หากเอ่ยถึง เรียวกังจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลย ก็ต้องญี่ปุ่นแน่นอน และ 6 เรียวกัง ห้ามพลาด! จาก Tohoku ถึง Nikko รอบนี้เก็บประสบการณ์มาจากทริปใบไม้แดงล่าสุดที่ไปมาเมื่อเดือนเศษๆนี่เอง เป็นทั้งความตั้งใจในทริป และเจตนาที่ฉันจะเฟ้นหาเรียวกัง+ ออนเซ็น ดีๆแจ่มๆไปนอนแช่ให้ได้ !
ทริปนี้ จึงจัดเต็ม จัดหนัก ไปเมืองไหนก็สอดส่องหาให้เจอ (แม้แต่เมืองที่หาจองในเว็บทั่วไปไม่เจอ ก็ยังอุตส่าห์ไปหาจากเว็บ ภาษาญี่ปุ่นจนได้..ดูสิพยายามสุดๆ) อ่อ ที่พักเรียวกังเหล่านี้ สามารถไปได้ทุกฤดูนะครับ ไม่เฉพาะใบไม้แดง บางที่เหมาะทั้งใบไม้ผลิ ใบไม้แดง ฤดูหนาว คือไปซ้ำที่ได้เลย เอาละตามผมมาดีกว่า
ที่สำคัญผมแนะนำวิธีการจองยังไงให้ถูกที่สุดไว้ด้านล่างด้วยแล้ว ลองค่อยๆอ่านกันลงไปนะ ตามมาเลยครับ
อย่างที่บอกไป ผมไปทริปใบไม้แดงมา 2 ภาค คือ ภูมิภาคคันโต คือ นิกโกะ (NIKKO) และภูมิภาคโทโฮคุโดยมีจังหวัดเหล่านี้เป็นเป้าหมาย อาโอโมริ (AOMORI),อิวาเตะ(IWATE),มิยางิ(MIYAGI),เซ็นได(SENDAI) อันเป็นแหล่งชมใบไม้แดงที่เยอะและสวยสุดของประเทศนี้แล้ว
คนญี่ปุ่นเองจะนิยมเดินทางไปเที่ยวชมกันมากที่สุด เพราะเป็นภูมิภาคแห่งป่าเขาโดยแท้ ซึ่งคนไทยเองมักจะไม่ค่อยได้ไปกัน ส่วนใหญ่จะรู้จักกันแต่ เมืองนิยมๆอย่าง โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ครับ และจะไปเที่ยวโซนนี้ จะให้ฟิน ให้มัน ให้หนุกหนานได้บรรยากาศสมกับไปญี่ปุ่น มันควรจะคิดถึงที่หลับที่นอนให้มันเข้ากับบรรยากาศป่าเขาที่สุดและ “เรียวกัง” คือคำตอบ
ขออธิบายนิยามของเรียวกังให้บางคนที่อาจจะงงว่า ผมหมายถึงอะไรให้รู้สักเล็กน้อยนะครับ “เรียวกัง” แปลตรงๆตัวคือ โรงเตี๊ยม/โรงแรม นั่นเอง ที่ญี่ปุ่นนอกจากการนอนโรงแรม( Hotel )/รีสอร์ท ( Resort ) แล้ว เรียวกังคือที่พักดั้งเดิมที่มีมานานของประเทศนี้และสามารถพบได้ตามแหล่งท่องเที่ยว ทั้งภูเขาและทะเล หรือตามแหล่งโบราณอย่างวัดวาอาราม เราสามารถหาที่พัก เรียวกัง ได้ไม่ยากเลย ปัจจุบันนี้พัฒนาการของ เรียวกังเองมีหลายระดับ ตั้งแต่ราคาถูกไปยันแพง แตะคืนละหลายๆหมื่นก็ยังมี ลักษณะโดยทั่วไป ที่ สังเกตุง่ายๆนะครับ
ห้องนอนจะมีลักษณะเป็นห้องโล่งว่าง ไม่มีเตียงแบบที่เราคุ้นๆในโรงแรมทั่วไป จะเน้นการนอนบนฟูกหนาๆ เรียกที่นอนแบบนี้ว่า “ฟุตง” จะปูลงบนพื้น ของใครของมัน สามารถเอาตัวเรายัดเข้าไปแล้วอุ่นมาก สำหรับเสื่อตาตามิ จะเป็นตัววัดขนาดและความกว้างของห้องพักไปพร้อมๆ กัน หน่วยวัดเค้าจะเรียกเป็น Jou ซึ่ง 1 Jou เท่ากับเนื้อที่ของเสื่อ Tatami ผืนหนึ่ง ปรกติจะมีขนาด กว้าง 90 cm X 180 cm โดยประมาณนั้นเองครับ แต่เราคงไม่ต้องลำบากเวลาจองครับ อันนี้บอกให้เป็นความรู้ความเข้าใจเฉยๆ เพราะหากเราจากผ่านเว็บจองที่พักใดๆก็ตาม เค้าจะคำนวนเป็นหน่วยสากล เช่นขนาดห้อง 40 ตรม.แบบนี้ละไม่ต้องห่วงนะ
เอาล่ะพอเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมครับ เรามาดูกันเลยว่าที่ผมไปพักมามีแบบใดบ้าง ตอนท้ายของแต่ละที่ผมจะแยกให้รู้ว่ามันสะดวกสบาย มีสาธารณูปโภค ครบถ้วนแค่ไหนให้ทราบด้วยนะครับไม่ต้องห่วง
ที่แรกอันเป็นจุดเริ่มต้นของทริปเลยก็ว่าได้นั้นคือที่เมืองนิกโกะ (NIKKO)ชื่อว่า “Annex Turtle HOTORI-AN ”
