พาลูกเที่ยวประจำเดือนสิงหาคมนี้ ในเดือนที่แสนชุ่มช่ำไปด้วยสายฝน ที่ใครๆก็เรียกช่วงเวลานี้กันว่า กรีนซีซั่น หนนี้ ครอบครัวเราขออาสาพาลงใต้ไปทำความรู้จักจังหวัด พังงา ให้คุณๆได้รู้ว่าจังหวัดนี้เที่ยวได้เที่ยวดี ขอให้มีแรง มีไอเดีย ขยันหาข้อมูลแล้วจะรู้ว่าเที่ยวใต้เที่ยวได้ทั้งปีจริงๆ แฮ่ม…หนนี้ครอบครัว one22 มีโอกาสได้รับคำชวนจากการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ในโปรเจ็ค Let’s Go South ไปทำความรู้จัก พังงาในแง่มุมที่คุณๆอาจจะยังไม่เคยได้เที่ยวกันมาก่อน มาครับ..มาเที่ยวกับปันปัน กับทริบพาลูกเที่ยวหน้าฝนกัน
การเดินทาง
มาเริ่มกันตั้งแต่กรุงเทพฯกันเลยดีไหมครับ เที่ยวนี้เราบินไปลงภูเก็ต กับสายการบินสุดแสนบูทีคกันอีกครั้งกับ บางกอกแอร์ ผมไปถึงก่อนเวลาเพื่อจะได้มีเวลาชิมอาหารของว่างนานาสารพัดจากสายการบินนี้ ช่วงนี้ใครไปแล้วอยากเข้า Lounge ของบางกอกฯ เป็นช่วงปิดปรับปรุงพอดีครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะอดกินข้าวต้มมัดในตำนานหรือ ขนมของว่างต่างๆ
ที่ช่วงระหว่าง Gate A7-A9 เป็นจุดแวะพักของเค้าอยู่ใครที่บินกับที่นี่สามารถมานั่งแวะพักรอขึ้นเครื่องกันได้
อาหารเยอะเหมือนเดิมครับ
ผมนั่งเล่น นั่งหม่ำจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ ระหว่างบนเครื่องหากยังไม่อิ่มจากข้างล่างเค้ายังจัดอาหารบนเครื่องได้อีก ชั่วโมงนี้บอกตง อิ่มมากกกก
การบินช่วงกลางวันในวันที่ทัศนวิสัยดีๆ บินกันแป๊บๆเข้าเขตพังงา-ภูเก็ต เราสามารถชมวิวหมู่เกาะเบื้องล่างที่สวยงามกันได้เลยแบบนี้ละ ชอบจริงๆทะเลไทยสวยไม่แพ้ใครเลย
หลังลงเครื่องผมได้จองรถไว้กับทาง ThaiRentAcar เรียบร้อย การรับ-คืนรถก็แวะรับที่สนามบินภูเก็ตได้เลย ที่สนามบินมีหลายเจ้าให้คุณเลือก คุณๆสามารถเลือกสนนราคาได้ตามกำลังทรัพย์ หนนี้ผมอยากลองขับรถใหญ่ๆดูบ้าง กับทริบหน้าฝน ผมว่ามันมั่นใจดีครับ หวยเลยไปตกที่ PajeroSport เครื่อง 2.5 ลิตรดีเซล ทริบนี้ก็ใช้เจ้านี้จนคุ้มเลย หลังจบทริบบอกเลยว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดเพราะเราตระเวณไปซะทั่วพังงาเลย
และเดี๋ยวนี้ตั้งแต่มีลูกมีครอบครัว ผมจะซื้อประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติมไว้ด้วยในทุกๆกรณีที่เราไม่อาจจะรู้ได้ เรื่องนี้ไม่ว่าคุณจะเช่ารถกับเจ้าไหนสมควรนะครับ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ไม่งั้นเสียค่า ACCEPT กันอ่วมเลยนะ อันนี้ขอให้เป็นวิจารณญาณส่วนตัวครับ
ที่เที่ยว
พังงาในช่วงกรีนซีซั่น หาใช่จะไก่กา เรามาเริ่มกันที่เกาะที่ยังมีความเป็นส่วนตัวและธรรมชาติอยู่สูงมากที่สำคัญเป็นเกาะคู่แฝดที่เที่ยวกันได้ทั้งปี ที่พูดถึงคือ เกาะยาวน้อย-เกาะยาวใหญ่ ฝั่งเกาะยาวใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่าแต่สาธารณูปโภคและหน่วยงานราชการแทบทั้งหมดจะอยู่ทีเกาะยาวน้อยเป็นหลัก ทั้งโรงพยาบาล สถานีตำรวจ โรงเรียน 7-11 ก็อยู่ที่นั้น เรียกว่าความเจริญจะไปรวมศูนย์ที่เกาะยาวน้อยแต่ ใช่ว่าเกาะยาวใหญ่จะไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยๆ ธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ก็ยังมีมากมายเกินหน้าตาเกาะยาวน้อยทีเดียวครับ
