พาลูกเที่ยวรอบนี้จะพาคุณๆไปเที่ยวเชียงใหม่พร้อมๆครอบครัวเรากันครับ รีสอร์ทที่เราจะพาไปนั้นเป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่เข้าประกวด โครงการประกวดสุดยอดโรงแรมบูติคของไทย ในชื่อ “Thailand Boutique Awards Season 3 (2014-2015)” หรือเรียกย่อๆว่า TBA
โครงการนี้มีบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นแม่งาน และ one22.com ได้รับเกียรติเชิญให้ร่วมเป็น 1 ของนักรีวิวในโครงการนี้ จากนักรีวิวชั้นแนวหน้าร่วม 10 กว่าท่าน ต้องบอกว่านับเป็นเกียรติ์มากๆ
และยังมีพันธมิตรที่เข้าร่วมสนับสนุนอย่าง สายการบิน Bangkok Air ในการเดินทางจากกรุงเทพฯ มาเชียงใหม่
รวมถึงการสนับสนุนการเดินทางภาคพื้นดินจาก บริษัทรถเช่า Thai Rent A Car ปีนี้เป็นปีที่ 3 ที่จะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี
เอาละไปดูกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเวลาเหลือเฟือมากเพราะผมตั้งใจจะไปเข้า Lounge ของสายการบิน บางกอกแอร์ และรอบนี้เป็นระดับ Premier Member กันเลยกับ Blue Ribbon Lounge ไปดูกันดีกว่าครับ
Blue Ribbon Class ถือเป็น Lounge พิเศษสำหรับผู้โดยสารที่บินระดับ Premier ในสายการบินอื่นๆก็น่าจะประมาณ Business Class นั้นเองภายในตกแต่งสวยงามมากครับ กว้างและโอ่โถ่งมาก ที่สำคัญโซฟานั่งนอนสบายทีเดียว และยังดูดีมีรสนิยมมากครับ
มาดูอาหารบ้าง อาหารจะมีทุกอย่างที่ Lounge ปรกติชั้นประหยัดมีทุกอย่างแต่มีเพิ่มเติมอีกหลากหลายเมนูทั้งของคาวและของหวานมีให้เราเลือกสั่งได้ไม่จำกัด และในภาพยังมีคอมพิวเตอร์และเน็ตให้เล่นกระจาย wifi ก็มีเช่นกันนะครับ
อย่างของหวานก็หลากหลายเลยทีเดียว สารพัดเค้กและเบเกอร์รี่เลย
อย่างของผมสั่งจากในเมนูมีให้เลือกหลายอย่างผมเลือก2เมนูนี้ เกี้ยวกุ้งกับข้าวผัดกุ้ง เกี้ยวโอเคเลยครับ ข้าวผัดออกจืดนิดหน่อยแต่กุ้งเยอะดีนะครับ ข้างหัลงก็ขนมจากภาพข้างบนเลย คือแบบว่าจัดเต็มจริงๆ หิวๆมาเลย ^_^
อิ่มกันดีเหลือหลาย ยังไม่จบนะครับผมนั่งเล่นนั่งทำงานต่ออีกพักได้เวลาเรียกขึ้นเครื่อง บนเครื่อง Bangkok Air ยังมีเมนูอาหารว่างให้บนเครื่องอีก แบบว่าอิ่มกันยาวไปถึงเย็นเลยสำหรับผม
หลังลงเครื่องผมออกมารับรถจาก Thai Rent A Car ที่สนามบินเชียงใหม่รอบนี้ได้รถ Eco Car ประหยัดดีครับเคยใช้หลายครั้งแล้วประทับใจดีทีเดียว
ผ่านขั้นตอนรับรถทุกอย่างผมก็ดิ่งไปรีสอร์ททันที่ตัวโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่มากนัก ขึ้นรถขับตามเส้นทางมุ่งหน้าไปตลาดหนองหอย ไปทางวัดเกตุ ข้ามแม่น้ำปิง ใช้เส้นทาง ถนนเชียงใหม่-ลำพูน เส้นนี้เป็นเส้นที่มีต้นยางอายุหลายร้อยปีอยู่ตลอดแนว ผมละชอบมาก วิ่งไปไม่ถึง10 นาทีก็ถึงแล้วละครับ
