สวัสดีครับ วันนี้ one22.com จะขอเปลี่ยนบรรยากาศพามาหา อาหารญี่ปุ่น อร่อยๆในเมืองหม่ำกัน หากจะว่ากันจริงๆแล้ว อาหารญี่ปุ่นในบ้านเราคนไทยนิยมกันแทบเกือบทุกประเภทของเค้า จะเป็นเมนูใดๆที่เป็นของญี่ปุ่น บ้านเรามีไม่น้อยหน้าประเทศแม่เค้าเลย ทั้งซูชิ ปลาดิบ ราเม็ง ชาบู ฯลฯ และอีกมากมายเกินจะสาธยายได้หมด และจะดีแค่ไหนหากจะมีที่ๆนึงรวมอาหารหลากหลายแนวของ อาหารญี่ปุ่น มารวมไว้ที่เดียวกันแบบไม่ต้องตระเวณกินให้เสียเวลา และวันนี้ครอบครัว one22 ขออาสาพามา เมืองอาหารญี่ปุ่น ในย่านที่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่าง เส้นเลียบ เอกมัย-รามอินทรา กับ “Hako Town ” จะเป็นยังไงมาตามไปเที่ยวกับบ้านเรากันนะครับ ^ ^
การเดินทางมา เมืองอาหารญี่ปุ่น Hako Town มาไม่ยากเลย อยู่บนเส้นเลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา หากวิ่งมาจากทางเอกมัย ให้วิ่งมาสุดทางที่แยกเกษตร-นวมินทร์ แล้ว U-Turn กลับมาอีกไม่เกิน 500 เมตรชิดซ้ายไว้จะเจอ Hako Town ที่ตั้งอยู่ติดชิดริมถนน อยู่ก่อนถึงปั้ม Esso หาไม่ยากครับ
หลังจอดรถเดินเข้ามาเจอน้องแต่งชุดกิมโมโนต้อนรับอยู่ น่ารักทั้งคนทั้งชุดเลยเชียว ^_^
มุมน่ารักที่ทำให้เด็กๆรวมถึงเด็กยักษ์ติดใจเป็นจุดแรกไม่ใช่มุมอาหารหรือขนมแต่อย่างใด กลับเป็นของเล่นที่ทางร้านนำมาตกแต่ง เนื่องจากที่ Hako Town จะจัดงานทุกๆสัปดาห์สลับกันไป
อย่างช่วงที่ไปเป็นช่วงเพิ่งจบงาน event animation ไปหมาดๆเลยยังมีร่องรอยงานอยู่ประปราย เจ้าหนูวิ่งเข้าใส่ทันทีเลย พร้อมหันมาถามพ่อแม่พร้อมๆกันว่า “พ่อคร้าบแม่คร้าบ เอาไปด้ายย ม้ายย” (สำเนียงเด็ก 3 ขวบนะคร้าบบบ ^______^)
หลังเดินชมรอบๆแล้วก็แวะมาเขียนป้ายลงชื่อกันหน่อยครับ ตรงนี้ทางร้านจัดเป็นที่แขวนป้ายขอพร เหมือนเวลาทีคนญี่ปุ่นไปไหว้พระกันที่วัด ประมาณนั้นเลย
แม่จ๋าเลยให้หนูน้อยลงชื่อเองลายมือหวัดๆแบบอ่านไม่ออกนั้นละใช่เลย ที่เห็นเป็นชื่อเค้าน่ะแม่เค้าเขียนให้ ^_^”
ร้านนี้จะเปิดช่วงเย็นๆนะครับ เพราะบรรยายกาศแบบ Outdoor เปิดโล่งมีลานตรงกลางเป็นที่นั่งสบายๆกลางวันอากาศร้อนไม่เหมาะร้านไม่เปิด จะเปิดตอนเย็นๆหลัง 4 โมงอากาศดีกว่ากันเยอะเลย ที่นั่งก็ให้ลูกค้าเลือกนั่งตามอัธยาศัย เราก็เลยเลือกกันได้ทีนึงและเริ่มต้นหม่ำกันละ
บรรยากาศที่นี่คือ จำลองเมืองอาหารขึ้นมา และมีร้านรวงในสไตล์ญี่ปุ่นมาไว้รวมกัน ทั้งร้าน ข้าวหน้าต่างๆ สไตล์ญี่ปุ่น ร้านขายซูชิและปลาดิบ ร้านขายแบบเสียบไม้ปิ้งย่าง ร้านราเม็ง ร้านเกี้ยวซ่า ร้านเครื่องดื่มและสาเกก็มี อือเยอะเลยทีเดียว ก่อนมาเคยเห็นออกรายการทีวีมาแล้วเหมือนกันครับ
