“คุณนุ๊กคะ สนใจร่วมทริปไปญี่ปุ่นด้วยกันไหมคะ”
เสียงตามสายจาก การบินไทยมาหาผมในช่วงสายวันนึง
“สนใจครับ” ผมตอบแบบคิดแค่สักเสี้ยววินาทีได้
และ แน่นอน จึงกลายมาเป็นรีวิว 10 บวก 2 เที่ยว กิน พัก ชิบะ มีอะไรเยอะกว่าแค่สนามบินนาริตะ เพียบ!! รีวิวแรกของปีนี้
สนามบินนาริตะทุกคนรู้จักดีว่าเป็นจุดเริ่มต้นของนักเดินทางทั่วโลก หากคุณจะมายังโตเกียว หรือในอาณาบริเวณของภูมิภาคคันโตก็ว่าได้ หลายคนเข้าใจผิดว่า นาริตะอยู่ในจังหวัดโตเกียว (ผมก็คนนึงล่ะ 55) จริงๆให้เปรียบกับไทยก็คล้ายกับ สนามบินสุวรรณภูมิ กับกรุงเทพฯ นั้นละนะ ฝรั่งเองก็คงเข้าใจแบบเดียวกันเวลามาเมืองไทย เอาละ แล้วมันมีที่เที่ยวไหนบ้าง ไปไหนได้บ้าง กับจังหวัด ชิบะนี้ 10 จุดจากนี้คือคำตอบครับ เราลองมาสำรวจไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า เพราะผมเองก็คือครั้งแรกที่ได้เที่ยวจังหวัดนี้เช่นกัน
เดินทางยังไง
เมื่อเป็นแฟมทริป ของการบินไทย จะยังไงก็ต้องบินไปกับการบินไทยแน่นอน และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้า Lounge ของการบินไทยแบบ Royal Silk Lounge เช่นกันของผม
เดินเข้ามาถึงกับอึ้งเลย เพราะ Lounge ช่างใหญ่โตจริงๆและที่สำคัญคนบินการบินไทยหนาแน่นสุดๆ วัดจากผู้คนที่เข้ามานั่งกันในนี้
อาหารก็ไม่ไก่กาเลย มีครบทั้งเอากินจริง กินหนัก เพราะงั้นใครก็ตามที่ถือตั๋วชั้น business Class ของการบินไทยเดินเริ่ดๆ เข้าไปได้เลย หรือหากเป็นสมาชิกบัตรเครดิตการบินไทยRoyal Orchid Plus ก็ยังสามารถเข้าไปใช้กันได้เช่นกันครับ
สำหรับเที่ยวบินตรงลงโตเกียวของการบินไทยเยอะมาก ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันเยอะขนาดนี้ เอามาให้ดูกันนะครับ เวลาก็ไม่ไก่กาด้วย ใครสนใจก็เข้าไปดูกันได้ บินดีแบบ Full Services อาหารเครื่องดื่มไม่อั้นก็จิ้มกันไปได้เลย ล่าสุดเพดานราคาก็เริ่มลดลงมาเยอะ และทางการบินไทยทำโปรแข่งกับ Full Services ต่างประเทศแล้วด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับคนไทยเรานะครับที่จะได้บินสายการบินแห่งชาติกันง่ายขึ้น ใครสนใจก็เข้าไปดูเส้นทางได้ที่นี่เลย
หน้าตาผู้ร่วมทริปเราครั้งนี้ เพิ่งรู้จักกันครั้งแรกทุกคน แต่ก็ฮากันไปตลอดทริปทีเดียว จริงๆ มีพี่ๆ กลุ่มอื่นด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันไว้
เที่ยวไหน
อย่างที่จั่วหัวไว้ จังหวัดชิบะ เป็นจังหวัดที่เราไม่เคยคิดจะมาเที่ยวเลย เพราะในหัวมีเพียงแค่ที่นี่มีสิ่งที่เราสนใจจริงๆไม่กี่อย่าง เช่น โตเกียวดีสนีย์แลนด์& ดีสนีย์ซี สนามบินนาริตะ … หมดล่ะ 555 สารภาพเลยรู้แค่นี้จริงๆ ถ้าไม่ได้มาทริปนี้ คงเสียดายมากๆ เพราะจังหวัดนี้มีจุดท่องเที่ยวครบรสที่สุดแห่งนึงของญี่ปุ่น
