มาถึงรีวิว 7 ที่ทำให้คุณอยากไป Wakayama เมืองอะไร ดี๊ดี ติดกับ Osaka ไปง่ายมาก
ทุกครั้งที่เราเที่ยวญี่ปุ่นแล้วได้ไปเมืองใหม่ๆ มันมักจะทำให้เราตื่นเต้นเสมอ
รอบนี้ขออาสาจะพาไปเที่ยวง่ายๆ กับเมืองที่น่าสนุกมากกับการเดินทางมา จนคิดว่า “เฮ้ย ไปอยู่ไหนมาเนี่ยยย ชั้น ดี๊ดี”
เมืองที่เที่ยวแหล่งธรรมชาติดีงาม เหมาะกับการเดินทางทางรถมาก
หรือหากมารถไฟก็ไม่ได้ยาก แต่ต้องทำความเข้าใจกับรถบัสทั้งหลายดีๆหน่อย
เพราะจุดเที่ยวในแหล่งธรรมชาติรถอาจจะเข้าไปถึงบางจุด
เอาล่ะ มาดูกันดีกว่าว่า ทั้งหมดนี้จะกระตุ้นคุณให้อยากลงใต้มาอีกนิดจากโอซาก้าได้ไหม มะตามครอบครัว #one22family มาจ๊ะ
เดินทางจากโอซาก้ามายังไง
สำหรับการเดินทางมาจังหวัดวาคายาม่านี้วิธียอดนิยมก็แน่นอนต้องเป็นรถไฟอยู่แล้ว แต่แบบนั้นอาจจะธรรมดาไปสำหรับบ้านนี้ การเช่ารถขับเที่ยวเอง ก็เป็นทางเลือกที่ถนัดเช่นกัน ประสบการณ์ขับรถเที่ยวญี่ปุ่นเกิน 5-6 ครั้งที่ผ่านมาทำให้เราเข้าใจเยอะขึ้นเยอะเลย สำหรับคนที่อยากรู้รายละเอียดการขับรถเที่ยวแนะนำให้อ่านบทควมนี้เลย 1010 สิ่งละอันพันละน้อย ก่อนจะพาครอบครัวขับรถเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
ส่วนสำหรับใครที่ไม่ใข่รถยนต์ก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่วากายาม่า นั่ง JR Pass ถึงเลยด้วยเวลาไม่ถึง 1 ชม. พาสที่แนะนำสำหรับการมาเที่ยวจังหวัดนี้ สามารถเลือกใช้ได้หลากหลายพาส แต่ถ้ามาเพื่อเที่ยวตามจุดหลักๆของที่นี่แค่ JR Kansai Area Pass ก็พอแล้ว เอาว่าสำหรับใครที่สนใจเรื่องนี้โดยเฉพาะ ให้ลองอ่าน จะเที่ยวคันไซ (Kansai) โอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ วากายาม่า ใช้พาสอะไรดี จะช่วยคุณตัดสินใจได้ง่ายและเข้าใจมากขึ้นครับ
เราสอยมาจาก เว็บนี้ นะสำหรับการเดินทางในโอซาก้า-เกียวโต สามารถเข้าไปดูได้ ราคาไม่ต่างอะไรจากเว็บขายอื่นๆ แต่ในด้านการบริการและให้ข้อมูลกับลูกค้าถือว่าน่าพอใจสำหรับเรามาก น้องที่คุยด้วยมีความรู้ให้คำแนะนำกับการเดินทาง จัดตั๋วที่เหมาะกับเราจริงได้
1.รถไฟสายเหมียว ทามะ (Tamadensha Train) สุดรักของเหล่าทาสแมวรุ่นเด็กยันโต
อันแรกที่อยากแนะนำคือ ขบวนรถไฟครับ ที่วากายาม่า เป็นจังหวัดที่มีไอเดียในการสร้างสรรค์ ขบวนรถไฟได้หลากหลายจังหวัดนึงเลย
