” จากโตเกียวถึงคาวากูจิโกะ พบรัก ฟูจิซัง ในวันหนาวๆต่ำ 10 องศา ” รีวิวคลายร้อนในช่วงที่บ้านเราอุณหภูมิ แตะ 46 องศา ป่ะ ไปดูไรเย็นๆแล้วจินตนาการร่วมกัน
ชื่อรีวิวนี้บอกไว้เลยว่าเย็น และเย็นมากๆ ด้วย และอีกอย่างที่รีวิวนี้จะพาไปคือ ไปดูฟูจิครับ
ภูเขาไฟฟูจิ หรือ คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ฟูจิซัง รีวิวนี้จะพาไปดูหลากหลายอารมณ์ และองศาจากเช้าจรดค่ำ กับภูเขาไฟลูกนี้ครับ
ใครอยากจะได้อะไรเย็นๆในวันที่ประเทศเราโคตรร้อนแบบนี้ เชิญตามมา
จะพาไปเย็นแบบ ต่ำ 10 องศา แบบ เจอ หิมะ พบรักน้ำแข็ง และเป็นแบบครั้งแรกในชีวิตของผมอีกต่างหาก
ไปกันเถอะ อ่อ ตอนท้ายจะพากลับไปหาซูชิกินเที่ยวโตเกียวย่านดังแบบเบาๆ กับชินจูกุ อีกเล็กน้อย เอาล่ะตามมากันเลยครับ
ทริปนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นก่อนจะรีวิว ซากุระแรกในชีวิตของผมจากตอนแรก
ใครพลาดตอนนี้ไป กลับไปอ่านกันได้ กดที่นี่หรือที่ภาพก็ได้เช่นกัน ไปชมซากุระแรกของโซนโตเกียว ทุกปีพบเจอกันได้ที่นี่เลย
เราวางแผนทริปนี้ไปทั้งหมด 3 จุดหลักๆ ที่แรกเริ่มกัน ที่นี่ ถัดไปคือ คาวาซุ เมืองซากุระแรกที่รีวิวไปแล้ว และสุดท้ายคือที่ นิกโกะนั้นเอง
สำหรับรอบนี้เป็นเส้นทาง โตเกียว-คาวากูจิโกะ หนึ่งในเมืองทะเลสาบทั้ง 5 ของการมาชมฟูจิซังกัน เอ่ยถึงภูเขาลูกนี้หลายๆคนที่ไปญี่ปุ่นตอนกลางของประเทศอย่างแถบคันโต ย่อมมี “ฟูจิ” หรือ “ฟูจิซัง” ของคนญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายด้วยแน่นอน
สำหรับการเดินทางมาเมืองคาวากูจิโกะนั้นแสนง่ายมากด้วย รถไฟชินคันเซ็น เส้นทาง จากสนามบิน นาริตะ Terminal 2 นั่ง Narita Express มาต่อชินคันเซ็นอีกที และเปลี่ยนขบวนที่สถานีใหญ่ๆอย่าง Tokyo Station หรืออย่างของผม ไปลง Shinjuku จากนั้นมาต่อขบวนรถไฟท้องถิ่นสาย FIJIKYU RAILWAY จน ถึง สถานีรถไฟ คาวากูจิโกะ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆก็มาถึงได้ไม่ยาก
และปัจจุบันนี้ JRPASS เพิ่งออกตั๋วใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวมา (เริ่มใช้ตั้งแต่ปลายปี 2015 )ชื่อว่า “JR TOKYO WIDE PASS” สำหรับคนท่องเที่ยวในเขตคันโตเลยไปถึงภูมิภาคโทโฮคุตอนล่าง ซึ่งสามารถเปิดใช้ได้ตั้งแต่สนามบินได้ ตอนที่ผมซื้อก็มาซื้อที่สนามบิน จะมีออฟฟิตขายตั๋วอยู่หลังเดินออกมาจาก Gate มองขวามือไว้ครับ
ถือว่าประหยัดมากๆครับ เพราะลำพังแค่ค่าตั๋วนั่งจากสนามบินด้วย Narita Express ต่อเที่ยวก็ 3100 เยนแล้ว
ราคาก็ตามนี้ครับ สามารถเปิดใช้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ซึ่งเราสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตอนมาซื้อตั๋วได้ครับ
ผู้ใหญ่: 10,000 เยน (อายุ 12 ปีขึ้นไป)
เด็ก: 5,000 เยน (อายุ 6 – 11 ปี)
ใช้งานได้ 3 วันต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่เราระบุให้เป็นวันแรกที่เปิดใช้งาน