ประวัติคร่าวๆรู้จักกันนิดนึงก่อนดีไหม “จังหวัดชิบะ”เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น อยู่ในเขตคันโต บนเกาะฮนชู มีเมืองเอกชื่อเดียวกันคือ ชิบะ จังหวัดชิบะเป็นที่ตั้งของสนามบินนะริตะซึ่งอยู่ในเมืองนะริตะ และโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (ประกอบด้วยโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี) ซึ่งอยู่ในเมืองอุระยะซุ
ทริปนี้มีน้องบัว นลินทิพย์ หรือ วันสิริ อ่องอำไพ ดาราจากช่อง 3 หมาดๆใครดูละคร รักนี้เจ้จัดให้ รับบทเป็น จุ้มจิ้ม ทอมสุดห้าวนั้นล่ะ หรือล่าสุด สุดร้ายสุดรัก ตัวจริงหวานมาพอได้ร่วมทริปไปด้วยกันเลยทำให้รีวิวนี้ของผมมีสีสัน สวยงามขึ้นมาทันที 555
ในหลายๆ ที่จึงมีน้องเป็นแบบให้เห็นไปตลอด ช่วยสร้างความน่าดูขึ้นอีกอักโขทีเดียว ป่ะ ไปด้วยกันเลยดีกว่านะ คัดมาแล้วว่าน่าไปทีเดียวล่ะ
1.สวนสัตว์น้ำทางทะเล Kamogawa Sea World
ไม่น่าเชื่อว่าเมือง คาโมกาว่า (Kamogawa) จะมีสวนน้ำทางทะเลที่ใหญ่โตมากที่สุดแห่งนึงในญี่ปุ่นก็ว่าได้ โชว์สารพัดสัตว์ทางทะเลที่นี่มีมากมายจนหนึ่งวันในนี้อาจจะแทบไม่พอเลยด้วยซ้ำ เช่น เราอาจจะคุ้นชินกับโชว์ปลาโลมาทั้งหลาย ซึ่งสวนน้ำแห่งนี้ก็มีไม่ต่าง แต่ที่ต่างและต่างมากด้วยคือ การฝึกปลาวาฬเบลูก้า แห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นให้สามารถแสดงโชว์ได้สำเร็จ!!
มันไม่ธรรมดาเลยนะ เพราะปลาวาฬพันธ์นี้หายาก และที่สำคัญโชว์ดีงามเหลือเกิน ทำเอาพ่อปันคึดถึงปันเลย อยากจะมีโอกาสพาปันมาชมสักครั้ง
โชว์ที่ดึงหัวใจเราไปหมดก็โชว์นี้ละครับ ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้น ในความน่ารัก เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเราได้
ความหลากหลายของโชว์ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของที่นี่ด้วย โชว์อลังๆของปลาวาฬ พอมาเจอความน่ารักของแมวน้ำเข้าไป ก็เรียกเสียงหัวเราะ และได้ใจจากคนดูไปเต็มๆเช่นกันครับ
นอกจากนี้ยังมีโซนต่างไว้ให้เราได้เข้าชมอีกหลายอย่าง เช่นโซนสัตว์ใต้ทะเล ที่อยู่ในหาดจำลอง
นอกจากโชว์แล้วภายในยังมีที่พักสวยงามไว้รองรับอีกด้วย ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั่งเดิมด้วยพักสบายมาก
อันนี้เป็นที่พักนะครับ ห้องพักที่เราเข้าพักจะเป็นแบบ Traditional คือปูฟูกนุ่มๆนอนบนเสื่อทาทามิ
วิวยามเช้าก็น่าหลงใหลมาก
อาหารแบบบุฟเฟ่ต์ก็ดีเยี่ยมโดยเฉพาะปูๆๆๆ ดูเอาทั้งหมดก็จ่ายในราคา 4,200 เยน มีซูชิไม่อั้นด้วยนะครับ
ถือว่าเหมาะกับครอบครัวมาก โชว์สนุก อาหารอร่อย ที่พักดีเยี่ยม เซอร์ไพรส์เราสุดๆ หนหน้ามาโตเกียวจะพาปันมาเที่ยวแน่ๆ
