สวัสดีฮะทุกคน
รอบนี้จะพาไปยังเกาะที่ไม่ได้มาสิบปีได้มั้ง พาเด็กน้อยกับครอบครัว one22family “มาเป็นฮีโร่เกาะลันตา เที่ยวลั๊นลาแค่ไหน มะดูกัน”
เที่ยวหนนี้จึงไม่ธรรมดา นอกเหนือจะพาไปเที่ยวหมู่เกาะที่แสนธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ที่สุดเกาะนึงของประเทศไทยแล้ว
เรายังจะได้พาเด็กน้อยไปปฎิบัติภารกิจเป็นฮีโร่จิ๋วๆกันด้วย เอาละสิมันเป็นยังไงอย่าช้าเลยไปเที่ยว “หมู่เกาะลันตา” เกาะใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศด้วยกันฮะ
ป่ะ ตามบ้านเราไปกระบี่ด้วยกันอีกครั้งกันฮะ
สำหรับตอนแรกใครที่พลาดไปสามารถตามไปไปเที่ยว
กระบี่วันธรรมดา เที่ยว ชิลล์ อิ่ม โชว์ จัดเต็ม ตามนี้เลย
มะได้เวลา แล้ว ไปเกาะกัน หลังรับจากสนามบิน เนื่องจากมันห่างคนละทิศ ผมเองต้องการไปถึงเกาะก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ก็บึ่งกันเต็มที่แต่ไม่ผิดกฎหมายนะ บอกเลย 555
มีถนนไม่กี่เส้นในประเทศนี้จะมีวิวเทือกเขาหินปูนขนาบข้าง อย่างน้อยก็มีเส้นนี้ด้วยแน่นอน ซึ่งมาทุกคนชอบและหลงรักตลอดชอบขับรถแถวๆ พังงา กระบี่จริงๆครับ
ไม่นานครับก่อนถึงจุดลงแพยนต์ที่จะพาเราจากฝั่งไปเกาะลันตาน้อย จะมีจุดซื้อตั๋วเรือก่อนนะครับอย่างรีบจนเลยกัน ไม่งั้นก็ต้องขับรถย้อนกลับมาให้เสียเวลาอีก ตัวจุดขายตั๋วจะอยู่ห่างมาประมาณ 800 เมตรได้ เพราะงั้นสังเกตุป้ายด้านซ้ายกันด้วยนะครับ
ราคารถ+คนขับจะอยู่ที่ 110 บาท
ราคาคนขึ้นเรือ ต่อคนตกที่ 10 บาท
เด็กไม่เสียนะครับหากต่ำกว่า 12 ปี
บรรยากาศบนแพดูสงบสุขมากยิ่งมีแสงทองของพระอาทิตย์ด้วยยิ่งงดงามคูณสิบ แต่เมื่อเจอกันเด็กน้อยก็ทะเล้นตึงตัง
ออกมาเดินยืดเส้นยืดสายช่วงเวลาบนเรือก็มีช่วงเวลาที่ดีๆในการได้เก็บภาพผู้คน ได้ชูสองนิ้วใส่กัน
หมูเกาะลันตา ที่เราสามารถขึ้นไปเที่ยวได้มีด้วยกันสองเกาะคือ ลันตาน้อยที่เป็นท่าเทียบแพยนต์ และลันตาใหญ่ ที่ปัจจุบันนี้เดินทางง่ายกว่าแต่ก่อนมาก เพราะทางการมาสร้างสะพานสวยๆ ข้ามไปมาระหว่างสองเกาะแล้ว ทำให้ย่นเวลานั่งแพจากเดิมไปได้เยอะเลย แถมยังเป็นสะพานแห่งแรกของประเทศเราที่มีสะพานเชื่อมสองเกาะไว้ด้วยกันแบบนี้ สะพานที่เราพูดถึงคือ “สะพานสิริลันตา” โดยสะพานมีความยาว 650 เมตร มีถนนต่อเชื่อมกันโดยมีความยาวรวม 750 เมตร
เป็นถนนจากฝั่งเกาะลันตาใหญ่ที่จุดเริ่มต้นฝั่งต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ มาเชื่อมกันกับ ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา สร้างความสะดวกรวดเร็วโดยเฉพาะในฤดูการท่องเที่ยวแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก และเราสามารถจอดรถด้านล่างแล้วเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกได้เลย ในช่วงฤดูที่พระอาทิตย์ตกตรงน้ำยิ่งน่าจะสวยแน่ๆเลยครับ
