รีวิว 3 วัน 2 คืนรวมที่เที่ยว จังหวัดวากายาม่า ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ห้ามพลาดเด็ดมาก! นับนิ้วกลับไปกลับมาเรามาที่จังหวัดนี้ในปีเดียวกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ฮ่า ฮา (จะเล่าให้มันลีลาทำไมเนอะ) ที่มีโอกาสกลับไปวากายาม่าอีกครั้งนึง เป็นทริปที่เฝ้ารอเลยก็ว่าได้ จากเมื่อตอนต้นปีที่มีโอกาสมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เจอซากุระที่สวยที่สุดจากมุมสูง เท่าที่เคยไปเห็นมาก็ว่าได้
รอบนี้ถึงเวลาของฤดูฮิตอีกฤดูที่คนไทยนิยมไปญี่ปุ่นเพื่อตามหากัน นั้นคือ ใบไม้เปลี่ยนสีหรือ Autumn นั้นเอง เอาล่ะ จะไปไหนเจออะไรบ้าง ตามเรามากันเลยครับ เช่นเคยนะครับ เราจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการเดินทางแบบครอบครัวมาฝากด้วยเพื่อให้หากจะมีครอบครัวไหนมาตามรอยกันได้เลยครับ มะ ไปกันเลย
รอบที่แล้ว ผมเขียนรีวิวนี้ไว้ 7 ที่ทำให้คุณอยากไป Wakayama เมืองอะไร ดี๊ดี ติดกับ Osaka ไปง่ายมาก ไปแล้วรอบนี้ผมกลับไปอีกครั้งมีทั้งจุดที่เคยไปแล้วแต่เน้นๆ มากขึ้นและกับหลายที่ๆยังไม่เคยไปเรียกว่าไม่เคยรู้เลยก็มีเช่นกัน ขอไล่ไปแต่ละที่เลยแล้วกันนะเริ่มกันตั้งแต่บินเลยดีกว่า
ก่อนเดินทาง อะไรต้องรู้ และต้องเตรียมอะไรบ้างกับครอบครัว
เช่นเคยกับรีวิวเราจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเสริมเติมให้กรณีพาเด็กไปด้วย ถือเป็นน้ำจิ้มของรีวิวเราแล้วกันนะ มะ ไล่ไปดูกันเป็นข้อๆเลย
เตรียมตัวลุยใบไม้เปลี่ยนกันเถอะ!
ทริปนี้แม้จะบินกันบ่อยๆแล้วก็ตามเพื่อไม่ให้ประมาทเกินไปเราก็ยังต้องเตรียมตัวกันทุกทริปเสมอ รอบนี้ทั้งเย่นทั้งปันเค้าต้องบินตามมาผมเลยค่อนข้างเน้นของที่เป็นของแม่ๆลูกๆเยอะหน่อย ทั้งเสื้อกันหนาว ฮีทเทคเด็ก(อันนี้ไปสอยมาใหม่เลยร้านนี้แนะนำใครอยากรู้เม้นท์ไว้นะเดี๋ยวibให้) กล้องขนาดเล็กของเย่น(RX100M4 ตัวเก่าที่ยังดีมากมายเลย) เสื้อผ้าเค้าผมก็ไม่ต้องไปยุ่งล่ะ แต่พอเป็นของปันก็เพิ่มหยูกยาเข้ามา ทั้งยาแก้ไข แก้หวัด เจ็บคอ อ่าและรอบนี้มีของใหม่มาอีกอย่างคือ แผ่นเจลใส สำหรับลดไข้ ตราเสือ เห็นพึ่งออกเลยเอามาด้วยเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินครับ และถุงมือปันใหม่หมาดๆ จากร้านเดียวกันกับฮีทเทคนั้นล่ะ รวมๆ เน้นแม่ๆ ลูกๆ เค้าไปสำหรับกระเป๋านี้ ส่วนของตัวเองก็หนักหน่อยครับไป 15 วัน เลยไปถอยกระเป๋าใหม่size 29 นิ้วร้าน Moof49 ร้านประจำไปแล้วสำหรับผม ใบนี้ใบที่สองแล้วละ น้ำหนักเบาดี ที่เหลือก็อุปกรณ์กล้องล้วนๆสำหรับกระเป๋าตัวเองครับ เสื้อผ้ากะไปช้อปกันป้ายหน้าญี่ปุ่นเลย ฮ่า ฮา
บินอะไรดี
รอบนี้ผมใช้บริการของ Nokscoot อีกครั้งครับ แถมไม่ได้ใช้แค่ สนามบินเดียวด้วย แต่ใช้ถึง 2 สนามบินเลย เอ๊ะ ยังไง
เรื่องของเรื่องคือ ผมตั้งใจจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว โดยผมไปลงที่ โตเกียว และให้ปันกับแม่ปันตามมานั้นเอง ทำให้รอบนี้ใช้บริการ Nokscoot ถึงสองเส้นทางคือ จาก กรุงเทพฯ มาลง นาริตะก่อน จากนั้น ภรรยาและลูกถึงบินตามมาเจอที่โอซาก้า ส่วนขากลับเรากลับพร้อมกัน การบินมารอบนี้เลยได้ลองทั้งสองสนามบินไป ต้องบอกเลยว่า ยังคงรักษามาตรฐานที่ดีไว้ได้ ส่วนตัวแม้ผมจะพบเห็นข่าวคราวผ่านหน้า Social เรื่อยๆมีเสียงฟีดแบ็คทั้งสองด้านของสายการบินนี้ แต่จาก รีวิวที่เคยเขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว (2560) ตอนนั้นก็บินด้วย นกสกู๊ตแบบนี้ละครับ ครั้งนี้บินดีกว่าเดิมด้วยการอับเกรดมานั่ง Business Class เป็นครั้งที่สอง บอกเลยว่าประทับใจมากยิ่งเป็นขาไปที่นั่งข้ามคืนมาด้วย แล้ว
การนั่งเก้าอี้ที่กว้างและ ยังสามารถเช็คอินได้แบบแยกแถมคิวมาต่างหาก มันดี๊ดี
ที่นั่งก็กว้างขวางเบาะนุ่มดีครับ ช่วงระหว่างขากว้างขึ้นไม่ชนกับเบาะหน้าต่อให้เค้าเอนมาสุดเราก็ยังเหลือๆ (เอาจริงๆ นั่งแบบ Economy มาขาก็ไม่ชนเหมือนกัน)
