สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้ง กับรีวิวพาลูกเที่ยว วันนี้ one22 จะขออาสาพาทุกๆคนโดยเฉพาะคนเวลาน้อยๆ หรือพวกประเภทขี้เกียจเดินทางไกล (ประมาณ พัทยาก็ยังไกลไป ?)
ชวนคุณๆไปเที่ยวด้วยกันกับพวกเราในทริบพาลูกเที่ยวประจำเดือนนี้ กับเที่ยวตลาดน้ำใกล้กรุงอย่าง ตลาดน้ำบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตลาดน้ำแห่งนี้ผมเคยไปมากับแฟนตั้งแต่สมัยยังไม่มีปันปันเลยด้วยซ้ำวันนี้อารมณ์ดีอยาก พาลูกเที่ยวใกล้ๆกรุงดูบ้างเอาล่ะอารัมพบทมาพอแล้วไปเที่ยวด้วยกันเลยดีกว่านะครับ
ทริบนี้เป็นความตั้งใจหาที่เที่ยวใกล้บ้าน หลังๆมานี่ผม ไปแต่ละที่ไกลๆบ้านทั้งนั้น เลยอยากเที่ยวใกล้ๆแบบสุดสัปดาห์เสาร์-อาทิตย์เราก็สามารถไป เช้า บ่ายๆเย็นๆกลับได้สบาย มาลงล็อคที่ใกล้เลยอย่าง ตลาดน้ำบางพลี เอาล่ะมาดูเส้นทางการเดินทางของเรากันก่อนดีไหม
เริ่มต้นจากบ้านพวกเราอยู่ที่นนทบุรี แล้วใช้เส้นทางด่วนมุ่งหน้าไปบางพลี เอาว่าดูที่แผนที่เลยดีกว่านะครับ จาก Google Map ก็แจ้งการเดินทางขึ้นมาทันทีว่าใช้เวลาประมาณ 40 กว่านาทีเศษเองจากละแวกบ้านเรา
ก่อนจะพาเที่ยวแนะนำตัวตลาดน้ำโบราณแห่งนี้ให้ทุกคนรู้จักกันก่อนเที่ยวจะได้สนุกมากขึ้น (ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia ครับ)
ตลาดน้ำบางพลี หรือ ตลาดน้ำโบราณบางพลี เป็นตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นตลาดเก่าแก่ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ลักษณะเป็นห้องแถวไม้โบราณ 2 ชั้น ปลูกติดต่อกันเป็นความยาวกว่า 500 เมตร อยู่ใกล้กับวัดบางพลีใหญ่ใน เดิมมีชื่อว่า “ตลาดศิริโสภณ” สันนิษฐานว่าชาวจีนเป็นผู้เข้ามาเปิดร้านในตลาดนี้ราว พ.ศ. 2400 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) เดิมเป็นชุมชนใหญ่มีความรุ่งเรืองมากในอดีต โดยเป็นตลาดขนส่งจากภาคตะวันออกชายฝั่งทะเลสู่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้นใช้เส้นทางเรือเป็นหลัก
มาถึงเราเอารถจอดที่บิ๊กซีบางพลีแล้วมาเดินข้ามสะพานเรือ คือด้านหลังที่จอดติดคลองสำโรง ชาวบ้านจึงใช้วิธีอำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่อยากเดินทางมาตลาดน้ำโบราณบางพลีได้ง่าย
และใกล้มากขึ้น โดยคิดค่าผ่านทางเรือเค้าแค่ 1 บาท ก็ถือว่าเป็นสะพานเรือข้ามฟากที่เก๋มาก…
ข้ามฟากมาเจอ ตลอดแนวทางเดินเรียบริมคลองดูเป็นวิถีชีวิตของชาวริมน้ำทั้งหลาย ผมชอบให้ปันได้มีโอกาสสัมผัสได้ซึมซับวิถีชีวิตในที่ต่างๆ ไปพร้อมๆกันแม้จะเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ยังดี