ใช้เวลาอีกไม่นาน ผมก็เข้ามาถึงรีสอร์ท แค่ก้าวแรกที่แตะพื้นรีสอร์ท เรานี้ feeling มาเต็ม มันเสมือนหลุดเข้ามาในอาณาจักร์ย่อยก็ว่าได้ๆเลยเพราะพื้นที่รีสอร์ท “Clown Lanta Resort” มันมากกว่า 700 ไร่แค่รู้ก็ร้องโหว้ววววว แล้วละนะ
เพราะงั้นจะไปไหนมาไหนที่นี่เค้าจะมีรถ Golf บริการรับส่งทุกจุดเรียกได้ 24 ชม.กันเลย
มาถึงห้องพัก Type “Ocean Sunset Villa” มันเลิศมากกกจริงๆ จ้า ห้องนี้ประกอปไปด้วย 1-bedroom, 1-bath, and living area และมีแค่ 8 villas ขนาดใหญ่โตถึง110 sqm
ห้องพักกว้างใช้ได้แบ่งเป็น 3 ส่วน ไล่มาตั้งแต่ส่วนของในสุดเป็นห้องนอนครับ ด้วยเตียงแบบKINGSIZE 6 ฟุต มันนอนสบายยิ่งเจอหมอนดูดหัวแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่ต้องบรรยายก็เดาได้ใช่ไหมฮะ
ส่วนที่สองคือห้องรับแขก จะว่าโซฟาใหญ่ๆพร้อมกับ LCD TV ให้นั่งเล่นนอนเล่นมีเครื่องเล่น DVD ให้พร้อมครับ พื้นที่เหลือเฟือมาก
ส่วนถัดมาที่ยกให้เป็น Hilight เลยคือ เฉลียง ที่เห็นวิวทะเล และพระอาทิตย์ตกตรงหน้าได้เลย มีเตียงวางให้นอนอาบแดดได้ แต่เราคงไม่ได้ใช้ละนะ ให้ฝรั่งเค้าใช้เถอะ แค่นี้ดำจะแย่แย้วว วิวนี้พระอาทิตย์ตกตรงหน้ากันเลย ห้องนี้ก็กำลังจะถูก Renovate เป็น Pool Villa แทน ทั้งหมด เพราะดูจะขายได้ดีกว่าด้วย คนไทยเราชอบกันจริงๆนะ วิลล่าเนี่ย (รึไม่จริง เรายังชอบเลย ฮ่า ฮ่า)
ห้องน้ำจะอยู่ในส่วนใกล้กับห้องนอน กว้างซะไม่มีอุปกรณ์จัดเต็มสมความเป็น 5 ดาวโดยแท้ครับ ใครไม่ได้เอาอุปกรณ์ใช้งานส่วนตัวมาไม่ต้องห่วงนะฮะ มีให้ใช้ครบเลย
Hilight ตามชื่อห้อง เวลาที่สวยสุดคือตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกนี่ละ
หน้าห้องพักแต่ละห้องจะอยู่ลดหลั่นกันไปตามแนวเขา ที่สำคัญที่นี่ให้ความสำคัญกับต้นไม้ใบหญ้า ดูแลกันดีมากฮะ
มาดูบรรยากาศสระว่ายน้ำบ้าง สระสวยและน่าเล่นมาก วันแรกนี้หมดวันเราเลยมาเก็บภาพกันอย่างเดียว ฝากไว้ก่อนนะเทอออ พรุ่งนี้เจอกัลลล
บริเวณเดียวกันเป็นร้านเปิดให้บริการแขกจนถึง 19.00 นะฮะ The Cliff วิวดีนะพรุ่งนี้เจอกันเทอออ
วัดถัดมา
เราตื่นกันแต่เช้า หลังเคลียการบ้านปันกันแล้ว(ปรกติถ้ามีทริปวันธรรมดา เด็กน้อยจะมีการบ้านมาด้วยครับ เรียน เล่น ไปด้วยกันด้ายยย) ก็ได้เวลาออกทริปจริงๆกันแล้วครับ อ่อก่อนขึ้นเกาะมาผมแอบซื้ออุปกรณ์มาหนึ่งอย่าง สำหรับทริปนี้ด้วยนะฮะ ผมว่ามันเป็นสุดยอดไอเดียดีๆที่ควรสนับสนุนเลยล่ะ เดี๋ยวตามผมมาเลยจะมาเฉลยว่ามันคืออะไร
V Victory สองนิ้วจอมพลัง!