ผมหลับยาวๆจากไทยจนถึงโตเกียวได้เลย แถมตอนขึ้นมาเราสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าด้วย
น้องแอร์ก็จะเดินมาถามให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับตั้งแต่ขึ้นเครื่องเลย หรือว่าจะเลือกให้ปลุกทานตอนเช้าได้ (ปรกติจะปลุกก่อนเครื่องลง 2 ชม.) ตรงนี้ดีมากครับ เคยบินของ Full Service แบบ Economy เค้าก็ไม่ได้ถามเราแบบนี้ เอาว่าไม่มีสิทธิ์เลือกนั้นเอง
มาว่ากันที่อาหาร ผมสั่งอาหารต่างกันทั้งของแม่ปันและของผมเอง โดยรวมชอบแกงเขียวหวานไก่มากสุด รสชาติดีทีเดียวเป็นขามา และขากลับผมสั่งต่างออกไป โดยรวมอาหารดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อร่อยเลยครับ โดยรวมต้องบอกประทับใจมาก
สำหรับขาไป เราลงนาริตะ ตอนเช้ากับตันจะประกาศให้เรามองไปที่ฟูจิด้วย แต่ระยะทางอาจจะไกลหน่อย ในภาพนี้เราถ่ายจากกล้องแล้วซูมมาอากาศวันนั้นหมอกลงพอควรแต่ยังเห็นฟูจิจากระยะไกลได้ ถือว่ากำไรแล้วละครับ
สำหรับใครที่สนใจเข้าไปจับจองโปรของเค้าได้ทางนี้เลย https://www.nokscoot.com
เน็ตอะไรดีสุด
เช่นเคยครับ ผมยังคงใช้ เจ้าประจำ แต่เป็นซิมใหม่ที่ผมเอาไปลองใช้ดู กับ Japan Travel Sim ซิมตัวล่าสุดของ TruemoveH เพิ่งออกก่อนเราเดินทางไม่ถึงเดือนเลย และบอกเลยใช้ดีมาก เพราะเค้ายังคง Roaiming สัญญานไปใช้ของญี่ปุ่นคือ DOCOMO เจ้าที่สัญญานดีที่สุดของญี่ปุ่นเลย กับ pack 399 4gb ราคาก็เท่าเดิม แต่เน้นๆ แยกประเทศออกมาจาก Travel Sim Asia ตัวหลัก ก็เหมาะและเข้าใจง่ายดี โดยรวมถือว่าสัญญานดี ไม่เปลี่ยน ไม่รั่ว ไม่หาย ตลอดทริป มีนิดหน่อยเวลานั่งบนรถจะแกว่งๆ แต่พอถึงจุดที่เราต้องการใช้ก็ได้ตลอดทริป ถือเป็นซิมที่น่าจะตอบโจทย์ สำหรับคนเที่ยวสั้นๆ ไม่เกิน 8 วัน ผมใช้ตลอดทริป ทั้งอับนู้นนี่ และเล่น Facebook ตลอดกลับมาก็ยังไม่หมดเลย โดยรวมประทับใจเช่นเคยครับ
พาสอะไร ที่ไหนยังไงดี
มาถึงวิธีการเดินทางจากสนามบินเข้าในเมืองกันบ้างนะครับจากสนามบินคันไซฯ เราสามารถใช้ พาสได้หลากหลายมากขึ้นอยู่กับการเที่ยวของเรา เพราะในโซนนี้พาสที่ไม่ใช่ของ JR ก็ถือว่ายังใช้ได้อย่างดีอย่างของ Nankai ก็นั่งเข้าโอซาก้าได้ แต่เนื่องจากเราวางแผนไว้ว่าจะมา วากายาม่ากันก่อน การใช้พาสเลยต้องเผื่อสำหรับช่วงวันสุดท้ายที่จะกลับมาโอซาก้าด้วย เราเลยเลือพาส JR Kansai Area Pass พาสแบบใช้ได้หมดทั้งวากายาม่าและในเขตคันไซทั้งหมด จะโอซาก้า นารา เกียวโตใช้ได้หมด และผมบวกบัตร Osaka Amazing Pass ไว้อีกใบสองบัตรนี้เที่ยวได้ถึงไหนถึงกันแล้ว ข้อดีของสองบัตรนี้เวลาเอามาผสมกันมันสุดยอดเลย
ทั้งสองบัตรผมสอยมาจากเว็บ KKDAY เว็บรวมทริป บัตรต่างๆ ที่เราต้องการใช้ไว้เยอะมาก
ตัว JR Kansai Area Pass สามารถพาเราไปจุดเที่ยวหลักๆทั่วจังหวัดวากายาม่าได้ทั้งหมด เราสามารถเลือกแบบ 2,3,4 วันได้ตามสะดวกแต่ต้องเป็นแบบต่อเนื่องเท่านั้นนะครับ
สำหรับตัว Osaka Amazing Pass นี้ยิ่งแล้วใหญ่ดีงามมาก เราเคยใช้ตั้งแต่สมัยมาเที่ยวโอซาก้าครั้งแรก ประทับใจและครั้งนี้ก็ยังถือว่าใช้ได้อย่างดี ข้อดีเลยคือ
ใช้เป็นส่วนลดในการเข้าที่เที่ยว หรือบางครั้งเข้าฟรีเลยก็มี เช่นเราเคยใช้เข้า Aquarium ได้นั่งรถไฟมาถึงเข้าฟรีเลย ดีงามมาก
ใช้นั่งรถไฟใต้ดินในเขตโอซาก้าได้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลเลย (แค่อย่าไปนั่งพวก JR หรือ ของบริษัทเอกชนที่ไม่ใช่ Metro ก็พอ)
แค่สองข้อนี้ก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว
และช่วงที่ผ่านมา KKDAY จะออกโปรลดราคามาเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถซื้อได้ถูกลงอีกนะ ใครอยากลองหาข้อมูลของบัตรต่างๆที่ เราใช้หรือบัตรอื่นๆ ในเว็บเค้าก็มีขาดหมดนะ เราใช้ประจำซื้อนู้นนี้ตลอด เพราะเดินทางตลอดเหมือนกัน ทางนี้เลย
>>บัตร JR Kansai Area Pass ที่เราซื้อมา ราคาจะปรับไปตามค่าเงินนะครับ ถ้าช่วงไหนค่าเงินเราแข็งๆ บัตรจะถูกมากเลย ไปดูราคากันเองที่นี่เลย http://bit.ly/2EswwXz