การเดินทาง
จากโตเกียวสามารถไปขึ้นรถไฟจาก Tokyo Station สาย Sobu Line มาลงที่สถานี JR Chiba ต่อรถไฟสาย JR Uchibo มาลงที่สถานี JR Awa Kamogawa จะมีรถ ชัตเติ้ลบัสของสวนน้ำมารับไปถึงเลย
2.ขึ้นกระเช้าไปผาสิงโต ชมวิว 360 องศาอ่าวโตเกียวและค้นพบฟูจิซังที่ยอดเขา โนะโกะกิริ (Mount Nokogiri)
จั่วหัวก็จบแล้วไม่ต้องอธิบายสินะ เดี๋ยวๆ จริงๆ มันสวยมากเลยจนต้อง ความรู้สึกเราตอนเช้าๆ อากาศดีๆ ในเดือนพย. มันชิลแอนด์ฟินมาก ยิ่งตอน Rope way ไฟฟ้าค่อยๆไต่ระดับหันมองวิวรอบๆ มันสวยงามไม่แพ้จังหวัดไหนๆ ที่เคยผ่านตามาเลย จุดเด่นที่สุดของเขานี้อยู่ที่ผาหัวสิงโต มองจากมุมข้างมันก็เหมือนจริงๆ ด้วยสิแทบทุกคนจะต้องมาเก็บภาพตรงนี้ทั้งนั้น
ผมคิดเองว่าถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีด้านล่างต้องสวยด้วยสีสันของใบไม้แน่ๆ เลย อ่อ อีกอย่างถ้ามาช่วงเย็นๆ ในช่วงฤดู Autumn ถึง Snow มันจะมืดเร็วในเวลาที่ Rope Way ยังไม่ปิดคุณจะได้จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดแห่งนึงของอ่าวโตเกียวเลย อย่างพลาดนะ
ที่สำคัญวิวทะเลจากอ่าวโตเกียวมันก็สวยไม่แพ้ใคร ในวันที่อากาศดีๆ เราจะมองเห็นฟูจิซังได้เลย
ตัวผาแห่งนี้ถือเป็นไฮไลท์สำหรับจังหวัดนี้ เป็นจุดชมวิวและจุดถ่ายรูปไปพร้อมกัน
การเดินทาง
จากโตเกียวสามารถไปขึ้นรถไฟจาก Tokyo Station สาย Sobu Line มาลงที่สถานี JR Chiba ต่อรถไฟสาย JR Uchibo มาลงที่สถานี JR Hamakanaya ให้เดินประมาณ 10 นาทีถึง จะมีป้ายบอกชัดเจน หรือไม่อยากเดินก็นั่งแท๊กซี่ได้เลยครับ
3.พระพุทธรูปไดบุตสึใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่วัดนิฮงจิ และหินแกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิม
ต่อจากจุดชมวิวบนเขาแล้วให้เราเดินต่อมายังวัดนิฮงจิ บริเวณนี้ยังมีศาสนสถานอายุอานามกว่า พันปี มีหินแกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มากเป็นลักษณะนูนสูง ในบริเวณหน้าผา
เราเดินมาเห็นครั้งแรกชอบมาก ปรกติก็เป็นคนไหว้เจ้าแม่กวนอิมอยู่แล้วเห็นนี้เดินปรี่เข้าไปเลย ตัวภาพเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักได้ละเมียดละไมดีเหลือเกิน เรายืนเก็บภาพกันพักใหญ่เลย
เดินต่อมาอีกหน่อยจะถึงวัดนิฮงจิ จะมีพระใหญ่ที่ถือว่าใหญ่สุดของญี่ปุ่นใหญ่กว่าที่คนไทยนิยมไปกันคือที่พระใหญ่แห่งคามาคุระที่ วัดโคโทะคุอิน ซะอีกนะครับ
สำหรับที่นี่ความพิเศษคือเป็นองค์พระที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นพระพุทธรูปหินแกะสลักจากหินทั้งก้อนอีกด้วย