วิธีการซื้อของที่นี่ใช้เป็น card ครับ คล้ายๆตาม Fastfood ทั่วๆไปเข้าใจง่ายซื้อเท่าไหร่ก็แจ้งได้เลย
ยิ่งใกล้ๆค่ำบรรยากาศยิ่งน่านั่งเพราะอากาศเย็นลงสบายๆ แต่ก็มียุงเพิ่มขึ้นตามมา ทางร้านก็ใช้วิธีจุดยากันยุงวางไว้ใต้โต๊ะให้ทุกโต๊ะครับ
ก่อนจะพาชมเรามาชิมอาหารกันก่อน เมนูแรกที่น่าจะเป็น ออเดริฟกันคือ เกี้ยวซ่า
อันนี้เป็น ฮาโกะเกี้ยวซ่า(Hako Gyoza) ครับ รสชาติดีมาก แม่จ๋าปลื้มเมนูแรกนี้สุดๆ ส่วนตัวเค้าชอบกินเกี้ยวซ่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจอเจ้านี้เข้าไปอร่อยมาก ผมชิมเองก็ชอบนะครับแป้งบางและกรอบ อร่อยดีทีเดียว
มาต่อด้วยเมนูปิ้งย่างกันบ้างกับร้าน Kushi Maru เป็นร้านแนวปิ้งย่างเมนูที่เราสั่งมาก็คือเห็ดเก็บสดย่างถ่านซอสญี่ปุ่น เมนูเห็ดสารพัดที่ลูกค้าสามารถเลือกได้เองเพราะที่นี่เค้ามีสถานีเห็ดที่เพาะกันเอง แล้วนำมาย่างเสริฟลูกค้าได้ทันใจ ผมชิมไม้นี้แล้วก็ชอบครับ ซอสที่ราดไม่หวานเกินไป อร่อยดี
ต่อด้วยเป็นเนื้อไก่ย่างโทริยากิ เสริฟพร้อมมะนาวหากเราต้องการบีบเพิ่มรสชาติก็ได้เช่นกัน
ก่อนจะหม่ำก็ต้องเก็บภาพกันก่อนแต่…ระหว่างเก็บภาพไปแป๊บๆ เหมือนจะมีมือเล็กๆ ค่อยๆ คืบเข้ามาใกล้ไม้ขึ้นเรื่อยๆอารมณ์ประมาณว่า “พ่อเมื่อไหร่จะได้กินฮ๊าฟฟ”
เกิดเป็นลูกคนทำรีวิวต้องอดทนนะจ๊ะลูก >__< กล้องกินก่อนเสมอละเนี่ย T___T
หลังออเดริฟผ่านไปผมเดินไปสั่งน้ำเย็นมาดับกระหายกันที่ร้าน Yoi Bar
ทั้งสองแก้วเป็นเมนูโซดาครับ จำได้ว่าชื่อโตเกียวโซดากับอีกเมนูเป็นน้ำผลไม้โซดา รสชาติสดชื่นมากแต่ไม่แนะนำสำหรับเด็กเล็กๆ นะครับเดี๋ยวท้องอืดเปล่าๆ ผมสั่งให้ตัวเองกับแม่จ๋า ส่วนของเด็กยักษ์ เป็นเมนูน้ำเปล่า และน้ำผลไม้ธรรมดาครับ
มาต่อกันด้วยเมนคอร์สกันกับหนึ่งในเมนูยอดนิยมของร้าน Oyako เป็นร้านที่เน้นไปที่ไก่และไข่เสริฟเป็นหน้าต่างๆบนข้าวสวยร้อนๆ ผมสั่งข้าวหน้าไก่เทริยากิให้กับ ปันปันกันครับ เมนูแนะนำสำหรับทุกเพศทุกวัย เด็กๆก็กินได้ เด็กยักษ์ เอร็ดอร่อยมากกกถึงมากกกที่สุด
เมนูข้าวอีกจานจากร้านเดียวกัน ที่บอกเลยว่าไม่เคยคิดว่าจะสั่งร้านไหนมาก่อน แต่ไหนๆมาแล้วนึกยังไงไม่รู้เลยลองสั่งมาหม่ำกันดู ข้าวหน้าแกงกระหรี่ เพราะปรกติไม่ใช่คนทานเนื้อครับ และข้าวหน้าแกงกระหรี่ส่วนใหญ่เป็นเนื้อมากกว่า เลยผ่านมาตลอด
