รีวิวชวนลงใต้อีกครั้ง หนนี้เป็น รีวิว ไปแล้วจะรัก…สงขลา-พัทลุง เก็บที่เที่ยวที่ใครหลายคนยังไม่รู้จักสองจังหวัดนี้ดี โดยเฉพาะสงขลา ที่มันมีไรมากกว่า หาดใหญ่นะ
มากกว่าตลาดกิมหยง มากกว่าอีกหลายๆอย่างโดยเฉพาะ ที่เที่ยวในจังหวัดและอำเภอโดยรอบ เอาล่ะ อย่างเสียเวลากันเลย ไปเที่ยวใต้กันเน้อ
จำได้ว่าครั้งล่าสุดก็คือตอนไปปีนังปีก่อนนี่เอง แต่หนนั้นไปเพื่อต่อรถแต่รอบนี้ตั้งใจไปเพื่อทำความรู้จัก 2 จังหวัดนี้มากยิ่งขึ้น รีวิวนี้ผมจะไม่เรียงตามวันเวลาใดๆในสามวันนี้นะฮะ แต่จะแบ่งหมวดหมู่ กินเที่ยวไว้คนอ่านจะได้ เลือกอ่านเอาตามสะดวกเริ่มกันที่เดินทางกันก่อน อ่อแต่ผมจะไม่ลงดีเทล์มากว่า มันไปยังไง จากไหนไปไหน ผมมองว่ายุคนี้แล้ว พวกเรามี Google Map กันในมือถือ เพราะงั้นพิมพ์ชื่อมันลงไปฮะ มันพาไปถึงแน่ เว้นแต่มันมั่ว อันนี้ก็บอกตงๆ ผมเองก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แต่ๆอีกสาเหตุนึงคือการเดินทางตลอดทริปนี้ ผมไม่ได้ไปเองมีคนพาไปด้วยเพราะงั้นขอให้เป็นรีวิว ตามใจและได้ฟิลลิ่งสนุกๆกันนะฮะ
อย่าซีเรียส !
วิธีการเดินทาง
ขอเริ่มจากกรุงเทพฯ วิธีการเดินทางลงไปสองจังหวัดนี้สะดวกรวดเร็วที่สุดคือ นั่งเครื่องไป มีบินตรงลงไปถึงตัวอำเภอ หาดใหญ่ (บางคนไม่รู้ว่าหาดใหญ่เป็นอำเภอนะฮะ) ทุกวันจากทุกสายการบิน เที่ยวนี้เราบินตรงจากนกแอร์ ซึ่งก็มีบินถึงวันละ 5 เที่ยวบิน
วันที่บินไปถึงก่อนเวลาอีกต่างหากนะฮะ นั่งสบายเช่นเคยฮะ กับตันพานกลงอย่างนิ่มนวล จะบอกว่าไงดี ผมน่าจะเป็นคนนึงที่โชคดียังไม่เคยเจออะไรที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจกับ นกแอร์เลย ตั้งแต่บินมา ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีส่วนตัวนะฮะ
เริ่มกันที่จังหวัดแรก สงขลา มาเที่ยวกันก่อน
ที่แรกที่อยากพูดถึงคือที่นี่เลย “สวนสัตว์เปิดสงขลา”
แม้มาถึงจะให้ดูสัตว์เลยใช่มะ
ตอบเลยว่าใช่! เพราะด้วยพื้นที่กว่า 1000 ไร่ ถือเป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้บ้านเราแล้ว สาธุ จะใหญ่ไปไหนเนี่ย
ที่นี่สัตว์นอกจากจะดูแลกันอย่างดี มีที่หลับที่นอนพร้อมเพรียง อาหารไม่ขาดปาก จนน่าอิจฉา ยังมีไฮไลท์สำคัญมากทีเดียวคือ มีสิงโตขาว และ เสือขาว อยู่ทั้งสองสายพันธ์
ที่นี่จึงมีความน่าสนใจด้วยตัวมันเองมากฮะ แม้วันที่ผมไปเจ้าสิงโตมันจะขี้เกียจออกมาให้เราได้ยลโฉมกันแต่ ได้เห็นเสือขาวแทนก็หยวนๆล่ะนะ