อย่างขบวนที่เรากำลังจะพาไปดูนี้เป็นขบวนแมวของเจ้าทามะจัง หรือ เรียกว่า “ทามะเดงฉะ” (Tama Densha)
การเดินทางหลังจากลงที่สถานี JR Wakayama แล้วให้เปลี่ยนมาขึ้นที่ชานชลาที่ 9 เราก็จะเจอขบวนทามะจอดรออยู่ ก่อนจะขึ้นก็ควรจะเก็บภาพสักนิดนึง ลวดลายที่เห็นนั้นล่ะมาจากเจ้าทามะล้วนๆ แมวสามสีใส่หมวดนายสถานีช่างน่ารักมากๆ
ปันนี่เลิฟแมวมาก อยากเลี้ยง อ้อนพ่ออ้อนแม่ทุกวัน แต่เราก็ใจแข็งเพราะไม่งั้นคนเลี้ยงตัวจริงคือเราทั้งสองแทน ฮ่า ฮา
เข้ามาด้านในทั้งปันทั้งเราต้องร้องว้าววววววยาววเลย มันน่ารักมาก เหมือนเค้ารู้ใจเด็กๆ และคนรักเหมียวทั้งหลาย นอกจากเป็นขบวนรถใช้ไม้ตกแต่งทั้งขบวนยังเต็มไปด้วยลวดลายการตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย น่ารัก ทำเฟอร์นิเจอร์ประกอปขบวนจนถ่ายรูปได้ทุกมุม
อย่างมุมนี้มีความตะมุตะมิแบบแมวๆมาก
อันนี้ฮามาก ที่มีเด็กลงไปนั่งอารมณ์กรงแมวไงไม่รู้
ตลอดทั้งขบวนมีความแมวๆ ผสมวินเทจแบบไม้ๆ ตลอด และยังมีตู้หนังสือให้หยิบอ่านได้ด้วย น่ารักมาก โดยรวมเรายกให้ขบวนนี้เป็นขบวนสำหรับทาสแมวและเด็กทุกคนที่รักเหมียวเลย
วิธีเดินทาง: ขบวนรถไฟนี้จะวิ่งรับส่งจากสถานี JR Wakayama Station ไปถึง Kishi Station ความยาวสั้นๆ 14 กิโลเมตร ซึ่งบอกก่อนว่า JR Pass จะใช้กับขบวนนี้ไม่ได้นะครับหากอยากหา พาสใช้แล้ว ก็มีแต่ต้องซื้อ Wakayama Day Pass เท่านั้น ใช้นั่งขบวนโลคัลทั้งหมดได้ใน 1 วัน นั้นก็คือรวมขบวนนี้ด้วยนั้นเอง
2.สถานีแมวเหมียว Kishi Station หรือ Tama Station ทามะจัง สุดรักของปันเลย
ที่นี่เรามาเพราะกิตติศักดิ์ของความน่ารักล้วนๆเลย เจ้าทามะ คือพระเอกสำคัญของสถานีนี้จนคนอยากมาเห็นเจ้าแมวที่เป็นต้นกำเนิดให้สถานีแมวทามะจัง ที่ทำให้โด่งดังไปทั่วโลก
สถานีนี้จริงๆชื่อ สถานี เป็นหนึ่งในสถานีของขบวนรถไฟท่องเที่ยวสาย Kishigawa Line สำหรับวิธีการเดินทางมาอ่านข้อแรกนะบอกไว้แล้ว
มาช่วงซากุระบานพอดีเลย มันก็ฟูเต็มต้นเลย เก็บภาพกันสักนิดนะครับแม้จะไม่ได้ตั้งใจมาแต่ร้านกาแฟโลคัลน่ารักๆ กับต้นซากุระฟูๆ มันก็คงจะห้ามใจได้ยากสักนิด
เดินเข้ามาในสถานี ฮั่นแน่ นอนรอเราอยู่ในตู้เลย และแล้วเราก็ได้เจอกัน แล้ว นิทามะจัง