มาถึง Check-in ที่ Front เจอพนักงานต้อนรับยิ้มพิมพ์ใจสุดๆเลยครับ กระตืนรืนร้นในการบริการแขกดีมาก อันนี้ขอชมเลย และรอไม่ถึง2 นาทีก็มี Welcome Drink เป็นน้ำข้าวหอม กลิ่นหอมสุดๆเลยครับไม่เคยทานน้ำแบบนี้ที่ไหน เพราะที่นี่เค้านำมาจากแปลงข้าวของเค้าเอง ..ใช่แล้วนาข้าวในรีสอร์ทเดี๋ยวอ่านกันต่อนะครับจะพาไปดูกัน
ศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ทแอนด์สปา ถือเป็นรีสอร์ทที่อยู่ในอาณาเขตย่านกลางเมืองเชียงใหม่ ไปมาไม่ยากเลย และที่ไม่น่าเชื่อคือเพราะความที่ตัวรีสอร์ทอยู่ย่นในเมืองแต่เมื่อเดินเข้าไปภายในตัวรีสอร์ท กลับสร้างความประหลาดใจให้ผมมากทีเดียว ยังไงเดี๋ยวพาไปดูครับ อ่อที่นี่จะเช็คอินจริงๆที่ บ่ายสองโมงนะครับกรณีมาก่อนเราสามารถเดินเที่ยวภายในรีสอร์ทได้เลยหากห้องว่างก็สามารถแจ้งกับทาง Counter ได้เช่นกันครับ
เดินถัดเข้ามาภายในจะพบกับ ทางเข้าเป็นลักษณะคล้ายซุ้มประตู ดูไปทำให้นึกถึงคูเมืองเชียงใหม่ขึ้นมาครับ มองผ่านหลังซุ้มประตูไปเจอสะว่ายน้ำอยู่หลังซุ้ม เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมเช่นกัน ตัวสระว่ายน้ำดูดีทีเดียว เดี๋ยวผมพาไปชมห้องพักก่อนเลย ส่วนอื่นๆจะพาไปชมอีกทีนะครับ
เดินไปที่ห้องพักของเรากันดีกว่าครับสองข้างทางจะใช้เป็นแนวต้นไม้ปลูกล้อมสระน้ำ คั่นกลางด้วย ทางเดินรอบสระเข้ามาแล้วก็ตกใจภายนอกมองเข้ามาแทบไม่รู้เลยว่าข้างในจะกว้างและเขียวครึ้มแบบนี้ ร่มรื่นมากๆ
ห้องพักที่ ทาง ศิริปันนา ส่งเข้าประกวดครั้งนี้ เป็นแบบ Royal Lanna Villa ตัวห้องพักจะอยู่ล้อมรอบสระว่ายน้ำทั้ง 2 ด้านมีความเป็นสัดส่วน และอาศัยต้นไม้ใช้เป็นรั้วต้นไม้กั้นระหว่างทางเดินกับตัวห้องพักไปพร้อมๆกัน
เข้ามาก็น่าประทับใจมากครับกลิ่นหอมมากเดินเข้ามาถือเป็น First Impression เลย ห้องพักตกแต่งสไตล์ล้านนา ตกแต่งสวยงามกำลังดีไม่ได้ดูเหนือแท้ๆเกินไปผสมผสาน ความร่วมสมัยด้วยเฟอร์นิเจอร์รุ่นใหม่ดูแล้วเข้ากันดีทีเดียวครับ
ห้องพักType นี้มีขนาดอยู่ที่โดยประมาณ 60 ตร.ม. และด้านหน้าภายใน Villa ยังมีศาลาให้นั่งเล่นได้อีก มีขนาดพื้นที่เพิ่มเติมอีก 15 ตร.ม. ส่วนตัวคิดว่ากว้างขวางดีมากๆเลย
เตียงจะเป็นแบบ King Size หมอนเยอะสไตล์บูทีค โฮเท็ลที่เน้นให้แขกได้ผ่อนคลาย การมีหมอนเยอะๆมันดีมากๆผมชอบ เตียงก็หนานุ่มนอนหลับสบายสุดๆเลยครับ
ในห้องตรงบริเวณโซนโต๊ะรับแขกจะตั้ง Welcome Fruit ใส่พานขนาดใหญ่มากกกก ผลไม้ดูคุ้มมากๆเลยนะครับจัดเต็มกันจริงๆ
มาดูในห้องน้ำกันบ้าง เปิดประตูเข้าไปด้านในจะเจอ อ่างอาบน้ทรงกลม นอนแช่สบายมากๆ ผมลองมาแล้ว
