#ลพบุรี #เที่ยวง่ายวันเดียวก็เที่ยวได้ #ไม่ออเจ้าแล้วก็ยังน่าไปนะเออ –
เปิดปีกับรีวิวแบบไทยๆกันบ้าง ช่วงต้นปีเรามีโอกาสไปลพบุรีมา ขอบอกว่าอากาศดีมาก ไม่ร้อนอย่างที่คิดเลย
จนอยากเอามาแชร์กันนะ กับรีวิว 1 Day in ลพบุรี เที่ยว กิน พัก แบบวิถีชุมชนใกล้กรุงฯกัน
ลพบุรีไม่ได้มีดีกันแค่ออเจ้า นะเออ อย่างอื่นก็เด็ดไม่แพ้กันทั้งกิน ทั้งร้านเก๋ ทั้งเที่ยวดอกไม้สวยๆ
เที่ยวจังหวัดนี้ไปเช้ากลับเย็น หรือจะไปพักสักคืนก็ได้อยู่นะ
รีวิวนี้จะพาทุกคนไปลพบุรีในอากาศเย็นๆ สบาย ไปตามแหล่งชุมชนของไทยกัน
#ชุมชนต้องเที่ยว แบบครอบครัวเที่ยวดี เที่ยวหนุกอยู่นะ
ป่ะไปด้วยกันนะ ครอบครัวเราจะพาไปนะ
#one22family #แค่อยากพาเที่ยววิถีชุมชน
#ธกส #ชุมชนบ้านไทยเบิ้งโคกสลุง #ชาวไทยเบิ้ง
เที่ยวนี้เราเน้นงานดอกไม้เยอะหน่อย ลพบุรีนอกจากเป็นแหล่งผลิตดอกทานตะวันที่ให้ผลดีทั้งกับการเกษตรและการท่องเที่ยวแล้ว อันนี้คือมาแรงแซงโค้งเลยกับทุ่งดอกดาวกระจาย ที่ออกดอกให้คนมาแวะเวียนถ่ายรูปกันได้เกือบทั้งปีก็ว่าได้ ที่เห็นคือร้านกะเพรา&คอฟฟี่ อยู่ปากทางเข้าไปชมทุ่งดอกทานตะวันวัดเขาจีนแล นั้นเอง ไปง่ายมากๆ สวยด้วย เราไปจะเสียค่าเข้าไปถ่ายรูป 20 บาทเองนะ เค้าทำทางเดินไว้อย่างดีเลย เดินง่าย ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เดินกันให้ควั้กเลยทีเดียวจ้า
นอกจากนี้ยังมีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่มีขบวนรถไฟท่องเที่ยวช่วงเทศกาลดอกไม้ไว้บริการออกจากหัวลำโพงในช่วงปลายปีจนถึงปีใหม่ ที่จะหยุดแวะให้เราลงมาถ่ายรูปทุ่งดอกทานตะวันข้างทางได้ เอาจริง แม้จะหมดช่วงปีใหม่ไปแล้ว จริงๆยังมีขบวนปรกติวิ่งผ่านให้เราได้ถ่ายภาพอีก และตรงที่เรามาจะว่าถ้าไม่หากันจริงๆ มันไม่เจอนะกับพนังกันน้ำ ตรงนี้จะเป็นอีกจุดที่แวะมาเดินเล่นเก็บภาพรถไฟขบวนท้องถิ่น ที่จะวิ่งผ่านช่วงโค้งนี้ทุกวัน และมันมีแค่ 2 ตู้ด้วย จะผ่านตอนบ่ายสามโมง ห้านาที อยากเจอขบวนนี้ให้มารอล่วงหน้ากันจ้ะ ได้อารมณ์เหมือนเวลาไปญี่ปุ่นแล้วไปรอเก็บภาพรถไฟเลยนะ เท่ๆอยู่นะ