ลองสั่งมาดูอันนี้เป็นข้าวแกงกระหรี่ไก่ ก็พบว่ากินได้และกินง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแม่จ๋าก็ลองชิมด้วยกันก็ว่าอร่อยนะ
ต่อกันด้วยเมนูแนะนำครับใครไปที่ Hako Town สมควรสั่ง ราเม็งแห้งทรงเครื่อง
เป็นของที่ร้าน Maru Shabu ร้านนี้เค้าจะเน้นเมนูเส้นแบบแห้งเยอะกว่าแบบน้ำนะครับ โดยเฉพาะตรงไข่ลาวานั้นเลย ผมว่าอร่อย ยิ่งพอคลุกให้ทั่วแล้วอร่อยมากถือเป็นเมนูแนะนำที่สุดของที่นี่สำหรับผมเลย ส่วนแม่จ๋าเค้ายอมแพ้ไปตั้งแต่เจอข้าวหน้าไก่เทริยากิเรียบร้อย
และก่อนจะจากกันหากไม่กินเจ้าเซมเบ้เลยก็ดูจะกระไร กับร้าน Maru Sembe กับเมนูข้าวเกรียบสไตล์ญี่ปุ่น ของเราเป็นปลาหมึกแผ่นยักษใหญ่จนเด็กยักษ์ยังต้องตกใจเพราะใหญ่และบางมากเห็นตัวปลาหมึกที่ฝ่านมาบางเหลือหลาย
กรอบและกินง่ายมีให้เลือกเป็นกุ้งหรือปลาหมึก ส่วนผมสั่งหมึกมาก็เค็มๆอร่อยดีครับ เด็กยักษ์ชอบมากๆเลย ^ ^
ตบท้ายจะขาดสิ่งนี้คงไม่ได้กับซูชิหน้าทั้งหลาย อย่างที่เราสั่งมาก็แซลมอล
และก็ยำครับ อันนี้อร่อยมาก
ที่นี่นอกจากจะมีอาหารให้เลือกกันเกือบครบทุกประเภทแล้ว ทุกๆสัปดาห์เค้ายังมีจัด event ใหม่ๆเสมออย่างสัปดาห์ที่เราไปมีจัดให้คุณปลาจาก page #Plariex มาวาดการตูนให้กับทุกๆคนที่มาอาหารในวันนั้น เล่นเอาคิวยาวทีเดียว
ผลงานครับ น่ารักและมีบุคคลิกของตัวเองดีจริงๆ
กว่าจะให้เด็กยักษ์อยู่นิ่งๆให้พี่ปลาวาดได้สำเร็จยากหนักหนากันเลย รูปนี้แม่จ๋าใช้ทักษะหลอกล่อสุดๆเลยเชียวละ >__<
สนุกสนานกันทั้งแม่ลูก แม่จ๋าล่อหลอกมืออาชีพมาก
พี่ปลาค่อยๆวาดไปได้ครึ่งนึงแล้วในเวลาอันรวดเร็วมากไม่ถึง 5 นาทีเลยครับ
และก็ลงสีแล้ว
แป๊บๆเสร็จแล้วน่ารักมากๆครับ ผมชอบลายเส้นคุณปลามากเลย จับบุคลิกได้รวดเร็วมาก
ชักภาพกันนิดนึงกับนายแบบและคนวาดดูนายแบบเขินซะขนาดนั้น ขอบคุณพี่ปลามากๆเลย
หลังจากหม่ำกันดีแล้วมาดูบรรยากาศร้านรวงต่างๆกันหน่อยครับ ช่วงเวลาที่เหมาะจะไปที่นี่ ต้องหัวค่ำเท่านั้นแม้ร้านจะเปิดตั้งแต่ 4 โมงแต่ช่วงหลัง 5 โมงเป็นต้นไป จนถึงหัวค่ำเป็นเวลาที่เหมาะทั้งอากาศที่กำลังดีและ บรรยายกาศที่น่านั่งชิลลๆ
มองจากมุมที่เรานั่งทานกัน ผมว่าดูๆไปคล้ายคลึงร้านอาหารริมทางที่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะครับ ใครจะรู้ว่าทุกๆร้านใช้ ตู้ Container มาดัดแปลงหมดเลย เรียกว่าผ่าตัดจนไม่เหลือความเป็นตู้กันเลยครับ ไอเดียดีทีเดียว
มุมสวยๆของร้าน บรรยากาศช่วงหัวค่ำสวยและน่านั่งที่สุด