จริงๆแล้วสำหรับนายสถานี ทามะ ตัวปัจจุบันนี้เป็นรุ่นสองแล้ว เพราะรุ่นแรกได้เสียชีวิตลงไปตั้งแต่วันที่ 25 มิย. 2015 สร้างความเสียใจให้ทั้งคนญี่ปุ่นและคนทั่วโลกที่รักทามะ ด้วยวัย 16 ปี รุ่นสองที่เข้ามารับตำแหน่งต่อ มีสองตัวคือ นิทามะ (Nitame) กับ Yontama ผมอ่านเองว่า ยนทามะ (อ่านผิดขออภัย) ซึ่งนายสถานีทั้งสองตัว จะอยู่ประจำสถานีกันคนละแห่งนะครับ หากอยากรู้คิวทำงานของทั้งคู่ให้เข้ามาตรวจสอบเวลางานของเค้าทั้งสองตัวที่นี่ก่อนไปนะไม่งั้นเดี๋ยวอดเจอไม่รู้ด้วย http://www.wakayama-dentetsu.co.jp/en/
ปัจจุบันนี้ทางบริษัทรถไฟเลยเพิ่มสมาชิกตระกูลทามะจังมาอีก สองตัว อยู่ประจำสถานีต่างกัน คือ นิทามะจะอยู่ที่สถานีดั่งเดิม Kishi Station ส่วน Yontama จะอยู่ที่สถานีIdakiso เป็นสถานีระหว่างทางจาก JR Wakayama ไป Kishi นั้นเอง
ความน่ารักนี่ละที่เรียกผู้คนจากทั่วโลกให้มาหาเจ้าแมวสามสีนี้จนรายได้หลั่งไหลเข้าสู่สถานีระดับหลักหลายล้านๆ ต่อปีทีเดียว
เล่นกันจะพอใจแล้วเราก็มาต่อที่สถานีปลายทาง คือ สถานี Tama หรือ Kishi Station ที่ต้องมาเพราะทั้งตัวสถานีและภายในล้วนตกแต่งคิวตี้สุดๆอ่ะ มะเอาตั้งแต่หน้าสถานีเลย เห็นมะ
เข้ามาด้านในจะแบ่งโซนออกมาเป็น 2 โซนด้วยกันโซนTama Musium และโซน คาเฟ่ ดูกันโซนแรกก่อน ในโซนนี้จะมีภาพของ ทามะจังรุ่นแรกเยอะเลย ดูแล้วรู้เลยว่ามีคนรักเค้าจากทั่วโลกเต็มไปหมด
และยังมีโซนขายของที่ระลึกเกี่ยวกับทามะเยอะเลยนะ เอาจริง คนรักแมวทั้งหลายต้องชอบแน่ๆ
และมาถึงโซนพระเอกคือโซนคาเฟ่ ของกินต่างๆล้วนตั้งเมนูให้สอดคล้องกันกับทามะและแมวทั้งนั้น อย่างเราสั่งโฟสท์โปะไอศครีมมา หน้าตางี้เลย
ปันชอบมาก อันนี้เลยสั่งคู่เลย
นอกจากนี้ในคาเฟ่ยังมีเสื้อผ้าให้เราแต่งแบบคอสเพลย์เป็นนายสถานีได้ด้วยนะ จริงๆอันนี้เค้าขายนะ แต่พอเราขอให้ปันลองใส่เค้าก็อนุญาติละ ใจดี๊ใจดี
ดูหน้าตาเด็กน้อยสิ ยิ้มแก้มแทบปริเลย
ขอยกให้ที่นี่ทุกคนควรแวะมาเที่ยวดูสักครั้งอย่างที่เรารู้ๆกันญี่ปุ่นทำอะไรจะทำแบบจริงจังมาก ที่นี่ก็ใช่เลย ถึงได้ดังไปทั่วโลกครับ
วิธีเดินทาง: จากสถานี JR Wakayama Station เปลี่ยนมาขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ Tamadensha นั่งประมาณ 15 นาทีสุดสาย Kishi Station หรือ ระหว่างทางแวะสถานี Idakiso เจอเจ้า Yontama ก่อนได้เลย สามารถดูตารางเวลาทำงานของทั้งคู่ได้ที่นี่เลยครับ
3.เก็บสตอรี่กินกันสดๆกันเถอะ ที่นี่ก็มีไม่แพ้ใคร Kishigawa Tourist Strawberry Picking Association