เป็นตั๋วเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวโดยแท้โดยเพิ่มเมืองท่องเที่ยวสำคัญใหม่อย่างเมืองสกีรีสอร์ทอย่าง “GALA YUZAWA ” เข้ามาด้วย
ระหว่างนั่งรถไฟท้องถิ่นมายังไม่ทันจะถึง สายตาผมก็พาไปให้เห็น ฟูจิซัง แบบเต็มๆตาแม้จะยังขี้อายอยู่บ้างแต่ก็ทำให้หัวใจผมพองด้วยความตื่นเต้นและตื่นตา ทันที
มาถึงก็ลองเช็คสัญญานกันก่อน มาถึงผมเปิด Pocket Wifi ที่เช่ามาจากไทย สัญญานเต็มดีมาก ทริปญี่ปุ่นแนะนำที่สุดก็คือ Pocket Wifi เจ้าที่ผมใช้ราคาดีไม่แพงครับ เป็นของ Iwifi
เครื่องใช้ได้นานดี ตลอดทริปผมใช้ได้ตั้งแต่เข้าจรดค่ำ กว่าจะหมดราวๆ เกือบ 1 ทุ่ม จะให้ดีก็เตรียม แบตเสริมไปเสียบชารต์ไว้ก็ใช้ได้ทั้งวันแล้วละครับ
โอ้ววนี้หรือคือฟูจิ ที่ผมพลาดจะมาเจอถึง 3 ครั้งแล้วรึนี้ ผมมาญี่ปุ่นนับถึงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ไม่มีครั้งไหนเลยจะมาเห็นฟูจิด้วยตาตัวเองซักครั้ง เพราะงั้นครั้งนี้มาพร้อมความหวัง ฝัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความปราถนาจะมาพบเจอ สาวน้อยแสนงดงามและยิ่งใหญ่นี้ให้ได้
มาถึงสถานีรถไฟคาวากูจิโกะ น่ารักมาก ด้านหน้าจะมีรถโดยสารให้นักท่องเที่ยวเลือกขึ้นได้ จะมีรถบัสพาไปรับส่ง เป็นรอบๆไป เค้าจะแบ่งออกเป็นสีต่างๆเช่น สายสีแดง Red line จะเป็ฯเส้นทางหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมมาที่สุดเพราะจะพาไปเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะนั้นเอง ส่วนสีอื่นๆก็พาไปยังทะเลสาบข้างเคียงเช่น Blue Line: seiko lake เป็นต้น
หากใครอยากรู้เวลาชัดเจนแนะนำให้เดินออกมาจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาจะเจอ infomation ที่พร้อมจะแนะนำและมีแผนที่ แผ่นพับ บอกเวลารถโดยสารทุกเที่ยวไว้ครบถ้วนไม่ว่าเราจะไปตรงไหนในละแวกทะเลสาบแห่งนี้ครบครับ อย่างสายนี้ก็จะไป ตามป้ายบอกไว้ชัดเจนเลย รถจะวนเป็นวงกลมสุดท้ายก็จะกลับมาที่สถานีหมดครับไม่ยาก ไม่หลงแน่ๆ
สำหรับใครที่อยากรู้เวลาเที่ยวรถชัดเจน และจุดขึ้นลงทั้งหมด เว็บนี้เลยครับ บอกเวลาบัสทั้งหมดเป็นภาษาไทยไว้แล้ว http://bus-th.fujikyu.co.jp/
หลังเก็บกระเป๋าเข้าที่พักที่ผมจองมาจากการค้นหาผ่านเว็บ ” Hotelscombined.co.th ” ตัวเว็บนี้จะช่วยดึงโรงแรมที่พักที่เราสนใจ มาจากเว็บที่ใช้จองออนไลน์ดังๆมากมายอย่าง agoda,booking.com,expedia และอีกมากมายมาเปรียบเทียบราคาที่ดีที่สุดสำหรับเราก่อนจะตัดสินใจจองกันต่อไป ซึ่งแฟร์ดีมาก ง่ายและทำให้ประหยัดเวลาในการเปรียบเทียบราคาเองจากการเข้าออกแต่ละเว็บ ดูตัวอย่างได้จะเห็นว่าผมหาที่พักและจองผ่าน hotelscombind และจะบอกราคาจากเว็บจองนั้นๆให้เราเสร็จเลย ง่ายดีครับ
แค่พบก็ Love แล้ว..ฟูจิซัง
