทางในซาบาห์
ตลอดทริปเราใช้วิธีการเหมาทัวร์พาเที่ยว ซึ่งมันก็ไม่ได้แพง ที่สำคัญเราเที่ยวได้มากขึ้นในแต่ละวันด้วย เราวสามารถบอกเค้าได้ว่าให้ไปจุดไหนได้บ้างคนขับรถทั้งหมดพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากครับ ตอบคำถามได้หมด สามารถเข้าไปติดต่อโดยตรงได้ที่นี่เลย
การใช้งาน อินเตอร์เน็ต
รอบนี้เรายังใช้ Sim Travel Asia 399 บาทไปอีกครั้ง ข้อดีเช่นเคย ใช้ง่ายขอแค่ ลงทะเบียนซิมมาก่อนเดินทางเท่านั้น จากนั้นเอาใส่เครื่องให้เรียบร้อย พอเครื่องแตะรันเวย์เปิดมือถือมันก็จะโรมมิ่งได้อัตโนมัติทันทีครับ ของมาเลย์ทาง True จะเชื่อมต่อของ Maxis นะครับถือเป็นเจ้าที่ดี ใช้ได้สบายทั่วประเทศไม่มีปัญหาใดๆกับเราเลยมีบ้างเวลาเข้าอุโมงค์หรือขึ้นตึกในลิฟท์ ก็เป็นปรกติสำหรับเรา เน็ต 4 gb ขึ้นจนถึงวันสุดท้ายก็ยังใช้ไม่หมดเลย
มาถึงที่เที่ยวประทับใจกันบ้างละครับ
ประทับใจแรก Shangri-La’s Tanjung Aru Resort & Spa รีสอร์ทสำหรับทุกครอบครัว ตัวจริง!!
วินาทีแรกที่เปิดประตูเข้าห้อง Family Suite พวกเราทั้งบ้านก็ร้องว้าววว มากเลยทีเดียว ปันเจอเตียง 2 ชั้น ถึงกลับกระโดดโล้ดเต้นวิ่งไปปีนป่ายแทบจะทันที
ห้องนี้แบ่งโซนเด็กกับผู้ใหญ่ชัดเจน เด็กๆ นอนได้สองคนจากเตียงสองชั้นในภาพเลยครับ
สำหรับของผู้ใหญ่จะเป็นห้องติดกัน ขนาดใหญ่มาก มี Terraceให้ดูวิวริมทะเลด้วยครับ
ตัวโรงแรมมีอาณาบริเวณใหญ่มาก เอาแค่เดินเล่นเฉยๆ ผมว่าก็มีหมด ครึ่งวันแน่ๆ แต่ละโซนล้วนมีพื้นที่ใช้สอยเยอะเลย
ส่วนถัดมาในโรงแรมเลยคือโซนสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำที่นี่ดีงามจริงๆครับ ใหญ่และมี Life Guard ประจำแต่ละจุดปลอดภัยมาก
โซนของเด็กสนุกมาก ปันชอบสุดๆเลยละเล่นวนเวียนไม่เลิก
หนุกหนานกันทั้งบ้านเลยให้ดูหน้าเด็กน้อยนะครับ
ด้วยตัวโรงแรมเองที่มีพื้นที่ใหญ่สุดๆ เป็นลักษณะแหลมยื่นลงในทะเล มีชายหาดของตัวเองด้วยเหมาะกับการเล่นน้ำ เราเห็นเด็กๆมาเล่นทรายริมหาด ว่ายน้ำกันตลอดเวลาทีเดียว

DCIM100GOPROGOPR0785.JPG
ประทับใจสอง Chi The Spa ของ Shangri-La’s Tanjung Aru Resort & Spa มันเลิศมาก
ยังอยู่ในพื้นที่โรงแรมอยู่นะ เรามีโอกาสใช้ Spa ของเค้าถามว่ามันดียังไง เราว่ามันเลิศเลยล่ะ ด้วยสถานที่มันเหมือน รีสอร์ทส่วนตัวอยู่ติดกับชายหาด
แค่จากทางเข้าก็สวยแล้วเจอหาดเจอแดด แบบนี้น่าไปทำสปาละเนอะ
เจอส่วนต้อนรับกันก่อนตรงนี้ก็ไม่ต่างกันกับเมืองไทยนะครับ การดูแลดีพอกัน
มาถึงก็ต้องเลือกกลิ่นเลือกการนวดตัวแบบที่เราอยากได้
เลือกเสร็จก็ถึงเวลาไปห้องทำสปา ภายในสปาเค้าทำดีเลยนะ จัดสวนให้มีพื้นที่ต้นไม้เขียวๆ ริมทะเลแลดูร่มรื่นมาก แค่เดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็ประทับใจเราแล้ว