ใช่แล้วถ้าพูดถึงผลไม้กับประเทศนี้ คงไม่ต้องอารัมพบทกันมากนัก มันโอมากกก ถึงมากที่สุด และที่นี่เรามีโอกาสมา มันก็โอมากเลย
ที่นี่จะอยู่ในเรือนเพาะชำ ที่ควบคุมอากาศไว้ ก็เรียกว่าอยู่ในมาตรฐานของประเทศนี้ละครับ
เข้ามาเค้าจะให้แก้วเรา 1 ใบ เราจะเก็บเท่าไหร่ก็ได้ให้อยู่ในแก้วใบนี้ เอาจริงๆ เราเก็บไปชิมไปเค้าก็ไม่ว่านะ ที่เหลือคือเอากลับบ้านได้
ดูสิปันกับแม่ปันอวดใหญ่เลย เก็บกันสนุกสนาน
กินไปเก็บไปฟินเฟว่อร์ 555
วิธีเดินทาง:จากสถานีรถไฟ Wakayama Station นั่งรถไฟสาย Kishigawa Line มาลงที่สถานี Kishi Station (Tama Station นั้นเอง) เดินไปอีกราวๆ 1 กิโลเมตร หรือราวๆ 10 นาทีก็ถึง มองหาป้าย สตอเบอร์รี่ไว้ เดินเรื่อยๆครับ
ช่วงระยะเวลาที่เปิดให้เก็บสตอเบอร์รี่ได้: 1 กพ – กลางเดือน พค.
ซากุระบานสะพรั่งที่รอบปราสาทวากายาม่า (Wakayama Castle)
ที่วากายาม่า ก็มีซากุระโคตะระ สวยมากกกกกก สวยจริงจัง ไม่แพ้จังหวัดอื่นๆในภูมิภาคนี้เลย ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าซากุระบานเต็มที่พอดี เพราะฉะนั้นการจะพลาดมาชมซากุระมันก็ไม่ใช่เรื่องเลยจริงไหมครับ ที่บริเวณโดยรอบปราสาทวากายาม่าคือที่สุดของซากุระแห่งนึงจากอีกหลายๆแห่งของที่นี่ การมาชมก็ง่ายมาก สามารถนั่งรถไฟมาถึงได้ เดินจากสถานีมาไม่ไกลเลย
ในช่วงฤดูนี้ที่นี่เค้าจะมีให้เราแต่งคอสเพลย์กันด้วยนะ สามารถเลือกได้เลยว่าจะแต่งแบบไหน แต่มันก็จะแนวๆ โบราณของเค้านั้นล่ะ ดูเอาเองเลยชุดน่ารักดี เอาไล่จากพีคเบาๆกับเด็กน้อยก่อน เป็นนินจาฮัตโตริ แบบมิกซ์ๆ หน่อยนะ ก็ฮาดี อย่างน้อยก็กับพ่อมันนี่ละ ฮ่า ฮา
ลีลาไม่เบาเลย
และไฮไลท์ก็ขอยกให้กับชุดแม่ปันครับ แค่เดินเข้ามาก็เป็นเป้าสายตาแก่ฝูงชนแล้ว น่ารักกกกก ฮ่า ฮา
ยิ่งพอเดินเข้ามาด้านในเจอซากุระ เจอผู้คนยิ่งตื่นเต้นใหญ่
มีขอเข้ามาถ่ายรูปด้วยน้าาา
บรรยากาศรอบๆสวนสวยมาก สวยจริงจัง พร้อมกับงานออกร้านโดยรอบ ของกินเพียบ
เราจะเจอคนนั่งล้อมวงกันใต้ต้นซากุระรอบๆเยอะเลย บ้างก็มาเป็นคู่นั่งจู๋จี๋ กัน
รวมๆ ยกให้ที่นี่เป็นอีกจุดน่ามาชมซากุระบานของจังหวัดนี้เลยครับ
วิธีเดินทาง: มาได้หลายทางวิธีจากสถานี Wakayama Station
JR Wakayama มาลงที่สถานีนี้แล้วนั่งบัสสาย 25 มาลงที่หน้าสวนสาธารณะได้เลย หรือนั่งแท๊กซี่จากสถานีมาก็ ไม่ถึง 10 นาทีถึง
