รีวิวรับปลายฝนใกล้หนาวอย่าง ทริปนี้จะพาไปเที่ยว สุโขทัย…เที่ยว ชิม ชม ชอบ ชื่นจายยยแบบปลายฝน ต้นหนาว
สุโขทัยรอบนี้เป็นครั้งที่สองแล้วของปีนี้ เราจึงตั้งใจจะไปให้ไม่ซ้ำกับรอบที่แล้วและเป็นรอบที่ประทับใจมากขึ้นอีกเพราะแต่ละที่มาพร้อมฝนหน่อยๆ ในบางวัน แดดดีสลับกันไปสมกับบรรยากาศปลายฝนต้นหนาว เอาละไม่ต้องให้เสียเวลาไปเยอะเชิญมาสัมผัสสุโขทัยปลายฝนต้นหนาวกันนะ
จะมาสุโขทัยให้สะดวกรวดเร็วสุดก็ต้องบินตรงมากับ สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ น่าจะเป็นคำตอบที่ง่ายและสะดวกที่สุด เดี๋ยวนี้มีวันละ 3 เที่ยวแล้ว คือ 7.00,13.00,17.00 จากกรุงเทพฯทุกวัน
ระหว่างบินก็เสริฟอาหารกลางวันเรื่องรสชาติหายห่วง ข้าวหน้ามัสมั่นไก่อร่อยใช้ได้เลย
มาถึงก็ประทับใจสนามบินอีกเช่นเคย สนามบินสไตล์บูทีคสมชื่อสายการบิน มีความน่ารักแบบไทยๆ น่าประทับใจดีมาก รถรับส่งเหมือนรถซาฟารีเลย บริเวณสนามบินก็ยังตกแต่งสวยงามเหมือนอย่างที่เคยผ่านตามา
หลังจากลงเครื่องออกมาหน้าทางเข้าสนามบินสุโขทัย และรอบนี้ผมใช้บริการบริษัทรถเช่าท้องถิ่นอย่าง Eddy Car Rent โอเคทีเดียว ราคาก็ไม่ต่างกับเจ้าดังๆ
ที่แรกที่เราอยากแนะนำหากใครไม่เร่งรีบเกินไป ไม่ไกลจากสนามบินเป็นร้านกาแฟขนาดเล็กๆ ถ้ามุ่งหน้าเข้าเมืองสุโขทัยผ่านแน่นอน ร้านจงกล คาเฟ่ ร้านนี้ผมแวะถึงสองครั้งเพราะแวะครั้งแรกคือวันที่มาวันนี้ผมมาก่อนคนเดียว ก่อนแม่ปันกับปันจะบินตามมา เลยมีโอกาสแวะสองครั้งเพราะครั้งแรกก็ประทับใจแล้ว
ร้านตกแต่งน่ารักบ้านไม้สีขาว เป็นร้านพี่น้องทำกันเองข้างๆเป็นร้านอาหารของบ้านขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยด้วยนะ
พวกเราสั่งชามาสามแบบ อยากบอกว่าให้ลอง ชาเขียวมะนาว คือมันดีงาม รสชาติแปลก และแตกต่างจากที่เคยๆ จนเรายังสงสัยว่าไหมที่กรุงเทพฯ เค้าไม่เอามาทำแบบนี้บ้าง รสชาติดีจริงๆ ใครผ่านไปลองแวะกันดู
บรรยากาศร้านก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และมีมุมเซลฟี่อยู่น่า ปันกับแม่ปันชอบกันทั้งคู่ เลย
Google Map: จงกล คาเฟ่
ไม่ไกลจากสนามบิน ห่างจากสนามบิน 4 นาที เส้นทางมุ่งหน้าไปเส้นทาง สวรรคโลก อยู่ขวามือ
ผมเก็บภาพกันไปมาก่อนจะเริ่มขยับเข้าสู่เป้าหมายถัดไป ร้าน บ้านหอมกาแฟ อีกร้านน่านั่งถ้าใครจะไปอำเภอสวรรคโลก ก็น่าจะผ่านแน่ๆ ผมขับรถดิ่งมาต่อเพราะรู้ถึงบรรยากาศน่านั่งจิบกาแฟริมท้องนาจินตนาการว่ามันน่าจะชิลๆ อยู่
มาถึงแอบตกใจเล็กน้อย เพราะช่วงที่ผมมา (ปลายกันยายน) ฝนกระหน่ำลงมาจนทำให้นาตรงหน้าร้านเต็มไปด้วยน้ำจนน่าตกใจ