เปิดประตูห้องเข้าไปด้านใน ดีมากเลยครับ แยกส่วนแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยเฉพาะการทำสปาของทุกอย่างคุณภาพดี
เล่นเอาระหว่างที่เค้านวดให้เราเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ทีเดียว
สรุปได้ว่าสไตล์การนวดไม่ต่างกับไทย การนวดน้ำมันดีมาก เดี๋ยวนี้พัฒนาด้านสปาใกล้เคียงกันมาก ถ้าจะต่างกันก็ตรงแต่ถ้าอยากได้แบบนวดไทย เน้นหนักแน่นคงมีแค่ประเทศเราเท่านั้น ละเนอะ ผมละชอบจริงๆ ^_^
ประทับใจสาม เมื่อโลกมันกลับหัวที่ “Rumah Terbalik”
อันนี้เป็นคอนเซ็บของเค้าเลยเราเคยมาที่นี่หลายปีก่อนตอนมาครั้งแรก แต่หนนี้ไม่ได้เล่นอะไรมาก หนนี้ต่างออกไปตรงมีเด็กน้อยมาด้วย มันเลยสนุกเค้าล่ะ
เสียตังกันก่อนราคาก็ไม่ได้แพงอะไรนะครับ มีแยกราคาเด็กออกมา ครึ่งราคา
วิธีการก็ไม่ต่างกันจากบ้านเราทุกอย่างมันจะกลับหัวหมด เราก็แค่ action กันหน่อย และนี่คือผลงานจากฝีมือ ทั้งแม่ลูกเค้าเล่นกันจ๊ะ
โดยรวมเราว่ามาถ่ายรูปสนุกสนานดีนะ เด็กน้อยตีลังกาไปมามันเค้าเลย ฮากันไปตามประสาครอบครัวจ๊ะ
ประทับใจสี่ จุดชมวิว Signal Hill Observatory Tower
จุดชมวิวนี้เดิมเราไม่ได้อยู่ในแผนแต่แรก แต่เราคุยกับคนขับ ขอให้พาเราไปดูเมืองในมุมสูงๆได้ไหม แกก็ขับรถพาเรามาทีนี่ นิสัยแกน่ารักมากครับ ชวนคุยตลอดเวลาเป็นทั้งคนขับและไกด์ไปในตัว
ข้อดีเลยของที่นี่นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้วยังเป็นร้านอาหารด้วย นั่งชิลๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆได้อีก
จากตรงนี้เราสามารถเห็นอาคารสำคัญๆ ของเมืองนี้ได้เลย
มองเห็นไปจนถึงทะเล ยิ่งถ้ามาตอนเย็นเห็นพระอาทิตย์ตกด้วยแล้ว
ถือเป็นจุดชมวิวสวยงามห้ามพลาดเลยครับ
ประทับใจห้า วัดรวมเทพ Puh Toh Tze Temple
บรรยากาศวัดจีนสำคัญที่สุดของเมืองสำหรับคนจีนที่เมือง คินาบาลูก็ต้องยกให้ที่นี่เลย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีคศ. 1980 ด้วยความศรัทธาของชาวจีนบนเกาะและตั้งใจจะให้เป็นศูนย์รวมพุทธของคนบนเกาะนี้ด้วย
บรรยากาศตอนเราเดินเข้าไป เหมือนเราเดินอยู่เมืองไทยยังงั้นเลย
ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์แบบเดียวกัน แทบเทพทั้งหลายของที่นี่ก็สวยงามมากครับ
แม่ปันคอยอธิบายให้ปันเข้าใจว่าเทพแต่ละองค์สำคัญยังไง แต่ละองค์ล้วนสวยงามมาก
ด้านหน้ายังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่เด่นสง่างามมากเลย เป็นอีกวัดที่ควรแวะเที่ยวกันครับ
ประทับใจหก City Mosque Kota Kinabalu มัสยิดสีฟ้าแสนสวย