การเดินทางมายังเกาะยาวใหญ่
สำหรับใครที่ออกเดินทางจากในตัวเมืองภูเก็ต หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เราสามารถใช้บริการ รถสองแถว สาย ภูเก็ต – ป่าคลอก – บางโรง โดยรถจะออกจากแถวๆตลาดสดเทศบาลภูเก็ตตรงแถวๆสี่แยกระนองครับ รถเที่ยวแรก จะออกตอน 8.20 น และจะออกกันทุกๆ 30 นาที ส่วนรถคันสุดท้าย ออกเวลา 16.30
สามารถขึ้นเรือกันได้ที่ท่าเรือบางโรง(ภูเก็ต)จะมีเที่ยวเรือ 13 เที่ยว(ปรับลดเพิ่มตามช่วงเวลาในแต่ละฤดู) จะมีทั้ง Speed boat และเรือหางยาว ค่าโดยสาร ก็คนละ 200 สำหรับ speed boat และ 120 บาทสำหรับ เรือหางยาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
ส่วนหากอยากเอารถขึ้นไปที่เกาะ สามารถทำได้แต่ต้องไปขึ้นที่ท่าเรือเจียรวานิช (ภูเก็ต) มีทั้งเรือ speed boat .11.00 วันศุกร์เรือออก 10.30 น., เรือเฟอรรี่เอารถยนต์ลงเรือได้ 14.00,17.00 จะมาเทียบท่าที่ ท่าเรือโล๊ะจาก เกาะยาวใหญ่ (ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia ครับ)
คนบนเกาะเป็นมุสลิมเกือบ 100% ความสนิทสนมกลมเกลียวในชุมชนจึงมีมาก เรียกว่ารู้จักกันแทบทุกบ้านทีเดียว ที่เกาะยาวใหญ่การก่อเหตุและคดีอาชญากรรมถือเป็นศูนย์กันเลย มีเรื่องเล่าที่ไม่น่าเชื่อว่า เวลาคนบนเกาะจะเข้าเมืองหรือข้ามไปเกาะยาวน้อยเค้าจะขับมอเตอร์ไซต์มาจอดไว้ที่ท่า และไม่เอากุญแจติดตัว เสียบคาไว้ที่รถนั้นล่ะ จะจอดข้ามวันยังไงรถก็ไม่มีวันหายถือเป็นเมืองที่ปลอดภัยจริงๆครับ และแน่นอนคนพุทธหากอยากสั่งอาหารประเภทหมูไม่มีนะครับทั้งสองเกาะเลย อย่าเผลอสั่งกันเชียวละ
บนเกาะยาวใหญ่ผมมีโอกาสแวะไปอยู่หลายจุดเริ่มที่กระชังปลา จริงๆกระชังปลาจะอยู่ตรงแถวๆท่าเรือพอดี มีโอกาสไปคือตรงกระชังปลา อยู่กลางทะเล ที่นี่จะเป็นทั้งที่ซื้อขายปลาสดๆและสามารถไปศึกษาดูปลาแปลกๆสวยงามที่เจ้าของกระชังเค้าเลี้ยงไว้ให้แขกและนักท่องเที่ยวมาชมได้ แถวๆนี้มีหลายกระชังทีเดียวถือเป็นการศึกษาธรรมชาติและได้ความรู้ไปพร้อมกัน
นี่เลยครับพระเอกของกระชังเป็นกุ้งมังกรเจ็ดสี สีจะสดใสสวยมากๆเลย ที่นี่มีหลายขนาด ราคาเริ่มต้น กิโลละ 2000 กว่าขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดและฤดูกาลของการวางไข่
ส่วนนี้ปลาฉลามครับ แต่เป็นพันธ์ไม่ดุร้าย (ฉลามในเมืองไทยส่วนใหญ่ไม่ใช่พันธ์ในแบบหนังฝรั่งที่เราได้ดูกัน) เค้าเลี้ยงไว้ 2 ตัวขนาดใหญ่เกือบ 2 เมตรเลยเชียวละ
มาถึงนางเอกแล้วกับปลาปักเป้า ครับตัวนี้ยังเป็นลูกปลาอยู่ เวลาบัง(เจ้าของกระชังเราเรียกเค้าบังและตามด้วยชื่อครับ) เค้าปลุกปลามันจะค่อยๆพองและมีหนามออกมา บังเค้าแค่สาธิตให้เราเห็นเฉยๆ แป๊บๆก็ปล่อยลงน้ำมันก็จะคลายลงเป็นตัวลีบๆปรกติไป