มาดูที่พักก่อนเลยว่าหน้าตาเป็นไงนะ ผมเลือกที่นี่เพราะสองอย่าง คือตัวโรงแรมแจ้งว่ามีที่แช่ออนเซ็นที่สามารถมองเห็นฟูจิได้เลย ด้วยคำเชิญชวนนี้มันยากจะปฎิเสธจริงๆครับสำหรับคนที่ยังไม่เคยเห็นฟูจิซัง ซักที ผมจึงตัดสินใจจองไม่ยากเลย กับที่ KONANSOU
หลังผ่านขั้นตอน Check in เรียบร้อยห้องเราดูดีมาก มีการแยกห้องเป็นสัดส่วนชัดเจน เข้าประตูเจอห้องอาบน้ำ พร้อมอ่างแช่น้ำขนาดย่อมๆในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ผสมกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยครบครันในแบบโรงแรม 4-5 ดาวจัดเต็มมาก
ห้องส้วมก็แยกชัดเจนและสะอาดดีมากๆ
มาดูห้องพักกัน กว้าง มีโต๊ะนั่งทำงานในสไตล์ญี่ปุ่น ด้านในจะปูฟูกหนาๆ แบบเอาตัวเรายัดเข้าไปได้เลย สำหรับใครที่ติดนอนเตียง อยากให้ลองมานอนแบบฟูกดู
คุณภาพของฟูกนอนแบบญี่ปุ่นจะไม่ใช่แบบที่เราเคยๆนอนกัน ความหนาและนุ่มจากดีกว่ามาก และอีกอย่างเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการนอนไปอีกแบบนะครับ น่าลองกันดู
อันนี้คือสิ่งที่คาดหวังตั้งแต่จองเลยว่าเราจะเห็นวิวฟูจิ จากหน้าต่างห้อง อันนี้บอกตรงๆเราเข้าใจผิด หรือจริงๆอาจจะต้องจ่ายแพงขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะวิวที่เราได้จะเป็นแบบเห็นทะเลสาบคาวากูจิโกะแทน แม้จะสวยแต่ก็ผิดคาดเล็กน้อย แต่ด้วยคุณภาพของห้องพักก็ทำให้ผมรับได้ไม่ยากครับ แต่..ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมผิดคาดเช่นกันในเช้าวันถัดมา มาดูกัน
หลังจากคืนแรกผ่านไปมาจนถึงเช้าวันใหม่ หลังมื้อเช้าในแบบสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆคือ มีเสริพข้าวแบบ setto (เซ็ทเบนโตะ) คือมีข้าวเสริพพร้อมผักดองชนิดต่างๆ พร้อมปลาและเครื่องเคียงต่างๆ ไป วิวฟูจิจากห้องอาหารที่นี่ก็พร้อมเสริฟเช่นกัน มองเห็น ฟูจิซังได้จากหน้าต่างโรงแรมเลยครับ
หลังจัดการมื้อเช้าเรียบร้อยผมเดินขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าและสิ่งที่ผมคาดหวังก็ปรากฎตรงหน้าเลย
นี่เองที่เค้าโฆษณาไว้ นั่งแช่ขาออนเซ็น ชมฟูจิได้เลย มาจากตรงนี้ละครับ
วันนี้ฟูจิซังไม่ขี้อายอีกต่อไป เปิดให้เราชื่นชมได้ตรงหน้า การนั่งแช่น้ำร้อนชมวิวจากชั้นดาดฟ้ามันสุดฟินขนาดนี้ละครับ ถ้ารู้ว่ามันมีแบบนี้ตั้งแต่แรกผมจะมานั่งแช่ตั้งแต่มาถึงแล้วจริงๆ
เอาละได้เวลาออกเที่ยวแล้วครับ โปรแกรมวันนี้เพื่อฟูจิจริงๆ ผมเริ่มด้วยการไปรับรถที่จองมาตั้งแต่เช้า หลังจากนั้นคือการขับรถชมทะเลสาบและการขึ้นเรือในทะเลสาบคาวากูจิโกะนี้ สำหรับการขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นผมจะเขียนไว้ใน อีกรีวิวนะครับ แต่บอกสั้นๆตรงนี้ก่อนได้ว่า เช่ารถกับ toyota ผมว่าประหยัดกว่าอีกเจ้าครับ ใครอยากรู้รายละเอียดตามอ่านการเช่ารถขับได้จากรีวิวซากุระเลยครับ
จุดชมวิวแรกที่ต้องมา ป้ายที่ 11 Red Line: Sign Seeing Boat-Rope Way
เวลาเปิดปิด 9.30-16.40 น.