ทำการบ้านเสร็จ ปันก็พร้อมลุยกันภารกิจเฉพาะกิจแล้ว ชูสองนิ้ว Fighto! พร้อมนะฮะ วันนี้ถ้า Mission ไหนสำเร็จเราสัญญากันไว้กับปันว่าพ่อจะถ่ายรูปชูสองนิ้วไว้เป็นหลักฐานกันนะ มะมาดูกันว่าจะสำเร็จตามเป้าประสงค์ไหมนะ
เกาะลันตามีชายหาดมากมายไม่แพ้ภูเก็ตหากว่ากันจริงๆ เพราะงั้นการจะเที่ยวให้ทั่วในหนึ่งวันก็เป็นไปได้ยากเว้นแต่คุณจะไปแบบชะโงกทัวร์ก็พอไหว เพราะงั้นเราจึงต้องเลือก และที่แรกที่เราเลือกมาอยู่ในระหว่างปลายทางของเรา “หาดคลองนิน” หาดยาวๆที่มีรีสอร์ท ร้านอาหารเยอะและเป้าหมายที่มาเพราะมาตามลายแทงที่เกริ่นๆไว้ของ ” TRASH HERO” Koh Lanta ฮีโร่ขยะมันคืออะไร หลายคนอาจจะสงสัย
มันเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกที่เกาะหลีเป๊ะ มาจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนึง มาเที่ยวที่บ้านเราแล้วเห็นตามแหล่งท่องเที่ยว เกาะแก่งต่างๆขยะลอยมา หรือเศษถุง เศษขยะลอยมาติดตามหน้าหาด เลยรวมตัวกันเดินเก็บขยะเหล่านั้น จาก 1 เป็น 10 จากสิบก็ขยับเป็นหลักร้อยแพร่กระจายกันจน จัดตั้งเป็นกลุ่ม ” Trash Hero Thailand “และกระจายกันจัดตั้งเป็นกลุ่มย่อยๆทำความดีเก็บกวาดกันทุกสัปดาห์ จนถึงปัจจุบันนี้มีทั่วประเทศจากเหนือจรดใต้แล้วละครับ
และที่เกาะลันตาเองก็มีแตกหน่อออกมาเป็น ของที่ระลึกคือขวดน้ำอลูมิเนียม ที่ซื้อแล้วจะสามารถแวะเติมน้ำตามร้านหรือบ้านที่ติดป้าย Hero Trash ไว้สามารถเติมน้ำดื่มได้ฟรี ไม่คิดเงินด้วย เอาละ มาดูกันว่าจะจริงไหมนะฮะ
ผมรู้จักตั้งแต่วันแรกที่มากระบี่เห็นน่าสนใจ และพอดีเราจะมาลันตาอยู่แล้วเลยปรึกษากับ แม่ปันไหนๆจะมาเที่ยวแล้วถ้าเจอป้ายเราจะหิ้วกระติกนี้เข้าไปดูกัน
หาดคลองนิน มีร้านเกร๋ๆ อย่างร้านนี้ … เรามาตอนเค้ายังไม่เปิดดี เลยชมวิวร้านไปบรรยากาศดีนะ
เอ้าอย่าช้าอยู่ใย ไปกันต่อดีกว่าเนอะยังไม่เจอถือว่ายังไม่สำเร็จ
ผ่านจุดแรกยังไม่เจอ เปิดmapไป เที่ยวไป ขับต่อมาจนถึงจุดชมวิวหาดคลองนินเลยมาถึง ร้าน Diamond Cliff หนนี้เจอเต็มๆแปะอยู่หน้าร้านเลยฮะ ยังกับ POKEMON GO เลยฮะ ดีใจๆ ไม่ช้า พ่อแม่ลูกรีบเข้าไปทันที
เจอจนได้ทางร้านก็ยินดีจะเติมน้ำให้เราฟรีจริงๆด้วย ดูหน้าตาเด็กน้อยสิฮะ ปลื้มปริ่มมากเลย ถือว่าการเที่ยวหนนี้สำเร็จไปครึ่งทางแล้ว
ร้าน Diamond Cliff เป็นร้านอยู่บนเนินเขา มีวิวไม่ธรรมดาเลย มาถึงแล้วก็นอกจากจะได้เจอตาม mission ที่ตั้งใจแล้ว การนั่งทานข้าวไปชมวิววันฟ้าใสๆแบบนี้มันก็น่าฟินดี เลยจัดกัน
