แล้วเวลาก็พาเวียนมาสู่ฤดูแห่งการท่องเที่ยวประเทศต่างประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคมทุกปี ลากยาวไปจนถึงปีใหม่ ตรุษจีนเลยกว่าได้ และญี่ปุ่นก็คือหนึ่งในประเทศฮิตที่คนไทยล้วนมีเป้าหมายอยากจะไปเที่ยวกันแทบทั้งนั้น
วันนี้เราจะมา ไขความ(ไม่)ลับก่อนพาครอบครัวเที่ยวฤดูฮิต อย่างใบไม้เปลี่ยนสีญีปุ่นกัน
และเช่นเคยเหมือนทุกๆ ปีครับ ถือเป็นทริปใหญ๋สำหรับญี่ปุ่นของบ้านเรากัน ปีนี้ก็เช่นกัน เราเลยมีไอเดียอยากหยิบประสบการณ์ของตัวเองในการออกเที่ยวประเทศนี้มาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว พบเจอทั้งดีและร้าย มาแชร์ให้อ่านดูนะครับ ถือเป็นเกร็ดความรู้เล่าสู่กันฟังครับ
ก่อนไปเที่ยวในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีต้องคำนึงอะไรบ้าง?
ประเทศนี้หากจะไปเที่ยวฤดุฮิตอย่างนี้ สิ่งแรกเลยคือช่วงเวลาที่จะไปก่อนเลย เหล่านี้คือสิ่งที่ต้องมี
1.ตั๋วเครื่องบินใช่แล้วครับ
จะไปญี่ปุ่นไม่มีตั๋วมันก็ไปไม่ได้สิ จริงไหม? เคล็ดลับการจองตั๋วให้ได้ราคาดีๆ มีสองวิธีเท่านั้น
- จองนาน เหมาะกับนักวางแผนผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ใช่ การจองนานๆ ยังเป็นคำตอบเช่นเคย ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือสายการบินโลว์คอร์ตทั้งหลาย เช่น Airasia จะออกโปรศูนย์บาทบ้าง โปร Big Sale บ้าง(ส่วนใหญ่ถ้าบินช่วง Sep-Dec ทุกปี จะปล่อยโปรบินออกมาราวๆ ตค-ธค.ของปีถัดไป) พวกนี้จะทำให้เราประหยัดได้เยอะมากแต่ก็ต้องจองยาวววนานเช่นกัน เรียกว่าจองปีนี้ บินปีหน้าอะไรยังงั้นเลย แต่ข้อดีคือทำให้ได้ราคาดีมาก (ผมเคยเข้าสู่สมรภูมิรบ Airasia ได้ตั่วไปกลับญี่ปุ่นราคาไม่ถึง 6,000 บาทมาแล้ว)โดยเฉพาะเส้นญี่ปุ่น ช่วงตั้งแต่เดือน ตุลาคมเป็นต้นไปจะเข้าสู่ใบไม้เปลียนสีจากเหนือสุดอย่างฮอกไกโดลงมาถึงตอนกลางของประเทศอย่าง โทโฮคุ ราคาที่ได้คือจะไม่เสียค่าตั๋วเลย หรือถึงเสียก็จะน้อยมาก เป็นเพียงค่าภาษีต่างๆ แต่เอาจริงๆ บางทีช่วงเวลาโปรที่ออก ฝั่งสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสก็มักจะออกโปรมาเทียบแข่งกัน ทำให้ราคาส่วนต่างราว 1,000-3,000 บาททำให้เราเขวและลังเลได้ ถือเป็นกำไรของผู้ซื้ออย่างเราๆครับที่มีสิทธิ์ในการเลือก
- จองสั้นๆ ก็ราคาดีได้ ตามประสาคนใจร้อน แต่สายตาดีเป็นพิเศษ สำหรับวิธีนี้จำเป็นต้องเป็นผู้มีหูตาว่องไว และใส่ใจใน Social Media อย่างสูง จะต่างกับข้อแรกที่แค่รู้ช่วงเวลาก็สามารถวางแผนล่วงหน้าไกลๆ ได้ แต่ข้อนี้เหมาะกับคนรัก Social และมีตัง รอไว้เสมอสำหรับการท่องเที่ยว เพราะเมื่อไหร่ที่โปรมานั้นคือ ต้องพร้อมเปย์ ควักเงินได้ทันที (หรือควักบัตรก็ได้) สิ่งที่จำเป็นค้องติดตามเลย คือ เพจโปรทั้งหลาย