มาเดินเที่ยวรอบๆกันบ้างครับ ที่นี่กว้างขวางมากกว่าที่เห็นจากด้านหน้ามากครับ จุดเด่นจริงๆต้องยกให้สระน้ำ ล้อมรอบด้วยรั้วต้นไม้ให้ความรู้สึกร่มรื่นสบายตามาก
เดินข้ามสะพานไม้ที่สร้างไว้มาตรงกลางจะทำเป็นพื้นที่สวนสวยๆไว้ตรงการแอบเก๋มากดีไซน์เท่ครับ
รอบสระว่ายน้ำก็มี Daybed ริมสระสีเขียวสบายตา ล้อมรอบ
ตัวผ้าเช็คตัวก็ยัง theme เดียวกันสรุปว่าที่นี่เน้นสีเขียวทั้งรีสอร์ทเลย มองไปตรงไหนก็สบายตามาก
ตัวสระเองก็ใช้สีเขียวมรกตสวยงามยามต้องแสงแดด ยิ่งสวย
เดินลงไปตรงกลางมีจัดเป็นเก้าอี้ให้แขกนั่งชมวิวได้ หากเป็นช่วงเย็นและแดดร่มกว่านี้หน่อยยิ่งน่ามานั่งพักผ่อนมากครับ
เดินออกมาจากสระน้ำไปดูรอบๆรีสอร์ทกันต่อนะครับ เราสามารถเดินอ้อมตึกไปด้านหลังได้
พ้นทางเดินด้านข้างเองยังมีอะไรให้แปลกใจได้อีกนะครับ เพราะจะเจอแปลงข้าว แปลงผัก ทำให้รู้ว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบล้านนาไทยและหยิบเรื่องราวการเพาะปลูกข้าวมาทำเป็นกิจกรรมให้กับแขกได้เรียนรู้วิธีการปลูกข้าวแบบไทยๆของเรา เป็นกิจกรรมที่ฝรั่งถูกใจแน่นอน
มาดูฝรั่งดำนากันครับ คู่นี้เป็นคู่รักมาฮันนีมูนกัน น่ารักมากๆแต่งตัวเป็นชาวนาครบองค์เลย
แล้วเค้าก็สนุกกับการเป็นชาวนาแบบบ้านเรามากๆเลยด้วยนะครับ
และเค้าก็หวานนนนกันสุดๆเลย สมกับมาฮันนีมูนทีเดียว
ไม่วายวันต่อมา ทั้งแม่ทั้งลูกก็เอากับเค้าด้วย ชุดพร้อม คนเหมือนจะพร้อม
เอาเข้าจริง แม่ปันพร้อมอยู่คนเดียวนะเนี่ย
เอาเข้าจริงๆ ดูแม่จ๋าเค้าสนุกนะ ทำเร็วมาก ลุงที่เป็นเทรนเนอร์ยังออกปากชมเลย
ทำกิจกรรมกันพอหอมปากหอมคอ ได้เวลาไปผ่อนคลายกันต่อ กับ ปันนาสปา ครับ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเยี่ยมไม่แพ้ใครในเชียงใหม่เหมือนกัน อันนี้ผมขอ Confirm ด้วยตัวเองครับ
ตามชบวนการเป็ดน้อยหน้าสปาไปกันครับ หนูๆเหล่านี้น่ารักมากก
บรรยากาศใน ปันนาสปา ก็สงบและน่าพักผ่อนมากๆ ระหว่างทำสปาหลับสบายเลย
และที่เด็ดคือการทำสปาเด็กเค้าก็มีด้วย อันนี้ ปันปันได้ลองด้วยตัวเองมาแล้วด้วย แต่ลองได้ไม่นานนะครับคนนี้เค้าจักจี้ โดยถูกเนื้อต้องตัวมากๆจะดิ้นน่าดู
ส่วนของผมได้ลองนวดไทยบอกเลยว่า สุดยอดที่สุดตั้งแต่เคยนวดไทยมา เพราะแพทย์ที่ทำนั้นเค้าไปร่ำเรียนมาจากเมืองจีนเป็นการผสมผสานศาสตร์จับจุดแบบจีนกับนวดไทยเข้าด้วยกัน ต้องยอมรับจริงๆครับ อยากให้ทุกๆคนลองมากันดู แล้วจะลืมที่เคยๆกันเลย ผมพบว่ากว่าจะสบายต้องเจ็บก่อนจริงๆ ตัวเราจะเบาหวิวเลยทีเดียวเป็นการนวดไทยที่ติดใจมากๆครับ สุดยอดเลย
กิจกรรมในรีสอร์ทนั้นมีหลายอย่าง นอกจากสปาแล้ว ในตอนเช้าๆ หากอยากทำบุญตักบาตรที่นี่ก็มีการจัดให้แค่เพียงแจ้งความจำนงค์ ตอนเช้าจะมีการนิมนต์พระให้มาบิณฑบาตรในรีสอร์ทได้ครับ