จริงๆยังมีอีกนะครับแต่ผมถ่ายไม่ทันเลยว่ายเร็วมาก
ไปเที่ยวกันต่อขอกลับขึ้นบกกันหน่อยเราจะไปดูวิธีการกรีดยางกัน สำหรับคนกรุงแบบผมแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากๆที่พึ่งรู้กันเลย ที่ไร่ยางที่เห็นเป็นของทางรีสอร์ทที่ผมไปพักคือเกาะยาวใหญ่วิลเลจ ทางรีสอร์ทมีการจัดทริบทัวร์พาแขกและนักท่องเที่ยวที่สนใจไปดูกรรมวิธีการทำยางแบบรู้ลึกรู้จริงกันเลย
ปรกติการกรีดยางเค้าจะเริ่มกันตั้งแต่เช้า ตอน 6 โมงเช้าเพื่อความชัดเจนและทัศนวิสัยการทำงาน แต่หากจะเอาเวลาที่กรีดยางได้คุ้มค่าที่สุดจริงๆคือตอน 1.00-4.00 น เพราะต้นยางจะให้น้ำยางได้มากที่สุดในแต่ละวันเราอาจจะเคยผ่านตามาบ้างที่ชาวสวนยางจะสวมหมวกที่มีไฟฉายที่หัวเหตุผลก็เพราะแบบนี้ละครับ
การกรีดยางให้ถูกตรงต้องใช้ความชำนาญมากตัวมีดกรีดยางปลายแหลมต้องคมจริงๆเพื่อจะได้กรีดเป็นแนวเฉียงจากบนลงล่างโดยมีกระเปาะรับน้ำยางรออยู่ที่ปลายทาง ตัวใต้ผิวยางจะมีท่อน้ำยางอยู่และใต้ท่อน้ำยางจะมีเยื่อเจริญพันธ์อีกทีตัวเยื่อเจริญพันธ์มีความสำคัญมากเพราะต้นยางต้นนึงจะสามารถกรีดเพื่อเอาน้ำยางได้ ถึง 30 ปี ตัวเยื่อนี้เองที่เป็นตัวผลิตท่อน้ำยางขึ้นมาชดเชยอยู่ในทุกๆวันเพื่อแทนท่อเก่าที่สูญเสียไปในแต่ละครั้ง
ผมได้ลองกรีดเองดูแล้วยอมรับเลยว่ายากมากหากไม่ชำนาญเพราะมันจะมีขนาดบางๆติดกันเพียง 6-10มิลลิเมตรเท่านั้นหากเราไปโดนตัวเยื่อเจิรญพันธ์ก็จำทำให้ไม่สามารถผลิตท่อน้ำยางได้อีกนั้นเอง
เสร็จจากการกรีด เรามาดูวิธีการรีดยางกันดีกว่า สวนยางบนเกาะยาวใหญ่นี้จะมีการลงทุนอยู่ 2 แบบคือเจ้าของไร่ทำเองทั้งหมดคือลงยาง จ้างลูกจ้างมาทำให้จนไปถึงนำส่งขายที่โรงยางซึ่งบนเกาะก็มีอยู่หลายแห่ง
แต่อีกแบบเป็นแบบที่พบกันมากบนเกาะ(ตามข้อมูลที่ไกด์ว่ามานะครับ)คือเจ้าของกับ คนงานแบ่งกำไรกันโดยที่เจ้าของไร่จะมีหน้าที่ลงยางทั้งหมด ดูแลลงปุ๋ยเลี้ยงจนมันโตจากนั้นคนงานจะเข้ามาทำหน้าที่กรีดและรีดยางไปจนถึงส่งขายโดยแบ่งกำไรกันตามตกลง แบบนี้เจ้าของก็ได้ผลผลิตและไม่ต้องเหนื่อยแรง ดูๆไปแบบนี้ถือว่า win win ทั้งสองฝ่ายนะครับ
ฝั่งคนงานก็จะมีprocess อย่างที่เห็นในภาพหลังผสมน้ำยาให้ยางจับตัวกันแล้วก็จะพักไว้จนยางเริ่มจับตัวในกระบะแล้วนำมารีด อย่างที่เห็นใช้ท่อนเหล็กกลมยาวค่อยๆตีจนแบนราบระดับนึง
จากนั้นจึงนำเข้าเครื่องรีดอย่างที่เห็นเครื่องรีดยางหากเป็นการลงทุนแบบคนงานกันเองเค้าจะใช้เครื่องรีดแบบมือ แต่จริงๆหากเราไปที่โรงรับซื้อยางแล้วเค้าจะเป็นเครื่องกันเลย เราแค่ป้อนแผ่นยางเข้าเครื่องจากนั้นเครื่องจัดการให้เสร็จเลย
อย่างที่เห็นนี้เป็นที่โรงเก็บยางที่จะรับซื้อน้ำยางแล้วจึงนำมาทำแบบที่บอกไปแต่เครื่องมือเค้าจะใหญ่และใช้ระบบอัตโนมัติกว่าไม่ใช้แรงมือเท่าไหร่
กรรมวิธีก็อย่างที่เห็นเลยครับมีคนนึงคอยทุบและป้อนเข้าเครื่อง ส่วนที่ปลายทางมีคนรับจากกาละมังน้ำเพื่อนำไปตากต่อ สะดวกกว่าและเร็วกว่า