มามาเลเซียจะไม่นับมัสยิดสวยๆ คงไม่ได้และที่นี่ก็เป็นมัสยิดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศอยู่ด้วย
ระหว่างทางนั่งรถเรานึกได้ว่าที่นี่มีมัสยิดกลางน้ำสีฟ้านี่หว่า เราเลยขอแวะชมหน่อยมาครั้งก่อนก็ไม่ได้แวะด้วย
วันที่เราไปพอดีเค้ามีงานด้านในเราเลยไมไ่ด้เข้าไปก็เสียดายเหมือนกันครับ แต่แค่ตัวมัสยิดด้านนอกก็สวยแล้ว
เราเดินเล่นรอบๆ เสียดายนิดนึงตรงอากาศไม่ค่อยดี นักและถ้ามาถ่ายช่วงเย็นๆจนถึงค่ำสวยแน่นอน เพราะเค้าจะเปิดไฟส่องที่ตัวอาคารด้วยครับ
ที่นี่เปิดทุกวันเว้นวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.00- 17.00 น.นะครับ
ประทับใจเจ็ด ล่องแก่ง 10 กิโลเมตรที่ Kiulu White Water Rafting สนุกที่สุดในชีวิตก้หนนี้
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมาของครอบครัวเรา เรื่องล่องแก่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน แต่มารอบนี้ด้วยเพราะเราสอบถามจนแน่ใจว่าเด็กๆเล่นได้ไม่อันตรายใดๆใช่ไหมถึงได้กล้า
และสุดท้ายก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะเด็กชายปันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปตลอดทางแต่เป็นอีพ่ออีแม่ปันนี่ละที่กรี๊ดซะดังลั่นป่าเลย
ล่องแก่งที่นี่นั้นมีระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาราว 2 ชั่วโมงบวกลบ หากวัดระดับความยากง่ายอยู่ที่ระดับ 1-2 เท่านั้น (ปรกติการแบ่งระดับของการล่องแก่งจะมีตั้งแต่ 1-5 ระดับ อย่างบ้านเราที่ล่องแก่งน้ำว้า จังหวัดน่าน นั้นระดับห้าเลย โหดดดดมาก ) จริงๆ ที่นี่ก็มีหลายจุดมากหลายระดับแต่ที่เราไปมันเหมาะกับครอบครัวแบบเรา
ก่อนจะไปเราต้องมาเตรียมพร้อมกันก่อนทางเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายให้เราทราบรายละเอียด วิธีการพาย การนั่ง หรือหากเกิดผลัดตกจะต้องช่วยตัวเองยังไง (เราก็พึ่งรู้นะว่าตกไปไม่ต้องพยายามว่ายสวนน้ำกลับมาที่เรือ จะมีเรือชูชีพพายร่วมทางมาด้วย คอยดูแลอีกลำ)
และที่เซอร์ไพรส์เราที่สุดคือเจอกับเจอของเพจดัง “แบกกล้องเที่ยว” ที่มาร่วมงานประกาศผลจากการท่องเที่ยวซาบาห์ด้วยและเค้าเป็นผู้ชนะในงานครั้งนี้ ภูมิใจแทนน้องจริงๆที่มาคว้ารางวัลในต่างประเทศได้สำเร็จ
จากนี้เราก็ลุยกันยาวไป 10 กิโลฯ มีตกน้ำกันบ้าง สนุกสนานมาก ถือเป็นครั้งแรกที่ครอบครัว one22family ได้ล่องแก่งและรับรองได้เลยว่าไม่ใช่ครั้งเดียวแน่นอนจ๊ะ มันขนาดนี้ไม่พลาดแน่ๆ เสียดายเราไม่มีภาพถ่ายเพราะเค้าไม่ให้เราพกอุปกรณ์ที่อาจจะตกหายได้นั้นเอง หนหน้าจะพก Gopro ติดหมวกไปด้วย เสียดายเลยครับไม่มีภาพความมันส์ มาอวดทุกคนอยากให้ไปลองกันนะครับถ้าไปเมืองนี้ ธรรมชาติสองข้างทางอุดมสมบูรณ์มาก อิจฉาเค้าเลย