ผมเลือกที่นี่ เพราะง่ายๆเลยครับตัวโรงแรมอยู่ใก้ลชิดติดลำธาร อยากนอนฟังเสียงน้ำไหลเพราะๆตลอดคืน
ตัวโรงแรม จะอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆแค่มาถึงพบที่จอดรถก็เหมือนแทบจะรักแรกพบทันทีเลย (เว่อร์เนอะ 555)
เพราะแค่บริเวณที่จอดรถ ต้นไม้ใบหญ้าร่มรื่น ยิ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้แดง เลยยิ่งตื่นตาตื่นใจเข้าไปใหญ่
มาเข้าที่พักกันครับ เปิดประตูปั้บอากาศอุ่นๆ จากฮีตเตอร์ ปะทะทันที หนาวๆอยู่นี่ เหมือนสวรรค์เลย บรรยากาศภายในก็เรียบง่าย และเท่สไตล์ญี่ปุ่น
มองมาทางขวามือจะเจอบริเวณโต๊ะอาหารรับรองแขก
มองมาทางซ้าย คือที่นี่นอกจากทำห้องพัก ตัวเจ้าของเค้าเป็นศิลปินปั้นดินเผา
และผลงานก็เป็นงานเซรามิกสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ สวยงาม และแน่นอน ขายนะครับใครที่มาพักอยากได้ก็เลือกเอาเองตามอัธยาศัย
มาดูห้องพักกันบ้างครับ ห้องที่เราพักเป็นห้องแบบพัก 4 คน สนนราคารวมแล้วตกคืนละ 4,800 บาท ต่อคืน
ซึ่งราคานี้เราจองผ่าน เว็บไซต์ www.expedia.co.th
ทำให้ได้ราคาดี เดี๋ยวด้านล่างจะเขียนแนะนำวิธีการจองยังไงให้ได้ราคาดีๆไม่แพงและคุ้มค่านะครับ
ปูฟูกฟุตงหนาๆ ให้สองชั้น นอนกลางคืนอุ่นดีมาก มีฮีทเตอร์ให้พร้อมเสร็จสรรพ คือเปิดหน้าต่างมา เจอวิวริมลำธารแต่ก็ไม่กล้าเปิดละครับ เพราะมันหนาวมากกก ระดับ 6-7 องศาในช่วงเดือนตุลาคม
มาดูส่วนห้องน้ำก็จะเป็นแบบห้องน้ำในตัว ไม่ต้องห่วงขนาดก็มาตรฐานละครับ ไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบจนบิดตัวไม่ได้เหมือนโรงแรมในเมือง การจัดการห้องน้ำของญี่ปุ่นนี้ผมยกให้เลย สุดยอดมากๆ เค้าออกแบบมาดีจริงๆ อ่อน้ำอุ่นแรงมากไม่ต้องห่วงเช่นกัน
ที่สำคัญที่นี่มี ออนเซ็นนะเออ หนาวๆมานอนแช่น้ำร้อนสบายมาก วิวก็ดีงามมองออกไปเห็นลำธารในวิวที่สูงซักนิดสบายหูสบายตา
ขอให้คะแนนเองจากความคิดเห็นตัวเองล้วนๆเลยนะครับไม่มีมาตรฐานใดๆมาจากที่ได้ไปสัมผัสเองครับ
ทางไปจอง====> annex turtle one22
บรรยากาศโดยรอบ: 10/10
ออนเซ็น: มี/ฟรี
ความสะดวกสบายของห้องพัก (ที่นอน,ห้องน้ำ,ขนาด) : 9/10
ความสะอาด:9/10
การบริการของพนักงาน: 8/10
ฤดูที่เหมาะสม:ทุกฤดู โดยเฉพาะใบไม้แดงที่นี่สวยงามมาก และยังเหมาะสมมาเที่ยว
เพราะไม่ไกลจากโตเกียว สะดวกมาได้ทั้งรถไฟและขับรถเที่ยว
———————————–
มาถึงเรียวกังที่สอง “Ishiba Ryokan
อยู่ที่เมือง Hirosaki ในจังหวัด Aomori เหนือสุดของภูมิภาค Tohoku
ที่นี่เราเข้าพักเพื่อจะไปชมใบไม้แดงในสวนสาธารณะ Hirosaki Park สวนแห่งนี้กว้างมาก เอาว่าเดินกันแบบเร็วๆก็มี 1 ชั่วโมง แต่ถ้าไปเพื่อชมใบไม้แดง ในฤดูใบไม้ร่วง ก็ไม่ต้องพูดถึง ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละคนครับ
อย่างของผมนี่เกือบ 3 ชั่วโมงยังเดินกันไม่ทั่ว เพราะความตั้งใจคือไปเก็บภาพใบไม้แดง และที่นี่คือแหล่งรวมทั้ง เมเปิ้ล สนสามใบ แป๊ะก๋วย เหลืองๆแดงๆไปตลอดทางโอ้ยย แถมเดินชมในอุณหภูมิ 10-13 องศา บรรยากาศชิลเย็น สะใจมาก
เอ้าเดี๋ยวก่อนจะเล่าเรื่องที่พัก แว๊บมาเรื่องที่เที่ยวซะแล้ว กลับมาที่พักดีกว่านะ ที่จะพาไปชมเป็นที่พักไม่ไกลจากสวนสาธารณะเลยครับ เดินกันประมาณ 800 เมตรถึงแล้ว หรือจะปั่นจักรยานทางโรงแรมก็มีบริการนักท่องเที่ยวฟรี