ส่วนที่สำคัญที่เป็นตัวชี้วัดน้ำยางว่ามีคุณภาพและผสมน้ำเยอะน้อยไปแค่ไหนอยู่ที่เจ้าแท่งเหล็กนี้เลย วิธีการเค้าคือตัวเหล็กตัวนี้จะเป็นตัวถ่วงน้ำหนักใส่ในน้ำยาที่นำมาขายให้โรงเก็บ
หากยางมีความหนาแน่นสูงเมื่อถ่วงลงไปตัววัดจะจมลึกแต่หากน้อยตัววัดจะลอยขึ้นมามากหน่อย สุดท้ายตัวเลขนี้จะถูกนำไปคำนวนเป็นราคาได้กลับมาอีกที
ผมมาทริบนี้จึงได้รู้ขั้นตอนตั้งแต่ต้นยันจนปลายทางส่งขายกันเลย รู้สึกดีใจที่ได้มาครับ
มากันต่อที่ของดีของเด่นแห่งเกาะยาวใหญ่กันบ้าง มีขนมยอดนิยมกันที่สุดของเกาะนั้นคือขนมบ้าบิ่น เกาะยาว เห็นถาดขนาดใหญ่สองถาดนี้ไหมครับนี้ละ ที่จะเป็นแหล่งผลิตของชาวบ้านส่งออกไปขายไกลถึงกระบี่ พังงา ภูเก็ตกันเลยด้วย รสชาติหวานมันกำลังดี เนื้อขนมไม่หยาบแบบที่เคยกินในกรุงเทพฯ ที่สำคัญหอมมาก
เค้าทำกันแบบในครัวเรือนแต่บอกได้เลยว่าสามารถเลี้ยงคนในบ้านแบบไม่ต้องทำอาชีพอื่นๆเสริมเลยเพราะ Order แน่นทุกวันส่งขายไปทั่วอย่างที่บอกทุกวันกันเลย
และนี้คือโฉมหน้าเจ้าของล่ะครับ(พี่ที่โผกผ้า) ตอนไปซื้อพี่เค้าแถมให้ผมหยิบกินสดๆได้ไม่อั้นเลย ใจดีมากผมซัดซะเอาอิ่มกันเลยนะครับ
บอกเลยว่าใครเคยกินเจ้าที่ว่าอร่อยๆมา ต้องลองที่นี่ผมเองซื้อกลับไปเป็นของฝาก เกือบสิบถุงเลย ราคาก็ไม่แพงถุงละ 50 บาทเท่านั้น
มาเที่ยวกันต่อจริงๆเกาะยาวยังมีจุดเที่ยวรอบเกาะอีกแต่เนื่องจากช่วงที่ผมไปเป็นช่วงเดือนรอมฏอน ทั้งที่เที่ยวและที่กินหลายๆทีจะเปิดเช้าปิดเร็วหรือไม่ก็เปิดค่ำไปเลยเลยทำให้รอไม่ไหว เอาว่าหากมีโอกาสมาช่วงเวลาอื่นจะเก็บมาเล่าให้กันฟังอีกนะครับ คราวนี้เราจะข้ามไปเกาะยาวน้อยกันบ้าง
ที่เที่ยวเกาะยาวน้อย
ฝั่งเกาะยาวน้อยอย่างที่บอกไปตอนต้นที่นี่จะเป็นที่รวมความเจริญทุกอย่างมาไว้ ทำให้ผู้คนและชุมชนบนเกาะนี้จะคึกคักกว่าอย่างเห็นได้ชัด
การเดินทางมาเกาะยาวน้อย
วิธีการเดียวกันกับเกาะยาวใหญ่หากมาจากภูเก็ตให้มาที่ท่าเรือบางโรง เรือจะมีทั้งเรือธรรมดาและ Speed boat บางครั้งเรือก็จอดแวะส่งที่เกาะยาวใหญ่ก่อนจึงไปต่อที่ท่าเรือมาเน๊าะบนเกาะยาวน้อย ส่วนขากลับจากเกาะยาวน้อยมีตั้งแต่เวลา 6.30 น. ไปจนถึงรอบ 17.30 น. สามารถติดต่อสอบถามกับทางเรือก่อนได้ที่ 089-4731951, 081-7479025, 081-9692368
ระหว่างนั่งรถแท๊กซี่บนเกาะซึ่งก็คือรถกระบะดีๆนี่เอง ที่เราต้องตกลงราคากับเค้าว่าจะไปกี่จุดบ้างและตีราคาเหมากันไป และนี้คือโฉมหน้าพี่พลขับวันนี้ของเรา
หลังตกลงกันได้เราก็ไปผ่านจุดแรกก่อนคือตลาดครับ ตลาดที่นี่จะอยู่ริมฝั่งสองข้างทางห่างจากท่าเรือมาไม่ไกล ถือเป็นตลาดสำคัญทีเดียวเพราะมี 7-11 อ่ะอ่า อย่างงว่าทำไม 7-11 ถึงสำคัญ เพราะทั้งสองเกาะนี้มีเพียงแค่ทีเดียวเท่านั้น น้องไกด์เค้าเล่าว่าสมัยหลายปีก่อนตอนที่มาเปิดใหม่คนมายืนรอเข้าคิวแต่งตัวกันสวยงามเหมือนเวลาห้างสรรพสินค้าในเมืองที่เปิดตัววันแรกยังไงยังงั้นเลย และเรียกว่าของขายหมดกันตั้งแต่วันแรกที่เปิดกันเลย อันนี้ไม่รู้จริงหรือเท็จเพราะฟังเค้ามาอีกที ถ้าจริงก็น่ารักกันมากเลยครับ