ประทับใจแปด ชมการแสดงแบบอิ่มหน่ำสำราญกับร้าน D’Place Kinabalu ที่ Plaza Shell
วันที่สองเรามีโอกาสมาทานอาหารที่ อยู่ในห้างกลางย่านช้อปปิ้งของเมืองคินาบาลู จนเราเองไม่คิดว่าจะมีร้านอาหารสไตล์ Original ของเค้าเปิดอยู่ได้
แต่พอเข้ามาทั้งการต้อนรับจากพนักงานทที่แต่งตัวขึงขัง มันก็ดูมีเสน่ห์ดี เปรียบเทียบก็อารมณ์เหมือนที่ฝรั่งมาเมืองไทย นั่งทานข้าวในร้านอาหารไทยชมรำไทยนั้นเลย
ที่นี่เสริฟอาหารแบบบุฟเฟ่ห์ ทานไม่อั้น และมีโชว์การแสดงให้ชมไปพร้อมกับการทานอาหาร เราว่ามันก็สนุกด้วย
ส่วนของอาหารรสชาติไร้เครื่องเทศแบบที่เราคุ้นเคยกับอาหารมาเลเซียเดิมๆ อาจจะเพราะร้านเป็นร้านชนเผ่าของเค้า แถมหน้าตาก็คล้ายคนไทยเรานี่เลย
มีเมนูบางอย่างรสชาติแบบน้ำพริกกะปิบ้านเรานั้นเลยครับอร่อยดีเลย
ปิดท้ายด้วยการแสดงที่ให้เรามีส่วนร่วมไปด้วยกันได้เลย ปันวิ่งออกไปทันทีๆเค้าเชิญชวนแขก ไปเต้นกับป้าฝรั่งคนนึง สนุกสนานกันใหญ่เลยเด็กน้อย
เอาจริงๆเราเซอร์ไพรส์กับอาหารและโชว์ที่ทุ่มเทเต็มที่จริงๆครับประทับใจเราอย่างไม่น่าเชื่อและกับเด็กน้อยแล้วไม่ต้องบรรยายหรอกดูหน้าตาก็รู้เนอะ
ประทับใจเก้า ล่องเรืองสำราญ Amazing Love sunset cruise hosted by Sutera Sanctuary Lodges ไปหมู่เกาะ Manukan Island Resort แบบครอบครัวเราเท่านั้น
ที่สุดของทริปนี้คงจะต้องยกให้ความโรแมนติก ยามเย็นเมื่อมีโอกาสล่องเรือไปกับ เรือสำราญ Sutera Marina Jetty มันคือที่สุดของทริปเราจริงๆ
เรามาถึงเรือตอนเย็นๆพอดี พวกเรารู้ว่าจะได้ล่องเรือเพื่อไปดินเนอร์มื้อค่ำกันที่หมู่เกาะ Manukan Island แต่ที่ไม่ทราบเลยคือว่าเรือทั้งลำจะมีแค่ครอบครัวเรา !
มันสุดยอดไปเลย
บรรยากาศบนเรือ ยามเย็นดีงาม มาก มีอาหารพร้อมเสริพให้เราทานเล่น หรือจะทานจริงก็ยังได้เลย
แม่ปันเพลินเป็นพิเศษจะว่าไปเราก็ไม่คิดเลยว่าทางการท่องเที่ยวจะจัดเรือสำราญให้ครอบครัวเราแบบนี้ เป็นประสบการณ์ Luxury ที่สุดครั้งนึงในชีวิตเราเลยทีเดียว
ตัวเรือ Sutera Marina Jetty เป็นเรือสำราญที่สามารถพักบนเรือได้เพราะมีห้องพักอยู่ 2 ห้องพักได้สูงสุด 6 คน ในห้องพักสามารถเปิด Moonroof เพื่อชมจันทร์จากบนเตียงได้เลย โอ้ยยยโรแมนติกไปไหนเนี่ย
ห้องด้านในที่เป็นอีกห้องนั่งเล่นได้
เรานั่งชมวิวไม่ถึง ครึ่งชม.ก็ถึงท่าเรือบนเกาะ มานูกันแล้วละ จริงๆอยากอยู่บนเรือให้มันนานกว่านี้จริงๆครับ มันเป็นความรู้สึกที่สักครั้งในชีวิตเราจะได้อยู่บนเรือสุดหรูแบบนี้ อยากหยุดเวลาไว้นานๆเลย
มาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากทางรีสอร์ทและพาเราไปชมห้องพักของเค้า ที่นี่มีรีสอร์ทเดียวเท่านั้น และพนักงานแทบทุกคนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ด้วย