เริ่มเดินกันดีกว่า ตลอดสองฝั่งมีของค้าของขายมากมาย เดินมาหิวน้ำสามารถแวะชิมเครื่องดื่มหลากหลายได้ตลอดแนวเลย อย่างนี่เราจัดน้ำเก๊กฮวยเย็นๆชื่นใจ
ระยะทางผมกะเองคร่าวๆว่าเกือบหนึ่งกิโลเมตร ทั้งสองฝั่งทางเดินที่ขนาน ไปกับคลองสำโรงของตลาดน้ำโบราณบางพลี พ่อค้าแม่ขายที่เดาเอาเองว่าเป็นชาวบ้านในพื้นที่อยู่อาศัยกันมานาน
เปิดร้านรวงขายสินค้านานาชนิด ทั้ง อาหาร ขนมไทยโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ ของตกแต่งบ้านเรือน ของฝาก ร้านเสริมสวย ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายสัตว์เลี้ยง และอีกมากมาย เราค่อยๆเดินตามมาดูกันฯลฯ
เจอร้านของเล่นโบราณเก๋ๆ สามารถหยุดเจ้าตัวเล็กให้จับจ้องไม่วางมือกันเลย
ของค้าของขายส่วนใหญ่เน้นที่ผลิตกันได้เองหรือหากนำมาขาย ก็พยายามให้ดูไม่หลุด จาก Concept ตลาดน้ำโบราณเกินไป อย่างของเล่นที่ทำจากกะลามะพร้าว เชิงเทียนแบบนี้
ของกิน ขนมไทยแบบดั้งเดิมก็มีให้ชิมกัน อย่างเจ้านี้ทำตะโก้ได้น่ากินมาก จนซื้อติดไม้ติดมือกลับมาด้วย
ขนมกล้วยก็อร่อย ครับทำกันเอง ขายเอง สมควรอุดหนุนกัน
ไม่เชื่อถามเค้าดูได้เลย 555 ยื่นยังกับ Presenter น้ำดื่มยังไงยังงั้นเลย
เดินกันต่อครับ สิ่งที่ดึงความสนใจให้เรามาที่นี่อีกอย่างก็คือข่าวใหญ่เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา (20 พค2557 ) เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีตลาดนี้มา 157ปี ที่เล่นงานจน Landmark สำคัญๆคือบ้านเรื่องแบบโบราณสองข้างฝั่งทางเดินของที่นี่หายแว้บไปในแค่คืนเดียว สำหรับใครที่ยังไม่ทราบผมหยิบข่าวครั้งนั้นมาให้ได้ชมกัน จากคลิป เจาะข่าวเด่นจากรายการ เรื่องเล่าเช้านี้
สภาพปัจจุบัน ดูแล้วก็ต้องเห็นใจชาวบ้าน กันนะครับ ไฟไหม้ครั้งเดียว ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย
รวมถึงบ้านหลังสำคัญที่ใครไปใครมาก็ต้องแวะชักภาพคู่ด้วยเป็นบ้านที่น่าจะถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของตลาดน้ำโบราณบางพลีแห่งนี้ สังเกตุได้จากภาพวาด ภาพเขียน หรือภาพถ่าย ต่างก็มีบ้านหลังนี้ให้ได้คุ้นตาเสมอๆ
แต่ในปัจจุบันหลังจากผ่านเวลาผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาได้ ชาวบ้านต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ยอมให้เหตุการณ์ร้ายๆเพียงครั้งเดียวจะทำให้ท้อถอยกันได้ง่ายๆ ช่วยกันบูรณะบริเวณรอบๆ และเริ่มเปิดตลาดน้ำโบราณแห่งนี้กันใหม่และกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ผมสังเกตุได้จากนักท่องเที่ยวที่เดินกันขวักไข่วไปมา แทบจะเรียกว่าบางช่วงเดินเบียดเสียดและต่อแถวกันยาวเลย