หลังรถมาจนถึงหาดที่ถือเป็นหาดสำคัญของเกาะยาวน้อยคือหาดป่าทราย ชายหาดยาวกว่า 400 เมตร ที่หาดทรายเนื้อค่อนข้างละเอียดและสีออกขาวอมเหลืองนิดหน่อย
ที่นี่ถือเป็นหาดที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เท่าที่ดูมีร้านอาหารอยู่2-3ร้านเปิดอยู่ริมหาด และที่นี่ผมได้เจอเด็กๆเล่นทรายกันอยู่เลยขอเก็บภาพใสๆของเด็กๆมาฝากกันด้วย
เด็กๆที่นี่สดใสและเป็นกันเองบอกยิ้มหน่อยยิ้มให้ผมซะจนเขินเองเลย 555
มาถึงส่วนสำคัญอีกส่วนที่ถือว่ามาเกาะยาวน้อยไม่มาที่นี่ไม่ได้คือเส้นทางเดินธรรมชาติป่าจาก ที่นี่จะอยู่ติดกับ Resort หาไม่ยากครับ
เส้นทางนี้ได้รับการสนับสนุนจากรีสอร์ท ที่ถือว่าดังที่สุดของเกาะยาวทั้งคู่เลยก็ว่าได้คือ SixSense Yaonoi รีสอร์ทที่ถือเป็น Destination ที่ใครๆฝันถึงรวมผมด้วยนะ ^0^
เส้นทางเดินชมธรรมชาติยาวน้อย สามารถเดินชมได้ง่ายมาก ป่าจากถือเป็นป่าเกษตรกรรมสำคัญอย่างที่รู้กันต้นจากถือเป็นพันธุไม้ทางเกษตรที่เรานำมาทำได้หลายอย่างที่รู้จักดีๆเลยก็คือขนมจากนั้นไง
เส้นทางเดินชมธรรมชาตินี้เดินง่าย มีป้ายบอกทางชัดเจน
เดินไปเรื่อยๆ เราจะขึ้นไปถึงจุดชมวิวเกาะยาวน้อย ที่นี่สมกับที่เป็นจุดชมวิวเราจะเห็นป่าเกาะอยู่ตรงหน้ากันเลย
ตรงนี้ถูกดำเนินการสร้างโดยทาง SixSense ทั้งหมด ทุกเช้าที่นี่จะถูกใช้เป็นที่ออกกำลังและโยคะของรีสอร์ท
มีรูปปั้นที่ผมถามจากไกด์เองก็ยังไม่ทรบว่าเป็นรูปปั้นของใครกันที่มาสร้างไว้ แต่น่าจะเป็นคนสำคัญไม่ทาง SixSense เองก็ต้องของคนเกาะเพราะสร้างอยู่ในพื้นที่ของโรงแรมครับ
ใครทราบว่าคนที่เป็นแบบปั้นคือใครช่วยมาเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ
เดินลงมาผมจะเห็นหาดส่วนตัวของ Sixsense Yaonoi เห็นแล้วอยากพักจริงๆไว้วันนึงจะมาเยือนให้ได้สักครั้งครับ
มาเที่ยวกันต่อจุดต่อมาที่ใครไปใครมาต้องแวะคือ จุดบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หาดบ้านอันเป้า
ที่นี่ถือเป็นมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างเพราะบ่อน้ำผุดนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อตาน้ำตื้น 4 บ่อ เป็นบ่อน้ำจืดริมทะเล
เวลาน้ำทะเลขึ้นมาเราจะไม่สามารถเห็นบ่อน้ำผุดเหล่านี้ได้ แต่เมื่อน้ำลดน้ำจากตาน้ำจะผุดออกมาเรื่อยๆ
เดินลงไปไม่ไกลครับก็เจอเลย พี่ๆจากรีสอร์ททดสอบชิมให้ผมดู หันมาบอกกันว่าจืดจริงๆด้วย ผมชิมเองก็ใช่เลย
ชาวบ้านเองเค้าเชื่อว่าหากได้มาอาบมากินน้ำที่นี่จะช่วยทำให้โรคภัยไข้เจ็บรักษาหายได้ จนทางการต้องมาติดป้ายเตือนว่าห้ามมาอาบน้ำกันที่นี่กันเลย ถือเป็นอีกจุดน่าแวะเพราะใช้เวลานิดเดียวเราก็ได้เจอความมหัศจรรย์จากธรรมชาตินี้ได้เเล้ว
รถพาเรามาต่อที่ตรงนาข้าวแห่งเดียวของเกาะไม่สิของทั้งสองเกาะเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่ปลูกข้าวกินเองกันมานานกว่า 200 ปีแล้ว