เรามาถึงก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว เข้ามาภายในที่นี่บรรยากาศดูเงียบจนกังวลแต่พอไปถึงห้องพักแล้ว โอ้ววมันยอดมากทีเดียว ห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เหมาะจะพักกัน 2-3 คน รวมเด็กเล็กได้สบายๆครับ
ภายในปู ฟุตง ไว้เรียบร้อย นอนอุ่นและหลับสบายมาก มีทั้งแอร์และเครื่องทำความร้อนในตัว
มองออกไปนอกหน้าต่างเจอใบไม้แดงสะพรั่งไปทั่วแบบนี้เลิฟเลย ที่มุมด้านในมีชุดเก้าอี้นั่งไว้ให้ และมีอ่างล้างหน้าเล็กๆอยู่ด้วยกัน
มี LCD TV แต่ไงก็ไม่ได้ใช้อยู่ดีเพราะก็ฟังญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง
ห้องน้ำในตัวเช่นเดียวกับที่แรก แต่แยกเป็นห้องอาบน้ำฝั่งนึง พร้อมอ่างอาบน้ำขนาดมาตรฐานประเทศนี้ครับที่ต่างกันคือเป็นแบบอลูมิเนียม ฤดูนี้ไม่เหมาะจะลงไปเด็ดๆเพราะมันหนาวมาก อ่อมีน้ำอุ่นน้ำร้อนพร้อมบริการเช่นกัน
ห้องน้ำแบบปรกติ ทันสมัยมากตามสไตล์ฝานั่งอัจฉริยะ ต้นตำรับประเทศนี้เช่นกัน สะดวกและอยากเอามาใช้ที่บ้านมากมายครับ
ถ้าเราอยากแช่ออนเซ็นที่นี่จะไม่มีนะครับ แต่ ชดเชยด้วยห้องอาบน้ำขนาดใหญ่แบบแยกชาย/หญิงที่พร้อมบริการ ถือเป็นเซ็นโต (ห้องอาบน้ำสาธารณะแบบที่พบเห็นทั่วๆไปในญี่ปุ่น) ที่น่ามาแช่ได้เลย ไม่ได้ให้บริการคนข้างนอกแต่บริการเฉพาะแขกเท่านั้นครับ
บรรยากาศยามเช้านี่สวยงามมากๆ ในฤดูใบไม้แดงแบบที่ผมไป มองจากห้องพักเห็นสวนสวยๆได้เลย
ที่สำคัญเจ้าของดูแลเอง และพูดอังกฤษดีมากๆเลย แนะนำเส้นทางได้หมดทั้งอาหารและที่เที่ยว ถือเป็นที่พักห้ามพลาดที่สุดของเมืองนี้หากต้องการมาชมใบไม้แดงหรือในฤดูใบไม้ผลิ สวนแห่งนี้ก็ยังมีดอกซากุระบานให้ได้ชมเช่นกัน ดีงามทุกฤดูกาลครับ
พูดถึงเมือง Hirosaki นี้มีของดีมากมายที่เด่นดังที่สุดคือ แอบเปิ้ล ครับ
แอบเปิ้ลที่นี่ลูกใหญ่มโหฬาร ที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา ที่สำคัญแอบเปิ้ลที่นี่ส่งออกทั่วประเทศเค้ามากที่สุด บางลูกใหญ่เกือบเท่าหน้าเราเลย ที่สำคัญรสชาติอร่อยหวานมาก กัดเข้าไปนี่ช่ำปากมาก ใครมาที่เมืองนี้นอกจากใบไม้แดงแล้วห้ามพลาดมาซื้อกลับบ้านไปทานกันดูนะครับ
ทางไปจอง====>ishiba_one22
บรรยากาศ/ความสวยงามโดยรอบเรียวกัง: 10/10
ออนเซ็น/ราคา:ไม่มี แต่มีห้องแช่แบบเซ็นโต แยกชายหญิงขนาดกำลังดี/ฟรีบริการเฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น
ความสะดวกสบายของห้องพัก (ที่นอน,ห้องน้ำ,ขนาด) : 9/10
ความสะอาด:9/10
การบริการของพนักงาน: 10/10
ฤดูที่เหมาะสม:ทุกฤดู โดยเฉพาะใบไม้แดงที่สวนสวยงามมาก และในสวนมีปราสาท HIROSAKI CASTLE เสียดายที่เราเข้าไปไม่ได้เพราะอยู่ในช่วงปิดปรับปรุงพอดีเลย จินตนาการเองว่าหากขึ้นไปด้านบนได้เราจะเห็นใบไม้แเดงสวยงามขนาดแน่ๆ
———————————–
มาถึงลำดับที่สามกันแล้ว “Aoni Sanso “
อยู่ที่เมือง TAKANO จังหวัด AKITA อยู่ในภูมิภาค TOHOKU อีกเช่นกันครับ สำหรับที่นี่เรามาเพื่อจะไปชมใบไม้แดง และมานอนแช่ออนเซ็น ที่ NYUTO ONSEN หมู่บ้านเล็กๆที่แอบซ่อนตัวในหุบเขาลึก แต่กลับมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และชาวญี่ปุ่นด้วยกันเองไปกันเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถจองได้โดยง่ายโดยเฉพาะในช่วงเดือนแห่งใบไม้แดงแล้วด้วย ทำให้เราต้องหาที่ใกล้และที่นี่ก็ใกล้สุด (ในช่วงที่เราจอง)แล้วก็ยังห่างอีกราวๆ 10 กว่ากิโลเมตร แต่ใช่ว่าที่นี่จะไม่มีดี มาดูกันเลยครับ