วิธีการขึ้นไม่ยากนะครับ เค้ามีที่จอดรถไว้อย่างดีเดินมาไม่ไกลจะมีจุดให้ซื้อตั๋วขึ้นรถรางเพื่อขึ้นไปจุดชมวิว สนน ราคามีให้เราเลือกทั้งแบบขึ้นลงอย่างเดียว 720 เยน (ต่อเที่ยว 410เยน )กับแบบรวมนั่งเรือเที่ยวรอบทะเลสาบไว้ด้วย ราคา 1,240 เยน หากใครมีเวลาเที่ยวทั้งวัน ซื้อแบบหลังจะคุ้มกว่ามากเพราะ มีรวม ตั้งแต่นั่งรถรางขึ้นมาจุดชมวิว + นั่งเรือชมบรรยากาศทะเลสาบที่บอกไป ถ้าเอาทั้งคู่จะคุ้มและประหยัดกว่าซื้อแยกครับ
ระหว่างทางวิวก็สวยขึ้นเรื่อยๆตามความสูง
บนจุดชมวิวจะมีร้านค้าขายของที่ระลึก และมีบริการกล้องส่องทางไกลแบบหยอดเหรียญบริการตามความต้องการ ไว้พร้อมครับ
ฟูจิซังจากตรงนี้ดูใกล้ชิดมากขึ้นและแม้มาตอนกำลังขี้อายอีกแล้วว แต่…เมฆมาจากไหนเนี่ย
บนนี้ถือเป็นอีกจุดห้ามพลาดหากคุณต้องการชม ฟูจิซังใกล้ๆนะครับ ได้แน่นอน
เดินขึ้นไปถึงจุดชมวิวด้านบน เราสามารถมองมาอีกด้านเห็นทะเลสาบ ที่เดี๋ยวเราจะไปล่องเรือกันได้เลย วิวบนนี้สวยงามครับ
มาถึงอีกจุดที่เป็นเสมือนแลนด์มารค์สำคัญของการมาชม ฟูจิ คือที่สวนสาธารณะ ASAKURA YAMASENGEN (Arakura Sengen Shrine)
วิธีการมา ให้นั่งรถไฟสาย FUJI KYOKO มาลงที่สถานีรถไฟ SHINMOYOSHIDA ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้นครับ
จากนั้นเดินจากสถานีต่อมาจะถึงตรงด้านล่างของเขา ตรงจุดนี้ถ้าเป็นผู้สูงวัยจะยากหน่อย เพราะต้องเดินขึ้นบันไดยาวทีเดียว แต่กรณีผมเอารถมาสามารถนำรถขึ้นไปจอดด้านบนได้เลย
ด้านล่างจะไม่มีรถบริการรับขึ้นส่ง เพราะงั้นใครจะมาที่นี่ต้องพิจารณานะครับ แต่เอาจริงๆผมเห็นคนแก่ญี่ปุ่นเดินกันเยอะเลย
การขึ้นมายังจุดนี้มีวิธีอยู่ สองทางคือ ขับรถขึ้นหรือเดิน คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเค้าสามารถนำรถขึ้นมาข้างบนได้ จึงมักเลือกจะเดิน สำหรับใครที่เช่ารถขับแบบเดียวกัน ขับขึ้นไปด้านบนได้เลยนะครับ จากจุดจอดรถ เราเดินกันอีกไม่ถึง ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว
มุมมหาชนครับ ใครมา คาวากูจิโกะ ไม่มาที่นี่เค้าเรียกว่า มาไม่ถึงจริงๆ มุมนี้หากมาฤดูอื่นๆจะเปลี่ยนไปตามบรรยากาศ เช่นกัน ทั้ง ใบไม้ผลิ ใบไม้แดง มาซ้ำได้เลยครับ
อยู่กันสักพักเรามาต่อกันที่นั่งเรือชมความงามของทะเลสาบกันต่อ ตัวจุดขึ้นเรือนี้อยู่ใกล้ๆกับโรงแรมที่เราพักเลยครับเดินถึงกันได้ง่ายมาก
เรือจะแจ้งรอบไว้ชัดเจนนะครับ และค่อนข้างตรงเวลาทีเดียวตามสไตล์แบบคนญี่ปุ่นเรื่องเวลานี่เป๊ะมาก เรือจะใช้เวลาราวๆ 45 นาทีต่อรอบนะครับ
เรือออกมาแล้วสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันดีคือสาวๆที่อยู่บนเรือ เอ้ย ไม่ใช่ๆ ฮ่าฮ่า เป็นเรื่องวิวนั้นล่ะครับเรือจะพาเราล่องไปตามมุมที่เห็นฟูจิซังได้ตลอดเวลา ไปตรงไหนก็เห็น
เราจึงเห็นบรรยากาศการหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพกันตลอดเวลาทีเดียว
เอาจริงๆแล้วที่เที่ยวของทะเลสาบรอบๆฟูจิ เค้ามีบริการรถบัสนำเที่ยวหรือจะเรียกรถบัสรับส่งตามป้ายปรกตินั้นละ โดยที่เที่ยวแต่ละจุดของที่นี่ รถบัสเข้าถึงหมดนั้นเอง และที่สำคัญ
ปรกติคนที่มาที่นี่ไม่ได้เช่ารถขับเหมือนเราสิ การไปเที่ยวตามจุดจอดป้ายรถ จะมีเลขป้ายกำกับไว้หมดเลยครับ เช่นป้ายที่ควรไป ก็มีป้ายที่ 13 ,17 ในรีวิวที่ผมหามาก็ระบุไว้ค่อนข้างชัดเจน
อากาศหนาวๆพาเอาผมแอบลงมานั่งด้านในเรือเพราะเค้ามีฮีทเตอร์ทำให้สบายขึ้นเยอะครับ อุณหภูมิต่ำกว่า 10 ยังมาเจอลมหนาวๆอีก บายๆๆ ฮ่า
หลังขึ้นมาจากเรือ ผมยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควร เลยขับรถตามป้ายรถเมล์สำรวจเส้นทางกันหน่อย ว่าถ้าหากเราไม่ขับรถเที่ยวแล้วแต่ละจุดมันมีที่เที่ยวตรงไหนยังไงกันบ้าง
อ่านมาถึงจุดนี้อาจจะงง ขับรถเที่ยวไหมต้องเที่ยวตามป้ายรถ นั้นสิ..