>>บัตร Osaka Amazing Pass ก็อ่านรายละเอียดกันได้ที่นี่เช่นกันครับ http://bit.ly/2Sc9ic8
**อ่อ อย่าแปลกใจทำไมเราซื้อแบบสองวันเท่านั้นเพราะทริปนี้เราใช้รถเช่าด้วย 1 วัน เส้นทางบางจุดเราอยากไปให้เร็วหน่อย
เลยผสมทั้งสองแบบเลยในทริปนี้ บอกแล้วบ้านนี้ชอบขับรถเที่ยวครับ ^_^
บัตร Osaka Amazing Pass บัตรนี้จับคู่เข้ากับบัตร บนนี้คือถูกคู่สำหรับคนอยากเที่ยวเน้นโอซาก้าและอยากออกมาเที่ยวรอบนอกในภูมิภาคคันไซ เราใช้นั่งรถไฟใต้ดินทั่วเขตทั้งหมดได้เลย แถมยังเข้าที่เที่ยวหลายๆที่ได้ฟรีด้วย อย่างครั้งแรกที่มาเที่ยวโอซาก้าเมื่อหลายปีก่อนผมพาปันเข้า Aquarium ที่ดีสุดๆของประเทศนี้แห่งนึงเลย ที่นี่เราเจอปลาวาฬด้วยเลิฟกันทั้งบ้าน และยังพาตัวเองขึ้นตึก Harukas Pass ได้อีกด้วย ประหยัดมาก ทางไปดูรายละเอียดนะครับ ทางนี้เลย
ถึงเวลาเที่ยวเมืองวากายาม่า รู้ไหม ใบไม้เปลี่ยนสีที่วากายาม่า ไม่ธรรมดาเลย
ที่แรกแต่เป็นที่สุดท้ายที่เราไป (งงมะ) คือเอาเวลาไปจริงๆคือ วันที่สามแต่ขอยกมาเล่าอันแรกเพราะมันพีคมาก อยากแนะนำจริงจังนะ จะพาไปคือ
สวน Nishinomaru-Teien อยู่ด้านล่างของตัวปราสาท เป็นส่วนนึงของสวนรอบปราสาทวากายาม่า (Wakayama Castle)
ที่นี่เราเคยมาแล้วตอนนั้นมาดูดอกไม้ แทน กับซากุระ รอบๆปราสาท ที่นี่ถือเป็นสุดยอดสำหรับการหาวิวเห็นปราสาทบนเขาและซากุระอยู่โดยรอบ กลับมารอบนี้ในสวนหลักของเค้าคือเป้าหมาย เดินก็ง่ายมากครับ ดูเอาเองเลยแล้วกันนะ
บรรยากาศรอบปราสาทก็ดี วันที่เราไปอากาศเย็นสบายๆ ราวๆ 17-19 องศา ใส่เสื้อสองชั้นก็เอาอยู่แล้ว
ที่นี่คือที่ๆเหมาะจะเที่ยวทั้งในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลียนสีเลยทีเดียว
อ่อเหมาะถ่ายอับโปรไฟล์ด้วยจ๊ะ ดูเอาเองเลยเด้อ เลิฟมากกก 555 เลิฟลืมแก่ไปเลย
ช่วงเวลาที่ควรมา: ใบไม้เปลี่ยนควรมาในช่วง เดือน พย ทุกปี เมื่อถึงเวลาใกล้ๆ ให้เช็คกับเว็บไซต์หรือแอพ Weather ก็ได้ครับ ชัวร์สุด
วิธีเดินทาง: มาได้หลายทางวิธีจากสถานี Wakayama Station
JR Wakayama มาลงที่สถานีนี้แล้วนั่งบัสสาย 25 มาลงที่หน้าสวนสาธารณะได้เลย หรือนั่งแท๊กซี่จากสถานีมาก็ ไม่ถึง 10 นาทีถึง
ถ้าไม่ใช้ JR สามารถนั่ง Nankai Line จาก Nankai Wakayama City Station เดินราวๆ 10 นาทีก็ถึงเช่นกันครับ
นั่งเรือชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Dorokyo Waterjet เริ่ดมาก
มาญี่ปุ่นหลายรอบแล้วแต่ยังไม่เคยลองล่องเรือด่วนเจ้าพระยา… เอ้ย เรือ Speedboat แบบนี้เลย ยิ่งเป็นการทัวรชมริมฝั่งแม่น้ำแบบนี้ด้วยแล้ว มันสุดยอดมากครับ
บ้านเรารอบนี้เดินทางกันเกือบครบเลย การมานั่งเรือล่องแม่น้ำที่นี่ถือเป็นอีกเซอร์ไพรส์เราสุดๆเช่นกัน ไม่คิดว่ามันจะสวยกว่าในรูปที่ได้เห็นมา
ยิ่งมาตอนใบไม้กำลังเปลี่ยนสีแบบนี้ด้วย สวยจริงจังมากครับ
ใบไม้เปลี่ยนสีช่างดึงดูดให้เรามาถ่ายรูปคู่กันกับใบไม้สีสวยเหล่านี้
เค้าจะพาเราล่องไปในสายน้ำที่คาบเกี่ยวกันสามจังหวัดเลย จังหวัดวากายาม่า จังหวัดมิเอะ และจังหวัดนารา เรียกว่ามาทีเดียวคุ้มมาก
แถมเรือจะยังเปิดหลังคาโล่งมากให้เรานั่งชมวิวได้แบบ 180 องศากันเลย บรรยากาศริมแม่น้ำคิตายามะ (Dorohaccho) ทั้งสองฝั่งสวยมาก
บางจุดมีก้อนหินรูปลักษณ์แปลกๆให้เราจินตนาการเอาได้ว่าเหมือนกันอะไรน้อ
เด็กน้อยชอบมากนั่งชี้นู้นนี่นั้น ระหว่างทาง ผมยกให้การมาล่องเรือชมแม่น้ำที่นี่เป็นกิจกรรมห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงเลย
ปิดท้ายเราลงเรือกันที่แถวสะพานอะไรซักทีแต่เป็นจุดปลายทางหากใครอยากได้ภาพฟุ้งๆแบบนี้แนะนำให้อยู่เตร็ดเตร่แถวๆนั้นก่อนเลยจ๊ะ อากาศดีๆวิวเท่มากจริงๆ
ช่วงเวลาที่ควรมา: ได้ทั้งปี เว้นหน้าหนาว หากหิมะตกหนักเรือจะหยุดวิ่งครับให้เราดูประกาศจากหน้าเว็บเค้าได้อีกที ที่นี่เลย
โดยเรือจะล่องไปกลับราว 1 ชม.
เวลาเปิดปิด : ตั้งแต่ 08.30 – 14.30 น.