- เพจโปรคืออะไรเหรอ? เพจโปรคือเพจที่คอยหยิบโปรโมชั่นของสายการบินมาโพสต์บอกเสมอ โดยเฉพาะประเทศฮิตอย่าง ญี่ปุ่น แทบจะมีออกมาทุกวันก็ว่าได้ จากเพจเหล่านี้ ติดโปร ,arpae ,เพื่อนบอกโปร โปรโมชั่นทูยู ฯ เพจเหล่านี้เค้าจะไปหาข้อมูลมาสรุปให้เราได้อ่านกันง่ายๆ บอกราคาเสร็จสรรพ พร้อมวันจอง เรามารถจะตามไปกดlike เพื่อ FOLLOW เพจเหล่านี้ไว้ก่อนได้เลย รับประกันได้ราคาดีไม่แพ้ข้อแรก.แถมอาจจะยังหลากหลายสารการบินมากกว่าด้วย อ่อ ที่สำคัญอย่าพลาดซื้อประกันการตกเครื่อง ไฟลท์ดีเลย์ หรือกระเป๋าหายกันไว้ก่อนด้วย นะ เรื่องนี้ผมจะขอยกไปเขียนแนะนำในหัวข้อสุดท้ายจะแจกแจ้งละเอียดเลย
2.ที่พัก ราคาดีๆมีถมไปถ้ารู้จักหาโปรฯ
เมื่อได้ตั่วแล้ว มาถึงที่พักแล้วล่ะครับ
1.สำหรับช่วงเวลาที่จะไปมันก็มักจะเป็นช่วงคนเดินทางท่องเที่ยวเช่นเดียวกันกับเราหนาแน่น และราคาสูงเพราะมันคือช่วงเวลา High Season แล้วสิ่งที่ควรจะเตรียมเลยคือคล้ายๆ กันกับจองตั๋ว คือ ถ้าคุณอยู่ในคนประเภทข้อ 1
นี้ไม่ใช่ปัญหาของคุณ เพราะคุณสามารถเผื่อเวลาจองได้นานพอๆ กับจองตั๋วนั้นเอง ทำให้ยังไงก็ได้ราคาดีแน่ๆ แต่จะมีที่พักบางประเภท ที่จะยังไม่ปล่อยห้องให้เราจองจนถึงเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่จะราวๆ 3-6 เดือน ) คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นคนประเภทจองนานเช่นกัน เพราะงั้นไม่แข่งกันเองกับคนในไทยก็แข่งกับคนบ้านเค้านั้นเอง
ที่พักประเภทนี้ราคาจะไม่หนีห่างจากราคาจองใกล้ๆ นัก แต่อย่ากังวลไป เดี๋ยวผมจะบอกการหาทางลดราคาให้ในข้อถัดไป
2.1 จองใกล้หรือไกลก็ไม่มีผลมากนัก ถ้าคุณขยันหาส่วนลด หลักๆ อันนี้เป็นวิธีของผมคือการหาจาก เว็บจองทั้งหลาย ส่วนลดเหล่านี้จะมาจาก เว็บ OTA (Online Travel Agent) ทั้งหลาย เช่น Exepedia , Booking, Traveloka สองสามเว็บนี้จะเป็นเว็บที่ปล่อยส่วนลดตลอดเวลา อย่างน้อยต้องมี 10% ละ
อย่างตอนไปญี่ปุ่นครั้งล่าสุดของเรา สามารถ ใช้ส่วนลด 1,000 บาท จากเว็บ Booking.com สำหรับการจองครั้งแรกเท่านั้น โปรนี้จะดีตรงทีไม่ต้องสนใจว่าจะเดินทางช่วง High หรือไม่ High ใช้ลดได้เลย สำหรับรายละเอียดการใช้ส่วนลดนี้ ผมเคยเขียนไปแล้วใครสนใจก็กดอ่านวิธีการใช้ได้ตามนี้เลย http://bit.ly/2yayav7 สามารถใช้ได้เลยถ้าคุณยังไม่เคยใช้ส่วนลดแบบนี้มาก่อน ครับ
ส่วนของ Expedia จะรับส่วนลดได้ง่ายแต่ต้องมีบัตรเครดิต เช่น KTC จะลด 10% เสมอ โปรจะชื่อเปลี่ยนยังไงแต่เราจะได้รับส่วนลดนี้ตลอดนะเท่าที่สังเกตุ