นอกจากเสือและสิงโตแล้ว ยังมีสัตว์สายพันธ์ที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอกันเจอที่ภาคใต้ได้ นั้นคือ นกเพนกวิน ช่ายยย นกเพนกวิน ตัวเป็นๆนี่ละฮะ ใครจะคิดว่าภาคบ้านเรา จะมีเพนกวินตัวเป็นๆ วิ่งเล่นกันออกมาไม่กลัวร้อนเลยยยย
ลบความคิดว่าเพนกวินเป็นสัตว์อยู่ได้แต่ในอากาศหนาวๆอย่างขั้วโลกของผมไปเลยฮะ ดูสิพวกมันน่ารักไหม
ออกมาเล่น ให้อาหารได้ด้วย น่ารักไหมอ่ะ เนอะๆ ไม่เคยสัมผัสเพนกวินใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย ตื่นเต้นมากเลย ทั้งน่ารัก ทั้งน่าหมั่นไส้ มีแต่คนอยาก Selfie ด้วยอ่ะ
และยังมีสัตว์แปลกๆอย่างตัวนี้หมีขอ ชื่อเป็นหมีแต่ไม่ใช่หมี งงมะ คือมันถูกจัดอยู่ในสัตว์จำพวกตระกูลชะมด แต่ชื่อแบบนี้เพราะอากับกิริยาของมันที่ทำให้ได้ชื่อนี้ไปมากกว่าฮะ
มันเชื่องมากและกินเก่งมากฮะ
ย่านเมืองเก่า ถนนสามสายสงขลา
มะหลังจากนี้พาออกไปเที่ยวกันต่อแล้วฮะ มาสงขลา คงจะเอ๊าท์มากๆเลยหากไม่ได้แวะมาเดิน Street Art ของเมืองเก่ากัน สงขลาเมืองเก่าย่านนี้ประกอปไปด้วยถนนทั้งหมด 3 สายตัดกันไปมา คือ ถนนนางงาม ถนนนครใน ถนนนครนอก ทั้งสามสามจะอุดมไปด้วยตึกโบราณสไตล์ ชิโนโปตุกีสเหมือนที่เคยเห็นแถวๆ ย่านเก่าของภูเก็ต
เริ่มกันที่โกดังเก่าหับ โห้ หิ้น สีแดงของที่นี่โดดเด้งออกมาจากทุกสิ่งในละแวกใกล้เคียง
มีมุมหลบแดดให้ชาวบ้านร้านตลาดได้พักได้ด้วย ประโยชน์มากมี
ด้านหลังเป็นท่าเรือจอดเรือประมงด้วย
ที่นี่จะมีความดิบกว่าเล็กน้อยในความรู้สึกของเรานะ แต่ที่ไม่ต่างกันเลยคือ ยังคงมีเสน่ห์ และเรื่องราวให้เล่าได้ไม่จบไม่แพ้กัน เริ่มกันที่ Street Art กันก่อนจะกระจายตัวอยู่ทั้งสามถนนเลยฮะ หาไม่ยากเดินง่ายๆเลย การเดินชมผนังสวยๆกับภาพวาดมันเหมือนเราเดินหาขุมทรัพย์เลย น่ารักมากฮะ
บางภาพนี้ชมไอเดียดูแล้วอมยิ้มเลย
Street Art มีแล้วก็ต้องมี Street Food บ้าง ย่านนี้อาหารอร่อยเยอะขนาดผมเดินไม่นานยังเจออยู่หลายร้าน มาดูกันนะ ไล่ตั้งแต่ร้านนี้เลย ขายข้าวราดสตูเนื้อ และยังมีซาลาเปาลูกใหญ่มาก ราคาถูกมากกกเล่นเอาซาลาเปาเซเว่น ถอยเลย ราคานี่ 15 บาทเองฮะ กัดเข้าไปคำแรกหมูล้น กันทีเดียว
เดินมาเหนื่อยๆแวะกินขนมร้านรวงมีตลอดทาง อย่างไอติมกะทิซ้อนด้วยถั่วเขียว เพิ่งเคยกินทีนี่ละฮะ อร่อยมาก
และยังมีศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ที่มีไฮไลท์สำคัญที่ก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้ว อีกด้วยนะ
ปัจจุบันตรงนี้เป็นทั้งที่ตั้งโรงงิ้วและโรงเรียนสงขลาวิทยามูลนิธิไปด้วย ตอนไปกลางวันพอดีเห็นเราถือกล้องก็เสร็จสิฮะ ถ่ายๆอยู่บางที่ก็มีคนมาแก้บนจุดประทัดดังเป็นระยะ ได้บรรยากาศแปลกๆแต่เก๋ๆอยู่นะ ที่มีทั้งโรงงิ้ว โรงเรียน ก๋วยเตี๋ยวใต้โรง โอ้ย ไม่มีที่ไหนมีอีกแล้วล่ะ มาเหอะแล้วจะชอบ
ป้าเจ้าของร้านขายกันมามากกว่า 40 ปีแล้ว ขายมาตั้งแต่ชามไม่ถึง 10 บาท จนปัจจุบัน อยู่ที่ชามละ 70 บาท! คือจินตนาการขั้นบันไดราคากันไม่ถูกเลย
แต่อย่างนึงยอมรับนะฮะว่าของแกอร่อยจริง โดยเฉพาะหากเติมพริก น้ำส้มสูตรของแกเข้าไปนี้สะใจเลย อย่าใส่เยอะนะ ค่อยๆเติม ไปชิมไปล่ะ
มาถึงย่างประตูเมืองเก่า มาแล้วก็อย่าลืมเดินมาเก็บภาพกันนะล่ะ
หาดสมิหลา
ถือเป็นที่เที่ยวแวะพักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง ได้เลย หาดนี้จำได้ว่าได้ยินชื่อครั้งแรกสมัยตัวเองเด็กๆเลยฮะ หาดนี้มีจุดพีคอยู่ที่ต้องมาตอนเช้าๆ ไก่ยังไม่โห่นั้นล่ะ
มารอถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเช้าๆ กับรูปปั้นนางเงือก สวยๆไป
แถวๆนี้เป็นที่วิ่ง ที่ออกกำลังกายยามเช้าของคนในพื้นที่ด้วย เราจึงเห็นชาวบ้านมาปั่นจักรยานกัน วิ่งกัน แต่เช้า อากาศก็ดี๊ดี
วิวยามเช้าที่นี่ถือว่าเหมาะกับการมาชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบโผ่ลพ้นน้ำตรงหน้ากันแบบนี้ละฮะ เริ่ดๆนะ
สะพานข้ามจังหวัด สงขลา-พัทลุง สะพานเอกชัย หรือ ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
จะเรียกว่าเป็นถนนหรือสะพานก็อย่าไปใส่ใจมากรู้กันแต่ว่ามันเท่มาก ที่เมืองไทยเรามีสะพานเส้นที่เชื่อมต่อสองจังหวัด คือ อำเภอระโนด สงขลา- อำเภอควนขนุน พัทลุง เดิมที่นี่เป็นเพียงถนนลูกรัง แต่ด้วยความทุลักทุเลทางการจึงได้จัดงบมาก่อสร้างออกมาเป็นสะพานที่ข้ามทะเลน้อย สวยๆ แห่งนี้ และมันก็ยาวที่สุดในประเทศไทยเวลานี้ยาวถึง 14 กิโลเมตรกันทีเดียว และปีที่สร้างเสร็จก็อยู่ที่หัวชื่อนั้นเลย
ความสวยงามของที่นี้มีดีที่ 2 ช่วงเวลาฮะ คือเวลาโพล้เพล้ ยามเย็นที่ถ้ามาในฤดูร้อนพระอาทิตย์จะตกตรงถนนให้เราเห็นพระอาทิตย์กลมๆสีส้มใหญ่สวยงาม หรือหากมายามเช้าในฤดูอื่นก็จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยเช่นกัน เรียกว่าสวยงามทั้งสองช่วงเวลา ผมเองมาแล้วก็ประทับใจจริงๆฮะ อ่อไม่ต้องห่วงนะฮะ เค้ามีที่จอดรถเป็นสัดเป็นส่วนข้างทางสามารถเอารถมาจอดกันได้สบายๆฮะ และล่าสุดทางการทางสร้างเลนจักรยานไว้เรียบร้อยสามารถมาปั่นกันได้เลยฮะ