วิธีเดินทาง: ให้เรานั่ง JR มาลงที่สถานีJR Shingu Station แล้วต่อรถบัสสาย Kumano Kotsu Bus ที่สถานี(หาป้ายไม่เจอให้ถามเจ้าหน้าทีได้เลย ช่วยดีมาก)
มาที่ท่าเรือชิโกะ ใช้เวลาโดยประมาณ 30 นาทีครับ
คาเฟ่สุดฮิบสายอาแกนนิค สายถ่ายรูป สายอะไรก็ห้ามพลาดกับ Cafe Bonheur Organnic
แวะมานั่งร้านกาแฟเก๋ๆกันบ้าง ร้านนี้เราเจอระหว่างทางไปฮอนงู ตอนมาที่ท่าเรือพอดี คือดูข้างนอกนี้เกินจะเดาถึงความพิเศษของด้านใน “อาหารมังสะวิรัติ” คือจุดขายของคาเฟ่เท่ๆนี้
หยุดก่อนหากคนที่ไม่กินมังฯจะรีบปฎิเสธนะ คือ มันสุดยอดมาก ทั้งเครื่องดื่มและอาหารที่เค้าใส่ใจจนเราเองกินเข้าไปนี้อารมณ์ดีเลยนะ
กาแฟที่บดเองกับมือ
ชาที่อร่อยรสชาติละมุนมาก ความตั้งใจในการจัดหน้าตาเอาไป 10 เต็ม 10 เลยเลิศเลอมาก คือเราก็เป็นคนชอบนั่งคาเฟ่นะ แต่ไม่เคยเจอร้านไหนเหมือนร้านนี้
ไม่อยากเชื่อเลยว่าในเมืองบ้านๆ อย่างที่นี่จะมีคาเฟ่ฮิบๆ เก๋ๆ สไตล์ Homemade แบบนี้อยู่ได้ ถือเป็นของดีแห่งเมืองนี้จริงๆครับ
ข้าวราดแกงกระหรีที่ไม่มีส่วนสัดของเนื้อสัตว์เลยแต่รสชาตินี้แบบ โอ้ยยย อร่อย อร่อยมากกถึงมากที่สุดส่วนประกอปที่ทำให้อร่อยมากคือเห็ดครับ ไม่คิดเลยว่าแกงกระหรี่เห็ดจะเด็ดปานนี้ คือเห็นคนทำเค้าตั้งใจแล้วรสชาติตรงกับที่ตั้งใจแล้วปลื้มแทน
ขนมเองก็อร่อยมากจำไม่ได้แล้วละครับว่าเค้าผสมอะไรบ้างรู้แต่อร่อยทุกอย่างเลย ไม่ได้หวานเว่อร์ๆด้วยนะ
บรรยากาศร้านนี้แนวๆเลย ดีงามมากครับ เอาว่าใครผ่านนะร้านนี้แนะนำครับ กินแล้วอารมณ์ดีกันทั้งบ้าน ถ่ายรูปกันใหญ่เลย
วิธีเดินทาง: ดูรายละเอียดเค้าได้ที่เว็บเลยเพราะต้องขับรถมาจะดีสุดครับ หรือนั่งบัสก็ได้เช่นกัน http://www.bonheurcompany.com/
อ่อ ร้านเค้าปิดทุกวันพุธนะครับอย่าพลาดไปวันนี้นะ
Kumano Hongu Taisha ปิดท้ายวันแรกกันที่ ศาลเจ้าที่มีโทโรอิยักษ์ กลางทุ่งนาใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา
คือเอาจริงๆเลยนะสารภาพตรงๆ ตัวศาลไม่ได้เดินเข้าไปจนถึงหรอก ฮ่า ฮา อยากแค่มาถ่ายรูปกับโทโรอินี้เลย จะตอบไม่ได้ว่าข้างในมีอะไร แต่เอาแค่ตัวเสามันยักษ์ มันเท่ ยิ่งถ้ามีนาข้าวมาประกบด้วยนะโอ้ยเท่ขาดใจเลย ดูรูปกันเองเถอะ
บรรยากาศยามเย็นดีงามมากเลยครับ ตั้งอยู่ที่เมือง Kumano ในเมืองนี้มีศาลเจ้ามากกว่า 3000 แห่งเลยนะ เยอะอะไรขนาดนี้ แต่ที่นี่จริงจังมากถึงกับติดอับดับเป็นศาลเจ้าที่คนมามากถึง 1 ใน 3 ของเมืองเลยครับ โลเคชั่นดีงามมากๆ
แต่เดี๋ยวก่อนจะมาแค่ถ่ายรูปแล้วกลับก็ยังไงอยู่ มาเดินขึ้นเขากันอีกหน่อย อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเนี่ยละ ตัวศาลเจ้าจะอยู่อีกฝั่งถนนนะ เดินข้ามว่าขึ้นบันไดยาวๆไปไม่ยากเลย
เข้ามาก็ดูป้ายกันหน่อยนะ เค้าห้ามเข้าไปถ่ายรูปด้านใน ในภาพนี้ผมดึงจากเลนส์ซูมเข้าไปจ๊ะ คือเค้าห้ามเข้าไปถ่าย เอาตามสมควรนะอะไรห้ามก็ต้องเชื่อสิเนอะๆ
เสร็จแล้วเค้ายังมีบริการเขียนขอพรแล้วให้เราส่งไปรษณีย์กลับมาด้วยนะ เริ่ดมากก ส่งกันแบบแผนกระดานนั้นเลย
เราก็เอามาหย่อนลงตู้ได้เลย
นี้ก็ต้องมาแอบลุ้นว่าเราส่งแล้วจะมาถึงบ้านไหม สภาพไหนอีกนะ ฮ่า ฮะ ถึงก็เรื่องนึง สภาพไหนก็อีกเรื่องนึง สนนราคาก็จบที่
การเดินทาง: ถ้ามาจากโอซาก้าให้นั่ง JR มาลง สถานี Shingu Station ออกมานั่งบัส Ryujin bus สายเดียวกันกับที่จะแนะนำด้านล่างเลย ใช้เวลา 1ชั่วโมง 20 นาที ลงป้าย Kumano Hongu เลยจากป้าย Hongu มาแค่ป้ายเดียวจ๊ะ
เวลาเปิด-ปิด: 8:00-17:00 เปิดทุกวัน
Yunominesou Onsen ที่พักสุดแสนมารยาทดีงามท่ามกลางเมืองออนเซ็นระดับโลก
คืนนี้เราพักที่นี่เลย yunominesou Onsen ที่พักในย่าน World Heritage 1 ใน 7 Onsen เก่าแก่ที่สุดญี่ปุ่นเลยนะ เก่าแก่จนได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วเรียบร้อย เพราะงั้นการันตีได้เลย บรรยากาศรอบๆใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมากบ้านเรือนสไตล์โบราณจริงๆ ไม่ได้พึ่งสร้างขึ้นมาให้ล้อกับรรยากาศ แต่ของจริงดีงามมาก
เรามาถึงก็เย็นๆแล้ว ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเลยจนถึงฤดูหนาว มันจะมืดเร็วมาก ไม่เกิน 17.30 นี้มืดแล้ว เพราะงั้นใครมาช่วงเดือน ตค.จนถึงสิ้นปี ทุกปีมันจะมืดเร็วแบบนี้ บรรยากาศบ่อน้ำพุร้อนที่นี่เค้าเน้นกันตรงเอาไข่มาแช่ในบ่อออนเซ็นนะ (อารมณ์เดียวกับบ้านเราตามแหล่งน้ำพุร้อนทั่วประเทศเลยเนอะ) แต่อย่ากังวลว่าไข่ต้มในน้ำกำมะถันจะกินไม่ได้เพราะแร่ธาตุที่นี่ดีกับสุขภาพคนแช่ และไข่เองเวลาเอามาแช่มันสุกได้ที่มันจะต่างจากไข่ต้มบ้านๆทั่วไปอยู่