และสำหรับ Traveloka ก็จะต่างไป จะขยันออกโปรถี่มากทุกๆ สัปดาห์ ถ้าเรา Follow เพจโปรทั้งหลายเอาไว้จะเจอโผ่ลที่หน้าเฟสบุ๊คเราตลอด โดยส่วนใหญ่จะให้ส่วนลด เริ่มต้น 7% และมีบางครั้งจะปล่อย 10%-15% ออกมาอันนี้ให้เราคอยสังเกตุอีกทีครับนานๆ จะมาให้สอยที
2.2 Airbnb มาถึงพศ.นี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเว็บที่รวมบ้าน และอพาร์ทเมนท์ หรือบูทีคโฮเทล Hostel เล็กๆ ทั้งหลายเอาไว้มากที่สุดในโลก การเลือกบ้าน AIRBNB ในญี่ปุ่นก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีมาก เพราะเราจะมีสิทธิ์เลือกที่พักจากทำเลที่ตั้งเป็นบ้านคนได้เลย ซึ่งบางที่ดีกว่าโรงแรมอีก เพราะเราอาจจะได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ญี่ปุ่นในอดีตสัก 1-2 ปีก่อน เคยมีปัญหากับบ้าน Airbnb อยู่พักนึง ปัจจุบันกลับมาใช้งานได้ปรกติแล้ว
3.การเดินทางในประเทศญี่ปุ่น
เรื่องการเที่ยวนประเทศญี่ปุ่นผมเคยเล่าไว้แล้วตอน 10 เทคนิคขับรถเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้ว http://blog.one22.com/archives/27829 สำหรับผมแล้วการเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น ถ้าให้ฟันธงจริงๆ ยังคงเป็นการขับรถเที่ยวดีที่สุดเช่นเดิม เพราะถ้าเราอยากจะแวะจุดไหนก็สามารถจะทำได้ ส่วนการใช้รถไฟทั้งหลายก็สะดวกและประหยัดได้จริงขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ pass ต่างๆ คนไทยทั่วไปเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นจะให้ความสำเคัญกับ JR Pass ก่อนเสมอ ซึ่งก็ถูกแต่ จากประสบการณ์ใช้ Pass บ่อยๆ พบว่าการซื้อ Pass ของบริษัทอื่นๆ บางครั้งก็ดีกว่าหากเส้นทางนั้นๆ บริษัทรถไฟเอกชนเค้าได้สัมปทานมาดีไม่แพ้กัน เอาเส้นฮิตๆ หลักๆที่คนไทยไปอย่าง ฟูจิ ปัจจุบัน ยังต้องพึ่งรถไฟ Local ต่อเข้าสู่สถานี Kawakuchiko อยู่นะครับ ซึ่ง JR Pass ไม่สามารถใช้ได้ หรืออย่างที่ผมเคยไป นาโกย่า จากสถานีสนามบินนาโกย่า มุ่งหน้าเข้าเมือง ก็ไม่ใช่ของ JR Pass เช่นกัน เพราะฉะนั้นจะซื้อ pass ทั้งหลายให้ศึกษาเส้นทางที่เราจะไปก่อนเสมอครับ เพราะราคาก็ไม่ใช่จะถูกเลย
4 . ความปลอดภัยคือหัวใจของการเดินทาง หากยังไม่เคยคิดว่ามันสำคัญ ต้องเริ่มมองใหม่แล้ว
ห้วข้อนี้อาจจะมาจากประสบการณ์ตรงหลายๆครั้ง เป็นเรื่องที่คนไทยมักจะหลงลืมไป หรือแม้แต่คนที่เคยไปประเทศนี้ แต่ยังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบครอบครัวเราลองอ่านกันดู ขอยกเคสมาเล่าให้ฟังสัก 2-3 เคสแล้วกันนะครับ
เคสที่ 1 เราไปเที่ยวญีปุ่นกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ปันยังเล็กๆ มาก แต่ด้วยความอยากไปมากของพ่อแม่ปัน เลยจัดทริปนั้นขึ้นมา แต่สุดท้ายแค่ครั้งแรก เราก็ ตกเครื่องแล้ว!!! ครั้งนั้นทำเอาปันร้องไห้ระงมลั่นสนามบิน สุดท้ายเราแก้ปัญหาด้วยการซื้อตั๋วขาไปใหม่ โดยคืนนั้นเราต้องเปลี่ยนมาบินไปลงฟูกุโอกะ แทนที่จะลงโอซาก้าเป็นที่แรกอย่างที่ตั้งใจ