มาถึงหนึ่งใน Hilight มัสยิดกลางสงขลาชื่อเต็มมัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม
มัสยิดที่ว่ากันว่าได้แรงบันดาลใจมาจากทัชมาฮาล ทีเดียว ด้วยองค์ประกอปที่มีสระน้ำอยู่ด้านหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้คนโดยเฉพาะช่างภาพจนแวะเวียนมาถ่ายภาพกันที่นี่แทบทั้งนั้น
ผมเองมาที่นี้ครั้งที่สองแล้ว ยังประทับใจไม่เปลี่ยนมัสยิดกลางของสงขลาจึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่สุด
ภายในก็สวยมาก เป็นกระจกล้อมทั้งหลัง แสงเงาสวยมาก
ยิ่งเวลาโพล้เพล้ด้วยแล้วสวยงามขนาดไหนเชิญชมดีกว่า
แนะนำให้มาตอนช่วงใกล้ๆค่ำครับ บรรยากาศดีงามจริงๆ
รวมที่เที่ยวเกาะยอกัน
รวมมิตรเฉพาะที่เที่ยวเกาะยอ เกาะที่สนิทชิดชมกับจังหวัดสงขลามากเพราะใช้เวลาแค่ 5 นาทีขับรถข้ามสะพานติณสูลานนท์ มาได้ง่ายมาก ที่แรกเลยคือข้ามสะพานมาแวะได้เลยคือ วัดแหลมพ้อ เป็นวัดที่มีพระนอนองค์ใหญ่ท่ีสุดของจังหวัดนี้
วันที่มาอากาศดี๊ดี มันจึงร้อนมากกกก ฮ่า ฮ่า แวะถ่ายรูปกันแป๊บๆก็ไปกันต่อแล้วล่ะ
ถัดมาเป็น สำนักสงฆ์เขากุฏิ ขับรถขึ้นเขามาชมวิวกันฮะ หลักๆคนที่มาเพื่อการนี้กับนอกเหนือจากวิวสะพานติณฯแล้ว
วิวที่เห็นเวิ้งอ่าวตรงหน้ากับ แพจับปลาถือว่าเป็น Hilight เช่นกันควรมาถ่ายภาพกันตอนค่ำๆน่าจะดีกว่านะฮะ
วัดสุดท้ายที่แวะมาคือ วัดท้ายยอ วัดนี้จุดเด่นคือนอกจากโบสถ์โบราณอายุเป็นร้อยปีแล้ว ยังมีศาลากลางน้ำที่สะพานปูนทอดยาวลงไปในทะเล
วิวสวยๆของแพกระชังของชาวบ้าน ในวันอากาศดีทำให้ที่นี่มีเสน่ห์แบบใต้แท้ๆดีมาก
ปิดท้ายจังหวัดกันที่ ตลาดน้ำคลองแดน
ตลาดน้ำที่ผมมาครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกมาแล้วติดใจจะอยากมาอีก ตลาดน้ำภาคใต้นี่น่ารักมากๆฮะ
ที่ดีงามของที่นี่เลยคือการใช้วัสดุจากธรรมชาติแทบทั้งตลาดเป็นภาชนะ อย่างน้ำหวานแบบไทยๆเค้ามีให้เลือกระหว่าง กระบอกไม้ไผ่ หรือไม่ก็ที่ทำจากใบจาก
คือมันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก วิธีคิด วิธีทำของตลาดนี้ผมขอปรบมือให้เลย เค้าทำดีมาก มีดนตรีสด มีเพลงประจำตลาดที่แต่งโดยนักแต่งเพลงพื้นถิ่น ซึ่งผมฟังแล้วชอบมากกจนอยากหาซื้อถ้าเค้ามีขาย