คือไข่มันจะเปลือกนิ่มไม่แข็ง แบบไข่ต้มทั่วไปเลย จับแกะสัมผัสจะรู้สึกได้เลย และตัวไข่เองต้มได้หลายระดับคือเอาแบบสุกๆแกะง่ายไข่มันจะรสชาติอร่อยสุด ไม่เชื่อมาลองกันเองไม่เหมือนไข่ต้มทั่วไปจริงๆ ผมเองไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่คนกินไข่ต้มบ่อยจะเข้าใจ ดูจากรูปเอานะ 555
เข้าที่พักกันดีกว่า ผมประทับใจที่นี่ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว เอาตั้งแต่รองเท้าจัดวางเค้าจะแปะป้ายห้องให้ที่รองเท้าเราเลย เอาจริงๆ มาญี่ปุ่นหลายครั้งแล้วเพิ่งเคยเจอบริการขนาดนี้ เอาแบบอึ้งๆไปนิดๆ สตั้นท์ ไปหน่อยๆ แต่รวมๆประทับใจสุดๆ
ว่ากันเรื่องเรียวกังก่อนนะครับ ที่นี่ถือเป็นเรียวกังเกรดเอในราคาจับต้องได้ มาดูห้องพักกันก่อนเลย ห้องพักเป็นแบบ Original Ryukang สไตล์แท้ๆ ปูเสื่อทาทามิ มีเก้าอี้นั่งแบบญี่ปุ่นรับรอง ห้องดีมากปรกติหลัง หกโมงเค้าจะเข้ามาจัดฟูกให้เรานอนเรียบร้อยดีมาก
จุดเด่นสำคัญคือบ่อออนเซ็นที่นี่มีหลายบ่อ มีทั้งแบบส่วนตัวและแบบรวมแยกชายแยกหญิงนะ บ่อส่วนตัวเราสามารถพาครอบครัวเราไปใช้แช่ด้วยกันได้เลย ดีงามมาก
นอกจากนี้ที่นี่ยังเพิ่มสันทนาการในครอบครัวมาให้เราอีกนะ มีโต๊ะปิงปอง และเก้าอี้นวด โอ้ยยยอันนี้ดีงามกับพ่อปันมากจ๊ะ เล่นเอาเคลมอยากได้ไว้ที่บ้านเลยนะ ฮ่า ฮา
ส่วนบ่อรวมผมกับปันประทับใจมาก เราไปแช่แบบ Outdoor ด้วยกันพ่อลูกนั่งคุยกัน(จริงๆคือนอนคุยถึงจะถูกสินะ)แบบพ่อๆลูกๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เค้าดูมีความสุขผมก็มีความสุขเหมือนกัน พ่อลูกคนไหนยังไมเ่คยลองต้องลองดูนะครับ ดีเลยนะ
บอกเลยดีมาก ฟินยกกำลังสิบจ๊ะ บ่อเค้าทำดีสวยงามเลย ใครอยากเห็นภาพเต็มๆ ไปดูกันได้ที่เว็บเค้าเลย นะข้างล่างเลย
การเดินทาง : ถ้ามาจาก osaka นั่ง JR มาเลย ลงสถานี Kii-Tanabe Stationจากนั้นออกมายืนที่หน้าสถานี มองหาป้ายบัสนะ ขึ้นสาย Ryujin bus จากนั้นก็นั่งยาวมาลง ป้าย hongu เลยครับผ่านทั้งหมู่บ้านเลย
ราคา: เช็คจากเว็บ หรือแอพ Hotelscombined จะดีสุดเพราะดึงราคาเปรียบเทียบให้เราเองเลย ผมใช้ตลอดก่อนจองครับ ที่นี่มีในทุกเว็บจองหมด
หาข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่เลยครับ http://www.yunominesou.com/ENGLISH/Eindex.html
Seiganto temple / Nashi Waterfall/Daimonzaka Chaya วันแห่งการแต่งตัว Cosplay เอ้ย วันแห่งการสำรวจเส้นทางแสวงบุญ มาจัดเต็มๆกัน
มาถึงอีกวันล่ะ วันนี้เราจะมาในชุดนักแสวงบุญกันจ้า กันเส้นทางเดินชมวัดแสวงบุญสมัยเฮอัน ยุคญี่ปุ่นโบราณกันเลย ขอไล่ไปทั้งหมด 3 ที่ในวันเดียวเลยนะ เพราะทั้งหมดอยู่ในบริเวณเดียวกันหมดเลย
เข้ามาชุดจะเยอะมากนะครับ เราเลือกเองได้เลย แล้วสุดท้ายเราจะได้ชุดแบบที่เราชอบนั้นเอง องค์ชายปันตอนกำลังโดนรุมนะคร้าบบบ
วันนี้เราออกกันแต่เช้า ยังอยู่ใน KUMANO กันอยู่นะ เป้าหมายคือมาแต่งตัว เอ้ย มาชมน้ำตกท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดนี้กัน ตัววัดแห่งนี้มีความเก๋ คือความเก๋าของวัดเอง วัดนี้เป็นวัดยุคเฮอัน ยุคโบราณกว่า 800 ปีก่อน(นับจากอายุของต้นไม้อีกทีนะ ต้นสนที่นี่เก่าแก่มาก)ของประเทศนี้นะครับ ที่น่าสนใจจริงๆ จนต้องมาเดินคือเส้นทางแสวงบุญ Daimonzaka ต่างหาก
Daimon-zaka slope
เส้นทางเดินเที่ยวมรดกโลก เส้นทางถ่ายภาพของที่นี่แนะนำให้เดินขึ้นไปเรื่อยๆนะครับตำนวนระยะทางอยู่ที่ 600 เมตร ขั้นบันได 627 ขั้น จะเจอทิวต้นสนยักษแบบนี้เลย จะเป็นมุม poster ที่ควรแค่แก่การสวมชุดมาเที่ยวถ่ายรูปกันแบบนี้ละ
ยิ่งเดินขึ้นไปจนสุดเค้าว่าจะได้บุญหนักเลยนะ คือหนักตั้งแต่เดินล่ะ ฮ่า ฮา เอาจริงๆ ผมเห็นคนแก่คนเฒ่ามาเดินกันเต็มเลย อย่าไปยอมแพ้คนแก่กันนะ ยิ่งเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะเจอธรรมชาติสวยๆสองข้างทาง
การแสวงบุญก็เสมือนกับการเดินแสวงหาธรรมชาติดีๆรอบตัวสำหรับผมไปด้วยเลยนะ เอาให้บุญเยอะก็ต้องเดินขึ้นไปให้ถึงยอดน้ำตกเลย
คนมาเที่ยวเดินกันตั้งแต่ทางขึ้นแรกยันถึงตัวศาลเจ้าข้างบนจะใช้เวลาเดินกัน 30นาที -1 ชม.เอาแบบเร็วนะครับ แต่ถ้าเรื่อยๆ ก็อยู่ที่เราเลย
สำหรับครอบครัวเราแล้วประทับใจสุดก็ตรงได้แต่งตัวถ่ายภาพอยู่ด้วยกันนี่ละครับ นานๆ เราจะมีโอกาสถ่ายรูปแบบนี้ด้วยกันที หนก่อนเป็นเย่นกับปันสองคนแต่งตัวเป็น สาวน้อยในชุดกิมโมโนกับนินจาน้อยฮาโตริ รอบนี้มีผมเข้ามาด้วย บอกเลยติดจายย เดี๋ยวไปไหนจะหาทางแต่งตัวกันอีก