ข้ามฝั่งคลองมาได้ฝั่งนี้ยิ่งคึกคักเพราะร้านรวงแน่นขึ้นไปอีก อย่างร้านขายหมวกเก๋ๆ ที่หยิบเอาไอเดีย การพิมพ์ลายผ่านความร้อนสามารถพิมพ์ลวดลายเก๋ๆที่ร้านมีให้เราเลือกใส่ลงในหมวก กระเป๋า ที่ใส่ของ จะเล็กจะใหญ่ก็สามารถทำได้
ดูเก๋จนบ้านเราได้ของฝากกลับติดมือมาคนละใบกันเลย เก๋ไหมครับ
เดินถัดมาอีกหน่อยเจอของขายตกแต่งบ้าน ดูไปตลาดนี้ของหลากหลายใช้ได้เลย
เดินลงมาจากบันไดปุ๊บจมูกได้กลิ่นหมูย่างหอมๆลอยมา มองหาต้นทางเจอ แล้วร้านหมูสะเต๊ะ หน้าตาหน้ากิน ว่าแล้วก็ขอหยิบที่เราหม่ำกันมาให้ดูต่อเลยดีกว่า
เที่ยงๆบ่ายๆแล้ว ได้เวลาหาของอร่อยๆกินกันร้านที่คนนิยมมาทานกันคือร้านก๋วยจั๋บโกเซียน ร้านนี้อยู่ในบริเวณใกล้ๆคอสะพานข้ามคลองและที่ไม่น่าเชื่อคือคืนวันไฟไหม้ร้านนี้รอดมาได้เกือบครึ่งร้านทีเดียว
เลยปรับปรุ่งต่อเติมเสริมกลับมาจนสวยได้อย่างที่เห็น
รสชาติก๋วยจั้บเป็นแบบน้ำข้นนะครับ รสชาติก็เข้มข้นอร่อยกลมกล่อมดีทีเดียว
ด้านในยังมีอีกร้านในที่เดียวกันคือร้านก๋วยเตี๋ยวไข่ต้มยำ
เค้าให้ไข่มาด้วยเต็มๆคำเลย
มากินต่ออีกร้านต่อเนื่องกันเลย ก๋วยเตี๋ยวโบราณ กับตลาดน้ำเป็นของคู่กัน
บ่ายๆแล้วเลยต้องจัดน้ำเก็กฮวยมาอีกคนละแก้วสดชื่นเลย
หน้าตาของชามผม น่ากินไหม
ของปันปันครับ
และปิดท้ายของแม่ปันเป็นบะหมี่ครับ
รสชาติโดยรวมอร่อยดีทีเดียว กินแล้วนึกถึงก๋วยเตี๋ยวตู้ไม้สมัยเด็กๆ แบบน้ำผมจะติดใจกว่าแบบแห้งนิดหน่อย(แอบแย่งปันกิน โฮะๆ)
เดินมากันต่อเจอร้านขนมชั้นโบราณอีกเช่นกัน แม้จะเปลี่ยนวัสดุที่ใช้มาเป็นพลาสติกแต่ไมไ่ด้หมายความว่ารสชาติจะเปลี่ยนไปด้วย ผมชิมแล้วอร่อยดีเลยซื้อมาครบรสเลย
คนนี้ยิ่งชอบใหญ่ดูสีหน้าเด็กน้อยก็น่าจะพาเด่วกันได้นะครับ
มาปิดท้ายขนมด้วย ขนมตาลคุณหนิง น่ากินไหมครับ
เดินเรื่อยมาจนเจอบริเวณที่ถูกจัดทำเป็นศูนย์รวมสินค้าสำหรับผู้ประสพภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้ มาจัดเป็นร้านรวงต่างๆ ชั่วคราว พร้อมๆกับจัดทำเป็นนิทรรศการประวัติความเป็นมาของตลาดน้ำโบราณบางพลีไปพร้อมกัน
ทั้งปันปันและแม่ปันดูให้ความสนใจกับที่มาที่ไปและภาพประวัติความเป็นมาของตลาดนี้พอควรเลย
รูปภาพในอดีตของคลองสำโรง น่าสนใจดีนะครับ ภาพเหล่านี้ล้วนได้บันทึกประวัติศาสตร์สำคัญๆของย่านนี้เอาไว้
ถัดมาเราเจอของโบราณที่อยู่คู่ตลาดแห่งนี้มานานมาก ระดับตั้งแต่ตลาดสร้างเลยคือ ที่ดับเพลิง แบบถัง ชาวบ้านร้านตลาดยังคงอนุรักษ์ไว้