ภารกิจที่ หนึ่ง สำเร็จ! สองนิ้วมาาาา เย้
อาหารทุกอย่างรสชาติดีใช้ได้เลยฮะ แกงส้มนี่แช่บใช้ได้ กุ้งราดซอลมะขามเปรี้ยวหวานกำลังดี ทุกอย่างเรียงคิวเข้าบ้านนี้จนอิ่มตื้อ
และร้านเห็นเราดูเป็นคนดีมีใจช่วยสิ่งงแวดล้อมยังลดให้อีก 10% นะเออ กระติกน้ำ Hero Trash นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ สองร้อยบาทนี้คุ้มมากก
สามารถเข้าไปดู ไป Like กลุ่มคนทำความดีและ Ment ให้กำลังใจพวกเค้าด้วยนะฮะ คนต่างชาติกลุ่มนึง ที่ขยับตัวทำอะไรเพื่อประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดของพวกเค้า มันต้องมีมากกว่าคำว่า ความรับผิดชอบ แน่นอนฮะ https://www.facebook.com/trashherokohlanta/home
เราไปกันต่อเป้าหมายถัดมาคือประภาคาร ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ก่อนเข้าก็เสียตังให้เรียบร้อยนะฮะ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ช่วยชาติกัน อ่อระหว่างทางจะเจ้าเจ้าจ๋อพวกนี้ไปตลอดยังไงระมัดระวังกันนะครับ และก็อย่าให้อาหารพวกมันนะ มันทำลายระบบนิเวศน์ของพวกมันครับ
เข้ามาด้านในเจอทันที ประภาคาร เก๋ๆ เท่ๆ ตั้งอยู่ปลายแหลมสุดของเกาะ เราเคยมาครั้งนึงเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นมาตอนพระอาทิตย์ลาลับเก็บภาพแทบไม่ทัน
รอบนี้มาพร้อมครอบครัว ได้บรรยากาศสวยๆแบบฟ้าแจ่มๆกลางวันอีกต่างหาก ต้องชูสองนิ้วแสดงว่าเก็บได้อีกภารกิจอีกแล้ว สำเร็จ!! ภารกิจที่สอง ..หน้าตาปลื้มมากกกก
ซูมใกล้ๆ ยิ่งตื่นเต้นนะฮะ เราคงเคยเห็นประภาคารในหนังหรือภาพถ่ายจากต่างประเทศ หนนี้บ้านเราก็เท่ไม่แพ้ใครนะ
บรรยากาศรอบๆก็ดีนะฮะ ชิลล์ มีศาลาไว้ให้นั่งชมวิวดีๆ
ป่ะเข้าไปดูใกล้ๆกันเหอะ
ยืนชมกันอยู่พักใหญ่เก็บภาพกันจนช่ำใจ ก็ได้เวลากลับแล้ววันนี้ครับ
ขอหยิบบรรยากาศยามใกล้ค่ำในมุมใกล้กันที่เคยมาให้ชมนะฮะ เลือกเวลาไปกันได้เลยสวยฮะ
ขากลับสะดุดตากับรีสอร์ทสีปูนเปลือยๆ ดูเท่ๆอยู่เลยแอบแว็บเข้าไปชม ที่นี่คือ The Houben เดินเข้ามาเจอสระว่ายน้ำสีแดงสะท้อนแสงตัดกับท้องฟ้าสีเข้มๆ สะดุดตาดีครับ
นั่งเล่นร้อนๆก็จัดขนมมาเสริฟปันซักหน่อยอร่อยมากครับ มีโอกาสมาเกาะลันตาน่าลองมาพักที่นี่ก็ไม่เลวนะ
หลังจากนี้พวกเราก็กลับมาใช้เวลาสุดท้ายของวันกันที่ Clown Lanta Resort กับสระว่ายน้ำที่สนุกใช้ได้ เด็กน้อยสนุก สุดสวิงกันทีเดียว
บรรยากาศแบบนี้ล่ะที่เหมาะกับครอบครัวมาก ตรงริมสระยังไม่ร้านนั่งชมวิว The Cliff บรรยากาศแวดล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวๆทำให้เกาะนี้มีเสน่ห์ กลางธรรมชาติสีเขียวตัดกับน้ำทะเลสีน้ำเงิน สวยยยยมว๊าาาาาก