การเที่ยวโดยวิ่งขึ้นลงตามป้ายจึงสะดวกและเข้าใจง่าย และ2ป้ายห้ามพลาด อย่าง ป้ายที่11 (ด้านบน), 14 จุดนี้เราจะเจอจุดชมวิวฟูจิในแบบใกล้ๆกันและเป็นจุดถ่ายภาพแบบเห็นเงาในน้ำได้ เพราะจะมีชายหาดน้ำจืดสามารถลงไปเดินเล่นได้เลย
เลยมาถึงป้ายที่ 22 อันเป็นป้ายสุดท้ายชื่อว่า คะวะงุชิโกะ ไชเซ็น เซคัทสึ-กัง (ศูนย์สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ)
จุดเด่นที่นี่คือมีร้านน่านั่ง ร้านขายของที่ระลึกและยังมี ฟูจิจำลองสร้างขึ้นอยู่ด้านหน้าด้วย หากมาในฤดูอื่นๆที่ไม่ใช่ฤดูหนาวที่นี่คือจุดห้ามพลาดกันเลยครับ เช่น
ฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่มีแปรงซากุระที่บานสะพรั่งหน้าร้านที่คนนิยมมาถ่ายภาพกันทั้งนั้น
ฤดูร้อน ที่นี่คือจุดชมแปรงทิวลิบที่ทางสถานที่เค้าปลูกไว้ด้านข้างยาวไปถึงสุดถนนกันเลย
ฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงสุดขอบริมน้ำหน้าฟูจิคือจุดพีคของใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดเช่นกัน
เอาว่าคุณจะมาฤดูไหนก็ตามป้ายที่ 22 คือป้ายห้ามพลาด หากจะมีพลาดก็คงฤดูที่ผมไปเนี่ยละที่มันดันไม่มีหิมะปลกคลุมอย่างที่ตั้งใจ (ฮา) เท่านั้นเอง !!
หลังจากนั้นผมกลับเข้ามาที่พักเพื่อขอมานอนอาบนอนแช่น้ำร้อน ออนเซ็นกันจนถึงยามเย็นย่ำเพื่อออกมาอีกครั้งในภารกิจล่าดาวกับฟูจิซังกันต่อ
ภารกิจพิชิตดาว…ในวันพระจันทร์เป็นใจ
คืนนั้นผมมีภารกิจนัดแนะกับพี่ที่รู้จักกันโดยพี่เค้าเป็นช่างภาพที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน แกจะพาผมไปหาจุดถ่ายภาพฟูจิที่สวยและแปลกตา หาได้พบเจอง่ายๆไม่ อันนี้ต้องขอขอบคุณพี่เค้ามากๆ ขออภัยที่ไม่อาจจะอ้างชื่อเสียงเรียงนามได้จะเป็นการรบกวนแก เอาว่าใครอยากรู้จักไปพบเจอมุมมองผลงานและส่วนตัวพี่เค้าแนะนำจุดถ่ายภาพสวยงามไว้แล้ว ไปดูกันที่นี่เลยนะครับ https://www.facebook.com/Sakarin-Photo-Gallery-328778643848572/
เอาละมาเที่ยวกันต่อหลังจากขับรถออกจากทะเลสาบมาผมมาจุดแรกจะอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนักครับ จุดนี้มาง่ายไม่ไกลและฟูจิที่ผมเจอในยามค่ำคืนก็ออกมาเผยโฉมพร้อมๆกันกับ ดาวมากมายตามนี้เลย
จุดนี้ตอนกลางวันผมก็ขับมาอีกในวันถัดมานะครับหาไม่ยากเลย ขับรถวนตามป้ายรถเมล์นั้นเอง หาไม่ยากครับขับรถหากมองมาเจอมุมไหนจอดได้เลย
คืนนั้นเป็นอีกคืนที่ผมลืมยากมากๆ ฟูจิในยามค่ำคืนกับทะเลสาบที่รายล้อมไปด้วยน้ำแข็งที่จับตัวโดยรอบในอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา!!!
สวยงามไหมชมกันเองดีกว่านะ
น้ำแข็งทำให้เราสั่น แต่ใจยังสู้เพื่อภาพเหล่านี้มันก็คุ้มค่ามากๆสำหรับผมแล้ว
มุมอื่นๆก็ยังน่าสนใจครับ
คืนนั้นผมเฝ้าถ่ายภาพราวกลับกลัวว่าจะไม่ได้มาจุดนี้อีก และที่มันพีคที่สุดมาเฉลยกับผมตรงนั้นว่าคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์ทำองศากับ ฟูจิซัง ในวันเต็มดวงเราจะเห็นพระจันทร์โผล่พ้นปากปล่องออกมาพอดีแบบนี้ คืนแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ ปีนึงเราอาจจะได้เจอแค่ ครั้งเดียว หรือสองครั้งทุกอย่างอยู่ที่ธรรมชาติสร้างและโมงยามแห่งการพยากรณ์ของประเทศนี้
ไม่ธรรมดา..แม้แต่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ประเทศนี้ยังไม่ปล่อยให้ผ่านไปได้ง่ายๆเลย..