เข้ามาภายในประทับใจตั้งแต่แรกพบเช่นกัน จะมีห้องโถงรับแขกที่ให้บริการแขกมานั่งสนทนา
และมีเก้าอี้เอนหลังขนาดกำลังดีไว้บริการหลายตัวทีเดียว
กว่าเราจะเข้ามาก็มืดอีกแล้ว(แทบทุกทีมาถึงเอามืดเลยครับ) ห้องพักพร้อมบริการ ขนาดเหมาะกับนอนแค่ 2 คนหากมีเด็กเล็กมาด้วยยังพอไหวก็ต้องร่วมฟุตง กับใครสักคนครับ ตัวห้องพักมีหน้าต่างมองเห็นวิวได้จากทุกๆห้องเข้าพัก
ภายในก็มีบริการทั้งแอร์และเครื่องทำความร้อน แต่เท่าที่คุยกับทางโรงแรมไม่แนะนำให้เปิดทิ้งไว้ทั้งคืน ตัวเครื่องเหมือนจะตัดอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้ แต่เอาจริงๆคือผมก็เปิดทิ้งไว้ทั้งคืนไม่ได้เป็นอะไรนะครับ
ห้องน้ำที่นี่จะเป็นแบบรวม แต่ก็สะอาดสะอ้านดี ห้องอาบน้ำจะแยกกับห้องส้วม แต่ผมไม่ได้อาบเพราะตั้งใจจะไปใช้ที่ NYUTO นั้นเองครับ
สำหรับห้องส้วมเป็นแบบฝานั่งอัจฉริยะเช่นกัน แต่ค่อนข้างจะแคบสักหน่อยนะครับ คือเข้าไปปิดประตูนี่พอดีกับตัวเลย ขยับซ้ายขวาไม่ได้มากนัก แต่ก็สะอาดดีครับ
มาถึงบรรยากาศโดยรวมด้านหน้าโรงแรมจะมีต้นเมเปิ้ลกำลังออกสีสันแดงสดสลับกับเหลือง สวยงามมาก ที่สำคัญรอบๆมีต้นแป๊ะก๋วยสีเหลืองมาตลอดทาง และยามเช้าเราก็สามารถนั่งหม่ำมื้อเช้าพร้อมๆกับชมวิวได้เลย
ยิ่งตรงบริเวณห้องรับแขกด้านล่างจะมีโต๊ะกลางที่เราแอบเอามาใช้บริการมื้อดึกที่ไปช้อปปิ้งจาก ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆกันมานั่งกินกันด้วย เช้ามาบรรยากาศสวยงามเพราะมองเห็นใบไม้แดงจากตรงนี้ได้เลย สวยงามสุดๆครับ คือยกให้ เลย
จุดเด่นอีกอย่างคือที่นี่มีบริการ ออนเซ็นนะครับเป็นบ่อรวมแบบบแยก ชาย/หญิง บ่อน้ำแร่ขนาดใหญ่ดีเลยทีเดียว ตัวน้ำแร่สีเขียวเทอร์คว๊อย สวยมากน้ำก็ร้อนดีเลย แนะนำๆจริงๆขับรถตะลุยมาไกลแล้วได้มาแช่น้ำแร่ร้อนๆนี้มันสุดยอดเลยจริงๆ
ทางไปจอง====> aon_one22
บรรยากาศ/ความสวยงามโดยรอบเรียวกัง: 9/10
ออนเซ็น/ราคา:มี แยกชายหญิงขนาดใหญ่สามารถแช่กันหลายๆคนได้พร้อมกัน/ฟรีบริการเฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น
ความสะดวกสบายของห้องพัก (ที่นอน,ห้องน้ำ,ขนาด) : 8/10
ความสะอาด:9/10
การบริการของพนักงาน: 9/10
ฤดูที่เหมาะสม:.2 ฤดู โดยเฉพาะใบไม้แดงกับฤดูหนาว เพราะสวยทั้งใบไม้แดงรอบๆโรงแรมจะสวยงามและไม่ไกลจาก Nyuto Onsen ถ้าคุณๆจองที่นั้นไม่ได้ที่นี่ก็โอเคมากเช่นกัน ส่วนฤดูหนาวหิมมะโปรยยิ่งสวยงามครับ
—————————————-
มาถึงลำดับที่สี่ “Aone Onsen Okazaki Ryokan”
อยู่ในเมือง KAWASAKI ในจังหวัด MIYAGI ในบรรดาเรียวกังที่ผมประทับใจที่สุด ที่นี่ผมยกให้เป็นที่สุดของที่สุดในทริปนี้ โดยเฉพาะด้านการบริการและห้องพัก เรามาพักที่นี่เป็นที่สุดท้ายก่อนจะกลับเข้าเมือง เซนได (SENDAI) เมืองสำคัญที่สุดในทุกๆด้านเปรียบไปก็เหมือนเมืองหลวงแห่งภูมิภาคนี้นั้นเองครับ เสน่ห์ที่สุดของห้องพักที่นี่คือ ห้องพักที่อยู่ในวิวทิวเขางดงามเป็นฉากหลัง