ใกล้ๆในอาณาบริเวณเดียวกันจะมีศาลเจ้าที่มีคนเอาตุ๊กตานักบวชตัวเล็กๆ มาวางเรียงรายจนล้นทะลักออกมานอกศาลกันเลย
เค้าว่าเป็นการแก้บนที่คนญี่ปุ่นเค้าจะขอพรกัน เวลาขอสำเร็จก็จะเอาตุ๊กตามาวางเรียงๆ กันจนเยอะมากมายแบบนี้ละครับ
4. ประภาคารอินุโบซากิ (Inubōsaki Lighthouse)
ประภาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดโซชิ อยู่ที่แหลม inubosaki ชาวเรือออกหาปลาใช้ประภาคารแห่งนี้เป็นจุดสังเกตุในยามมีพายุในทะเลแปซิฟิก เราเองก็เคยคิดไว้เหมือนกันว่าในหนังญี่ปุ่นเวลาฉากพระเอกนางเอกเจอกัน มักจะมีประภาคารเป็นหนึ่งในไฮไลท์เสมอ ที่นี่เสียค่าเข้าชมก็ไม่ได้แพงใดๆนะครับ แค่ 200 เยนเท่านั้น
hilight ก็อยู่ตรงการขึ้นไปชมวิวจากด้านบน ก็จะเจอบันไดวนๆ เมื่อยกำลังดี แป๊บๆ ก็ขึ้นถึงด้านบนจะเจอวิวอลังการของทะเลแปซิฟิกตรงหน้าแบบนี้เลย
ถ้าอากาศดีๆ นี่จะแจ่มมากกว่านี้อีกครับ เสียดายไปเจอฝนพอดีเลย
การเดินทาง
นั่งรถไฟจาก Tokyo Station สาย Sobu Line มาลงที่สถานีจากสถานีโชชิ Choshi Station จากนั้นให้ต่อรถไฟ Tokawa ลงสถานี Inubo Station จะเดินก็ไม่ไกลนะ
5. เมืองโบราณยุคเอโดะ ซาวาระ (Sawara)
เมืองเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคต้นเอโดะ ที่ยังคงเก็บรักษาบรรยากาศบ้านเรือนแบบโบราณเอาไว้อย่างดีมาก
ผมเดินเล่นรอบๆแล้วนึกถึงการตูน อิคคิวซังยังไงไม่รู้ โดยเฉพาะบริเวณริมน้ำจะมีต้นหลิว ชวนให้นึกถึงตอนๆนึงในการตูนเรื่องนี้ขึ้นมา 55 ใครเป็นแฟนเณรน้อยเจ้าปัญญาอย่างผมบ้างไหม เด็กๆสมัยนี้จะรู้จักอิคคิวไหมเนี่ย
ซาวาระเป็นเมืองขนาดย่อมๆ ตั้งอยู่ในเขตคาโทริ จังหวัดชิบะ เอกลักษณ์ของเมืองนี้ก็คือได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำคล้ายๆให้นึกถึงอัมพวาบ้านเราประมาณนั้น มีแม่น้ำสำคัญไหลมาบรรจบกันสองสายคือ แม่น้ำโทเนะ และ แม่น้ำโอโนะ ที่หล่อเลี้ยงคนในเมืองและยัง ไฮไลท์ของที่นี่คือการล่องเรือชมบ้านเรือนสองริมฝั่งลำน้ำ โดยในเรือจะมีคุณป้าคอยบรรยาย และชี้จุดไฮไลท์ให้เรา ก็มีความน่ารักไปอีก
คุณป้าแกจะพูดญี่ปุ่นให้เรา ก็ต้องเดาๆ ไปบางคนอาจจะพูดอังกฤษได้เล็กน้อยก็สนุกครื้นเครงกับภาษามือที่บุ้ยใบ้กันไปครับ
ส่วนตัวเราชอบเมืองนี้นะครับ มีความดั่งเดิมในบรรยากาศย้อนวันวานดี อย่างร้านต่างๆก็ถ่ายรูปเซพฟี่กันดีอีกด้วย ไม่เชื่อดูรูปน้องเค้าได้เลย เท่อยู่น่า
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ Tokyo Station เช่นเคยมาลงท่ีสถานี JR Narita Station จากนั้นต่อรถไฟจาก Terminal 1 นั่งรถไฟสาย JR Narita Line จะมาถึง สถานี Sawara Station หรืออีกตัวเลือกคือการนั่งรถบัสจาก Tokyo Station ที่จุดจอดรถหน้าสถานีรถไฟโตเกียว เดินออกมาทาง Yaesu Exit จะใช้เวลาประมาณ 1.30 นาที ก็จะถึง Sawara Station รถเที่ยวสุดท้ายออกเวลา 22.20 น. มีทั้งหมด 11 เที่ยว/วัน