ของกินก็ไม่แพงลองดูสิทั้งอร่อยและน่าชิมจริงๆฮะ
มันเพราะและจริงใจมาก
และอีกส่วนที่ดีงามคือการแสดงของเด็กๆเยาวชน ที่มาทั้ง โนราห์ ที่แสดงกันแบบเสียวๆแทนเพราะน้องๆเค้าเล่นกันตรงกลางสะพานเลย เก่งมาก
และยังมีการละเล่นแบบโบราณของเด็กผู้ชายที่น่ารักไม่แพ้กัน ทั้งหมดนี้หาได้ที่ตลาดนี้เท่านั้น
เดินข้ามมาจังหวัดนครแบบ 2 นาที จะมีทางเดินเลียบคลองตลอดทาง พาไปชุมชนบ้านโบราณ 100 ปี
วันที่ผมไปถึงเค้ากำลังมีคณะมาเยี่ยมชมการจัดการชุมชนพอดีด้วย เก่งจริงๆฮะ
ตลาดน้ำคลองแดนนี้อยู่คาบเกี่ยวกันสองจังหวัดแบบเดินข้ามฟากก็ถึงแล้วระหว่างจังหวัดสงขลากับจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝั่งนครศรีฯถ้ามาแล้วก็ควรแวะไปกรอบหลวงพ่อทองกันครับ ตัวองค์หล่อด้วยทองคำแท้ 96.5 แบบเดียวกับทองที่เราซื้อหากันนั้นเลย การดูแลเลยรัดกุมซักหน่อย ไหนๆมาแล้วก็แวะมากันนะ
ยิ่งค่ำยิ่งสวยงาม น่าเดินอากาศเองก็เย็นลงคนยังแน่นตามสายตาที่ผมสังเกตุดู
ถือเป็นตลาดน้ำที่ประทับใจที่สุดในรอบปีทีเดียว
มาเที่ยวฝั่งจังหวัดพัทลุงกันบ้าง
ที่ถัดมา หลาดใต้โหนด
ตลาดขายของพื้นถิ่นคนพัทลุง เปิดตลาดเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น คือตอนนั่งรถมา ก็แปลกใจทำไมทันติดจัง ถามไปถามมาได้ความว่าทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวแห่กันมาจนรถติดยาวกว่า 2 กิโลเมตรกันเลย ดูสิฮิตไม่ฮิตดูกันนะฮะ หลาดใต้โหนด เต็มได้ด้วยของกินพื้นบ้าน ขนมพื้นบ้าน
บรรยากาศน่ารัก เป็นแบบพื้นบ้านแท้ๆมีโชว์ดนตรีแบบครอบครัวมาเล่นให้เราฟัง น่ารักกันทั้งบ้านเลย
ของกินถูกแบบที่เราไม่ได้เห็นแบบนี้มาเป็นปีได้ ขนม 5 บาท 10 บาทหาง่ายมาก
ของกินทุกอย่างพยายามใช้วัสดุจากธรรมชาติเป็นภาชนะแทบทั้งหมด
มีที่ทิ้งขยะแยกขยะชัดเจน โอ้ยปลื้มแทนอ่ะ น่ารักมาก
ข้างในมีลานกิจกรรมของเด็กๆด้วย พาเด็กมาไม่มีเหงา เค้ามีคนดูแลไว้เสร็จสรรพ ให้พ่อแม่ไปเดินเล่นหาของกินได้
ในสุดยังมีร้านขายเครื่องดื่มชากาแฟ และร้านหนังสือด้วยเจ้าของเป็นอดีตนักเขียนรางวัลซีไรต์ครับ
รวมๆที่นี่น่ารักน่าแวะ อย่างยิ่งยวด มาพัทลุงห้ามพลาดจริงๆนะมาเหอะ ไม่ซื้อไรก็มาเดินดูของกันน่ารักขนาด
Hilight ที่ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมาได้ ปากประ จังหวัดพัทลุง