ตัวที่พักเองก็อายุอานามหากเปรียบเป็นคนก็คือ คุณย่าแสนใจดีก็ว่าได้เพราะอายุถึง 96 ปีแล้ว
แต่ไม่ต้องห่วงว่าที่นี่จะแลดูเก่าตามขวบปี เพราะเจ้าของปรับปรุงดูแลให้ใหม่เสมอ และยังมีถึงสองอาคาร การตกแต่งก็ให้บรรยากาศสวยงามตามแบบบ้านโบราณแต่ผสมผสานความทันสมัยไว้ครบ
ที่สำคัญยังเชื่อมอาคารทั้งสองหลังไว้ด้วยทางใต้ดินที่ขุดไว้ใต้ถนนที่เก๋สุดๆทีเดียว
มาดูห้องพักกันครับ เราพักแบบห้อง 2 คน ตัวห้องพักจะเป็นแบบมาตรฐานที่พิเศษคือ การตกแต่งผสมกันระหว่างความทันสมัยและความดั่งเดิมของตัวบ้านไว้อย่างสวยงามน่าพักมาก
ภายในมีเก้าอี้ให้เอนหลังได้ ตัวที่พักจะไมไ่ด้มีห้องอาบน้ำในตัวนะครับ แต่มีห้องส้วมในตัวครับ
และแน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยคือ ออนเซ็นนั้นเอง คือดีงามมากๆคือนอกจากมีบ่อรวมแบบแยกชายหญิงแล้ว ยังมีแบบส่วนตัวให้แขกสามารถจองแช่กันได้ด้วย
ตัวบ่อรวมเองก็ค่อนข้างดีมาก สามารถชมวิวไปแช่น้ำพุร้อนไปพร้อมๆ กันได้เลย โดยเฉพาะช่วงใบไม้ปีสีแบบที่ผมไป มันงดงามสุดๆทีเดียวครับ
ที่มีเสน่ห์ติดใจอีกอย่างคือการที่บริเวณโถงของโรงแรม จะทำเป็นเตาผิงไฟสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ให้เรานั่งเล่นจิบน้ำชาได้
การตกแต่งก็หยิบเอาตุ๊กตาไม้ที่สามารถพบเห็นได้ในเขตจังหวัด MIYAGI แห่งนี้ได้ไม่ยากมาใช้ตกแต่งด้วย ทำให้มีเสน่ห์สวยงามเข้าไปอีกครับ
ถือเป็นการมาพักเรียวกังที่ปิดทริปได้อย่างสวยงามลงตัวที่สุดของผมและชาวคณะทีเดียว
และสาเหตุที่ทำให้เราประทับใจจนต้องยกให้ที่นี่เป็นที่สุดของเรียวกังในทริปนี้คือการบริการของ พนักงานครับ
คุณอาจจะเคยเห็นในหนังญี่ปุ่นกันมาบ้างว่า เรื่องการให้เกียรติและเคารพกันของคนญี่ปุ่นจะสูงมาก และเราก็ขอเพิ่มเติมคะแนนเต็มสิบให้กับที่นี่ในด้านความใสใจและบริการของพนักงานที่เค้าพร้อมจะช่วยเหลือตลอดเวลา
การโค้งคำนับอันสวยงามเรามาพบเจอกับที่นี่ ยิ่งเราขอให้บริการอะไรจะกุรีกุจอเร่งแบบ “วิ่ง” ใช้แล้วครับเข้าใจไม่ผิด ผมขอน้ำเค้าจะวิ่งครับ วิ่งไปเอาน้ำมาเสริฟพร้อมกับรอยยิ้มจนเราต้องเกรงใจ และบอกเลยนะครับ ไม่ได้ทำเพื่อหวังทิบจากเรา เพราะเป็นวัฒนธรรมของที่นี่อยู่แล้วจะไม่รับทริบแต่อย่างใด นี่คือเรียวกังในฝันสำหรับผมเลยครับ
ทางไปจอง====> Aone_Onsen_one22
บรรยากาศ/ความสวยงามโดยรอบเรียวกัง: 10/10
ออนเซ็น/ราคา:มี แยกชายหญิงขนาดใหญ่มีทั้งแบบส่วนตัวและแยกส่วนตัว /ฟรีบริการเฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น
ความสะดวกสบายของห้องพัก (ที่นอน,ห้องน้ำ,ขนาด) : 9/10
ความสะอาด:10/10
การบริการของพนักงาน: 10/10
ฤดูที่เหมาะสม:ใบไม้แดง สวยที่สุด
—————————————–
ลำดับที่ห้า “Kuroyu Onsen”
สำหรับเรียวกัง+ออนเซ็นสาธารณะ ที่ใครก็มาพักมาใช้บริการได้ “NYUTO ONSEN” คือชื่อของหมู่บ้านแห่งเรียวกัง+ออนเซ็นที่ฮิตและดังที่สุดในจังหวัด AKITA อาจจะดังที่สุดในภูมิภาค TOHOKU อีกเช่นกันครับ
จะว่าไปตัว NYUTO ONSEN เป็นชื่อหมู่บ้านแห่งออนเซ็น แบบดั่งเดิมที่อยู่กันมาเป็นร้อยปีแล้ว เรียวกังทั้งหมด 8 แห่ง แทรกตัวกระจายอยู่ในหุบเขาลึกและไกลจากแสงสีทั้งหลาย จนถูกขนานนามเป็น ออนเซ็นแห่งความลี้ลับ (secret or hidden onsen)