ผมลองถามดูว่าอยู่มานานรึยัง พี่ร้านขายของร้านนึงตอบด้วยความภูมิใจว่าเป็นของที่เราตั้งใจอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นกัน
เลยมาอีกเจอที่ตีระฆังบอกเวลาแบบโบราณ อันนี้เป็นของจริงที่สมัยก่อนยามใช้ตีบอกโมงยามค่ำคืน
เราเดินพ้นตลาดมาจนเข้าเขตวัดบางพลีใน ตรงนี้ก็มีของซื้อของขายมากเหมือนกันเลย เดินผ่านท่าเรือทัวร ได้ยินเสียงโฆษกประกาศออกไมค์ ล่องเรือเที่ยวชม เที่ยวสุดท้ายแล้วววว ก็อย่าให้ต้องพลาดกันได้ จัดไปครับ
ล่องเรือเที่ยวชมวิว2ริมฝั่งแม่น้ำที่นี่ใช้เวลาราวๆ 30 นาทีเท่านั้นครับวนไปกลับ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมทิวทัศนริมฝั่งสองข้างของคลองสำโรง พร้อมแล้วก็ไปกัน
ทั้งแม่ทั้งลูกดูสนุกสนานมากก
ริมสองข้างทางผมว่าถ้าอากาศดีๆแจ่มใสจะเห็นน้ำใสไม่เขียวแบบนี้นะครับ วันที่เราไปอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนไม่ดีเท่าไหร่
บ้านเรือนสองฝั่งคลองดูเป็นชีวิตคนไทยแบบง่ายๆ อย่างที่เราคุ้นและชินตา
ผ่านตรงสะพานเรือที่เราเดินข้ามฟากมาจาก บิ๊กซีด้วย วิธีผ่านก็ง่ายๆเลยครับชักรอกกันแบบนี้ล่ะ
นั่งมาซักพักจนผ่านตรงวัดบางพลีใน ที่กำลังบูรณะเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำอย่างที่เห็น
ในวันอากาศดีๆน่าจะเห็นสีทองอร่ามกว่านี้แน่
เลยมาอีกนิดหน่อยก็วนเรือกลับแล้ว ขากลับแม่ลูกเค้าเล่นไรกันเนี่ย
ผ่านหน้าวัดบางพลีใหญ่กลางไปก่อน
วิ่งมาอีกฝั่งของคลองด้านนี้จะไม่ค่อยมีบ้านเรือนหนาแน่นเท่าไหร่นักอากาศเย็นสบายๆ
ทริบนี้เด็กๆก็มีหลายคนอยู่น้าาา
แป๊บๆก็วนกลับแล้วละครับ สรุปเวลาดูก็ ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ค่าตั๋วไม่ได้แพงเลย คนละ20 บาทเอง
หลังจากนี้ก็ได้เวลากลับกันแล้วครับ กับพาลูกเที่ยวใกล้กรุงกับทริบกินเที่ยวง่ายๆ ใครๆก็เที่ยวได้หวังว่าจะช่วยทำให้คุณๆสนุกสนานไปพร้อมๆกันกับบ้านเราได้บ้าง
สรุปทริบนี้กันนิดนึง
การกลับมาอีกครั้งในรอบหลายปีของผม รวมๆผมว่าตลาดน้ำโบราณบางพลีเป็นอีกตลาดที่คุณๆสามารถจูงลูกจูงหลานในวันหยุดสุดสัปดาห์มาเที่ยว มาหาของกินในบรรยากาศ แบบไทยๆ ที่คุ้นเคย
ที่สำคัญใกล้กรุงฯซะขนาดนี้ มาง่ายไปง่าย ใครๆก็มาได้จริงๆ ยิ่งมาในวันอากาศดีๆ น่าจะยิ่งถ่ายภาพได้สวย ขอให้ฟ้าแจ่มๆ เถอะ ทริบนี้ผมเจออากาศขมุกขมัวไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้หมดสนุกแต่อย่างใด
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยพาเที่ยวได้ไม่มากก็น้อยนะครับ หนหน้าจะพาออกทะเลกันอีกซักรอบจะเป็นที่ไหนโปรดติดตามครับ วันนี้ลากันก่อนจนกว่าจะพบกันนะครับ