เรานั่งกันอีกพักนึงก็ได้เวลากลับแล้วละครับ ที่ Hako Town มีจุดที่ต้องระวังเรื่องนึงคือ ยุงครับ ทางร้านก็หาวิธีแก้โดยการเอายากันยุงมาจุดไว้ให้แขกใต้ที่นั่งทุกๆโต๊ะ เราเองก็ได้เวลาต้องพาเจ้าหนูกลับบ้านอาบน้ำปะแป้งนอนแล้ว ต้องบอกว่ามื้อนี้สนุกสนานในบรรยากาศสบายๆ ง่าย และสวยงามแบบที่เรียกว่าสนุกได้ไม่ไกลบ้านเลย
ส่งท้าย Summer กัน
Hako Town จำลองบรรยากาศร้านรวงที่หลากหลายของญี่ปุ่น มาไว้ที่นี่ ร้านอาหารทุกร้านมีเอกลักษณ์ในแต่ละสไตล์แบบญี่ปุ่นไว้ครบถ้วน แถมอาหารก็ไมได้แพง ราคาแบบที่เราทานกันได้ยิ่งถ้าสั่งมาทานด้วยกันหลายๆ คนก็คุ้มทีเดียวครับ เรื่องรสชาติก็ว่ากันไปตามแต่ละคน ส่วนตัวผมและครอบครัวชิมกันแล้วก็บอกได้ว่าอร่อยแทบทุกอย่าง เรียกว่าหากจะหาที่ๆเป็นเมืองที่รวมบรรยากาศร้านรวง เอาไว้เยอะๆแบบที่ราคาไม่แพงด้วยจะหายากเหลือเกิน จนหากผมจะบอกว่าเราอาจจะต้องหาที่แบบนี้กันใหม่เร็วๆนี้ด้วยล่ะ
วันที่ 3 พฤษภาคม 2557 นี้แล้วละครับ ทางร้านจะจัดเป็นงานเลี้ยงบอกลาฤดูร้อนกับซากุระกันที่ Hako Town
และเทศกาลที่ทุกคนรอคอยการละเล่นดอกไม้ไฟ ในบรรยากาศงานวัดญี่ปุ่น ยังไง ผมเก็บข่าวมาฝากจากหน้า page เค้าได้ประมาณนี้ครับ
Goodbye Summer..Hako Changes
“ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย บอกลาฤดูร้อนกับซากุระกันที่ Hako Town ในบรรยากาศงานวัดญี่ปุ่น”
• ทุกคนจะได้ใส่ชุดยูคาตะ ถือพัด กินสายไหม
• ร่วมสนุกกับเกมส์ ตักไข่ชิงโชค ปาลูกบอล แข่งขันตักปลาทอง
• ชมโชว์การแล่ปลาทูน่ายักษ์สด ๆส่งตรงมาจากญี่ปุ่น โดยผู้ท้าชิงจากรายการ Iron Chef และจะได้รับประทานกันสด ๆ ตรงนั้นด้วย!!
• ได้ภาพวาด Portrait จากการวาดรูป โดย Illustrator ชื่อดัง “Plariex”
• รับประทานอาหารได้ทุกอย่างในร้าน
* ชมดอกไม้ไฟ เคล้าวงดนตรีชิลล์ ๆ วันที่ 3 พฤษภาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 14.00 เป็นต้นไป
ติดต่อซื้อบัตรได้ตั้งแต่วันนี้ – 26 เมษายน 2557
พิเศษ ลดพิเศษจาก 2,500 บาทเหลือเพียง 1,000 บาท/ท่าน
ที่ 080-701-8855 (บัตรมีจำนวนจำกัด)
ใครสนใจจะไปกันวันนั้นก็ถือว่าคุ้มแล้วละครับกับบุฟเฟต์ทานไม่อั้นกับงาน Goodbye Summer..Hako Changes
สำหรับครอบครัวเรามีโอกาสจะไปชิมกันอีกแน่นอนครับ ท้ายนี้ลากันด้วยภาพสวยๆอีกมุมของ Hako Town เป็นการสั่งลากันตรงนี้ครับ จนกว่าจะได้พบกันใหม่คร้าบบ
ติดต่อสอบถามกันได้ที่ 080-701-8855 Fanpage: www.facebook.com/hakotown