นอกจากที่ตั้งของออนเซนจะเดินทางลำบากลำบนแล้ว สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์จนทำให้การเดินทางมาแบบสารพัดต่อคือ นั่งรถไฟ มาต่อรถบัสขึ้นเขา และสุดท้ายมีรถแวนหรือรถของหมู่บ้าน พาไปอีกต่อ จึงทำให้ที่นี่ยังคงมีมนต์เสน่ห์ชวนค้นหาเป็นหนึ่งในสองที่ มีโอกาสมาแช่ออนเซ็นแต่ไม่ได้เข้าพักทั้งคู่ครับ
ที่นี่จะเป็นทีๆลึกที่สุดของทั้ง 8 แห่งและก็ยอดนิยมไม่แพ้ทุกแห่ง
ความพิเศษที่ทำให้ผมต้องมาเยือนคือ ออนเซ็นนั้นล่ะครับ น้ำพุร้อนที่นี่อยู่ในหุบเขา สามารถนั่งนอนแช่ชมวิวทิวเขาสวยงามและในฤดูอย่างใบไม้แดงแบบนี้ความสวยงามคูณ 10 กันเลย
ที่พิเศษจริงๆคือบรรยากาศ เสน่ห์บ่อน้ำพุร้อนที่ยังครุกรุ่นทั้งในแบบคนสามารถลงไปแช่กันได้ ที่มีบริการทั้งแบบกลางแจ้ง และในร่ม
ตัว เรียวกังเองก็ สวยงามอยู่ในมุมที่มองลงมาจากหุบเขา
ยิ่งในบรรยากาศใบไม้แดงด้วยแล้วสีสันตรงหน้าช่วงมองยิ่ง
ส่วนภูมิทัศน์โดยรอบที่มีบ่อน้ำพุร้อนที่ยังคุกรุ่นโดยรอบก็ยิ่งทำให้วิวที่นี่สวยงามไม่แพ้ที่เหลือเลย เผลอๆผมกลับชอบที่นี่มากที่สุดกว่าอีกทีๆฮิตมากๆสำหรับทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นเองก็ตามครับเดี๋ยวรออ่านในลำดับสุดท้ายนะครับ
ผมมีโอกาสเข้าไปชมด้านใน แต่ไมไ่ด้พักนนะครับ ที่นี่จองยากมากไม่แพ้ใครเลย ต้องเผื่อเวลาการจองไว้ล่วงหน้าหากอยากจะมาพักที่นี่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 60 วันนะครับ
ห้องพักมีห้องน้ำในตัว และแยกส่วนกันระหว่างห้องอาบน้ำ กับห้องส้วมและทันสมัยเพราะใช้ฝานั่งอัจฉริยะในแบบรุ่นใหม่เช่นกัน
ความน่ารักของที่นี่ก็ต้องยกให้บริการเลย เพราะเจ้าของเป็นการเองมาก ผมจะพบรอยยิ้มพิมพ์ใจจากใบไม้ของเค้าแทบตลอดถือเป็นคนญี่ปุ่นยิ้มง่ายสมกับการบริการในแบบเรียวกังจริงๆ
ทางไปจอง====> http://goo.gl/PP5MD8
บรรยากาศ/ความสวยงามโดยรอบเรียวกัง: 10/10
ออนเซ็น/ราคา:มี แยกชายหญิงขนาดใหญ่แบ่งเป็นแบบกลางแจ้งและในร่ม /ฟรีบริการเฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น แต่เป็นแขกมาแช่น้ำพุร้อนจะมีเรทคือ 510 yen ทั้ง ผู้ใหญ่ และเด็ก
ความสะดวกสบายของห้องพัก (ที่นอน,ห้องน้ำ,ขนาด) : 9/10
ความสะอาด:10/10
การบริการของพนักงาน: 10/10
—————————————
ลำดับสุดท้าย และ Tsurunoyu Onsen
เป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ อยู่ในหมูบ้าน ” NYUTO ONSEN” เช่นกัน อายุอานามไม่มากไม่มายแค่ 300 ปีกว่าๆเองจ้า
จุดเด่นที่สุดของที่นี่คือบ่อน้ำพุร้อนที่มีแบ่งกันทั้งแบบกลางแจ้งถึง 4 บ่อ โดยแยกชายและหญิงกัน การมาแช่น้ำพุร้อนที่นี่พิเศษสุดก็ตรงความเข้มข้นของแร่ธาตุที่ทำให้สีของน้ำในบ่อเป็นสีเทอคว๊อยเขียวเข้ม ตัดกับสีใบไม้แดงด้านหลังของบ่อดูสวยงามเกินบรรยายจริงๆครับ
และรู้ไหมครับคุณสามารถมาแช่น้ำพุร้อนที่นี่ได้ในราคาแค่ 500 yen เท่านั้นครับ
ที่นี่ก็ฮิตจนคิวจองที่พักเต็มยาวล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือนในฤดูใบไม้แดง เพราะงั้นใครจะมาที่นี่แนะนำให้วางแผนล่วงหน้าเยอะๆหน่อยไม่งั้นคุณจะไม่มีห้องพักให้นอนแน่ๆครับ
ทางไปจอง====> http://goo.gl/zb6Bh9
บรรยากาศ/ความสวยงามโดยรอบเรียวกัง: 10/10