ด้วยเพราะหิวมาจึงสั่งสปาเก็ตตี้มาพร้อมกับชาเขียวเย็นๆ นั่งกินไป ดูวิวไปก็ชิลล ดีอยู่ ถ้าเลยช่วงตุลาคม ไปก็น่าจะกลายเป็นทุ่งนาสีทองเป็นแน่ๆ
โดยรวมบรรยากาศยังน่านั่งชิลๆ อยู่ใครอยากมาก็แนะนำเลย น่าไปๆ
Google Map :บ้านหอมกลิ่นดิน
หลังออกจากร้านผมมุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายคืนนี้ที่ตั้งใจจะมาพักสักครั้ง เพราะได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วกับ” ชุมชน บ้านนาต้นจั่น โฮมสเตย์ สุโขทัย ” เป็นชุมชมตัวอย่างนักพัฒนาที่เราได้ยินชื่อเสียงชื่นชมมานานแล้ว จนวันที่ได้มาสัมผัสตัวยตัวเองก็แอบดีใจและคาดหวังว่าจะได้เจอตามคำร่ำลือ
มาถึงเอาเกือบมืดพอดีสำหรับ บ้านนาต้นจั่น อำเภอเล็กในสุโขทัย ที่ไปคว้ารางวัลชุมชนดีเด่นระดับอาเซียนมาแล้วถึง สามครั้ง ครั้งแรกที่เจอก็ประทับใจเลย บ้านไม้สไตล์ไทยล้านนาประยุกต์ ผสมกับนาข้าวแปลงเล็กๆด้านหน้าบ้าน มีสะพานไม้ทอดเข้าไปถึงกระไดบ้าน ชวนประทับใจตั้งแต่แรกเจอ บ้านที่เราเข้าพักเป็นบ้านของ พี่แหม่ม ลูกของป้าเสงี่ยม ผู้ริเริ่มและจัดการทุกอย่างของโฮมสเตย์ ของหมู่บ้านนี้ช่วยกันสร้างให้เกิดเป็นชุมชนพัฒนาขึ้นมาจนสำเร็จได้
คอนเซ็บที่ทำให้ไปคว้ารางวัลมาก็ตรงแต่ละบ้านจะมีพี่แหม่ม เป็นคนจัดตารางรับแขกประจำแต่ละบ้าน โดยจะหมุนเวียนกันไปแล้วแต่ว่าเราจองมาก็จะได้พักบ้านแตกต่างกันไป
อย่างรอบนี้ผมโชคดีถึงโชคดีมาก ได้มาพักบ้านของป้า.. ผู้ริเริ่มกันเลย แถมไม่ใช่แค่นั้นนะ เพราะบ้านหลังใหญ่ขนาดจุคนได้ 10 คนนี้ ผมพักแค่คนเดียวด้วย !!! ใช่ครับ แถมในราคาแค่ 600 บาทอีกต่างหาก คุ้มจนไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย เอาว่ามาดูกันดีไหม
คือหากแขกคนไหนเข้ามาพักบ้านหลังไหนบ้านๆนั้นจะไม่รับแขกซ้อนกันถึงแม้ว่าจะมีแขกแค่คนเดียวอย่างเรานี่ก็ตาม เจ้าบ้านจะดูแลแค่เราเท่านั้น
สิ่งที่คุณจะได้หากมาพักที่ บ้านนาต้นจั่นในราคา 600 บาทคืออะไรบ้าง มาดูกันดีกว่า
- ที่พัก 1 คืน ในบ้านพักหลังนั้นเจ้าบ้านจะดูแลเราเหมือนญาติ หุงหาข้าวปลา ให้เราได้กินร่วมกันไปกับเจ้าบ้านนั้นเลย
- อาหาร 2 มื้อคือ มื้อเย็นวันนั้นที่เราเข้าพัก กับ มื้อเช้า หรือหากมากันเยอะก็จะจัดเป็นขันโตกแบบชาวเหนือเสริฟกันในเรือนบ้านนั้นเลย
- พาเที่ยวชมกิจกรรมต่างๆในชุมชน หรือหากอยากสาธิตก็สามารถทำได้ กิจกรรมมีหลายอย่างมาก ถอผ้า , ทำผ้าหมักโคลน, ลองทำข้าวเปิ๊บ ,ปั่นจักรยานฟรี ฯลฯ ทั้งหมดจะเป็นเวลา 2 วัน 1 คืนรับตั้งแต่ เที่ยงวันจนจบเที่ยงอีกวันนั้นเลย