จนเราได้เจอกับเกษตรกรตัวอย่างทั้งลุงอสัน บัวทองและป้าน่ารักมาก พี่ไกด์เล่าว่าทั้งลุงและป้าออกรายการทีวีมาหลายรายการแล้วด้วยนะครับ
มาถึงแกต้อนรับเราด้วยน้ำมะพร้าวสดๆที่ผ่าให้ชิมกันตรงนั้นเลย แกเล่าให้ฟังว่า นาข้าวที่เห็นนี้ปลูกกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว เป็นแปลงนาข้าวที่ยังคงอนุรักษ์ใช้ควายไถนาอยู่
มองไปก็เห็นจะจริงเพราะเราเห็นควายเดินเล็มหญ้ากินอยู่ในนาข้าวด้วย ที่นี่ปลูกข้าวปีละ 2 ครั้งหลังปลูกข้าวก็จะลงผลไม้ต่างๆตามฤดูกาลสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปถือเป็นการทำไร่ไถนาที่ยังอนุรักษ์และเคารพดินอย่างมาก
ผ่านตรงนี้ได้เวลากลับฝั่งกันแล้วครับ สิ่งนึงที่ผมประทับใจคือผู้คนที่มีอัธยาศัยใจคนน่ารัก และเป็นกันเอง พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เรียกว่าไงดีละน่ารักเป็นธรรมชาติก็ว่าได้นะครับ
ที่เที่ยวย่านนี้ยังไม่หมด เรามาเที่ยวกันต่อที่เกาะที่ถือเป็นญาติสนิทมิตรสหาย ของเกาะยาวทั้งสองกันอย่าง “เกาะห้อง” กันครับ ด้วยระยะทางไม่ไกลกันมากจากเกาะยาวทั้งสอง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคุณๆก็สามารถมาเที่ยวเกาะสวรรค์แห่งนี้ได้
เกาะห้องเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่ง ชาติธารโบกขรณี มีอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเหลาบิเละ ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวน 12 เกาะ ซึ่งเกาะที่มีขนาดใหญ่สุดในบรรดาหมู่เกาะทั้งหมดนี้ก็คือ “เกาะห้อง”เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพสวยงาม มีทั้งกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ
หากคุณๆมาเที่ยวทั้งที่เกาะยาวน้อยหรือเกาะยาวใหญ่ สามารถซื้อแพ็กเกจ 1 Day Tripหรือ 1/2 Day Trip เพื่อไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะยาววิลเลจ หรือจะโรงแรมบนเกาะได้เลย
โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่ อ่าวบิเละ เป็นอ่าวที่มีหาดทรายโค้งเป็นรูปนกบิน ทรายละเอียดขาว น้ำทะเลใส มีจุดเด่นอีกอย่างที่ไม่เหมือนใครก็คือ ด้วยชายหาดด้านหน้าเกาะที่โค้งเกือบจะเป็นครึ่งวงกลม ร่มรื่น ด้วยแนวป่าชายหาดด้านหลัง น้ำทะเลที่นี่เป็นสีเทอคอยส์ ใครเห็นก็อยากลงไปว่ายกันทั้งนั้น ส่วนตัวผมยังไม่เคยมาเกาะห้องเสียดายอย่างเดียวตอนไปไม่มีแดดกับฝนพึ่งตกไปหมาดๆ บรรยากาศน้ำทะเลเลยไม่ใสมาก ถามไกด์เค้าก็บอกว่าหากมีแดดจะสวยกว่านี้หลายเท่าทีเดียว
การเดินทางมาเที่ยวเกาะห้อง
สามารถซื้อแพ็คเก็จ ทัวร์เกาะห้องและเกาะใกล้เคียงกันอย่าง “เกาะเหลาลาดิง” หรือ “เกาะพาราไดซ์” โดยสามารถหาซื้อได้จากรีสอร์ทที่คุณเข้าพักได้ทั้งแบบเต็มวันและครึ่งวัน ที่นี่ฝรั่งน่าจะชอบไม่แพ้คนไทย เพราะมีบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ และไม่พลุกพล่าน ที่สำคัญเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปีแต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นตั้งแต่ พย-พค ครับ