เคสที่ 2 ยังไม่หมด เหตุการณ์ถัดมาจากทริปต่อๆมาคือเราพาปันไปโตเกียวครั้งแรก ระหว่างที่เที่ยกันอยู่จนค่ำและเข้าที่พัก ปันมีอาการปวดท้อง และมีไข้ ตอนกลางคืน เราจึงเอายูกยาที่เตรียมตัวไปให้กินดู สุดท้ายเกือบไม่หาย ตัวร้อนจนเช้าวันรุ่งขึ้น เราสองคนตัดสินใจจะพาไปหาหมอถ้าปันยังไม่หาย แต่สุดท้ายเช้าวันนั้นปันก็ดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
และเคสสุดท้าย คือ ระหว่างที่ครอบครัวเราไปเที่ยวฮอกไกโด และย้อนกลับมาเที่ยวกันต่อที่โตเกียว วันรุ่งขึ้นเราเช่ารถเพื่อพาปันไปเห็นฟูจิเป็นครั้งแรก แต่สุดท้ายรถที่เราเช่าไปเกิดอุบัติเหตุยางแบนกลางป่า กว่าจะหาคนมาช่วยได้เสียเวลาเกือบข้ามวัน และที่สำคัญวันรุ่งขึ้นเป็นวันกลับของเราอีกต่างหากกว่าจะกลับมาถึง โรงแรมก็เกือบเช้ากันเลยทีเดียว เรียกว่าเกือบจะตกเครื่องกลับไทยกันเลยครับ
ทั้งสามเหตุการณ์ ไม่ใช่ทั้งหมดที่ครอบครัวเราเคยเจอมากับประเทศที่สวยงามแห่งนี้เท่านั้นจริงๆ บ้านนี้เจอมาหนักกว่านี้ก็เคยไว้มีโอกาสจะหยิบมาแชร์ให้อ่านกันครับ อย่าลืมว่าทุกอย่างมีดีก็มีร้ายอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน เพราะงั้นนี้คือวิธีป้องกันและการแก้ไขที่ดีที่สุด
5.ก่อนเดินทางต้องมีประกันภัยการเดินทาง ติดตัวไปด้วยเสมอ
ทำไมจึงสำคัญ บอกเลยว่ามันสำคัญไม่แพ้การทำ passport หรือการซื้อตั๋วเครื่องบินยังไงยั้งงั้น หลังจากที่เล่าเหตุการณ์ให้ฟังไปเหตุการณ์ทั้งสามเกิดขึ้นใน 2 ทริป และทั้งสองทริปผมซื้อประกันภัยครอบคลุมแค่ทริปที่สอง ทำให้เห็นความต่างชัดเจน และถ้าว่ากันถึงประกันภัยที่ดีที่สุด ในพศ. นี้สำหรับใช้ในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ผมขอยกให้ Sompo เลย
ประกันภัยที่ครอบคลุมทุกอย่างแถมไม่ต้องจ่ายเงินหากเกิดเหตุในประเทศนี้ เคลมได้ทันที ไม่ต้องควักจ่ายซักบาท
ผมทำ ประกันการเดินทาง Sompo ตลอดในช่วงหลังๆ
ข้อดีของประกันภัยเจ้านี้ที่ผมใช้มาสองทริปหลัง เลยสรุปได้ตามนี้ครับ
- Sompo เป็นบริษัทประกันของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงการันตีดีมากในประเทศเค้า เพราะฉะนั้น เรื่องความแน่นอน ย่อมเชื่อถือได้ ที่สำคัญเครือข่าย สถานพยาบาลครอบคลุมทั่วประเทศแน่นอน มีโรงพยาบาลเยอะมาก ครอบคลุมทุกเมืองในญี่ปุ่น เท่าที่สอบถามเจ้าหน้าที่จากในแชทบอกว่ามี 200 กว่ารพ. แถมเกิดเหตุไม่ต้องจ่ายก่อนด้วย