เป็นคืนสุดท้ายก่อนลาที่ยากจะลืม..
สำหรับใครที่อยากจะไปถ่ายหรือชมมุมแบบนี้ ตามเพจที่ผมให้ไว้ด้านบนเลยนะครับเพราะผมเองไม่ทราบมุมนี้เลย เพราะขับรถตามพี่เค้ามาแต่รู้ว่าห่างออกมาจากทะเลสาบราวๆ 30 กิโลเมตรทีเดียว
หลังจากนี้ผมก็กลับที่พักแล้วครับวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่กลับเข้าโตเกียวแล้วละครับ
บุฟเฟ่ต์ซูชิ กลางชินจูกุ ห้ามพลาด!!
ออกจากฟูจิ ผมดิ่งกลับมาโตเกียวทันทีในเช้าวันถัดมา ก่อนจะไปไหนต่อ ขอแปลงร่างจาก คนรักธรรมชาติ เป็นคนโหยหาแสงสีซัก ค่อนวันกัน ย่านที่ผมเลือกมาเที่ยวคือชินจูกุ ย่านที่คึกคึกที่สุดของเมืองนี้ ผมมีนัดกับร้านซูชิที่หาข้อมูลมาว่าบุฟเฟ่ต์ที่นี่ถือว่าแหล่มที่สุดแห่งนึง ร้านนี้คือ KIZUNA SUSHI อยู่กลางย่านชินจูกุเลย
ร้านอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินนะครับเดินซักหน่อยราวๆ 700 เมตร ประมาณ 10 นาที หลังเดินขึ้นมาจากสถานี ดูตาม map ได้เลย
ด้านหน้านี้ชัดเจนทีเดียวมีเมนูให้เลือกเยอะเลย หลังจากเข้ามาแล้วเลือกที่นั่งตามสะดวก อ่อสนนราคาแบบบุฟเฟ่ต์ ก็ตามนี้เลยครับ ไม่ถูกแต่คุ้มไหมดูต่อไปด้านล่างเลย
ราคาผู้ใหญ่ชาย 4,300 เยน
ราคาผู้ใหญ่หญิง 3,480 เยน
ราคาเด็ก 2,000 เยน
อ่อหากไม่กินแบบบุฟเฟ่ต์ก็ได้นะครับมีเมนูราคาปรกติสั่งเป็นอย่างๆไปได้ เหมาะกับคนไม่กินจุ แต่ผมเตรียมการมาดีตั้งแต่แรก หิวมาเลยล่ะ ^___^
ความทันสมัยของที่นี่ต้องยกให้ที่การสั่งอาหารครับ เค้าจะทำเป็น application ลงในไอแพดให้เราเลือกสั่งออนไลน์ได้เลย ทุกรายการจะส่งตรงเข้าไปที่ครัวจากนั้นก็จะยกมาเสริฟให้ถึงโต๊ะทันที แต่นะแต่ อย่าสั่งแบบคนไทยหิวโซแบบเราเป็นอันขาดเพราะร้านนี้จะลิมิตการสั่งไว้ไม่เกิน 6 เมนูต่อการสั่ง 1 ครั้งครับ คือเป็นมารยาทของร้านที่เค้าจะแจ้งเรา ทีแรกเราสั่งไปกดกันไม่ยั้งเลยจนพนักงานเค้าต้องเดินมาอธิบายกัน
เสริฟตามภาพดีกว่านะรสชาตินี่ถือว่าผ่านมากๆครับ
ผมมีโอกาสลองที่อยากทานจนครบเลย บอกเลยว่าอร่อยมากๆ ของคุณภาพดี แม้อาจจะมีบางเมนูที่ผมว่าเฉยๆบ้างแต่ด้วยราคา แล้วระยะเวลาการนั่งได้สองชั่วโมงครึ่งผมว่าคุ้มค่ามาก เมนูไม่มีกั้ก สด และอร่อยแบบนี้สมควรแนะนำครับ สำหรับใครที่คิดว่าบุฟเฟ่ต์อาจจะได้ของไม่ครบหรือไม่สด มาร้านนี้ได้เลย