ที่พักเกาะยาวใหญ่
มาถึงที่พักบนเกาะยาวกันบ้างทริบนี้ผมมีโอกาสเข้าพักที่เกาะยาวใหญ่วิลเลจ ที่พักแสนธรรมชาติและน่ารัก ประทับใจกันตั้งแต่ก้าวย่างมาถึงแล้ว นั้นคือที่ เกาะยาวใหญ่วิลเลจ (KohYaoyai Village) ดูแลกันตั้งแต่ลงเรือกันเลยมีรถที่ดูเข้ากันดีกับบรรยากาศของเกาะมารับถึงที่รถแบบนี้เค้าเรียกว่า รถโพถอง มีให้เห็นได้ในจังหวัดทางใต้ที่ผมคุ้นๆก็คือที่พังงานี่กับภูเก็ตละครับ
อ่อทุกโรงแรมที่ผมเข้าพักรวมถึงที่ เกาะยาวใหญ่วิลเลจ อยู่ในโครงการ นอนติดดาวราคาติดดิน ทั้งนั้น เป็นความร่วมมือร่วมใจของโรงแรมและรีสอร์ทที่จะช่วยกันโปรโมทให้คนมาเที่ยวพังงาในช่วงกรีนซีซั้นแบบนี้ อย่างที่นี้ราคาห้องพัก 1999 บาท ใครอยากทราบว่ามีโรงแรมไหนบ้างลองเข้าไปดูรายละเอียดกันได้ที่หน้า facebook ของ TAT PHANGNGA กันได้ที่นี่เลยครับ http://s.one22.com/1t9iX1a
หลังรถพามาถึงที่พักก็ต้องร้องว๊าวกันเลยแบบนี้ละครับต้องรสนิยมผมสุดๆ ส่วนตัวเป็นคนรักรีสอร์ทที่รักษ์ธรรมชาติ การได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้รายล้อม
ด้านหน้าติดทะเลยังไม่พอยังเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงหน้าได้เลยแบบนี้ถูกใจสุดๆ
หลัง Checkin เรียบร้อยผมมีโอกาสไปทานอาหารที่ ห้องอาหาร Alfresco ห้องอาหารวิวงามๆแบบนี้เลย
อยู๋ชิดติดริมสระน้ำสวยๆที่มองเห็นวิวป่าเกาะจากขอบสระกันได้เลย
มาดูอาหารกันก่อน อาหารทั้งหมดทางโรงแรมจัดเลี้ยงรับรองให้ทั้งหมด ก่อนทานผมถามว่าปรกติหน้าตาอาหารที่สั่งมาจะหน้าตาแบบนี้หรือไม่ ทางโรงแรมยืนยันว่าแขกทุกคนที่สั่งไม่ว่าจะเป็นใครทั้งรสชาติและการตกแต่งแบบเดียวเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นทุกๆคนที่มาทานที่นี่รับรองครับว่าตรงตามภาพแน่นอน
ทั้งหมดนี่ผมว่าเค้าทำอาหารไทยเป็นไทยแท้มาก รสชาตินี่ใช่เลย ทั้งแกงส้มหรือที่ใต้เรียกแกงเหลืองกันนี้จัดจ้านมากก
ไก่สะเต๊ะก็ใช้ได้ครับ มาตรฐานโรงแรมดีๆเลย
รวมๆอาหารทุกอย่างอร่อยมาก บางอันอาจจะถูกปากน้อยบ้างมากบ้างเป็นธรรมดา แต่รวมๆผมว่าโอเคเลยสำหรับคนไทยที่ชอบรสจัดจ้าน อันนี้ตบท้าย ด้วยของหวาน พานาค้อต
มาดูบรรยากาศรีสอร์ท หรือจะเรียก Village กันก็ได้ ทางรีสอร์ทมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ รวมถึง Concept ใหม่หมดเรียกตัวเองว่า Village ให้พนักงานทุกคนปรับเปลี่ยนมุมมองว่าโรงแรมก็เหมือนหมู่บ้าน พนักงานทุกๆคนคือลูกบ้าน แขกที่มาพักก็เหมือนญษติพี่น้องที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ผู้บริหารโรงแรมเปรียบไปก็เหมือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่คอยดูแลลูกบ้านและญาติสนิทมิตรสหายที่มาแวะเวียนกัน
มาดูตอนค่ำๆกันบ้าง บรรยากาศดีเหลือหลาย
Reception ก็เหมือนห้องรับแขกที่รอต้อนรับ
ห้องนี้คือห้องสมุท ทุกๆจุดตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติที่สวยงามมากครับ