ยังมีสปาดีๆอีกด้วยนะฮะ บรรยากาศวันนั้นคนเยอะ เล่นเอาเราเกือบพลาดสปา
บรรยากาศยามเย็น ช่วงเวลาพิเศษที่เราเล็งไว้ตั้งแต่ตอนที่มาถึง วิวที่ฝรั่งยอมบินข้ามน้ำเป็นพันกิโลเมตรเพื่อมาชมของดีบ้านเรา
เวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากหน้าหาด แม้จะเป็นด้านหลังเป็นหาดหิน แต่ความสวยงามของธรรมชาติผสมกับ Bar สวยๆริมหาดก็ออกมาอย่างในภาพดูกันเองเลยฮะ
แม้ทิศที่พระอาทิตย์หล่นที่ขอบฟ้าจะไม่ใช่ช่วงหาดขวาๆ แต่ด้วยบรรยากาศของ “The Reggae Bar ” มันทำให้เราหลงใหลจนคนมาจับจอง ห้อง bamboo กันจนเต็มเลย
พระอาทิตย์ตกพร้อมๆกับแสงไฟที่ค่อยๆสว่างแบบนี้ เล่นเอาเราตกหลุมรักเกาะนี้อีกครั้งเหมือนสิบปีก่อนที่เราเคยพาเธอมา
อาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสริฟแล้วครับ แสงอาจจะไม่ชัดนักแต่รสชาติดีๆนี้ชัดเลย ผมว่าอาหารไทยประยุกต์ของที่นี่รสชาติดีเลยครับ อร่อยมาก
บรรยากาศชั่วพลบค่ำ โรแมนติกมากใครๆก็มานั่ง นอน ชิลล ภารกิจ สุดท้าย สำเร็จ ได้พักผ่อนแบบครอบครัว ภารกิจวันนี้ของบ้าน one22family Complete จ้าาาา
บรรยากาศเสียง เม๊าท์มอยกันได้ยินเป็นระลอก รู้สึกดีมากครับ
ครอบครัวเราก็สุดชิลล เราอยู่กันจนมืด จนปันเริ่มง่วงก็ถึงได้ถอยตัวกลับห้องนอนหลับ สบาย
เช้าสุดท้ายวันนี้ผมอยากพาทั้งสองคนแวะเที่ยวสักที่ของเกาะลันตาน้อยก่อนจะกลับเข้าเมืองกัน
บรรยากาศเช้าๆร่มรื่นชวนซึมซับเอาโอโซนเข้าไปจริงๆ มาที่นี่เหมือนได้ปลีกตัวอยู่ในธรรมชาติดีๆ เรื่อยๆ ไม่เร่งรีบให้เหนื่อย สมแล้วกับที่คิดถึงมาตลอด
ผมออกมาแวะชมหาดสวยที่สุดหาดนึงของเกาะ เช้าๆมองไปทางไหนไม่เห็นคนเลย บรรยากาศดีมาก
ยิ่งขับรถเที่ยวด้วยแบบนี้ยิ่งดีใหญ่คิดถูกที่เช่ารถไม่ใหญ่มาคล่องตัว และมันก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก Jazz รถใหม่ๆมันก็ดีงี้ละนะ ดีใจที่มีโอกาสได้ใช้ National Car Rental เวลาเช่ารถอยากได้แบบนี้ทุกครั้งจริงๆครับ
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการข้ามจากเกาะลันตาใหญ่มายังเกาะลันตาน้อย และอีกราวๆ 20 นาทีขับเรื่อยๆก็มาถึง “จุดชมวิวโล๊ะใหญ่”
บรรยากาศเงียบสงบ ที่นี่เคยเป็นท่าเรือมาก่อน เป็นท่าเทียบเรือโล๊ะใหญ่ ปัจจุบันใช้กันเองกับชาวบ้านไปแล้ว สภาพแวดล้อมเหมาะกับการมานั่งตกปลาจริงๆนะ
แม่ลูกเดินเที่ยวไป เราก็เก็บภาพไปด้วยอากาศดีมาก
อยู่กันไม่นานก็ต้องกลับแล้ว เกาะลันตาจ๋า มาแล้วก็อยากมาอีก