ก่อนจะไปทางรีสอร์ทถือโอกาสพาเราไปชมห้องพักแบบต่างๆของเค้าห้องนี้เป็นห้อง One-Bedroom Hill Side Beach Villa ห้องขนาด 81 ตรม. อยู่ในมุมสูงวิวดีสุดๆ ทำให้มองเห็นวิวสวยๆของทะเลจากเฉลียงหน้าห้องได้เลย
ห้องสวยงามมีความเป็นวิลล่าเก๋ๆ ตกแต่งสีสดใส ตัวห้องพักแยกเป็นห้องรับแขก และ ห้องนอนขนาดใหญ่
ราคาห้องนี้เท่าที่เช็คล่าสุดจากในเว็บ booking.com ราคาอยู่ที่คืนละ 6,xxx บาท รวมอาหารเช้า ส่วนตัวเราว่านี่ไม่ได้แพงเลยนะสำหรับห้องขนาดนี้และบรรยากาศส่วนตัว
อันนี้อีกห้องน้ำนะครับกว้างมาก
หลังจากนั้นเราเดินมาถึงจุดที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมต้อนรับเราไว้ อันนี้ยิ่งดีมากจริงๆ เรานั่งกันไม่นาน ก็มีเซอร์ไพรส์อีกชุดใหญ่เมื่อนักดนตรีเดินออกมาขับกล่อมเล่นเพลงเพราะจากเครื่องดนตรีสามชิ้นให้เราฟัง โอ้ยยยสุดยอดเลยละครับ ดูคลิปเอาเองเลย บรรยากาศเหนือคำบรรยายจริงๆ
อาหารการกินก็จัดเต็มขนาดนี้เลย ทั้งซีฟู้ด บาร์บีคิว อร่อยมากครับ
แถมบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ฟ้าระเบิดแสงสุดท้ายก่อนจากลา ให้เราได้เก็บภาพอีก
ท้ายของท้ายสุดผมเลยได้เก็บภาพสุดท้ายของแม่ลูกไว้เป็นบรรยากาศแสนคิดถึงของครอบครัวเราไว้ที่ยามเย็นสุดท้ายของทริปนี้พอดี
ถือเป็นการปิดทริปซาบาห์แสนประทับใจที่สุดของเราจริงๆ มาทีไรมีเซอร์ไพรส์เสมอ เกาะนี้แม้จะดูเหมือนไปและใช้เวลาเดินทางแต่เอาจริงๆ เราว่ามันคุ้มค่าจริงๆครับ
ตลอดเวลา 4 วัน 3 คืนที่ได้อยู่ที่นี่ประทับใจเรามาก แม้ว่าเราจะไม่ใช่สาย Trekking ต้องไปปีนเขาอย่างคนอื่น หรือลงทะเลเพื่อชมสารพัดปลาแสนสวยมากมาย เราก็พบว่าที่นี่ยังมีอะไรอีกมากมายเหลือเกินสำหรับการได้รู้จักเกาะนี้ และเชื่อว่านี่ยังไม่หมดเลยนะครับ ยังมีอะไรอีกเยอะเลย
ปิดท้ายด้วยคลิป นักร้องที่เซอร์ไพรส์เราออกมาร้องเพลงเพราะให้เราฟังกัน น่ารักมากก ขอบคุณนะครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่ที่ไหนสักที่กับครอบครัวของเราจะพาทุกคนออกไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันอีกแน่นอนครับ
สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดการเดินทางทั้งหมด สถานที่เที่ยวต่างๆแบบละเอียด
แนะนำเข้าไปดูได้ในเว็บการท่องเที่ยวซาบาห์เลยนะครับที่นี่เลย http://www.sabahtourism.com/destination
รวมรีวิวทริปมาเลเซียทั้งหมดของบ้านเรา ไปชมกันได้ที่นี่เลยครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่รีวิวหน้าครอบครัวเราจะพาไปที่ใดสักที่ในโลกสีฟ้าแห่งนี้
ขอบคุณครับ
#one22family #แค่อยากพารู้จักโลกกว้าง