ออนเซ็น/ราคา:มี แยกชายหญิงขนาดใหญ่บ่อ กลางแจ้งสวยงามที่สุดแห่งนึงของประเทศนี้ และมีบ่อในร่มด้วยเช่นกัน /500 yen สำหรับผู้ใหญ่ 300 yen สำหรับเด็ก เปิดตั้งแต่ 10AM-15PM
ความสะดวกสบายของห้องพัก (ที่นอน,ห้องน้ำ,ขนาด) : – (ไม่ได้พักแต่เท่าที่สังเกตุดูจากห้องที่เข้าไปชมสะอาดและขนาดเหมาะกับ 2คนเป็นหลัก)
ความสะอาด:9/10
การบริการของพนักงาน:-(ไม่สามารถประเมินได้ เพราะไม่ได้พักนั้นเอง แต่กับพนักงานที่บริการออนเซ็นก็ถือว่ามาตรฐานนะครับ)
หมดแล้วละครับ สำหรับที่พักอย่าง เรียวกัง ที่ผมมีโอกาสได้เข้าพักตลอดทั้งทริปนี้ การมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยเลือกวิธีการเดินทางแบบขับรถเที่ยว เหมือนเป็นฝันที่ทำให้เป็นจริงได้สำเร็จ และฝันที่สองที่มันเกิดขึ้นไปพร้อมๆกันคือการได้เลือกและพักเรียวกัง พร้อมแช่ออนเซ็น ก็ยิ่งทำให้ฝันซ้อนฝันเข้าไปอีกครับ
ตลอดเวลาที่พักเรียวกังทั้งหมดผมได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดทริปนี้ และการจองที่พักตลอดทริปนี้ได้จากเว็บ EXPEDIA.CO.TH ทุกคนสามารถเลือกและค้นหาทั้งหมดนี้ได้จากในเว็บนี้ครับ ยกเว้นแค่ 2 ที่สุดท้ายเพราะสองที่นี่ต้องจองตรงกับเว็บของเรียวกังเลย เท่านั้น
——————————————————————
วิธีการจอง ที่พักผ่าน expedia ยังไงให้คุ้มและประหยัดที่สุด
ปรกติเวลาจองที่พักของคนยุคนี้ คือเราจะ Search หาจากเว็บทั้งหลายคือ AGODA,BOOKING,EXPEDIA ฯลฯ อะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ ทั้งสามตัวที่ผมบอกเป็นที่ฮิตและนิยมสุดๆ และแต่ละเว็บโรงแรมก็จะมีราคาใกล้เคียงกันหรืออาจจะเท่าๆกันเลย แต่เฉพาะตัว Expedia จะมีดีกว่า สองตัวแรกอยู่ ตรงโปรโมชั่น+คะแนน Expedia Plus นั้นเอง
เอาจริงๆเมื่อก่อนตอนที่ Expedia ยังไม่เปิดในเมืองไทยย้อนไปหลายปีหน่อย (บ่งบอกวัยมาก.. ) ในกระทู้พันทิบเอง เราจะมีกระทู้อยู่แบบนึงที่จะชอบมาตั้งจนโหวตให้ติดกระทู้แนะนำกันทุกเดือนคือ กระทู้แจก Code ส่วนลดที่ไปหากันมาแล้วเอามาแจกใช้กันเพื่อจองที่พัก แต่หลังจาก ExpediaTH เปิดขึ้นมากระทู้แบบนั้นก็หายไปเพราะ Code ส่วนลดที่เคยใช้ได้เอามาใช้จองกันใบประเทศไม่ได้แล้วเลยหายไปนั้นเองครับ แต่ปัจจุบันนี้ เรามีอีก วิธีที่ผมอยากแนะนำและเป็นวิธีที่ง่ายมากใครทำก็ได้ทั้งนั้นลดได้จริงๆ มาดูกันเลย
วิธีแรก
จองกับโปรโมชั่นตรงนั้นเอง หลักๆ Expedia จะออกโปรไม่หยุดในแต่ละเดือน เวลาเราเห็นโปรบ่อยจนชิน เราก็อาจจะเฉยๆ ไปถูกไหมครับ แต่จริงๆโปรของ Expedia ที่น่าสนใจ ไม่ว่าชื่อโปรจะเป็นอะไรก็ตาม แต่อยากให้สังเกตุให้ละเอียดว่าเป็นโปรแบบแยกบิน แยกที่พัก หรือเป็นโปรแบบ ตั๋ว+ที่พัก ถ้าเป็นแบบหลัง กดเข้าไปดูได้เลยครับ เพราะทุกๆแบบของการจอง โปรแบบนี้ราคาจะถูกที่สุดเนื่องจาก เว็บจองทั้งหลายในโลกนี้ เค้ากินค่าคอมมิชชั่นทั้งนั้น เพราะงั้นไม่ว่ายังไงส่วนลดที่เอามาลดก็คือเค้าแบ่งค่าคอมฯมาให้เราใช้ลดราคานั้นเอง
และการรวมค่าคอมจากทั้งสายการบิน+ที่พักก็เท่ากับว่าเค้าหยิบค่าคอมฯจากทั้งสายการบินและที่พักมาให้เราใช้ แบบนี้เราจึงได้ราคาดีๆกว่าโปรแบบแยกนั้นเองครับ งงกันไหมเนี่ย สรุปง่ายๆผมแนะนำให้ทุกคน เวลาจองโปรของ Expedia ให้ดูโปรแบบ รวมทั้งสองอย่างไว้ก่อนก็จะได้ส่วนลดมากเป็นพิเศษสังเกตุตัวอย่างดูนะครับ