- เป็นประกัน หนึ่งในไม่กี่เจ้า ที่เคลมได้เลย ไม่ต้องจ่ายก่อน อันนี้คือดีมาก เพราะจากประสบการณ์ที่เราเคยเจอมา การต้องควักตังก่อน แล้วค่อยกลับมาเคลมมันเสียเวลา และเสียดายถึงแม้จะรับได้ แต่ถ้าไม่ต้องจ่ายเลยอันนี้ดีมาก คือว่าง่ายๆ เข้าโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือข่ายเค้าได้เลยสบายใจ
- ตัวประกันมีหลายแผนให้เราเลือกได้ จะว่าไปความหลากหลายนี่ละทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก ตั้งแต่แผน A,B,B+,C (แผนนี้เราเลือกใช้ล่าสุด) คือไม่ว่าจะเลือกแผนไหนก็จะได้รับความคุ้มครองแบบไม่ต้องสำรองจ่าย แต่อย่าลืมเช็คแผนให้ตรงกับความต้องการของเราได้รับความคุ้มครองส่วนไหนบ้าง และตรงกับแผนไหน
- แผนที่เราใช้คือแผน C เป็นแผนที่ครอบคลุมทุกอย่างครบถ้วนหมด ทั้ง การตกเครื่อง อุบัติเหตุรถยนต์ คอมพิวเคอร์ถ้าพกไปแล้วเกิดเหตุหาย ก็มีวงเงินคุ้มครอง และที่สำคัญเป็นแผนที่คุ้มครองส่วนของการเช่ารถขับ
ปกติแล้วการเช่ารถขับในต่างประเทศจะบังคับให้ทำประกันรถไปด้วย แต่จะมีความเสียหายส่วนแรก (Rental Vehicle Excess) ที่ประกันรถเนี่ยจะไม่ได้คุ้มครอง ทางประกันเดินทางจะมาคุ้มครองในส่วนนี้ให้ ก็เลยคิดว่าแผน C ตอบโจทย์สุดๆ
- หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็สามารถจะปรึกษากับเจ้าหน้าที่คนไทยที่พูดไทยได้ ให้คำปรึกษาเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ อันนี้ดีมากครับ อย่างถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ 2 หรือ 3 กับเราแล้วมีคนให้คำปรึกษาปัญหาจะแก้ไขได้รวดเร็วขึ้นแน่นอน
สำหรับเราแล้ว ประกันเจ้านี้ทำให้ครอบครัวเรารู้สึกว่าปลอดภัย และใช้ได้จริง สามารถแก้ปัญหาที่เราเจอบ่อยๆได้ หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย http://bit.ly/2NNfnsG
พิเศษสุดๆ สำหรับลูกเพจ ONE 22 ทุกคน
ทาง SOMPO มอบโค้ดส่วนลด 10%
ในการซื้อประกันเดินทาง SOMPO
เพียงกรอกโค้ด ONE22FAM
วันนี้ – 31 ม.ค. 62
10 ท่านแรก SOMPO ใจดีแจกที่ห้อยกระเป๋าด้วยนะ
สามารถซื้อประกันเดินทางออนไลน์ได้ที่นี่เลย http://bit.ly/2NNfnsG
#แค่อยากพารู้จักใบไม้เปลี่ยนสี #one22family #sompo
สรุปง่ายๆ ก่อนเดินทางล้วนต้องมีแผนเสมอ
บทความนี้เราอยากจะรวบรวมจากประสบการณ์ที่เราเคยเจอมาหลายๆทริปหยิบมาเล่าให้กันฟังหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่จะถึงนี้ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นอีกฤดูที่คนไทยนิยมไปมากที่สุดเพราะทั้งความหนาวเย็น และความสวยชองใบไม้เป็นสีสันที่เกินจะห้ามใจ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณๆได้บ้างกับการเตรียมพร้อมท่องเที่ยว
หากชอบและสนใจฝากติดตามกันต่อได้ในอีก 1 ช่องทางที่เพจของเราครับ
กด Hashtag ด้านล่างได้เลย
#อยากรู้จักโลกกว้าง #one22family