การมาที่นี่ถ้าจะให้เลิศ ให้ดี คุณต้องมาแต่งตัวเป็นขุนนาง+ภรรยาคุณนางชุดแบบนี้เลยต่างหาก เห็นไหม อ่อคุณชายปันด้วยนะ จัดเต็มจริงจังมากบ้านนี้
ความดีงามของทีนี่คือการมาแต่งตัวทีนี่มีที่เดียวเท่านั้นที่มีชุดแบบนี้ ให้แต่ง ไม่มีอีกแล้ว ปรกติเราจะเห็นแต่งกันแบบชุดกิมโมโน ชุดยูคาตะ กัน แต่ชุดขุนนางนี้บอกเลย ต้องมาที่นี่เท่านั้น มาถึงจะเจอคุณยายเจ้าของร้าน ตัวร้านจะตั้งอยู่ในตำแหน่งทางเดินขึ้นเขาเลยครับ เดินจากปากทางแรกเข้ามาไม่ไกลร้านจะอยู่ซ้ายมือ
ก่อนจากคุณยายเจ้าของร้านยังเอาขนมให้ปันด้วย ใจดีกับเด็กๆมาก และยังมีของที่ระลึกที่แกทำเองให้กับแขกที่แวะเวียนมาใช้บริการอีก ขอให้คุณยายอายุยืนๆนะครับ น่ารักปานนี้เลย
การเดินทาง: ถ้ามาจาก JR Wakayama Station ให้มาลงสถานี JR Kii-Tenma Station จากนั้นนั่งบัสสาย Nashisan Bus มาจากหน้าสถานีมาลงที่ป้าย Daimon-zaka Parking Bus Stop ถ้าอยากเดินตั้งแต่จุดเริ่มต้นนะและมาถ่ายรูปแบบเราตรงทางเดินทิวสน แต่ถ้าไม่สนใจจะถ่ายรูปจุดนี้นั่งยาวไปลงป้าย Nashi-Waterfall Bus Stop เพื่อชมน้ำตกได้เลย
ราคาค่าแต่งชุดทั้งสองแบบ ราคาเดียวกันคือ 1 ชม. 2000 เยน 3 ชม. 3000 เยน จ้า คุ้มๆก็จ่าย แบบหลังเดินถ่ายกันสะใจไปเลย
Nashi Waterfall น้ำตกที่สูงสุดของญี่ปุ่น สูง 133 เมตร กว้าง 13 เมตรครับ (แบบชั้นเดียวนะ ไม่นับแบบรวมๆหลายชั้น)
น้ำตกแห่งนี้คือภาพใน Poster โปรโมทการท่งเที่ยวของจังหวัดวากายาม่านี้เลยครับ ใครมาต้องแวะมาเที่ยวกันนะ สวยจริงจังมาก
ถ้าคุณแข็งแรงพอ ฝ่าบันไดขึ้นมาสำเร็จ เรายินดีด้วยคุณจะมีตัวเลือกสองทางคือเลือกไปเดินขึ้นไปอีกเพื่อชมวัดกันก่อนได้กับที่ Grand Nashi Temple หรือ หากเอาไฮไลท์จริงจังและเดินสบาย ก็ต้องลงมาเที่ยวที่น้ำตกแห่งนี้เลย ทางเข้าทางสองทางเดียกันนั้นล่ะ เลือกเอาซ้าย หรือ ขวาตามแต่ใจเราเลย
การเข้าชมต้องเสียตังนะ ถ้าอยากไปชั้นบนๆ ค่าเข้า จะแยกเป็นเด็กผู้ใหญ่นะ
เข้ามาแล้วเจอมังกรนะ ตรงหน้าน้ำตกน้ำตรงนี้จะมีถ้วยที่ระลึกให้เราบริจาคตามที่เค้าระบุไว้เราก็สามารถเอาถ้วยไปรองน้ำดื่มเป็นสิริมงคลกับตัวเองได้อีก เอาจริงๆ เค้าก็ไม่ได้ห้ามเอามือรองดื่มหรอกนะ แต่ถ้าอยากได้เป็นที่ระลึกบริจาคใส่ตู้ตรงนั้นก็มีกิมมิคดีอยู่
ตรงนี้ขึ้นมาเราเก็บภาพกันทั้งครอบครัว เป็นที่ระลึกก่อนจะเดินหามุมโปสเตอร์กันต่อ บอกเลย ไม่ได้ยากเลย มุมคือเดินขึ้นมาจากน้ำตกแล้วมาทางวัด เดินเลียบขึ้นมาไม่ไกลตามทางเดินไปวัด เราก็เจอมุมนั้นแล้ว สวยแบบนี้ล่ะจ๊ะ
เก็บไว้เป็นที่ระลึกกันของครอบครัวได้ว่าครั้งนึงเรามาพิชิตเส้นทางแสวงบุญสำเร็จแล้วนะ
การเดินทาง: เหมือนกับการเดินทางอันเดียวกันกับข้างบนนั้นเลย แต่เลือกมาลงป้าย Nashi-Waterfall Bus Stop เพื่อชมน้ำตกได้เลย
Hashigui rocks ขบวนการ Rock แห่งท้องทะเล
จั่วหัวแบบนี้ไม่ได้แปลว่าจะพามาชมดนตรีไรหรอกนะ คือตรงนี้มันเป็นจุดชมกลุ่มหินรูปทรงแปลกตาของเมือง Shirahama นั้นเอง
ที่นี่จะมีหินที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติสวยงามมาก เรามาเห็นก็ว่ามันแปลกตาดีจริง มันขึ้นเรียงต่อกันเป็นงานประติมากรรม แต่สร้างเองจากธรรมชาติล้วนๆ
มีเรื่องราวเล่าเกี่ยวกับรูปทรงหินต่างๆ กันไปที่เค้าว่า (ใครก็ไม่รู้เนอะเค้าเนี่ย) เป็นเรื่องราวในตำนานของผู้ก่อตั้งพุธศาสนาโคยะซังชินกอน โคโบะไดชิ
ในสมัยก่อน มีความพยายามที่จะสร้างสะพานจากริมทะเลแห่งนี้ ไปยังเกาะโอชิม่า หลังจากสร้างมานาน แต่ก็ถูกปีศาจร้ายเข้ามาขัดขวาง
ผลเลยออกมาเป็นโขดหินแบบนี้ที่เรียงต่อกันเพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะ
และการจัดเรียงของหินมีลักษณะดูเอาคล้ายๆ กับเสาของสะพาน จึงถูกตั้งชื่อว่าชื่อฮาชิกุอิ นั้นเอง
ครอบครัวเราเลยได้เก็บภาพกันตรงนี้สนุกสนานกันน่าดู ถือเป็นจุดแวะอีกจุด หากขับรถมาก็แนะนำเลยนะ เท่ดี เพราะที่นี่ไม่ใกล้กับรถไฟ แต่ถ้าคนไม่ชอบไรแบบนี้ไม่มาก็ไม่เป็นไร เอาที่ชอบกันได้เลย
การเดินทาง: จากสถานี JR Kushimoto Station ออกมาหน้าสถานีนั่งบัส สาย Kumano Kotsu Bus ดูป้าย Hashigui-iwa bus stop ไว้นะครับ นั้นล่ะใช่เลย
หาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่นี่เลย https://en.visitwakayama.jp/venues/venue_29/