- กิจกรรมดูทะเลหมอกตอนเช้า หากต้องการไปชม สามารถนัดให้รถพาไปได้แต่จะไม่รวมอยู่ในราคาที่พักนะ ต้องจ่ายให้กับรถพาไป 450 บาท
คืนนั้นผมได้นั่งทานอาหารขันโตกร่วมกันกับเจ้าบ้าน พี่แหม่มและ ป้าเสงี่ยม ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานตามประสาคนเมือง ถูกเททับด้วยความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความน่ารักแบบไทยๆ
กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้กินน้ำจากขัน ผมรำพึงกับตัวเองทันทีที่พี่เค้ายกอาหารมาเสริฟ ผมนั่งกินข้าวไปพร้อมกับเรื่องราวจากบทสนทนาแสนเพลิดเพลินจากเจ้าบ้านทั้งสอง อย่างสนุกสนาน
คืนนั้นผมนอนหลับเป็นตายแบบที่ไม่เคยได้หลับแบบนี้มานานตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่เราไปบ้านย่าที่ต่างจังหวัด แม้อาจจะดูเหงาปนๆไปบ้างแต่ก็หลับสบายในบ้านแสนเรียบง่าย
จนกระทั่งประมาณตีสี่ครึ่ง ตามเวลานัด ที่ผมให้พี่แหม่มแกนัดเวลาไว้กับรถ ใช่แล้วผมรีบกุลีกุจอ ล้างหน้าแปรงฟัน เพราะตามที่นัดเราจะต้องไปเดินขึ้นเขา อีกเล็กน้อยเพื่อไปชมทะเลหมอกที่ ห้วยต้นไฮ และกลับลงมาหลังชมทะเลหมอกเพื่อกินอาหารเช้าที่ บ้านลุงเตี่ยม ห้วยต้นไฮ บ้านนาต้นจั่น
หลังปุเรง ปุเรง กับรถจนมาถึงตีนเขาฯ ผมเดินฝ่าสายลมตามพี่คนขับที่บัดนี้กลายมาเป็นไกด์ไปแล้ว พี่เค้าจะพานำเราไปจนถึงบนเขาเลย
เส้นทางเดินจะไม่ชันมากนักช่วงต้นๆจะเดินง่ายชิลๆ มาเริ่มชันจริงๆ ช่วง 300 เมตรสุดท้าย มีจุดแวะพัก 5 จุดระหว่างทางขึ้นถือว่าเดินง่ายไม่ยาก แต่หากเป็นคนแก่ก็ยังไม่เหมาะที่จะไปปีนป่ายนัก
ขึ้นมาถึงก็ต้องอ้าปากค้างเลย ความสูงไม่มากแต่วิวที่ได้เต็มๆแบบนี้เลย แถมได้ทั้งวิวทั้งสองช่วงเวลาหากอยากมาเช้ารับทะเลหมอก ก็ด้านนี้
และหากมาเพื่อดูพระอาทิตย์ตก ก็ด้านนี้เลย ทั้งสองด้านหากขึ้นมาเช้าๆ ทะเลหมอกมาเต็มๆ แบบนี้ละจ๊ะ
เรามาถึงเจอน้องผู้หญิงสองคนปีนป่ายมาสำเร็จก่อนเราอีก (ชื่นชมในความขยันจริงๆ เช้ามากกกก) อากาศวันนี้เย็นๆดีมากเนื่องจากเมื่อวานช่วงเย็นๆ ฝนเท่ลงมา แบบนี้หมอกมาแน่ๆ ถ้าเจอแดดด้วย และมันก็มาจริงๆ
บรรยากาศบนยอดเขาฟินสุด โปรดดูจากภาพเอาเองเลยนะครับ
เราใช้เวลาอยู่บนนี้ประมาณ ชม.เศษๆ ผมก็ต้องลงแล้ว
หลังจากลงมาเรายังมีมื้ออาหารเช้ารอเราที่ด้านล่างเลย เดิมผมเข้าใจว่าเราจะกลับไปกินกันที่บ้านที่เราพัก แต่สุดท้ายในโปรแกรมถ้าใครที่จะม่าชมทะเลหมอก ทางโฮมสเตย์จะจัดให้เราทานกันที่นี่เลยบ้านลุงเตี่ยม ห้วยต้นไฮ เป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์น่านอนที่สุด อยู่ปลายดอยเวลาที่เราจะขึ้นไปที่ ห้วยต้นไฮ ลงมาก็กินข้าวกันตรงนี้เลย