ใครรักใครชอบความสงบสุขแวะมากันนะ อ่อจริงๆเค้ามีถนนคนเดินที่เปิดทุกสุดสัปดาห์ ด้วยนะ มาช่วงวันธรรมดาอาจจะเงียบเหงาสักหน่อย
คืนวันศุกร์ก็กลับมาคึกคักได้ เลือกวันมาเสพกันตามแต่ใจ แต่บ้านนี้ชอบช่วงเวลานี้นะ มันสุขสงบ และทำให้ชีวิตเร่งๆแบบคนเมืองของเราผ่อนลงได้เยอะเชียวละ ไม่เชื่อลองมากันเองดูนะ
เราใช้เวลาบึ่งรถกลับเข้าฝั่งอีกราวๆ 45 นาทีมุ่งหน้ายังอีกจุดอันเป็นจุดสุดท้ายก่อนกลับที่ทุกครั้งที่มากระบี่ต้องขอแวะให้ได้
เป็นอีกครั้งที่ได้มา ประทับใจกันตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือนปีก่อน ที่นี่คือ “วารีรัก” Wareerak Hot Spring Retreat
เป็นทั้งสปา ที่พัก ในบรรยากาศน้ำพุร้อนที่วิเศษสุดๆ แหล่งน้ำพุร้อนจากธรรมชาติของที่นี่มาจากแหล่งเดียวกันกับน้ำตกร้อน คลองท่อม ครับ
แต่ด้วยการจัดการและไอเดียดีๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็น Wellness Spa น้ำพุร้อนที่ทำให้เราลืมญี่ปุ่นที่เคยไปมาไปได้เลยนะ
มาถึงใน package หากเราเลือกแบบมีอาหารด้วยก็จะได้ทานอาหารไทยรสดีเยี่ยมมาก อันนี้อย่าหาว่าอวยเลย คือมันอร่อยมากๆ ไก่กระเทียมบ้านๆ แต่ผัดกับกระเทียวเจียมคลุกเคล้ากันพร้อมเสริพกับข้าวสวยร้อนๆ ไหนจะผัดต่างๆคือมันเลิศกว่าที่ผมคิดไว้เยอะมาก พ่อครัวเก่งมากขอชมจากใจเลย
เดินชมที่พักเค้าหน่อย แม้ไม่ได้มาพักแต่ที่นี่ทำดีมากนะฮะ รีสอร์ทดีๆเลย แต่เค้าไม่มีทีวีนะ ความตั้งใจของที่นี่คือการมาผ่อนคลาย สลัดสิ่งที่เคยชินแบบคนเมืองออกไปให้หมด เราว่ามันก็ดีนะ หลังๆนี้เปิดทีวีกันน้อยลงเยอะนะส่วนตัวเรา
ได้เวลาพาเด็กน้อยลงแช่กันแล้ว ไปๆ
มาถึงก็ต้องเปลี่ยนชุดกันก่อนเค้าจะมีเตรียม ผ้าขาวม้า พร้อมกางเกงเล ให้สำหรับผู้ชาย และผู้หญิงก็มีชุดให้เปลี่ยนอย่างแม่ปันเค้าใส่นั้นเลย ดูงามอย่างมีคุณค่าเลย ฮิ้วววว 55
ของไทยๆใครว่าไม่ดี น้ำพุร้อนที่นี่มีแร่ธาตุชั้นดีรวมกัน ที่สำคัญคือกลิ่นครับ กลิ่นกำมะถันไม่แรงเข้มข้นเท่าที่ญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่แปลว่าเราสู้เค้าไม่ได้นะฮะ
ทุกอย่างดูสะอาดตา ดูบรรยากาศสิ
การมาลงแช่น้ำพุร้อนพร้อมกับการทำสปา หรือ นวดไทยที่นี่จะจัดเป็นคอร์สๆไป เราสามารถเลือกได้ อย่างกรณีเราเวลาน้อยประมาณ 3 ชม. (ที่นี่ให้ดีอย่างน้อยต้องใช้เวลาสักครึ่งวันหรือเต็มวันไปเลยจะยิ่งดีครับ เพราะจะครบจริงๆ)
ที่นี่ให้ความสำคัญกับการผ่อนคลายบ่อน้ำพุร้อนมีการวัดอุณหภูมิที่เหมาะสม ลำดับการแช่แต่ละบ่อสำคัญ เช่นเดียวกันกับที่ผมเคยไปใช้บริการของญี่ปุ่นเลย