6.วัดคาซะโมริคังนง(Kasamori-kannon temple) วัดที่สร้างจากไม้ทั้งหลังอายุกว่า 1000 ปี
วัดสำคัญในนิกายเทนไดของญี่ปุ่น และมีอค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ปาง 11 เศียรและถือเป็น 1 ใน 33 องค์ของผู้ที่เลื่อมใสในพระโพธิสัตว์กวนอิมที่คนญี่ปุ่นผู้เลื่อมใสศรัทธาต้องตระเวณสักการะ
ที่จริงผมว่าด้วยโครงสร้างของตัววัดที่สร้างจากเสาเอกทั้งสี่ทิศ(มีที่เดียวในญี่ปุ่น) มันก็โดนเด่นจนน่าแวะมาชมด้วยตาตัวเองซักครั้งแล้ว
พระโพธิสัตว์กวนอิมที่อยู่ที่นี่นั้นจะเปิดให้ผู้คนได้กราบไหว้แค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้นก็เป็นจุดดึงดูดผู้คนให้เข้ามากราบไหว้ยังวัดแห่งนี้
เราขึ้นไปด้านบนก็เจอวิวที่สวยงาม วัดแห่งนี้นอกจากจะเป็นที่สักการะพระสำคัญแล้วยังถือเป็นจุดชมวิว 4 ฤดูด้วย โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ กับกลุ่มต้นซากุระด้านล่างและตลอดทางขึ้นเขามา และใบไม้เปลี่ยนสีที่จะแข่งกันออกใบสีแดงสลับเหลืองตลอดเช่นกัน
อ่อระหว่างทางขึ้นเขาจะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่มีความเชื่อว่ากันว่าหากใครสามารถลอดผ่านช่องระหว่างต้นไม้ ได้จะได้รับพรให้มีลูกสำเร็จดั่งใจ เอ้าๆๆ ใครอยากมีลูกไปลองกันดูนะครับ ของผมมีปันคนเดียวพอแล้วจ้า
การเดินทาง
จากสนามบิน Narita Airport Terminal 1 นั่งรถไฟ JR Narita Line มาลงที่ Chiba Station ต่อ JR Sotobo Line มาลงที่สถานี Mobara Station นั่งบัสสาย 45 ถึงทางเข้าวัดได้เลย
7. Mother Farm ฟาร์มแห่งสรรพสัตว์โดยแท้ทรู
จะบอกว่าเราก็ไปฟาร์มมาพอสมควรนะ แต่ขอยกให้ฟาร์มนี้เป็นที่สุดแห่งสรรพสัตว์จริงๆ ครับ
วันที่เราไปเป็นช่วงเวลาไร้ดอกไม้ถ้ามาช่วงดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-กย) ดอกไม้หลากสีสันจะแข่งกันบานมาก แต่ไม่เป็นไร เพราะมีไอติมช่วย เอ้ย ไม่เกี่ยวเพราะเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็จะออกมาโชว์กันสนุกสนาน ทั้งแกะนานาชาติ
การโชว์สัตว์หลายสายพันธ์มาอวดการแสดง ตัวไฮไลท์ น่าจะเป็นเจ้า อัลปาก้า แกะ แพะ กระต่าย รีดนมวัวก็ได้
เลยไปถึงการใส่ชุดคอสเพลย์ เพื่อโดดบันจี้จัมป์ ก็สุดฮา น่ารักดีสไตล์ ยี่ปุ้น ญี่ปุ่น ก็ได้ความมันผสมเสียงกรี๊ดกร้าดส่งหัวใจกันใหญ่
หรือหากสนใจพาเด็กๆมาลองทำ workshop อย่างทำแยมสตอเบอร์รี่ในช่วงสตอเบอร์รี่มีให้เก็บได้ แบบนี้ก็มีด้วยเช่นกัน สนุกสนานดีทีเดียวละ
เอาว่ามาฟาร์มนี้สนุกกันในแบบครอบครัวได้ทั้งปี จะเว้นก็หน้าหนาวที่มันน่าจะหนาวไปหน่อยนะ