Engetsu Island มาถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกแสนสวยกับ เขาทะลุของญี่ปุ่นกัน
จะบอกว่าญี่ปุ่นมีเขาทะลุนะจ๊ะ ที่นี่นั้นเอง อยู่บนเกาะด้วย แต่เป็นเกาะเล็กๆที่ไม่มีชายหาด เป็นเกาะหินปักลงไปในทะเลแบบนั้นเลย อยู่ใกล้กับฝั่งครับ จริงๆจุดนี้เป็นจุดดำน้ำด้วยนะครับ สามารถมานั่งเรือท้องกระจกชมปลาได้
เกาะมีความสูงจากระดับน้ำทะเล ที่ 25เมตร เป็นเหมือนถ้ำกลางทะเล วันที่พระจันทร์เต็มดวงในองศาที่เหมาะสมจะมีพระจันทร์ลอดผ่านรูตรงกลางเกาะสวยงามเลย ดังนั้นที่นี่เลยได้ชื่อเอนเกะซึ(แปลว่าเกาะพระจันทร์เต็มดวง) ถือเป็น1ใน 100 จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของญี่ปุ่นที่สวยสุดๆไปเลย เวลาที่ดีที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตกฤดูนี้คือประมาณ16.30น นะครับ
ตรงจุดที่เรามาจะเป็นจุดจอดรถ ที่สามารถชมเกาะนี้ได้
เราพักแล้วเดินเล่นกันตรงแหลมริมหาดกันที่นี่มีความน่ารักที่เหมาะกับการมาพักผ่อนของครอบครัวเหมือกันนะ
เรานั่งเล่นพักใหญ่เจอหลายๆครอบครัวเค้ามาตกปลากันบ้าง มาเล่นหินกันบ้างเป็นความสุขเบาๆ ในวันหยุดได้อย่างดี
วิธีเดินทาง: จาก JR Wakayama มาลงที่สถานี JR Shirahama Station จากสถานีเราสามารถนั่ง loop bus มาได้ขึ้นหน้าสถานีเลย มาลงที่ป้าย Rinkai Bus Stop
ค่าใช้จ่ายเรือท้องกระจกนะครับ : เรือให้บริการตั้งแต่8.45-16.10น. ผู้ใหญ่1,500เยน เด็ก750เยนจ้า
Hotel Musashi พักที่นี้แช่น้ำพุร้อนจากวิวชั้นดาดฟ้า ฟินเบอร์สิบจ้า
ขอยกให้กับที่นี่เป็นอีกที่ๆ วิวมหากาฬ งานสร้างมาก ตัวโรงแรมนี้อยู่ตรงชายหาดที่สวย ขาว ที่สุดแห่งนึงของญี่ปุ่นก็ว่าได้ เพราะมันเป็นชายหาดปะการังนั้นเอง
ที่นี่เป็นที่พักชายทะเลที่วิวเลิศมาก ห้องก็ดีมากด้วย ชั้นเราสามารถมองเห็นทะเลและชายหาดได้เลย สวยมาก
ห้องก็กว้างดีมากครับเป็นเสื่อทาทามิแต่ตกแต่งสไตล์โมเดริน์แล้ว ใช้เตียงแทนฟูก แบ่งห้องออกมาเป็นห้องรับแขก กับห้องนอน กว้างจนเราตกใจเลย
ห้องอาบน้ำ/ห้องส้วมก็แบ่งชัดเจนดีครับ
ที่ติดใจก็ตรงชั้นบนสุดเลยที่มีออนเซ็นอินเดอะสกายโดยแท้ เป็นที่แช่น้ำร้อนจากวิวสูงของ รร มองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้ทั้งหมดเลย หนาวๆก็เอาตัวหย่อนลงไปแช่ ฟินสุดๆ
ผมแช่กับปันได้พักใหญ่ก็ลงมาลองบ่อในร่มที่ชั้น 1 ของ โรงแรมก็ขอชมเค้าทำได้กว้างขวางดีมาก แต่ๆ เห็นปันเริ่มมีอาการไม่ค่อยสบาย ไอจัดๆ เลยรีบพาเค้ากลับขึ้นมาที่ห้องก่อนครับ
ที่นี่โดยรวมขอชมเลยว่าทำดีมาก มีห้องแช่ออนเซ็นแยกชายหญิงและยังมีถึงสองชั้นเลย แช่กันตัวเปื่อยกันไป
อ่อไม่ไกลจากชายหาด Shirarahama ด้วยนะครับใครมาพักย่านนี้เดินไปเล่นน้ำที่หาดได้ หาดขาวจั้วเลย
วิธีเดินทาง: จากสถานีรถไฟ JR Wakayama ให้นั่งมาลงสถานี JR Shirahama station จะมีบัสรับส่งจากโรงแรม หรือหากเดินก็ราว 10นาทีถึงครับ
หาข้อมูล รร นี้ได้ที่นี่เลยครับ http://www.yado-musashi.co.jp/en/
เรื่องไม่คาดฝันเกิดได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะกับเด็กๆ
ระหว่างที่เราเข้าพักที่นี่ทุกอย่างดีหมดนะครับ แต่อาจจะเพราะเราไม่ระมัดระวังเกี่ยวกับการเดินทางของเค้าเอง ปันจึงเกิดตัวร้อนมีไข้ขึ้นมา
อาจจะเพราะเหนื่อยจากการเดินทางด้วย หลังแช่น้ำพุร้อนเสร็จ เราเลยให้เค้ากินยา ลดไข้ ขอบอกอีกครั้งเลยนะครับ
กับเด็กๆ เนี่ยเราต้องเตรียมตัวกับการเจ็บไข้เล็กๆน้อยๆแบบนี้เสมอ รอบนี้เราพก แผ่นเจลลดไข้ตราเสือ (Tiger Balm Fever Patch) มาด้วย
แปะไปหนึ่งแผ่นคู่กันกับการกินยาลดไข้ แผ่นเจลนี้จะช่วยทำให้ ดูดซับความร้อนได้ ทำให้ไข้ลดลงได้เร็วขึ้นอีกทางนึงเราว่ากับเด็กๆ รับได้เลย เห็นเด็กบางคนพอเจออะไรไม่ชอบเค้าจะไม่ชอบ แต่ตัวแผ่นเจลใหม่นี้ดีเลยครับกลิ่นดีครับ
สักพักปันก็ไข้ลดลง และหลับผลอยไปเลย
อยากขอบอกคุณพ่อคุณแม่ลูกเล็กทุกคนนะครับ เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้จริงๆ พกยาต่างๆ พกตัวช่วยไปด้วย ย่อมดีที่สุดครับ
จากนั้นอีกวันนึงหลังเข้าที่พัก ปันติดใจบอกให้เราเอามาติดให้อีกวัน เราก็ติดนะ เออ แป๊บๆ หลับยาวไปเลย เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์เรามากเลย แสดงว่าของเค้าดีจริงจ๊ะ อ่านสรรพคุณแผ่นเจลฯหลังกล่องดู (คือซื้อก่อนอ่านทีหลังอ่ะนะ ^_^” ) ตัวแผ่นจะไม่แต่งสี แต่งกลิ่นใดๆ เพื่อไม่ให้ระคายเคือง ดีอ่อนโยนกับ ผิวของเด็กๆ ที่สำคัญมันผลิตที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยนะ
อ่อ อีกอย่างที่สำคัญเราทำประกันการเดินทางมาด้วยเรื่องนี้สำคัญมาก ห้ามพลาดนะครับ ต้องทำกันทุกทริปที่เดินทางนะ ไม่ว่าประเทศนั้นๆจะบังคับหรือไม่บังคับก็ควรต้องทำ รอบนี้เราก็ทำกับเจ้าประจำเราเลยคือ Sompo ข้อดีคือ ไม่ต้องจ่ายก่อนเคลมที่หลัง สามารถเคลมได้เลย และมีที่ปรึกษาให้ระหว่างในประเทศญี่ปุ่นโทรติดต่อได้เลยนะ มีที่ปรึกษาพูดไทยได้อีก ดีมาก เราเคยเขียนถึงเอาไว้เรื่องการเตรียมตัวมาหลายๆครั้งแล้ว ลองอ่านดูได้ที่นี่ครับ ไขความ(ไม่)ลับก่อนพาครอบครัวเที่ยวฤดูฮิต อย่างใบไม้เปลี่ยนสีญีปุ่นกัน
งานแสงสีเสียง Festa Luce Illumination @ Marina City กับตลาดปลา Kuroshio Market สุดรัก
มาถึงวันที่ 3 แล้ววันนี้เป้าหมายนอกจากใบไม้เปลี่ยนสีแล้วเรายังต้องการมาเที่ยวงานแสงสีสวยๆอีกแห่งของเมืองนี้กันด้วย แถมยังติดกับตลาดปลาที่เรายกให้เป็นตลาดที่บรรยากาศชิลสุดๆ ตั้งแต่เคยมาเลยด้วย
ตัวตลาดปลานี้ยังน่ารักไม่เปลี่ยนและยังมีความสดใหม่เสริฟเสมอ เรามาตลาดนี้สองครั้งแล้วทำให้รู้สึกผูกผันดีจริงๆ ราคาอาหารยังไม่แพงเหมือนเดิม โชว์แล่ปลาก็ยังมีเหมือนเดิม สำหรับคนสนใจ ลองอ่านรีวิวแรกกันที่นี่เลยครับ
เรามากันหัวค่ำเพื่อมาชมงานแสงสีเสียงกัน ที่ Marina City จะอยู่ติดตลาดปลาเลย ง่ายมาก ตัวเมืองนี้จะทำออกแบบแนวยุโรปสไตล์อิตาลี มีความเป็นปราสาทแบบที่ทั้งเด็กทั้งวัยรุ่นเลยไปถึงครอบครัวต้องชอบแน่นอน
บรรยากาศดีมากมายเลย
วันที่เรามาคนไม่เยอะเพราะเป็นวันธรรมดาทำให้เดินถ่ายรูปสนุกมาก งานจะมีแสงสีตอนประมาณ 19.00 ทุกวัน นะ ให้เรามารอได้เลย
บรรยากาสยามค่ำช่างตื่นตาตื่นใจเรามาก ที่นี่ดีเลย แสงสีพอมันไปตกบนตัวอาคารโบราณมันสวยมาก
สักพักฝนโปรยลงมาเล็กน้อย เราเลยให้ปันหลบเข้าไปในร้านกาแฟด้านหน้าดีกว่าแล้วเราทั้งสองคนออกมาเดินเล่นกันต่อ
มุมนี้เราเลยลองยืนมองกันและกันแล้วตั้งให้กล้องมันถ่ายไว้ มุมบางมุมชวนเราให้กลับไปคิดถึงสมัยวัยรุ่นที่จีบกันใหม่ๆไงไม่รู้ทั้งที่ สถานทีมันไม่ใช่
ไม่มีเธอ ไม่มีชั้น ไม่มีเราวันนี้ คำที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังผมเห็นภาพๆนี้
อยากขอบคุณเธอทั้งสองคนที่อยู่กันมา เราจะอยู่กันไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เที่ยวด้วยกันอีกนานๆน้าาาาครอบครัวเรา
วิธีเดินทาง: จากสถานี ให้นั่งรถบัสจากหน้าสถานีเลย นั่งสาย 42,121 มาได้เลย ไม่ยากครับ
เวลาเปิดปิด: 10.00-17.00 (เซ็คเวลาและวิธีการเดินทาง แต่ละฤดูอีกครั้งที่นี่นะครับ http://www.marinacity.com/eng/ichiba/ )
Wakayama RamenMarui บะหมีสายต้นหอม ประจำจังหวัดสุดอร่อยที่สุดที่เคยกินมา
ขอปิดท้ายกับร้านราเม็งที่อยากแนะนำ อยู่ใกล้กับปราสาทวากายาม่าเลย บะหมี่ร้านนี้ จุดขายอยู่ที่ต้นหอมเลย
เค้ามีให้เราสั่งทั้งหมด 3 ระดับ เราเลยสั่งมาชิมหมดเลย ทั้งแบบน้อย กลาง มาก เอาว่าตั้งแต่กินราเม็งมา ขอชมเลยว่าร้านนี้เด็ดจริงๆ
ยิ่งเติมพริกของเค้าไปด้วยรสชาติจะยิ่งถูกปากคนไทยมากขึ้นไปอีก
ยังมีเกี๊ยวซ่า ด้วยนะแต่เราว่าอันนี้เค้า กริลนานไปเอาซะดำเลย แต่ตรงไหนไม่ดำคืออร่อยนะหอมต้มหอมเค้าดีมาก
ที่เด็ดไม่แพักันคือข้าวครับ แปลกมาก นี่ไม่ใช่ร้านแรกที่เรามากินแล้วเจอข้าวอร่อย มันอร่อยจนต้องสั่งซ้ำเลย ทั้งๆที่มันเป็นตัวเสริมมากับราเม็งนะ
สรุปเลยว่าร้านนี้ Recommanded จริงๆมาเถอะอร่อยถึงวากายาม่าแน่นอน เฟริมๆ
วิธีเดินทาง :อยู่ไม่ไกลจากปราสาทวากายาม่าเลย เดินถึงกันได้จากสถานี JR ด้วย จาก JR Wakayama Station เดินราว 15 นาที ก็นิดนึงเนอะ ของอร่อยต้องใจเย็นๆ
หาข้อมูลเพิ่มเติมการเดินทางได้ที่นี่เลยครับ ทางร้านทำ map ไว้แล้วดูเองจะเข้าใจกว่านะ : http://ramen-marui.com/english/
จบแล้วละครับ กับ รีวิว 3 วัน 2 คืนรวมที่เที่ยว จังหวัดวากายาม่า ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
หวังว่าจะชอบเหมือนกับที่เราชอบนะ เราประทับใจเมืองนี้มาก จนคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาเมืองนี้อีก เป็นเมืองที่คนไทยรีวิวกันไว้น้อยมาก ถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ รอบๆคนไซอย่าง โอซาก้า เกียวโต นารา มีโอากาสอยากให้มากันนะครับ หวังว่าจะมีความสุขกับรีวิวแบบครอบครัวนักเที่ยวแบบเรานะ
สนใจพูดคุยกันแบบถึงเนื้อถึงตัวกว่านี้ อันเดตเร็วๆ ก็มาเจอกันที่นี่เลย เพจเราเอง แล้วพบกันใหม่ที่ไหนสักทีในโลกสีฟ้าแห่งนี้นะครับ
ขอบคุณมากครับ