บรรยากาศในบ้านรองรับได้สบายๆ 10 คนเลย เป็นบ้านที่เรียบง่ายน่ารักมาก มีแยกห้องน้ำไว้เรียบร้อย กลางคืนหนาวแน่ๆ
อาหารเช้าสำหรับเราเสริพมาพร้อมกันบนกระบอกไม้ไผ่ผ่าครึ่ง เฮ้ยดีอ่ะ ดีเลย เท่อ่ะ ชอบๆ
แง่คิดอีกอย่างที่คุณลุงเล่าให้ฟังคือกระบอกไม้ไผ่เราเอามาทำต่อได้อีก กินเสร็จทำฟืนก่อนไฟให้ทำอาหารของวันต่อไปได้ เวียนใช้อย่างรู้คุณค่า
โฉมหน้าคุณลุงเจ้าของลงมือทำอาหารให้เรากันสำหรับมื้อนี้
โอ้ยเลิฟครับ ใครอยากมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติดีๆ เชิญมาเลยครับ ที่นี่จัดการวางระบบระเบียบดีมากสมกับที่เป็นชุมชนดีเด่นสามปีซ้อนจริงๆ
Google Map : บ้านนาต้นจั่น
หลังจากกลับมาถึงบ้านผมต้องรีบจัดการตัวเอง เพราะมีภารกิจกลับเข้าไปในเมืองเพื่อไปรับ สมาชิก one22family อีกสองคน ที่สนามบิน
ขับรถไม่นานเกินไปนักก็เจอกันแล้วสมาชิกครบ เที่ยวไหนก็ได้แล้ว
เป้าหมายเราวันนี้คือการไปเยือนอีกสถานที่นึงที่สำคัญของสุโขทัย คือ อุทยานประวัติศาสตร์ ศรีสัชนาลัย อุทยานที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกมาพร้อมๆกันกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่เราพึ่งไปมาเมื่อต้นปี
ความตั้งใจมากันครั้งนี้ยังคล้ายครั้งก่อนที่ไปอุทยานแรก คืออยากชิลๆ ปั่นจักรยานพาปันเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์กันบ้าง ชีวิตแบบเมืองๆของเราไม่ค่อยได้ทำไรแบบนี้
อีกเรื่องก็คืออยากให้ปันได้เรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์จากของจริงเห็นจริงถามได้ เหมือนได้เรียนรู้จากของจริง นี้ก็อีกเป้าหมายนึง
หลังได้จักรยานคันที่ถูกใจแล้วทีม one22family พร้อมล่ะนะได้มาคนละแบบ ปั่นคู่ ปั่นเดี่ยว เอาล่ะไปดูกันดีกว่า
ซื้อบัตรเข้าไปซึ่งถูกมากก คนละ 20 บาทเองแถมเด็กฟรีด้วยนะ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก
อากาศวันนี้แดดไม่ร้อนเกินไป เด็กน้อยพอไหวซ้อนท้ายแม่ปันยิ้มสู้น่าดู
อุทยานชั้นในจะมีวัดสำคัญทั้งหมดอยู่ 9 วัด เราเริ่มปั่นไปเจอที่แรกก็เป็น วัดนางพญา วัดสำคัญตั้งแต่สมัยรางวงศ์พระร่วง สมัยสุโขทัย
วัดนางพญามีความสำคัญเพราะเป็นวัดชั้นในของอาณาจักรพระร่วง
หาข้อมูลจากในวิกิพีเดียมา พอสรุปความสวยงามของวัดได้ คร่าวๆเข้าใจง่ายๆดังนี้
เป็นวัดที่มีลวดลายปูนปั้นงดงามมาก ปรากฏอยู่บนซากผนังวิหาร เสาทุกด้านมีเทพนม และลวดลายต่าง ทำด้วยสังคโลกไม่เคลือบ เจดีย์ประธานของวัดเป็นเจดีย์ทรงกลมตั้งอยู่ตรงกลาง
เราเดินชมภายในกันก่อนจะปั่นไปต่อ เสน่ห์ของการปั่นจักรยานในอุทยานก็น่าจะตรงที่เราเข้าถึงได้เร็วและง่ายเนี่ยล่ะ