บรรยากาศชนะเลิศมาก
มาแล้วก็ต้องล้างตัว และฟอกขัดผิวเอาขี้ไคล้ด้วย สครับสมุนไพรของที่นี่ ดูเด็กน้อยสิเพลินไปนะจ๊ะ
จากนั้นก็ได้เวลาแช่แล้วครับเค้ามีบ่อปรับอุณหภูมิตัวก่อนแล้วค่อยๆขยับเปลี่ยนไป และที่สำคัญเด็กอายุ 5 ขวบแช่ได้นะ ดูปันได้เลย
บางบ่อที่อุณหภูมิสูงเกินไปก็เว้นสำหรับเด็กๆได้ครับ ผมเองถ่ายได้แป๊บๆก็ขอตัวลงแช่บ้างละ บอกเลยมันฟินระดับสิบสุดๆครับ
ตบท้ายด้วยน้ำมะพร้าวแช่เย็นๆอร่อยๆกันด้วยนะ Package เค้านี้เลิศเลอมาก ใครสนใจเราใส่ทางไปไว้ล่างสุด scroll ลงไปดูได้เลยฮะ
หลังจากนี้ก็ได้เวลากลับกันแล้วครับ มาถึงสนามบินติดต่อกับทาง National Car Rental เจอพนักงานกุลีกุจอช่วยเราขนของลง ประทับใจมากมีโอกาสจะลองใช้กับที่สาขาอื่นๆดูบ้างนะครับ
ได้เวลากลับแล้ว ขากลับมานั่ง Lounge ของ Bangkokair ขนม นมเนยเพียบเช่นเคย คนก็แน่นใช้ได้นะ อร่อยไม่อร่อยดูภาพสองแม่ลูกเค้าเลยครับ
ไม่นานก็ขึ้นเครื่องกันแล้ว พี่ๆแอร์โฮสเตสน่ารักทุกคนดูแลเอาใจใส่ดีมากๆ
ทริปนี้เราใช้สิ่งรอบๆตัวให้ปันได้สนใจการอ่าน วัยของเค้ากำลังสนใจจะฟังคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่แล้ว การนั่งอ่านกระดาษ ที่มีภาพประกอปแม้จะเป็นเรื่องยากก็เค้าก็
เข้าใจได้ไม่ยากเลย เราจะชอบอ่านให้เค้าฟังเสมอๆครับ ความปลอดภัยบนเครื่องอาจจะดูน่าเบื่อสำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆที่รู้ดีอยู่แล้ว แต่กับเด็กๆมันช่วยดึงความสนใจและได้ฝึกสอน2ภาษาไปพร้อมๆกันนะครับ
ทริปกระบี่วันธรรมดาครั้งนี้ของเรามีความสุขเช่นเคย การท่องเที่ยวในรูปแบบที่เราๆเที่ยวกันไม่ยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย หลายๆคนเที่ยวเก่งกว่าเราอีก
ภาพนี้เก็บได้ตอนเครื่องขึ้นไม่นาน ความงดงามของกระบี่มากี่ครั้งก็ยากจะลืมจริงๆฮะ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการพาเด็กๆไปรู้จักโลกใหม่ที่รอเค้าอยู่ ประสบการณ์หาซื้อไม่ได้ เราทำได้แค่ สอนลูกเที่ยวให้เป็น มันก็จะสอดคล้องซึมซับ ทุกอย่างเข้าไปในตัวเค้าได้เอง
หวังว่าจะมีความสุขกับทริปสั้นๆนี้นะครับ ครอบครัวเราไปได้ทุกๆครอบครัวก็ไปได้เช่กัน อาจจะต่างกันที่รายละเอียดแต่ก็หวังว่าจะพอมีประโยชน์บ้างนะฮะ
กระบี่ไปได้ทุกฤดูไม่จำเป็นต้องรอหน้าร้อน เราไปมาแล้วทุกปี และก็ยังอยากกลับไปอีกทุกปีเช่นกัน ทริปหน้าจะไปไหนกันอีกแล้วจะมาบอกนะฮะ
ทริปนี้ลาก่อน สวัสดีครับ จาก one22family จ้าา