เราเองก็ได้ตักบาตรที่เชียงใหม่พร้อมกันทั้งบ้านเลย ปรกติเราจะใส่บาตรกันที่บ้านอยู่เป็นประจำแล้ว เวลามาเที่ยวไม่เคยได้มีโอกาสนอกจากตั้งใจจะไปทำบุญกัน แต่นี่เป็นการมาพักและได้ทำบุญไปด้วย ได้ความสุขใจในระหว่างการเดินทางมากครับ
ทำกิจกรรมต่างๆมาแล้วมาลองดูหัวใจหลักที่มีชื่อเสียงของที่นี่คือ อาหารครับ ที่นี่จะจัดเป็นบุฟเฟ่ห์ให้คนนอกเข้ามาทานอาหารได้ โดยมีทั้งบุฟเฟ่ห์กลางวัน กลางคืน และหากเป็นวันหยุดหรือวันหยุดพิเศษต่างๆก็จะมีอาหารพิเศษ ในราคาที่ทราบแล้วจะอึ้ง
อย่างทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ ตั้งแต่ 12.00 น. – 15.00 น. ราคา 189 บาทต่อคน รวมน้ำดื่มฟรีตลอดมื้ออาหารอาหารไม่ใช่ไก่กาเลยนะครับไม่เชื่อลองดูได้
อาหารก็หลากหลายมากผมรวมมาให้ดูกันทีเดียวเลย ไม่งั้นที่อาจจะไม่พอ
หรือหากเป็นมื้อค่ำราคาจะขยับไป 389 บาท รวมน้ำดื่มฟรีตลอดมื้ออาหาร ให้บริการทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ ตั้งแต่ 18.30 น. – 22.30 น.
อาหารก็อลังการงานสร้างเช่นกัน ปลาดิบ ซูชิ ก็มีให้เลือกตักได้ไม่อั้น ยิ่งถ้าเป็นวันอาทิตย์ จะมี บุปเฟ่ห์ ซันเดย์ลั้นช์ ราคา 589 บาทสุทธิ รวมน้ำดื่มฟรีตลอดมื้ออาหาร ให้บริการทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 12.00 น. – 15.00 น.
ถือเป็นบุฟเฟห์นานาชาติได้เลย ทั้ง อาหารแบบไทยและจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งสไตล์ค๊อกเทล อาหารทะเลแบบสดๆ และอีกมากมายมหาศาลคุ้มากกกครับ อย่างในภาพผมจะรวมภาพจากมื้อวันอาทิตย์มาด้วย อันนี้เลิศจริงๆครับ
ที่ผมถูกใจคือ ขนมครับ พาเหรดกันมาเยอะมากๆ ขนมทั้งหมดมาจากร้าน ร้านกัสท์เค้ก บาย ศิริปันนา เป็นร้านขนมที่เจ้าของเปิดโดยใช้ชื่อของลูกชาย ซึ่งวันที่เราเข้าพักก็ได้เจอน้องกัสท์ด้วย วัยใกล้ๆกันกับปันเลย
ขนมมีทั้งแบบไทยๆอย่างขนมชั้น ขนมไทยโบราณก็มีด้วยนะครับ ขนมฝรั่งเลยเช่น มาการอง ก็มีให้ทานได้ และอีกหลากหลายมากลองดูจากในภาพได้เองครับ
เค้กก็มีมาให้เลือกเยอะเลย
และอีกหลายหลายเลือกกันตาลาย อันนี้ผมไม่ได้ชมเวอร์นะมันเยอะจริงๆประทับใจมาก กับทั้งราคาและคุณภาพของอาหาร
ก่อนจาก…
กลางวันบรรยากาศดีแจ่มใส ยิ่งโดยเฉพาะแถวๆสปาและทุ่งนาบรรยากาศดีมาก
ปันก็ได้ออกกำลังกายไปพร้อมๆกันเพราะที่กว้างๆให้วิ่งเล่นในเมืองกรุงนับว่าจะหาได้น้อยลง การมาวิ่งเล่นในบรรยากาศและอากาศดีๆถือว่าวิเศษสุดๆครับ
ตัวที่พักก็ยังสวยและแสนร่มรื่นมากก
ก่อนจากขอเก็บภาพสวยๆในช่วงเวลาทั้งกลางวันและใกล้ๆค่ำของรีสอร์ทมาให้ชมกันอีกหน่อย