วัดถัดมาคือ วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ เป็นอีกวัดที่ปั่นจักรยานถึงง่าย เดินเข้าไปชมก็ไม่ยาก
เสียดายวันที่เราไปถึงหลังฝนเทลงมาเข้าไปไม่ไหว แฉะไปหน่อย
วัดถัดมาปั่นกันต่อนะ ไม่ไกลกันเลย วัดสำคัญทีเดียวของอุทยานคือ วัดเจดีย์เจ็ดแถว
ชื่อบอกไว้ชัดนะครับว่ามีเจดีย์สำคัญอยู่ภายใน ที่สำคัญเดินเข้าไปง่ายมากเช่นกัน
ผมเดินกันเข้าไปด้านในเพื่อเข้าไปชม ตัวจุดเด่นของวัดคือมีเจดีย์ที่เป็นศิลปะสุโขทัยแบบศรีวิชัยผสมสุโขทัย จุดเด่นใหญ่เห็นและเดินเข้าถึงได้ง่ายคือ เจดีย์ประธานรูปดอกบัวตูมอยู่ด้านหลังพระวิหาร มีเจดีย์เยอะมากรวมรายรอบอาคารขนาดเล็กแบบต่าง ๆ จำนวน 33 องค์เลยทีเดียว
วัดสำคัญที่สุดวัดนึงของอุทยานชั้นในคือวัดช้างล้อม ความสวยงามของวัดนี้ก็อยู่ตรง ร่องรอยปูนปั้นช้างที่ล้อมเจดีย์ทรงระฆังคว่ำหลังใหญ่นั้นเอง
พื้นที่โดยรอบวัดกว้างอย่างรู้สึกได้ ความสวยงามขององค์เจดีย์สง่างามชวนให้เราจินตนาการย้อนกลับไปยุคที่ยังสมบูรณ์น่าจะงดงามกว่านี้มากทีเดียว
วิวจากด้านบนเจดีย์ครับ อากาศวันนี้ดี มีแดดแต่ไม่ร้อนเกินไปนะ
มะปั่นกันต่อวัดถัดมาคือ วัดเขาพนมเพลิง วัดนี้ต้องออกแรงกันหน่อยนะ เพราะอยู่บนเนินเขา แม่ปันกับปันยังสู้น้าาาา
ขึ้นมาบนเขาจะพบพระปรางค์และพระพุทธรูปองค์ค่อนข้างสมบูรณ์ ดูร่องรอยน่าจะผ่านการบูรณะจากกรมศิลปากรมาเรียบร้อยแล้ว จึงดูสมบูรณ์มาก
เราเดินชมรอบๆให้หายเหนื่อยจากการปีนป่ายขึ้นมา แล้วก็ลงกันแล้ว และวัดนี้ก็เป็นวัดสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กลับมาใหม่หนหน้าคงจะได้มาปั่นชมวัดที่ยังไม่ครบอีก
ยิ่งมาปั่นช่วงเย็นๆจะดีมาก หน้าหนาวน่าจะยิ่งดีไปใหญ่
ก่อนลาเก็บภาพด้านหน้ากันหน่อยนะครับผม ครอบครัว one22family จะกลับมาปั่นใหม่นะ
สนนราคาค่าปั่นคันละ 80 บาทเอง ไม่ได้แพงอะไรเลย ร้านเช่าก็อยู่ด้านหน้าทางเข้านั้นเลยหาไม่ยากจ๊ะ
Google Map: อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
จากนี้เรามุ่งหน้าเข้าเมืองกันแล้ว ระหว่างทางเราสังเกตุเจอร้านกาแฟน่านั่งใน อ.สวรรคโลก พอดี ร้าน All Blues Coffee เราแวะกันไม่ลังเลเลย
เข้ามาด้านในมีความน่ารักแฝงอยู่ในร้านบรรยากาศเรียบง่ายแต่เท่
เข้ามาแม่ปันลองสั่งกาแฟดริฟมาลองดูเพราะร้านนี้เป็นอีกร้านที่เรามารู้ภายหลังว่าเจ้าของสนใจและใส่ใจทำกาแฟดริฟมากทีเดียว แก้วละ 140 บาท
ผมสั่งขนม วัฟเฟิลมาให้ปันด้วยกินกับไอติม พ่อลูกแย่งกันน่าดู