ว่ากันที่อาหารบ้าง ที่บ้านโคกสลุง ถือเป็นหมู่บ้านต้นแบบที่ยังอนุรักษ์ชีวิตท้องถิ่นเอาไว้ อย่างในภาพบอกเลยว่านี้คือครั้งแรกที่เรากินอาหารที่มีผสมของ มะกรูด !! ใช่ ในความเข้าใจของเราเลยนะ เราว่ามะกรูด มันกินไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แต่ๆ มาที่นี่เจอ พริกตะเกลือ (ใช่เราเขียนถูกแล้วละ อย่าแปลกใจเค้าเรียกกันยังงี้เอง) , ต้มกระดูกหมูใบมะขามอ่อนเครื่องดำ ,ปลาปิ้ง และของปันต้องมีไข่เจียวด้วย จะบอกว่ามันอร่อยมาก โดยเฉพาะ พริกตะเกลือ กินกับมะม่วงนี้น้ำลายสอเลยจ้า อร่อยมาก ตัวพริกตะเกลือนี้สารพัดนึกเลยนะ คนสมัยก่อนเวลาออกไปทำไร่ เค้าจะทำห่อกับข้าว ไปกินเวลาพัก มันก็สารพัดเลย กินกับผลไม้ ก็อร่อยอย่างที่บอกไป
มาลพบุรีนอกจากลิงแล้วก็มีทุ่งดอกทานตะวันเนี่ยละที่ถ้ามาแล้วไม่เจอก็เหมือนมาไม่ถึงสิจริงไหม ดอกทานตะวันถือเป็นไม้เศรษฐกิจของจังหวัดเลยก็ว่าได้ และจุดที่เรามากันคือตรงทุ่งดอกทานตะวันวัดเขาจีนแล ทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตากันเลย แนะนำให้มาเช้าๆ อย่าเกิน 8 โมงได้ยิ่งดี เพราะไม่งั้นต้นมันจะคอพับหลบแดด นะ ถ่ายรูปมาไม่สวยได้ นี่เราไปตอน 8 โมงกว่าๆ มันยังเริ่มไม่สู้แดดแล้วเลยนะ ทุ่งทานตะวันเค้ารับเฉพาะมื้อเช้านะจ้ะ ไปสายเค้าไม่รับแล้วนะตะวันอิ่มแย้ววว
เอ้าก่อนกลับแวะเดินข้าวฟากมาอีกฝั่งจะเจอดอกหุบตะวัน ฮ่าฮา คือมันก็เหี่ยวแล้วละแต่เราว่ามันก็สวยอยู่นะ อย่าไปคิดว่ามันเป็นทานตะวัน ไม่เชื่อดูสิเท่เนอะ
มาต่อกันที่ชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนบ้านไทยเบิ้งโคกสลุง #ชาวไทยเบิ้ง ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบิ้ง โคกสลุง ชาวบ้านทีนี้เค้าจัดตั้งเป็นเรือนรับรองให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมวิถีชีวิต การเป็นอยู่ อาหารการกินแบบคนโบราณหลายร้อยปี ให้อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นเราได้รู้จักกัน เจอบ้านไทยสไตล์ยกสูงก็ประทับใจแล้วละ
อ่อหมู่บ้านนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคาร ธ.ก.ส. สนับสนุนจนกลายเป็นหมู่บ้านต้นแบบในชุมชนของจังหวัดลพบุรี โดยทาง ธ.ก.ส. เข้ามาช่วยหลายอย่างอยู่นะ คือ
ให้การสนับสนุนพวกเงินทุน ให้ส่วนกลาง สร้างห้องน้ำ ห้องประชุม เลยไปถึงสนับสนุนให้ในพื้นที่เกิดจุดชมวิว จนเกิดการท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้ และยังช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวให้มีการจัดตลาดของดีวิธีชุมชน หน้า ธ.ก.ส. สาขา พัฒนานิคมทุกวันจันทร์ ชุมชนบ้านโคกสลุงก็จะนำ ผ้าทอ ผ้าขาวม้า ย่าม กระเป๋า ที่ผลิตกันเองไปขายกันนะ ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นชุมชนต้นแบบ ของ ธ.ก.ส. ไป