สำหรับคนรักดอกไม้ แต่ละเดือนเค้าจะมีบอกไว้ว่ามีอะไรบานบ้างตามนี้เลย
- มกรา – ดอกซุยเซน
- กุมภา – ดอกบ๊วย / ดอกมัสตาร์ดฟิลด์
- มีนา – ดอกบ๊วย / ดอกมัสตาร์ดฟิลด์ /ดอก Wintersweet
- เมษา – ดอก Wintersweet
- พฤษภา – ดอกลาเวนเดอร์
- มิถุนา – ดอกไฮเดรนเยีย / ดอกลาเวนเดอร์ / ดอกพิทูเนีย
- กรกฎา – ดอกไฮเดรนเยีย / ดอกลาเวนเดอร์ / ดอกพิทูเนีย
- สิงหา – ดอกลาเวนเดอร์ / ดอกพิทูเนีย / ดอกคอสมอส
- กันยา – ดอกพิทูเนีย / ดอกคอสมอส / ดอกซัลเวีย
- ตุลา – ดอกพิทูเนีย / ดอกซัลเวีย
- พฤษศจิกา – ไม่มี
- ธันวา – ดอกซุยเซน
การเดินทาง
จาก Tokyo Station นั่งสาย Sobu Line (Rapid ) มาลงที่สถานี Kimitsu Station เค้าจะมีรถจากฟาร์มมารับส่งตรงที่จอดรถไปกลับได้ฟรีเลย
8.วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple) วัดสำคัญที่ควรมาสักการะสักครั้งก่อนบินกลับไทย และ ถนน Omotesando street สายช้อปของพื้นบ้าน หรือ ของฝากก็อย่าพลาด
วัดที่อยู่ใกล้กับสนามบินนาริตะที่สุด และถือเป็นจุดน่าแวะอีกจุดหากมีเวลาและยังอยากขอพร ไหว้พระองค์พระศักดิ์ รวมถึงใครที่อยากมาถ่ายรูปกับโคมแดงอันยักษ์พอๆกันกับที่ อาซากุซะ ที่วัดนี้ก็ไม่ไม่แพ้กันนะ
เข้ามาด้านในกว้างและสะอาดสะอ้านสมกับเป็นวัดของญี่ปุ่น เลย ครับ เดินเข้ามาเรื่อยๆจะมีเจดีย์สูง 3 ชั้นเด่นให้เราถ่ายรูปกันได้
ข้อดีของการมาเที่ยววัดนี้ นอกจจะได้ไหวพระแล้ว ถนนตรงหน้าวัดยาวไปตลอดย่านนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งของกิน ของฝากก่อนกลับบ้านได้อีกด้วยนะ ถือเป็นถนนสายคับคั่งก็ว่าได้
ไหนๆมาที่วัด นาริตะซังแล้ว ก็อย่าพลาดมาเดินเล่นกันเลย นอกจากของฝากที่มีทุกแบบทั้งขนม ทั้งของที่ระลึก แล้ว ร้านรวมรอบๆ ยังมีให้เราเอาอิ่มได้เยอะแยะ ทั้งร้านซูชิจานหมุน ร้านแบบเซ็ท ร้านเนื้อย่าง และอีกหลายอย่างเลย เอาว่าเดินไปมาหมดตังตอนไหนอาจจะไม่รู้ตัวได้
Hilight จริงๆของร้านย่านนี้ก็คือ ร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo เสียดายเรามาช้าไปหน่อย ร้านปิดไปก่อน ใครจะมาร้านเปิดบริการ 10.00-17.00 นนะครับ ลองแล้วมาบอกด้วยนะเสียดายจริงๆ
อ่อ ผมไปมีร้านขนมเค้ามาสอนทำขนมโดเรมอน (โดรายากิ) ด้วยนะ
การเดินทาง
จากสถานี JR Narita Station หรือ Keisei Narita Station เดินตามป้ายบอกทางมาประมาณ 10-15 นาทีถึง จะเดินนานกว่านี้ก็ได้ เพราะตลอดเส้นทางมันเป็นถนนช้อปปิ้ง Omotesando street สายช้อปปิ้งคงจะเดินนานอยู่นะ ^_^
9. อันดับสุดท้ายแล้ว ขอปิดท้ายด้วยร้านขนมและของฝาก ที่อร่อยและหน้าตาดีที่สุดกับร้าน The Fish ใกล้กับ Kanaya Port Ferry Terminal