Nankai Line จาก Nankai Wakayama City Station เดินราวๆ 10 นาที
5.ซากุระที่วัดคิมิอิเดระ(Kimiidera Temple) อลังการงานสร้างที่สุดตั้งแต่เคยชมซากุระมา
มาถึงอีกจุดที่ไม่อยากให้ข้ามเลย บอกเลยว่าที่นี่พีคของพีคในด้านซากุระแล้วจริงๆ
เพราะว่าเราจะได้ชมซากุระในมุมสูงแบบค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆสวยแบบใจละลายเลย เพราะก่อนเราจะมาถึงจังหวัดวากายาม่า เราแวะเที่ยวโอซาก้า เกียวโต ก่อนมา และผิดหวังมาตลอดทางเพราะมาเร็วไป 1 สัปดาห์ ทำให้ซากุระยังไม่ฟูซักที่ แต่พอมาถึงที่นี่เท่านั้นละ โอ้วว สมหวังสุดๆ
ที่วัดคิมิอิเดระ จะอยู่บนเนินเขา เราจะต้องค่อยๆเดินขึ้นบันได้ไปเรื่อยๆ
แปลกแต่จริง!!!ความเมื่อยล้า ลดลงไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ก้าวเท้าขึ้นตามขั้นบันไดไป
เฮ้ย งานดี๊ดี ดอกซากุระปลิ้ว ลอยฟ่องไปทั่ว ยิ่งเดินขึ้นไปใจยิ่งกระโดดโล้ดเต้น โอ้ยสวยละลายจริงๆที่นี่อ่ะ
เก็บภาพทั้งคุนแม่ คุนลูกไม่เบื่อเบยย
แป๊บๆ เราเดินขึ้นมาด้านบน ยิ่งสวยหนักเข้าไปอีก เอาว่าตั้งแต่ไปชมซากุระมาทุกที่ๆ แม้แต่ในภูมิภาคแสนรักของเราอย่าง โทโฮคุ (สามารถเข้าไปอ่านรีวิว พาไปชม Cherry Blossom ซากุระที่ภูมิภาคโทโฮคุ อย่าพลาดกันนะ) เราว่าเราขอยกให้ที่นี่ชนะเลิศในเรื่องแลนด์สเคปเลยดีกว่า มุมจากข้างบนมองลงไปเห็นต้นซากุระด้านล่างมันฟินสุดๆ
ด้านบนจะเป็นตัววัด โดยแยกเป็นส่วนของวิหารที่มีรูปปั้นเคารพเจ้าแม่กวนอิมพันมือองค์ใหญ่ ซึ่งอร่ามและงดงามมาก เราเคยไปกราบเจ้าแม่กวนอิมหลายองค์ในหลายประเทศ กับญี่ปุ่นเรายกให้ที่นี่งดงงามและปราณีตที่สุดที่เคยเจอมา
อ่อชั้นบนสุดจะเป็นจุดชมวิวที่งดงามมองเห็นจังหวัดฯไปจนถึงทะเลได้เลย สวยมาก
มาด้านที่เป็นตัววัดบ้างมุมถ่ายภาพเยอะ และเช่นเคย ตัววัดจะเป็นสองชั้นเตี้ยๆ แต่สามารถขึ้นไปชั้นบนได้ สวยมาก เวลาถ่ายภาพจากมุมมองด้านล่างขึ้นไป
ภาพก็จะได้แบบนี้ละครับ
อย่าลืมมาไหว้พระขอพรกันด้วยนะครับ ปันขอแล้วละ
รวมๆ เราขอยกให้เป็นวัดที่สวยที่สุดในแง่การชมซากุระของประเทศนี้เลย คืออาจจะยังไม่ครบทุกทีที่เค้าไปกันมา เอาจากของตัวเองเท่านั้นละนะ
วิธีเดินทาง: จากสถานี Wakayama Station นั่งมาลงที่สถานี JR Kimiidera Station แล้วเดิน 15 นาที หรือจะนั่งแท๊กซีก็ไม่ถึง 10 นาที