ถือเป็นอีกร้านน่านั่งน่าแวะ เจ้าของมีความรู้ดีมาก เราเลยสอบถามร้านอาหารที่อร่อยๆ เจ้าของเลยแนะนำร้านในตลาดสวรรคโลกมาให้เรา
ทีแรกเราก็วนหาอยู่นานถามชาวบ้านในละแวกตลาดก็ยังไม่ชัวร์บ้างก็บอกทางเข้าทางนึง ไปถามอีกคนก็แนะนำอีกทางนึงสุดท้ายเราเลยเลือกซักทางจนเข้าไปเจอ
เป็น ร้านเจ๊กรรณ เล็กๆที่นั่งเรียบง่ายไม่โก้ไม่หรูอะไร แต่เราสัมผัสได้ว่าต้องอร่อยแน่ๆ จึงสั่งเมนูเด็ดๆของเค้ามาหมดเลย จริงๆป้าแกก็ทำไม่กี่อยู่อยู่แล้ว
เริ่มที่ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยก่อนเลย รสชาติดีมีอมหวานเล็กน้อยตามสไตล์ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยคลุกเคล้ากันได้ที่รสชาติออกมาพอดีไม่หวานจนเกินไป พริกป่นอร่อยรวมๆ เราว่าอร่อยกว่าเจ้าแนะนำหลายๆเจ้าที่เคยมากินนะ
ถัดมาที่ผัดไท เสริพพร้อมเครื่องเคียง ต่างๆ อันนี้อร่อยแต่เราว่ายังไม่สุด รสชาติก็สไตล์สุโขทัย มีอมหวานมาด้วยเล็กน้อย
ต่อที่เราอยากแนะนำเลย คือ ผัดซีอิ้ว อันนี้อร่อยมากกกก อร่อยตั้งแต่คำแรกที่ตักเข้าปาก
โดยรวมต้องบอกว่าสมกับที่เป็นร้านคนท้องถิ่นแนะนำเลย อร่อยในราคาย่อมเยามาก (ก๋วยเตี๋ยว 35 ผัดไท,ผัดซีอิ้ว,ลาดหน้า ทุกอย่าง 35 บาทหมด )ใครมาและอยากชิมไม่อยาก ถ้าขับรถมาให้หาที่จอดตรงบริเวณวงเวียนตลาดสวรรคโลกแล้วเดินมาที่ฝั่งตรงข้ามคลีนิกหมอภูมิ จะมีซอยเล็กๆคนเดินเข้ามาได้ข้างๆเป็นร้านขายข้าวสาร ตรงไป 50 เมตร จะเจอร้านอาหารตามสั่งก่อนถัดไปก็ใช่แล้ว
Google Map: ร้านเจ๊กรรณในตลาดสวรรคโลก (ปักหมุดชื่ออื่นแต่อยู่ในซอยติดกันเลยเดินเข้าไป 50เมตรถึง)
หลังจากนี้เราดิ่งเข้าที่พักคืนนี้ในเมืองเลย เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกมาลุยเดินเล่นในเมืองกันต่อ
ที่พักคืนนี้ของเราคือ เอนกายบูทีค โฮเทล อยู่เกือบถึงวงเวียนหอนาฬิกา ถือว่าทำเลดีเลยสำหรับคนที่อยากไปไหนมาไหนในเมือง
จอดรถเสร็จเราจะเจอบ้านไม้สีขาวมีกระจกแผ่นใหญ่ยาวๆ ดูแล้วเท่ใช่เล่น
เข้ามาในห้องพักจะเจอเตียงสีสดใส พร้อมๆกับผนังคิดวอล์ลายน่ารัก เท่ๆ
ยังไม่หมด ด้านในยังมีห้องนอนเตียงแยกให้อีกคือกว้างมาก ทั้งตกแต่งน่ารักและเท่มาก
ห้องน้ำครับกว้างแยกส่วนเปียกและห้องส้วมไว้
ลงมาด้านล่างจะมีลานกว้างๆปูที่นอนให้นอนชิลๆนั่งๆนอนๆอ่านหนังสือได้อีกนะ
หลังจากจัดแจงอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยทั้งบ้าน ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวกันต่อแล้ว
วันที่เรามาเป็นวันเสาร์พอดี เป็นวันที่มีถนนคนเดินด้วยใน 1 สับดาห์จะมีแค่วันเสาร์ 1 วันตรงกับวันที่เรามาพอดี แล้วจะพลาดได้ไง