#ธกสเป็นมากกว่าธนาคาร
มะเราเข้าไปดูกันดีกว่า
การละเล่นแบบโบราณของเด็กๆเค้าก็รื้อฟื้นขึ้นมานะ หลายอย่างๆ เราลืมไปแล้วว่าเด็กๆ เคยเล่นด้วย มาเจออีกทีคิดถึงเลย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบิ้งโคกสลุง
ที่นี่สร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านทำขึ้นมาโดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนส่วนนึงจาก ธ.ก.ส. สร้างให้เสมือนเป็นห้องเรียนสร้างภูมิปัญญา เพื่อยึดเหนียวของชาวบ้านที่ทำให้ได้ระลึกถึงวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ สร้างจากแรงบันดาลใจของชาวบ้านมีผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านได้ร่วมกันหาแนวทางในการฟื้นประเพณีและวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวไทยเบิ้งขึ้นมา
ในบ้านจะมีติดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ทุกรัชกาลจนถึงรัชกาลที่ 9 เราเลยได้โอกาสสอนปันให้รู้จักในหลวงทุกพระองค์ในอดีตกาล เพราะเข้าใจว่าน่าจะยังไม่รู้ว่าแต่ละพระองค์มีพระนามว่าอะไร
ปรากฎว่าปันรู้จักหมดเลย นั่งไล่บอกชื่อแต่ละพระองค์จนครบ อันนี้ขอปรบมือให้กับ รร. ที่สอนปันเลยจริงๆ ดีมากครับ
มาถึงคุณป้าก็กำลังทำอาหารเลี้ยงแขกที่มากันอยู่พอดีเลยเราเลยได้โอกาสเก็บภาพอาหารไทยลาวแท้ๆ ซึ่งยังมีให้ทานกันเฉพาะที่นี่เท่านั้นด้วยนะ
คุณป้าเลยชวนปันลงมือโขลกเองเลยไหม ทีแรกก็อิดออดนะ แต่พอเห็นมีการใช้ครกตำๆ เลยขอลองเองเลย ผลลัพธ์ ก็มันเค้าล่ะ โขลกได้สักพักก็คืนคุณป้าแล้วล่ะ
หน้าตาของอาหารออกมาหลายอย่าง ที่น่าสนใจจริงจังคือ ปลาย่างและ พริกตะเกลือ หรือพริกกะเกลือ อาหารการกินที่ไม่เหมือนถิ่นอื่น ประกอบไปด้วย พริก เกลือ กระเทียม ใบมะกรูด ลูกกำจัด ตำปนกันให้ละเอียด ใช้กินกับข้าว และกินส้มผลไม้ อย่างกินส้มฝรั่ง ตัวอย่างเมนู ปลาปิ้งพริกตะเกลือ หมกเห็ดพริกตะเกลือ
เมื่อก่อนคือแม่บ้านจะตำเอาให้พกไปกินกับข้าว เวลาออกไปทำสวนทำไร่ ก็กินได้ทั้งวัน หรือหากเอามากินกับผลไม้อย่างมะม่วงมันนี้จัดว่าเด็ดกันเลยทีเดียวนะ