ที่นี่จะเรียกว่าไงดี ถือเป็นจุดถ่ายภาพ ที่นักถ่ายภาพทั่วไทยอยากมี Moment นี้สักครั้งที่ได้ถ่ายรูป ยอขนาดยักษ์ ใบช่วงเช้าตรู่ ถือเป็นจุดถ่ายภาพระดับประเทศไทยเลยที่ห้ามพลาด
ผมเองมาที่นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุด ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าสมกับที่ตั้งใจมาถึงสามครั้ง
ฟ้าตอนระเบิดสวยงามตามท้องเรื่องนี่ละฮะ
ยิ่งมีเรือวิ่งเป็นจุดนำสายตายิ่งดีมากขึ้นไปอีก
ที่นี่จึงเป็นจุดที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวที่ขยันตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแบบมีความหวังจะได้เห็นกันที่ขอบฟ้า
รวมถึงนักถ่ายภาพที่มาแล้วก็คงไม่อยากผิดหวังกลับไป ที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงหน้าแบบนี้เลย ถือว่าโชคดีจริงๆกับทริปนี้ สมหวังแล้วววว
อีก Hilight นึงคือการนั่งเรือหางยาวออกไปในทะเลน้อย เพื่อชมทิวทัศน์ ความเป็นธรรมชาติ และมีควายน้ำเป็นเป้าหมายในการนั่งเรือ
ตัวควายมันเดินไปกินหญ้าไกลมากกกเลยได้ภาพมาใบนี้ล่ะครับ ไว้กลับไปซ่อมกันใหม่นะ
สรุปว่าที่นี่เป็นอีกจุดควรมากอย่างยิ่งมีเสน่ห์แบบบ้านๆ แต่น่ารัก จุดถ่ายรูปมีพลังดึงดูดแรงกล้ามากก ที่จะทำให้เรารู้สึกว่าการตื่นแต่เช้าในวันที่มาถ่ายภาพตรงสะพานนี้มันคุ้มค้าทุกๆนาทีที่เสียไปฮะ
มาถึงที่กินกันมั่งครับ
ที่กินจังหวัดแรกของเริ่มที่สงขลาก่อน ถ้าลงเครื่องหาดใหญ่ไม่อยากไปไหนไกล และมาเที่ยวเช้าสุดๆได้ทัน แนะนำของดีของเด่นประจำเมืองหาดใหญ่ “โชคดีติ่มซำ” หรือ “โชคดีแต่เตี้ยม” เจ้าต้นตำรับ หนึ่งเดียวไม่มีสอง เจ้าอื่นๆตอนนี้ในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับทางนี้แล้วนะครับ เพราะงั้นมาที่นี่ลองมาชิมเจ้าต้นตำรับกันดู
หลักๆหน้าต่างๆของติ่มซำค่อนข้างครบเลยครับ สมัยแรกๆที่มากินที่นี่เอร็ดอร่อยมาก ตอนนี้ร้านขยายมาฝั่งตรงข้ามเปิดอีกสองคูหากันเลย แสดงว่าได้รับการต้อนรับอย่างดี
โดยรวมรสชาติไม่เปลี่ยนจากเมื่อครั้งแรกที่มากินที่นี่ครับ บักกุ๋ดเต๋ ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม
Container Coffee House
ร้านกาแฟเก๋อยู่ในตัวจังหวัดสงขลา ตกแต่งสไตล์ตามชื่อร้านเลยคือใช้ ตู้ Container มาชูเป็นของตกแต่งร้าน ผสมกับ สไตล์ปูนเปลือยทำให้น่านั่งและแนวได้ใจ
บรรยากาศในร้านออกแบบโดนใจวัยรุ่น ส้งเกตุจะเจอวัยรุ่นนั่งชิลล์กันเยอะเลย