ระหว่างทางจะมีงานวัดพอดีชวนให้คึกคักไปใหญ่
บรรยากาศงานวัดครับคึกคักทีเดียวปันชอบใหญ่แวะยิงปืนด้วยนะแต่เสียดาย อดยังต้องฝึกปรือฝีมืออีกหน่อยนะฮับ
เดินข้ามฝั่งมาเจอทางเข้าแล้วเก็บภาพสักหน่อย ถนนคนเดินจะอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนหอนาฬิกากลางเมือง เวลามาถ้ามาหลัง 6 โมงที่จอดรถรอบๆตลาดจะเต็มง่ายให้หาที่จอดตรงก่อนถึงหอนาฬิกาจะดีสุด แล้วเดินไป
บรรยากาศถนนคนเดินจะเป็นถนนไม่ได้ยาวมากนะครับแต่อุดมไปด้วยของกินเต็มสองข้างทาง
มีอาหารกินเล่นกินจริงเยอะเลย เราเดินกันไปเรื่อยๆ จนหิว ผมเลยจัด ข้าวเปิ๊บ บ้านนาต้นจั่น ที่มาออกร้านด้วยนะ
ตอนอยู่ที่นั้นลืมกินเพราะต้องออกมาแต่เช้าเสียดายมากก มาจัดที่ตลาดให้หายอยาก อยากบอกว่าเจอที่ไหนให้ลองนะครับ อร่อยเลย
เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวใส่ไข่ดาว เวลาทำจะใช้วิธีนึ่งเหมือนข้าวเกรียบปากหมอนั้นเลย ใครมาให้ลองชิมดูนะ
เราใช้เวลาอีกไม่นานก็กลับกันแล้วภารกิจท่องเที่ยววันนี้ก็จบกันที่เตียงนอนแสนสบายของ เอนกาย รีสอร์ทนี่ล่ะ
Google Map: ถนนคนเดินสุโขทัย (วันเสาร์)
เช้าวันใหม่มาถึงวันนี้เรามีภารกิจกินเที่ยววนในเมืองนี่ล่ะ จริงๆเมืองสุโขทัยน่ารักนะ มีร้านกาแฟ ร้านอาหารเยอะ
และร้านแรกคือร้านของ เอนกายเองที่ด้านหน้าเค้าทำเป็น ร้านกาแฟน่ารัก น่านั่งใช่เล่น
ร้านไม่ใหญ่และตอนเช้าก็ใช้เป็นที่กินข้าวของตัวรีสอร์ทไปด้วย
รวมๆถือว่าบรรยากาศดี โดยเฉพาะตรงริมกระจกด้านหน้าเลย
เราจัดการตัวเองเรียบร้อยก็ได้เวลาไปต่อแล้ว และที่แรกที่อยากไปคือฝั่งตรงข้าม รีสอร์ทเลย วัดไทยชุมพล เค้ามีงานกฐินประจำจังหวัดที่นี่พอดีเลย
เป็นการรวมแรงรวมใจของคนในจังหวัดที่ภายใน 24 ชม จะทำผ้ากฐินร่วมกันให้เสร็จ ตลอดทั้งคืนทั้งวัน ตอนเราเข้าพักถึงได้ยินเสียงดนตรีตลอดเลย ทีแรกก็โกรธอยู่ว่าไหมเสียงดังจังแต่เช้ามาถึงได้เข้าใจประเพณีของจังหวัดที่หมุนเปลี่ยนเวียนวัดไปให้ชาวบ้านได้มีโอกาสร่วมแรงใจกันทำบุญกัน
เราเข้ามาก็พอดีกำลังจะเวียนเทียนรอบโบสถ์พอดีเลยได้ร่วมไปด้วย ปันสนุกใหญ่เลย
เป็นช่วงเวลาที่ดีอีกครั้งที่เราจะได้สอนลูกให้รู้จักประเพณีสำคัญในพุทธศาสนานี้แบบลงภาคสนาม ไม่ต้องแค่อ่านในหนังสืออย่างเดียว
ใช้เวลาทำบุญไม่นานเราก็ได้ทำบุญสมความตั้งใจแล้ว
Google Map : วัดไทยชุมพล
เรามีเวลาเหลืออีก ครึ่งวันก่อนจะกลับ จุดหมายถัดไปเราเลยเลือกใกล้ๆ มากันที่ร้าน ชาฮิบๆกลางเมืองอย่าง หงษ์รามา ทีรูม
ร้านนี้จริงๆเน้นชามากกว่ากาแฟ แต่ก็เพราะความนิยมเลยมีอาหารและกาแฟเสิรฺ์ฟ เข้ามาบรรยากาศดีมาก