ประเภทแกงที่ไม่เหมือน ถิ่นอื่น เช่น ต้มกระดูกหมูใส่ใบมะขามอ่อนเครื่องดำ เครื่องดำ หรือเครื่องเผาประกอบด้วยพริกแห้ง ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม ข่า ลูกกำจัด โขลกเข้ากันแล้วนำไปคั่วให้หอมเกรียม
คือบอกเลยนะว่าเราไม่เคยรู้เลยว่าน้ำมะกรูดนี่กินได้ด้วยเหรอ เพิ่งรู้วันนี้เลย และที่สำคัญมันอร่อยมาก อร่อยแบบเข้ากันดีหมดทั้งถ้วยเลย รสชาติจะมีความเค็มผสมความหอมของมะกรูด จะมีอมเปรี้ยวคลุกเคล้ากันกับเครื่อแกงต่างๆ อร่อยมาก กินกับข้าวสวยร้อนๆ ตบท้ายด้วยไข่เจียวนะโอ้ยย น้ำลายสอเลยเขียนไปนี่อยากกินอีกแล้วนะ
นอกจากอาหารแล้วเค้ายังมีการแสดงไทยพื้นถิ่นให้เราชม แม้จะเป็นรุ่น สว. แล้วก็ตามๆ รำไทยนี้เรียกว่า เพลงรำโทน มาพร้อมกับเครื่องดนตรี รำโทน คือการตีกลองหนังงูเหลือม แล้วให้จังหวะเป็นเครื่องดนตรีโทนชนิดนึงนั้นละ และจะมีคนร้องนำ และคนอื่นๆ ลูกเด็กเล็กแดงจะลงไปฟ้อนรำกันเป็นเพลงพื้นบ้าน บ้างก็ร้องแก้กันเป็นเหมือนเพลงรำวงพื้นบ้านนั้นเอง รำๆอยู่คุณย่าคุณยายชวนปันลงไปด้วยเด็กน้อยทีแรกมีเขินๆ จะไม่ลองเจอพ่อแม่ยุมากๆ เออว่าง่ายโดนลงไปเลยจ้า รำป๋อเลยที่นี่
อิ่มและออกกำลังพอหอมปากหอมคอกันดีเราพาเที่ยวที่พักต่อเลย มาแบบนี้ก็ต้องพักแบบโฮมสเตย์สิถึงจะถึงที่ ที่บ้านทอผ้าแม่บำรุงนี้เค้าทำผ้าทอกันเองด้วยมาถึงเจอคุณป้ากำลังต้มผ้าอยู่พอดีเลยได้เก็บภาพ
ที่นี่ยังรักษาการทอผ้าทีเรียกว่า “การทอหูก” การทอผ้าด้วยกี่โบราณ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่บ่งบอกเอกลักษณ์ชาวบ้านโคกสลุง เป็นการทอผ้าที่เรียกตามชื่ออุปกรณ์ที่ใช้ คือ “กี่โบราณ” เป็นกี่มือ ที่ไม่มีกลไกซับซ้อน ตัวกี่จะใช้วิธีฝังดิน ผูกมัดเส้นด้ายกับหลักหรือเสาบ้าน ซึ่งกี่ประเภทนี้มักจะอยู่บริเวณใต้ถุนบ้าน ลวดลาย สีสันมักออกแบบ แบบโบราณ ทอขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในครัวเรือน ซึ่งผ้าขาวม้า และถุงย่ามของชาวไทยเบิ้งบ้านโคกสลุงจะมีเอกลักษณ์เด่นเฉพาะตัว ไม่เหมือนของใคร เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่าง ผ้าทอ ผ้าขาวม้า ย่ามไทยเบิ้ง กระเป๋า