โปรล่าสุด(ธค.2558) —– >> http://bit.ly/ExpediaBG22
โปรนี้แนะนำเลยหากจะบินด่วนๆ เที่ยววางแผนไม่ไกลมากเพราะบินได้ถึงเดือน กพ. จองได้ตั้งแต่ วันนี้ไปจนถึง 12 มค. 2559 บินได้ถึง 28 กพ 2559
ผมลองดูโดยการทดลองกดจอง เพื่อเช็คราคาว่าลดจริงไหมโดยทำการเลือกที่พักเฉยๆ เพื่อเช็คราคาก่อน จะเป็นตามภาพ คือ 3 วัน 2 คืน ที่ไอบิส โตเกียว ชินจูกุ
ราคาจะเป็น 10,594.04 บาท
และสุดท้ายเพื่อการเปรียบเทียบ ผมลองเปลี่ยนมาจองผ่าน โปรนี้ดูว่าจะลดหรือไม่ ก็กำหนดวันเดิมครับ และเริ่มจอง
ขั้นแรก ระบบ Expedia จะเลือกเที่ยวบินที่ถูกที่สุดให้เราก่อน ซึ่งหากเราไม่ชอบเวลาบินนั้นๆก็มาแก้ไข และเลือกเองได้
ขั้นต่อมา หลังกดจองเข้าไปแล้ว ดูตรงเที่ยวบินด้านล่างตามภาพเห็นไหมครับจะขึ้น 0 บาท สังเกตุในกรอบสีเขียว คือหมายความว่าราคา 18,312 บาท ได้รวมเที่ยวบินนี้ไว้แล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ขั้นสุดท้าย ถ้าเราเปลี่ยนเที่ยวบิน มาเป็นด้านล่างจะขึ้น + 1,535 บาท นั้นแปลว่าหากเปลี่ยนเที่ยวบินก็เพิ่มเงินไปตามนี้นั้นเอง เอาล่ะผมเลือกไม่เปลี่ยนนะครับและกด เลือก ต่อ
ตามภาพ เราจะได้ส่วนลดทันที เห็นไหมครับ และถูกกว่า 2 เจ้าแรกเห็นๆ ระบบจะแจ้งให้ทราบเลยว่าเราเลือกจองกับโปรนี้มาได้ส่วนลด เป็นเงิน 595.64 บาท นั้นเอง
ที่สำคัญคือ เราจะได้ point เอามาแลกใช้เป็นเงินสำหรับจองที่พักอีกครั้งได้อีก อันนี้เป็น Benefit ของ สมาชิกเท่านั้น ซึ่งตอนจอง ก็อยากแนะนำให้สมัครสมาชิกเพื่อเอาแต้มจากการเป็นสมาชิก Expedia Plus มาใช้สะสมเป็นส่วนลดเงินสด เพื่อจองที่พักต่อได้อีกนั้นเองครับ สนใจเกี่ยวกับการรับแต้มเพื่อใช้เป็นส่วนลด ลองเข้าไปอ่านในนี้ดูนะครับเข้าใจไม่ยากนะผมว่า http://bit.ly/ExpediaBGPLUS
——————————————————–
วิธีที่สอง
หา code นั้นเองครับ
วิธีนี้ดูธรรมดาที่สุดแต่ได้ผลมากที่สุด คือเราต้องมี บัตรเครดิตรครับ อย่างในภาพจะเป็นร่วมกับ KTC Credit Card คือตอนนี้ Expedia ออกโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต ktc
แค่เราเอาเลขบัตรมากรอก ก็จะออก Code ออกมาให้ แล้วเราก็เอา Code นี้ไปใช้ลดราคาได้ 10% นั้นเองครับ ใครสนใจก็ตาม link นี้ไปนะได้ถึงแค่ 31 ธค 2558 นี้เท่านั้นครับ และเดินทางได้ไม่เกิน 31 มีนาคม 2559 นั้นเองครับ ทางไปเอาส่วนลด —–> https://goo.gl/uF6pBj
จบแล้วครับหวังว่าทั้งที่พักและเคล็ด(ไม่)ลับที่เอามาใช้เป็นตัวช่วยส่วนลดในการหาที่พักได้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนนะครับ ทริปใบไม้แดงที่ผ่านมาสร้างความประทับใจมากมายจนผมเองติดใจ และอยากกลับไปอีกจริงๆ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ และสามารถเที่ยวมันได้ทุกฤดูกันเลย ไม่แปลกที่คนไทยหลังปลดล็อกวีซ่าทำให้ทะลักไปกันทั้งปี บ่งบอกถึงความนิยมได้อย่างดีครับ
รีวิวพาเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุมาแล้วนะครัช เชิญทัศนาแหล่งชมใบไม้แดงกันได้เลย เชิญ!!!!
4 Comments
Thitipong Kingkaeo via Facebook
เจ๋ง ๆ ได้ไป Nyuto onsen ด้วย
Angy Ktc via Facebook
Ktc Yang
Bundit Poolsup via Facebook
Kloy Hathai
Pingback: 13 วัน 5 จังหวัด 1,300 กิโลเมตรขับรถไล่ล่าใบไม้เปลี่ยนสี Japan!