ร้านนี้เรามาทานข้าวกลางวันกัน แต่ที่ไหนได้เป็นร้านขายขนมขึ้นชื่อที่สุดของจังหวัดกันเลยเพราะขนมไปรับรางวัลระดับประเทศมาแล้วด้วย กับขนม ” Cheese Baum” แห่งร้าน Minamite มันจะมีลักษณะคล้ายๆ โดนัทเวลาตัดเป็นชิ้นๆ มีไส้เป็นชีสหอมๆ อยู่ด้านใน แต่ตอนมันยาวๆ ก็เหมือนขอนไม้มาต่อๆกัน ข้อดีที่สุดเลยคือเราว่ามันอร่อยละมุนนุ่มๆ ดี ไส้เป็นเหมือนคล้ายครีมชีสผสมคัสตารด์ไม่หวานมากไป เวลากัดแล้วรสชาติของตัวน้ำตาลเกร็ดๆ ที่เคลือบอยู่จะละลายเข้าในปากได้อย่างดี ฟินระดับสิบเลย
ราคาค่าตัวมันชิ้นๆ จะ 300 Yen หากซื้อเป็นแบบโรว์ 6 ชิ้นต่อยาวๆ ก็จะ 1,800 yen จ๊ะ
อีกอย่างเค้าก็ทำโชว์ให้เราดูสดๆ ด้วยมันน่าตื่นตาดีจัง
นอกจากนี้ยังมีขนมรูปทรงหมีสารพัดแบบน่ารักน่าซื้อกลับบ้านอีกหลายอย่างเลย ของร้าน Buamkuchen อยู่ในตลาดขายของฝากนี่เลย
และร้านนี้นอกจากขายขานมเค้ายังมีอาหารกลางวันเป็นเซ็ทไว้ให้เราได้ด้วย บรรยากาศก็ดีมาก เป็นร้านติดกระจก 180 องศาเห็นวิวทะเลได้เลย
และมีตลาดขายของทะเลทั้งกุ้งหอยปูปลา มากมายให้เลือกซื้อกลับบ้านได้เลย ถือว่ามาที่เดียวคุ้มสุดๆ
การเดินทาง
จาก Tokyo Station นั่งสาย Sobu Line (Rapid ) มาลงที่สถานี Kimitsu Station จากนั้นออกมาหน้าสถานี จะเจอป้ายรถบัส Kazusaminatoeki Bus Stop .ให้รอตรงนั้นนั่งมาประมาณ 20 นาทีก็จะถึงท่าเรือ Kanay Ferry เลย เดินมาก็เจอเลย
10. Tokyo German Village ที่สุดของงาน Illumination ห้ามพลาด
อีกหนึ่งสุดยอดเทศกาลปลายปีของญีปุ่น ที่ทุกคนคงอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งคงต้องมีเทศกาล Illumination ที่จัดทุกปี กระจายตัวอยู่ในทุกภูมิภาคของญีปุ่น
ผมเองมาญี่ปุ่นครั้งนี้ ก็ไม่ยอมพลาดงานนี้เช่นกัน
ที่ชิบะ (Chiba) เองก็จัดงานสุดอลังการ ด้วยการประดับไฟ LED หลากสีสันกว่า 3 ล้านดวง มันช่างสวยงามจนน่าตื่นตะลึง
ด้วยทำเลเป็นลักษณะหุบเขาในหมู่บ้านสไตล์เยอรมัน การประดับประดาทำให้มันแตกต่างจากทุกที
ไม่ว่าจะเป็นไฟที่ประดับตามพื้นไล่สีสันสวยงาม สลับกันไปจนลับสายตาไปกับแนวเขา
จัดเต็มทั้ง แสงสี และ เสียงเพลงในงานก็ทำให้เราตื่นตาตื่นใจถ่ายรูปกันสนุกสนาน
จังหวะที่ลูกโป่งควันลอยออกมาแล้วเอานิ้วไปจิ้มแตกกลายเป็นไอ ออกมามันน่าอัศจรรย์มาก
หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นหรือทุกคนนั้นล่ะ ตื่นเต้นไล่จับกันใหญ่ เด็กๆต่างสนุกสนานวิ่งไล่กันพัลวัน
โอ้ยทำแอดฯคิดถึงเด็กน้อยที่บ้าน ถ้ามาด้วยคงวิ่งวุ่นไปทั่วแน่นอน
สำหรับใครที่จะมาเที่ยวโตเกียวแล้วละก็อย่าลืมเอาที่นี่เก็บใน List นะครับ
การเดินทาง
งามเริ่มมาแล้วตั้งแต่วันที่ 01/11/2017- 08/04/2018
ตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 ทุกวัน
สำหรับใครที่อยากมาทีืนี่ง่ายมาก ทั้งจากนาริตะ หรือโตเกียวให้ นั่งรถไฟใช้ JR Wide Pass หรือ JR East pass ก็มาได้ นั่งมาลงที่ สถานี JR Chiba Station
จากนั้นต่อบัสหน้าสถานี High Speed Bus ” Kapina”
40 นาที ถึงหน้าทางเข้าได้เลย
11+12 ที่พักตลอดทริปของเรา
คืนแรกเราพักที่ KAMOGAWA SEA WORLD ไปแล้ว สำหรับสองคืนถัดมาเราเข้าพักอีก 2 ที่แรกคือ ที่ Okura Akademia Park Hotel
เป็นโรงแรมที่ขนาดใหญ่ใช้ได้เลย ห้องกว้างมากครับ
เป็นเรื่องปรกติไปแล้ว รร ทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่ระดับ 3 ดมวจะมีเครื่องฟอกอากาศตั้งไว้ให้ในห้อง อันนี้ดี นะ
ห้องน้ำก็ดีมากกว้างและแช่สบายตัวกว่า รร ในเมืองทั้งหลาย
อาหารเช้าดีมากครับ มีให้เลือกทั้งแบบญี่ปุ่นคือเป็นพวกข้าวต่างๆ และเป็น ABF พวกไส้กรอก ขนมปังต่างๆ
อีกโรงแรมถัดมา อันนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกเป็นโรงแรมติดริมทะเล อยู่ไม่ไกลจากประภาคารเท่าไหร่ แต่ไฮไลท์ที่สุดก็คือ ในห้องพักจะมีบ่อแช่น้ำร้อนออนเซ็นของตัวเองด้วย โอ้ยอันนี้สุดฟินจริงๆ Bettei Umi to Mori Hotel&ryukan อยู่ติดทะเลมาก
ห้องดีถึงดีมาก นอนแบบดั่งเดิมคือเป็นฟูกนุ่มๆ บนเสื่อทาทามิ ชอบจริงๆ
นี่ละครับบ่อของห้องพักแต่ละห้องจะมีของตัวเองนะ ด้านหน้าจะมีรั้วเตี้ยๆเป็นแนวต้นไม้บังอยู่ แค่เราอย่าเดินออกไปส่องห้องข้างๆก็พอจ๊ะ ^_^
เช้ามาถ้าใครมาเดินผ่านหน้าห้องก็จะเจอชายหนุ่มร่างหล่อท้วมๆ กำลังแปลงกายแช่ตัวอยู่แบบนี้ล่ะนะฮะ 555 ฟินจริงๆนะ เช้ามันเย็นๆเมื่อมาเจอน้ำร้อน มันก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ววว โอ้วววคิดถึงสิ่งนี้ๆๆๆๆ
เช้ามาเดินเล่นรอบๆ เป็นโรงแรมที่ใหญ่และมีจุดบริการออนเซ็นกลางแจ้งที่เลิศเลอมากด้วย ผมไปลองมาแล้ว
เอาล่ะจบแล้วละนะ สำหรับภูมิภาค Chiba ที่ทำเอาเราเหนือความคาดหมายไปเยอะเลย จนคิดว่ารอบหน้าสำหรับญี่ปุ่นเราจะต้องกลับไปอีกแน่ๆ ยังมีจุดน่าเที่ยวอยู่อีกมากมายเลยคร้าบผม คุณพ่อหนีเที่ยวเดี่ยวคนเดียวรอบนี้ ตั้งใจจะพาเด็กน้อยกลับไปเที่ยวอีกแน่นอน
ทิ้งท้ายด้วยภาพสวยๆของน้องบัว วันสิริ อ่องอําไพ ดาราหน้ากล้องของพี่ๆทุกคนในทริปนี้ ตัวจริงน้องน่ารักและไม่ถือตัวเลย ทำให้พวกเราทุกคนสดชื่นกันสุดๆ เมื่อมีน้องเค้ามาด้วย
น้องบัวกับลุงเอง 555
#one22family #แค่อยากพารู้จักโลกกว้าง
ลากันตรงนี้นะครับ จนกว่าเราจะพบกันใหม่ทริปหน้านะ
รีวิวญี่ปุ่นอื่นๆ ก็ดูได้ที่นี่เลยนะครับ
——-
ไปเป็นเพื่อนกันในโลกออนไลน์กันที่นี่ได้นะครับ https://www.facebook.com/one22family/