คุณป้าทอสักพักกวักมือเรียกเด็กน้อยเข้าไปทำบ้าง เอ้ยหนนี้ว่าง่ายสงสัยจะสนุก หรืออาจจะเพราะรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่ต้องยุแน่ๆ เลยเข้าไปไม่มีบ่นเลย ทีแรกก็ฝืนๆหน่อยทำสักพักชักเป็นแล้วนะ ทำจริงๆไม่ได้ยากเลย ใครมาเที่ยวชมอย่าลืมมาลองกันดูนะ
ตัวบ้านแม่บำรุงเองก็เป็นโฮมสเตย์ด้วยราคาไม่ได้แพงด้วย มาพักนี่ยกให้ทั้งหลังเลย ขึ้นมาบนบ้านนี่อย่างกว้างเลยครับ มีชา กาแฟ โอวัลตินบริการครบหมดเลยนะจ่ายเงินหลักร้อยได้บ้านไปทั้งหลังเลย
เที่ยววิถีชุมชนได้ที่แล้วขอพาไปหาจุดถ่ายภาพเร้นลับกันบ้าง จริงๆ จะว่าลับก็ดูเว่อร์ไปหน่อยคือเป็นพนังเขื่อนเชื่อมต่อกันจากเขื่อนป่าสักฯ นั้นเอง แต่ตรงจุดนี้เป็นจุดต่อเชื่อมออกมาแล้วอยู่ในบ้านโคกสลุงเนี่ยละ ถือว่าคนรู้จักกันน้อยมาก มาแล้วก็เออนะ ทำให้นึกถึงตอนตัวเองไปรอๆๆๆ ถ่ายรูปรถไฟที่ญี่ปุ่นยังไงยั้งงั้นเลย เท่ดีออก
รถไฟมาตรงเวลาเลยนะ มาถึงตอน บ่ายสามโมงเข้าที่สถานีบ้านโคกสลุง ออกมาต้องผ่านที่นี่ทุกวัน เป็นรถไฟแค่สองตู้เท่านั้นวิ่งระยะสั้นๆ
ผ่านแล้วอย่างเท่อ่ะ ถ่ายรูปกันแทบไม่ทันวิ่งเร็วเหลื้ออเกิ้น เลยเก็บภาพกันขำๆต่อสนุกสนานกันแบบครอบครัวเราคือต้องมีโดดล่ะ ใครเป็นแฟนๆ เราคงจะชินกันบ้านนี้มีที่ไม่ได้ต้องโดนกันเสมอๆ ฮ่า ฮา
เราขอพามาร้านคาเฟ่สุดฮิบและฮิตในเวลานี้คือ กะเพรา&คอฟฟี่ ร้านนี้เน้นตามชื่อร้านเลย สารพัดเมนูกะเพราที่คนรักกะเพราจะต้องเลิฟแน่นอน ที่นี่จุดขายเค้าอยู่หลังร้านคือเป็นทุ่งดอกดาวกระจายสีเหลือง บานเต็มทุ่งไปหมด เสียค่าเข้าคนละยี่สิบ บาทเค้าทำดีมาก คนก็มากันเยอะมากด้วย
เราพากันเดินเข้ามาด้านในมุมถ่ายรูปเยอะมากเลย มีการประดับตกแต่งไฟวันคริสต์มาสก็ยังอยู่เรียกว่าเป็นจุดรับแขกเข้าคิวกันเป็นเก้าอี้ดนตรีเลย
ยิ่งเดินเข้ามาเรื่อยๆดอกไม้สวยมากมองไปสุดสายตาเลย เราใช้เวลาอยู่ที่นี่จนเกือบค่ำจนร้านเค้าปิดราวๆ 6 โมงครึ่งคนจึงออกกันหมดนับเป็นที่ๆควรมากันนะ
เรียกว่ามาเที่ยวลพบุรีคุ้มค่ามากวันเดียวเที่ยวได้เยอะเลย ถ้าจะพาแฟนพาครอบครัวมาเที่ยวแบบเราก็ขอแนะะนำ นี่ยังคิดว่าจะกลับไปหาร้านเก๋ๆ นั่งชิลๆต้องมีอีกแน่เลย ขับรถก็ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วใกล้กรุงฯมากๆ ครับ
สำหรับทริปเที่ยวง่ายๆ วันเดียวเที่ยวได้ทั้งหมด >> อ่านกันได้ที่นี่เลยเรารวบรวมไว้ให้แล้ว
#โคกสลุง #one22family #แค่อยากพาเที่ยวใกล้กรุง #ธกส #กะเพราคอฟฟี่ #วันเดียวเที่ยวได้