6.อิ่มตาอิ่มใจที่ตลาดปลา Kuroshio Market เฮ้ย นั่งกินอาหารทะเลชมวิว ดีไปอีก
ว่ากันถึงตลาดปลา หลายคนรู้จักที่ฮิตๆทั้งที่โตเกียวและโอซาก้ามาแล้ว ก่อนมาเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจออะไรใหม่กับที่นี่หรอกนะ แต่พอมาถึง เฮ้ยงานดี หมายถึงวิธีการจัดการ และการเดินช้อปปิ้งอาหารทะเล อันนี้คือดีเลยมะตามมาดูกันดีกว่า
ตลาดปลา คุโรชิโอจะเป็นส่วนนึงของ Wakayama Marina City ที่เหมือน Community Mall เก๋ๆริมทะเล
ที่นี่เค้าจะมีทั้งการโชว์แล่ปลาทูน่าตัวยักษ์ให้แขกในตลาดได้ชม วันนึงจะมีรอบๆ ไป ประมาณ 3 รอบ/ วัน() ถ้ามาทันก็จะเจอการโชว์กับปลาทูน่าตัวโต๊โต ใหญ่สะใจเลย
นอกจากมีปลาขนาดใหญ่ถ้าอยากถ่ายรูป เซลฟี่ก็มีตัวช่วยนะตลาดนี้ ใส่เล่นกันได้เลย
มาถึงวิธีการกินอาหารตลาดนี้บ้าง ตลาด คุโรชิโอ บรรยากาศในตลาดจะเต็มไปด้วยของขายโดยเฉพาะของทะเลที่ค่อนข้างหลากหลายไม่ต่างจากตลาดปลาสดๆทั้งหลาย แต่ที่เด่นมากคือการเข้าคิวซื้อแบบ “ชอบอันไหน หยิบอันนั้นไปกิน” อันนี้เริ่ดดีครับ เค้าจะให้เราหยิบถาด และเดินตามคิวเข้าไปหยิบอาหารทะเลมากมายมหาศาล เสียบไม้รอเราหยิบ
ดูเอาเองเลยเยอะมาก
พวกประเภทข้าวปันหน้าสารพัดก็เยอะและสดมากด้วย
เมื่อช้อปเสร็จก็ไปจ่ายตัง ช้อปเพลินสิดูเอาเอง
ที่เด็ดสุดคือที่ๆเรานั่งกิน เค้าทำแยกออกมาเป็นโซนอยู่ติดชายหาด มองเห็นทะเลแบบ Outdoor คือบรรยากาศเต็มสิบเลย
ดูเอาสิ ทั้งปัน ทั้งแม่ ทั้งเพื่อนชิลมาก ปิ้งไปย่างไป ไหนจะมีข้าวปั้นที่ซื้อมาอีกล่ะ กินไปเพลิดเพลินสนุกสนานดีเหลือๆ แต่อย่าเผลอปิ้งจนไม้กันล่ะ
ถือเป็นตลาดปลาที่น่ารัก มีเอกลักษณ์และ บรรยากาศริมทะเลดีเลิศจริงๆ อยากให้มากันนะ นอกจากนี้รอบๆตลาดยังมีตลาดขายของอื่นๆอีก อันนี้เป็นของหวานห้ามพลาดหากมาฤดูนี้เลยนะ เราชิมกันทั้งบ้านอร่อยเวอร์
ไหนๆมาแล้วลองเดินเที่ยวในนี้ดูดีกว่าข้อดีเลยที่นี่เหมาะกับทั้งครอบครัวมาเดินเที่ยวกันมาก
ยิ่งมาตอนช่วงเย็นๆนีดีเลย บรรยากาศยามเย็น จะสวยมากด้วยความที่ติดริมทะเล ด้วย
วิธีเดินทาง: จากสถานี ให้นั่งรถบัสจากหน้าสถานีเลย นั่งสาย 42,121 มาได้เลย ไม่ยากครับ
เวลาเปิดปิด: 10.00-17.00 (เซ็คเวลาและวิธีการเดินทาง แต่ละฤดูอีกครั้งที่นี่นะครับ http://www.marinacity.com/eng/ichiba/ )
7. ปิดท้ายด้วยที่พักวิวพระอาทิตย์ตก-ซากุระ-ออนเซ็น ที่ National Park Kyukamura Kishu-Kada รีสอร์ทในอุทยานแห่งชาติ