อุปกรณ์เสริมสำหรับการมาช้อปกันต่อ
หลังจากอิ่มหน่ำกันดีผมยังเหลือเวลาช้อปปิ้งอีกนิดหน่อย บอกเลยว่ามาชินจูกุย่านเดียวมีของครบครันจริงๆครับ ผมเดินเข้าออก ร้าน เสื้อผ้าและร้านกล้องมือสองที่อยู่ในย่านนี้เรียกว่าไม่ต้องนั่งรถไฟไปไหนก็อยู่ย่านนี้ได้ทั้งวันละครับ
และขอแนะนำหากใครพกบัตรเครดิตกรุงศรีมาด้วยโดยเฉพาะบัตรใหม่ที่พึ่งออกมาKrungsri JCB Visa Platinum Card สามารถมาเที่ยวแล้วได้ลดอีกเยอะเลย เพราะร่วมกับ JCB อันเป็นบัตรเครดิตของญี่ปุ่นอยู่แล้วเหมาะมาก ผมเองก็ใช้บัตรกรุงศรีนี่ละครับเป็น 1 ใน 2 บัตรที่พกไปเที่ยวกันเหนียวไว้เสมอ เลยได้ส่วนลดมาหลายอย่างเหมือนกันทีเดียว อ่อ สำคัญที่หากใช้บัตรที่ญี่ปุ่นเราได้คะแนนสะสมเพิ่ม 3 เท่าด้วย เหมาะสำหรับใครที่นิยมเอา point มาแลกในเมืองไทย (ผมแลกตั๋วหนังประจำ)
ข้อดีของบัตรนี้ตรงๆก็อยู่ตรงส่วนลด อย่างที่ทราบกันดี ญี่ปุ่นค่อนข้างมีบุคคลิกที่เราเรียกกันว่า ค่อนข้างชาตินิยม บัตรเครดิตสัญชาติไทยหรืออื่นๆ ที่เราถือๆกันเลยมักจะใช้เป็นส่วนลดไม่ค่อยได้
แต่ตัว Krungsri JCB Visa Platinum Card สามารถทำได้ (บัตรอื่นๆของ Krungsri ก็ทำได้เช่นกันแต่ถ้าเอาลดเยอะๆ+บริการเสริม ก็ต้อง JCB เยอะสุดครับ) เพราะผูกกับบัตรสัญชาติญี่ปุ่นแท้ๆอย่าง JCB และทำได้ค่อนข้างเยอะทั้งร้านอาหาร ,ห้างสรรพสินค้าเช่น ห้าง Tokyu ที่ผมมักจะแวะไปช้อปก่อนกลับบ้านเสมอๆ ผมถึงว่าพกไป ที่ญี่ปุ่นกับบัตรนี้จึงถือว่าเป็นข้อดีครับ เรียกว่าพกไว้ไม่เสียหลาย เดินเพลินๆเจอร้านที่เราชอบ ลองเช็คซักหน่อยถ้าใช่ก็ได้ลดกันไป ใครสนใจก็เข้าไปดูเพิ่มเติมว่ามันลดอะไรได้บ้าง แต่อย่างนึงล่ะใช้ได้ทั้งขาไป และขากลับเวลาเราบินไปลง ที่สนามบินของญี่ปุ่นคือ Airport Lounge ครับ อันนี้ดีจริงๆ ไปลองกันดูเองนะ
http://www.krungsricard.com/th/jcbplatinum.html
หมดแล้วครับรีวิวตอนนี้พาหนีร้อนเหงื่อชุ่มมาเจอไอหนาวของญี่ปุ่นในช่วงต้นมีนาคม คงจะช่วยให้หลายๆคนพอลืมอากาศบ้านเราได้บ้างนะ
เช่นเคยจนกว่าจะพบกันใหม่ตอนหน้าจะพาไปไหนโปรดติดตามครับ
ไม่อยากพลาดเจอกัน แวะเวียนไปพูดคุยกันได้ที่นี่นะครับ www.facebook.com/likeone22 ครับ
ขอบคุณที่ติดตามกันครับ
สวัสดีครับ
2 Comments
Luie Saetang
ฟูจิซัง สวยงามมาก
one22
ขอบคุณครับเฮีย