ของอร่อยร้านนี้ก็คือเค้กหน้าตาดี มาในรูปแบบเก๋ๆ รสชาติถือว่าดี ไม่หวานจัด กินเพลินๆได้หมดก้อนแบบไม่รู้ตัว
หลักๆนอกจากนี้วันที่ไปถึงเจอเจ้าของร้านแสนสวยด้วยทำให้น่าปลื้มเข้าไปอีกนะฮะ 555
ร้านครัวม่านทะเล
ร้านนี้ไฮไลท์อยู่ที่วิวเลยฮะ แถมเป็นร้านอาหารที่อยู่ในสวนสัตว์สงขลาด้วย ร้านนี้ได้ครอบครองวิวที่สุดสายตาของทะเลไปเกือบหมด อาหารเน้นเป็นอาหารภาคใต้นี้ละฮะ ไล่ดูกันได้เลย
โดยรวมถือว่าอาหารใช้ได้ รสชาติจัดจ้านสมกับเป็นอาหารภาคใต้ แต่จุดเด่นจริงๆก็ตรงวิวนี้เลย
ร้านศิรดา เกาะยอ
ร้านนี้เราได้เจอจากตอนข้ามมาเที่ยวเกาะยอนั้นเอง เที่ยงแล้วก็ต้องหาไรกินกันที่นี่เลย ถือเป็นหนึ่งในร้านแนะนำของที่นี่
บรรยากาศดีมากมีวิวกระชังปลาให้ดูหากใครชื่นชอบธรรมชาติดีๆ แบบเจ้าของถิ่นแท้ๆมาร้านนี้ตอบโจทย์ทุกกรณี
หน้าตาอาหารก็ประมาณนี้เลยครับ รสชาติโดยรวมดีมาก รสชาติแกงส้มไข่ปูนี่แซ่บสุดๆ เขียนไปนี่น้ำลายสอกันเลยฮะ
ยังมีอีกหลายเมนูชมกันได้เลยโดยรวมผมชอบร้านนี้มาก เพราะรสชาติถึงเครื่องถึงรส จัดจ้านในแบบพื้นบ้านใต้ๆบ้านเราครบเครื่องครับ อยากแนะนำเวลามากันนะ
ขอปิดท้ายด้วยร้านกาแฟเก๋ๆอย่าง Bistro Cafe
มากินกาแฟชิลๆในบรรยากาศเกาะยอกันต่อ ร้านนี้โคตรน่ารักมากกก ผมชอบมากร้านเล็กๆที่ตกแต่งน่ารัก มีความเป็น Retro แบบไม่ต้องคิดไรมาก บ้านเก่าที่ยกเอามาปรับปรุงใหม่ แบบไม่ต้องแต่งไรมาก ของมันได้ฟิลแล้ว
ร้านมีขนมเค้กทำเองหลายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ แสดงว่ารับรองนักท่องเที่ยวได้ดีแน่นอน รสชาติดีด้วย
ตัวที่ผมชอบสุดก็เป็นเค้กหน้าฝอยทอง ได้เสริฟพร้อม อิตาเลียนโซดาด้วยอร่อย สดชื่นหายร้อนกันทีเดียว
โดยรวมต้องบอกว่าร้านน่ารักมาก มีความเป็นเกาะยอในแบบ ไม่ต้องปรุงแต่งมากมายใดๆ อ่อร้านนี้ปิดประมาณ บ่ายสองโมงนะครับใครจะไปให้เร็วด้วยร้านน่าจะขายดีถึงปิดเร็วป่านนี้
จบแล้วครับ ทริปไปสงขลา-พัทลุงครั้งนี้ประทับใจไม่แพ้จังหวัดใดๆที่เคยไปของใต้เลย เป็นอีกจังหวัดที่มีสิ่งน่าสนใจมากมายจนควรลงไปค้นหากันสักครั้ง หรือไปหลายๆครั้งก็ได้ นะ อยากให้ไปกันฮะเหมือนชื่อที่จั่วหัวไว้เลยว่า ไปแล้วจะรัก สงขลา-พัทลุง สองจังหวัดติดกัน บุคคลิกใกล้ๆกันมีเสน่ห์ไม่ต่างกันหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามานะฮะ
ไหนๆมาแล้วแวะไปคุยกันได้ที่หน้าเพจของผมเลย ที่นี่นะฮะ www.facebook.com/one22family แล้วเจอกันนะ
สวัสดีครับ