ด้านบนจะเป็นโรงแรมด้วยนะ น่าพักใช่เล่น
รอไม่นาน ขนมกับโกโก้ของปันก็มาเสริฟพร้อมกับชาของพ่อปันนี่ล่ะ
รวมๆอร่อยเลยนะ บรรยกาศร้านก็น่านั่งเลย เราเก็บภาพกันพอสมควรก็ได้เวลาไปต่อล่ะ
Google Map: หงษ์รามา ทีรูม
มาถึงร้านถัดไป ร้าน Mai pra dit Cafe (อ่านว่าร้านไม้ประดิษฐ์ ใน map คือ S&N COFFEE) จริงๆร้านนี้เจอด้วยความบังเอิญมากเรากำลังจะไปอีกร้านแต่เหลือบไปเห็นพอดีเลยจอดเลย
เข้ามาเจอบรรยากาศขาวๆ ผสมกับไม้สีอ่อนนี้ใจเลยอ่อนหลงชอบในทันทีเลย (ใจง่ายมะ 55)
ร้านน่ารักตั้งแต่แรกพบบรรยกาศเราว่ามีความวินเทจแบบทางเหนือผสมกับความทันสมัยสไตล์ Loft เข้ากันแบบไม่น่าเชื่อ
เราสั่งชา+ขนมปังจิ้มสังขยามา ดูสิเค้าเสิร์ฟมาแบบนี้ โอ้ยน่ารัก
ปันยังชอบเลย
Google Map : ไม้ประดิษฐ์ คอฟฟี่ (ใน map คือ S&N COFFEE)
ใช้เวลากันไม่นานก็ได้เวลาไปต่อแล้ว และร้านสุดท้ายก่อนเราจะกลับคือร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังอย่าง ไม้กลางกรุง
ร้านฮิตของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเมืองสุโขทัย ดังมานานและยังแน่นไมเปลี่ยน เป็นอีกร้านที่เรายอมรับว่าไม่ว่าจะดังไม่ดัง รสชาติไม่เคยเปลี่ยนนะ อร่อยยังไงก็ยังงั้น
ก่อนกินชักภาพกันก่อนนะ ฟินกันมากแม่ลูก
ก่อนอาหารจะเสิร์ฟ เราสั่ง ข้าวเกรียบปากหมออัญชันมาชิมก่อนเลย
รสชาติหวานอร่อยหอมกะทิเชียวล่ะ
รอไม่นานก็มาแล้ว รสชาติเข้มข้นมากสำหรับก๋วยเตี๋ยวต้มยำ
ถัดมาคือผัดไท อร่อยเช่นกัน บีบมะนาวลงไปหอมเลย
ปิดท้ายที่ผัดซีอิ้ว จะบอกว่าจังหวัดนี้ทำผัดซีอิ้วอร่อยมาก สองร้านแล้ว เฟริมๆเลย อร่อยกว่าผัดไทอีก ใครมาไม่เชื่อลองสั่งสิ
Google Map: ไม้กลางกรุง
และสุดท้ายได้เวลากลับแล้ว เราตั้งใจจะรีบกลับมานั่งเล่นที่สนามบินเพราะประทับใจสนามบินสุโขทัยของบางกอกแอร์เวย์มาก มีความชิคแบบไทยๆ เท่มาก
เข้ามาเจอด้านในเป็น เลาจท์เสิร์ฟขนม มีไวไฟให้ใช้
นั่งเล่นกันพักใหญ่ก็ได้เวลากลับแล้ว ยังได้นั่งรถซาฟารี กลับเช่นขามา แต่เราแวะที่เที่ยวของบางกอกแอร์
ชักภาพสุดท้ายก่อนกลับลำไม่ใหญ่นะแต่นั่งสบายสไตล์บูทีคแอร์ไลน์เลย น่ารักดี
จบทริปกันแล้วสำหรับ 3 วัน 2 คืนบ้านเรายังประทับใจไม่เปลี่ยน มีโอกาสยังอยากกลับไปอีกยังมีอีกหลายอำเภอที่ยังไม่ได้เที่ยวเลย ขอยืนยันนั่งยันเลยว่า
สุโขทัยมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด นี่ยังไม่ครบเลยนะ
จนกว่าจะพบกันหนหน้า เป็นที่ไหนสักที่ๆในโลกสีฟ้าแห่งนี้ครับ
แล้วพบกันนะ
สวัสดี
one22family
สำหรับรีวิวสุโขทัยครั้งที่แล้ว พาเที่ยวอำเภออื่นๆ มาทางนี้เลย