ขอปิดท้ายด้วยที่พักของเราดีกว่า ถือเป็นที่พักสุดประทับใจที่สุดอันนึงของเราก็ว่าได้ตั้งแต่ไปญี่ปุ่นมาเลย !!! จริงๆ ไม่ได้โม้
ผมมีโอกาสมาพักที่นี่ด้วยความบังเอิญ ไม่คิดว่าจะเจอ วิวทะเลสาบยามเย็นตรงหน้า ช่างมหัศจรรย์ ทั้งจากตัวห้องพัก, ห้องน้ำ,Reception,ออนเซ็น,ห้องอาหาร
คือเห็นมันทุกจุดนั้นละ
แถมมาคู่กับซากุระด้วย โอ๊ยสุดๆอ่ะเราสามารถพบซากุระบานได้ในช่วงปลายมีนาต้นเมษาสบายๆ เลยตั้งแต่จุดจอดรถ
เอาว่า 50% ของทริปนี้ส่วนนึงขอยกความดี ประทับใจให้รีสอร์ทื่ National Park Kyukamura Kishu-Kada หนึ่งในกลุ่มโรงแรมของจังหวัด วากายาม่า
ในนาม Mysecretwakayama.com ที่รวมโรงแรม รีสอร์ทและออนเซ็น ที่เที่ยวทั้งเมืองมาไว้ด้วยกัน ที่นี่มีดีเยอะมาก
ขึ้นชื่อว่า National Park นั้นแปลว่าอยู่ในบริเวณของอุทยาน ธรรมชาติโดยรอบดีงามมองเห็นทะเลสาบตรงหน้า กับเรือที่แล่นผ่านตาไปมาสุขใจดีจัง
ห้องที่เราพักเป็นJapanese style room with balcony คือห้องใหญ่มาก มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินจากในห้องได้เลย
ห้องพักกว้างดีมาก
ดูสิ ในห้องน้ำยังเห็นเลย
นอกจากนี้ที่นี่ออนเซ็นระดับ Topview มองเห็นวิวสวยงามสุดๆไปเลย เสียดายเค้าห้ามถ่ายรูป แต่เลื่อนไปดูรูปท้ายๆ เราดึงรูปจากเว็บไซต์มาให้ครับ
ห้องอาหารดีมากอาหารจะเป็นบุฟเฟ่ต์
ห้องอาหารก็วิวดีมองเห็นอ่าวทั้งอ่าวสวยมาก ฟินกันทั้งบ้านเลยครับ
อาหารเช้าอร่อยและหลากหลาย มีชาบูด้วย อ่อ มีคนปั้นซุชิเสริพ มากิซูชิหน้าหลากหลายมาก อร่อยจริงๆ
โดยรวมครอบครัวเราประทับใจสุดๆ
วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟของ NANKAI-KADA LINE จากโอซาก้า มาลง ที่สถานี KADA Station จะมีรถ Shuttle Bus มารับจากสถานีเลย
อยากดูรายละเอียดเข้าไปดูทั้งหมดได้ที่นี่เลยครับ
https://www.mysecretwakayama.com/introduce/66/
จบแล้วครับ หวังว่าทั้ง 7 ที่นี่น่าจะทำให้คุณๆและครอบครัวอยากลงมาเที่ยวจังหวัดที่คนไทยยังไม่น้อยมากจริงๆ ผมไปนี่เจอคนไทยนับหัวได้เลย อย่างที่ชมซากุระทั้งสองจุด
หวังว่าจะถูกใจ หากใครอยากพูดคุยกับเราแบบรวดเร็ว สอบถามที่เที่ยวหรือใดๆก็ตาม ติดตามเราได้ที่นี่เลย เพจเราเองครับ
www.facebook.com/one22family
หวังว่าจะได้พบกันที่ไหนสักที่ในโลกสีฟ้าแห่งนี้ ขอบคุณมากครับ