ประทับใจในรีสอร์ททั้งเรื่องของพื้นที่ที่กว้างและเซอร์ไพร์สสุดๆไม่นึกว่ากลางเมืองจะมีรีสอร์ทที่ดูธรรมชาติมากๆ แบบเดินเข้ามาเสมือนตัดขาดจากโลกภายนอกได้เลย
สระว่ายน้ำก็ว่ายสนุกกว้างและสวยดีมาก
บรรยากาศทุ่งนาที่คงมีไม่กี่ที่ๆยังคงมีกิจกรรมแบบนี้ให้แขกได้ลอง แม้คนไทยอาจจะไม่ได้ลองกันมากนัก แต่ฝรั่งเค้ายอมเสียตังแพงๆมาพักผ่อนแล้วลองเป็นชาวนาบ้านเรากันได้ทำไม่เราไม่ลองกันบ้างละจริงไหมครับ
หลังจากนี้เราก็ได้เวลากลับแล้ว ขากลับเราก็กลับด้วย Bangkok Air อีกเช่นเคย และสำหรับเด็กเล็กๆที่เดินทางกับครอบครัวทาง Bangkok ก็ใส่ใจเป็นพิเศษมีสมุดสติ๊กเกอร์ให้เด็กๆเล่นกันได้เพลินๆระหว่างอยู่บนเครื่องด้วยเช่นกัน ถือเป็นการปิดทริปที่ดีประทับใจเรากันทั้งบ้านครับ
สรุปกันหน่อย
ในฐานะเป็นนักรีวิวกิตติมศักดิ์ ในโครงการ “Thailand Boutique Awards Season 3 (2014-2015)” ส่วนตัวประทับใจในการดูแลกันตั้งแต่วินาทีที่เดินลงจากรถ พนักงานต้อนรับก็ดี หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ๆไม่ใช่ส่วนต้อนรับยังออกมาต้อนรับแขกได้
รอยยิ้มพิมพ์ใจเป็นสิ่งที่แขกต้องการเมื่อจ่ายตังเข้าพักรีสอร์ทระดับ 4-5 ดาว และทีนี่ก็ไม่ได้ตกหล่นมาตรฐานตรงนี้เลย
การบริการ ตลอด 3 วันที่ผมพักอยู่ที่นี่เดินไปไหนมีแต่คำทักทายทั้งภาษาเหนือหรือภาษากายที่จะยกมือไหว้ทักทายหรือน้อยสุดก็มรรอยยิ้มบนใบหน้าให้กับเราตลอดเวลา
ห้องพักที่ส่งเข้าประกวดถือเป็น Villa ที่ดีนะครับการันตีด้วยรางวัลจากปีก่อนๆที่เคยได้รับมาแล้ว หวังว่าปีนี้ขอให้ได้อีก เอาใจช่วยครับ และหากอยากติดต่อโรงแรมสามารถ ติดต่อกันได้ที่ เบอร์ โทรศัพท์ 053-371-999 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ www.siripanna.com
อาหารอันนี้สิ Hilight เมนูอาหารโดยรวมทั้งสามวันมีปรับเปลี่ยนเสมอ ไม่ได้เสริฟซ้ำๆกันทุกวัน อาจจะมีเมนูหลักๆพวกข้าวต่างๆ แต่กับข้าวและประเภทของอาหารไม่ซ้ำแน่ๆ โดยเฉพาะของหวาน แม้จะไม่ได้อร่อยสุดยอด แต่ก็ไม่ได้แย่แน่ๆอันนี้ผม confirm กันได้ทั้งครอบครัวครับ
ท้ายนี้ขอขอบคุณ KTC เจ้าของ project ที่ทำให้มีโครงการประกวดดีๆในครั้งนี้ และได้ให้เกียรติ์ผมและครอบครัวได้มา visit ด้วยตัวเองทั้งประทับใจและเป็นเกียรติ์มาก , Thai Rent A car ที่สนับสนุนรถยนต์ให้เราเดินทางได้สะดวกและปลอดภัย,สายการบิน Bangkok Air ที่ทำให้เราบินไปกลับได้สะดวกสบายและปลอดภัยตลอดการเดินทางมาครั้งนี้ ขอบคุณผู้อ่าน ทุกท่านที่ติดตามกันไม่มีเพื่อนๆก็คงไม่มีเราในวันนี้ ขอบคุณมากครับ
แล้วพบกันโครงการหน้าครับ สวัสดีครับ
1 Comments
Boonchoke Warotamaporn
น่าพาลูกไปดำนาบ้างนะครับ