มาดูห้องพักกันหน่อยส่วนตัวไม่คิดว่าห้องที่เราเห็นจะดูใหญ่โตจนกระทั้งเดินพ้นประตูห้องเข้ามาก็ต้องอุทานกันเลย กว้างและใหญ่โตเหลือเกินจริงๆ
หันไปทางขวาเจอห้องน้ำที่เค้าทำเก๋คือกั้นประตูและมีหน้าต่างเปิดได้ด้านหลังเป็นโต๊ะทำงานสามารถนั่งทำงานไปดู LCD TV ไปพร้อมๆกันได้ชอบครับเก๋มาก
ด้านหน้าห้องพักทำเป็นที่นั่งพักผ่อนทุกหลัง ผมชอบนะครับแต่พอใกล้ๆค่ำไม่แนะนำต้นไม้ในรีสอร์ทเยอะยุงก็ต้องเยอะตามไปด้วยแต่กลางวันโอเคเลยเชียวละ
มองจากมุมด้านหลังเข้าไปจะเห็นว่าเค้าให้พื้นที่เหลือเฟือครับ ที่เห็นนี้เป็นห้องธรรมดาที่สุดของโรงแรมแล้วนะเนี่ย
ยิ่งช่วงใกล้ค่ำ เวลาแห่งการ Dinner บรรยากาศดีสุดๆ โรแมนติกมากกก
บรรยากาศยามค่ำแขกจะมานั่งสนทนากันที่บริเวณร้านอาหาร มีบรรยากาศทั้งครอบครัวและคู่รักรายล้อมไปทั่ว
มาดูยามเช้ากันหน่อยผมตื่นแต่เช้าเพราะอยากมาเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้า เพราะได้เห็นรีวิวหลายๆคนที่เคยมาก่อนหน้าถ่ายภาพตรงนี้ให้ชมมาแล้วมาเองแบบนี้ไม่พลาดแน่นอนครับ
มาตอนเช้าพนักงานทุกคนขยันขันแข็งมาทาเตรียมห้องอาหารกันแต่เช้าเลยครับ
วิวตรงห้องอาหารในเวลานี้บอกเลยหลงรักสุดๆ ท้องฟ้ายามนี้กำลังเริ่มเผยความงามออกมาแล้ว
ผมเดินเปลี่ยนมุมถ่ายไปมาบอกตรงๆมีความสุขมากในฐานะคนถ่ายภาพ วิวจากสระน้ำตัดกับเกาะหินปูนกลางทะเลยามนี้มีแสงไล่จากขอบฟ้าดูงดงามจริงๆ
เดินลงมาด้านล่างก็ยิ่งงดงามมากๆเลย
บอกเลยว่าหลงรักวิวแบบนี้จริงๆครับ อยากกลับมาที่เกาะยาวใหญ่วิลเลจอีก ชอบมากๆ ปีก่อนผมติดใจ เกาะจำที่กระบี่ ปีนี้ผมยกให้ที่นี่เลยสำหรับที่พักรักษ์ธรรมชาติและวิวสวยๆตรงหน้ากับราคาที่พักคุ้มสุดๆเลย
ใครจะว่าผมอวยก็ยอม เพราะคุณๆสามารถดูจากภาพที่ผมถ่ายมากันเองได้เลย ของจริงนั้น งดงามกวาภาพถ่ายหลายพันเท่าหากคุณไม่ขี้เกียจเกินไป ตื่นเช้าๆในเวลามาเที่ยว สำหรับผมแล้วมันคือกำไรของชีวิตทีเดียว
หลังจากเก็บภาพอยู่นานก็ได้เวลาเสริฟอาหารเช้าเข้าตัวแล้ว อาหารเช้าที่นี่เค้าจัดเป็น Set แบบ Alacart ให้เราเลือก จะมี Set อาหารเช้าแบบไทย
หรือ ABF ของทานเลือกประกอบได้เองว่าจะเอาแบบไหนเช่นเอาไส้กรอก แต่ไข่ขอเป็น ไข่แบบนั้นนี้ อะไรแบบนี้ และสามารถสั่งได้เพิ่มหากยังไม่อิ่มจริงๆ อย่างผมเลือกเป็น ABF+ข้าวต้มหมู
วิวยามเช้ากับกาแฟยามเช้าน่าหลงไหลจริงๆ
เอาละได้เวลาไปต่อกันแล้ว แต่…สำหรับตอนแรกนี้คงต้องขอจบกันตรงนี้ก่อน รีวิวนี้ชักยาวแล้ว ไม่อยากให้ Scroll กันมาก ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วครับ ที่เที่ยวของดีเมืองพังงายังไม่หมด อย่าพึ่งไปไหนเดี๋ยวมาต่อกันได้เลย ตอนนี้ขอขอบคุณการท่องเที่ยวจังหวัดพังงาที่เชิญผมไปเปิดหูเปิดตารู้จักพังงาในช่วงเวลาที่หลายๆคนมักไม่รู้ว่ามันมีที่เที่ยวแบบนี้กันด้วยเหรอ ขอบคุณที่พักดีๆอย่างเกาะยาวใหญ่วิลเลจ ที่จัดทริบพาผมไปรู้จักเกาะยาวทั้งสอง จนหยิบมาฝากทุกๆคนได้ ตอนหน้าพาเที่ยวบนฝั่งกันแล้วโปรดติดตามครับ