รีวิว 1 Day in Hakone วันเดียวพาครอบครัวเที่ยว ฮาโกเน่ เรามีเวลาเหลืออยู่ในโตเกียว 1 วัน ทำให้เราอยากหาที่เที่ยวรอบโตเกียวใกล้ๆ ไปเช้ากลับเย็นได้ หาไปหามาจนคิดถึงที่นี่ เพราะเป็นอีกที่ๆ สามารถเห็นฟูจิได้ไม่ไกลจากโตเกียวและใกล้กว่าไปคาวากูจิโกะ เลยเป็นอีกทริปที่พาปันเที่ยวใกล้โตเกียว ขอแค่เตรียมการก่อนไปสักหน่อย วางแผนแบบยืดหยุ่นสักนิด ทุกอย่างก็ง่ายแล้ว เพราะโตเกียวมันเที่ยวสะดวกมากอยู่แล้ว รอบนี้เราเลยใช้พาสเฉพาะ เจาะจงหน่อยผสมปนกันจนได้ความลงตัวของการเดินทางแบบนี้
เอาว่าตามมาเที่ยวฮาโกเน่ ด้วยกันเลยครับ ไปง่ายมากบอกเลย
เรามีรีวิวตัวแรกแบบใช้ทัวร์เที่ยว 1 Day Trip มาแล้วสนใจแบบนั่งรถเที่ยวฮาโกเน่ก็ ไปอ่านกันที่นี่เลย
เดินทางยังไง
การมาเที่ยวฮาโกเน่นั้นมีวิธีมาหลายแบบ แต่เราขอเจาะจงแบบที่เราใช้รอบนี้ดีกว่า เพราะคุ้มค่าและตอบโจทย์เที่ยวเองง่ายๆ ของบ้านเราดีมาก
พาสที่เราใช้เที่ยว มีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน คือ
Tokyo Metro Pass แบบ 72 ชม. พาสแบบ 3 วัน ราคา 423 บาท(ราคา pass จะคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเพราะจะถูกคำนวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินไต้หวันมาเป็นเงินบาท)เดินทางด้วย Metro Pass กี่ครั้งก็ได้ ตลอดอายุบัตร และบัตรจะหมดอายุในวันที่ 3 ตอน 23.59 น. จริงๆมีแบบ 24,48 ชั่วโมงขายด้วยก็เลือกเอาตามวันที่อยากใช้ได้เลย
Hakone Free Pass / 2 day ราคา 1470 บาท (ราคา pass จะคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเพราะจะถูกคำนวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินไต้หวันมาเป็นเงินบาท) พาสแบบเดินทางเที่ยวในฮาโกเน่ได้สะดวกและประหยัดมาก นอกจากนี้ยังมีแบบ 3 day ขายอีก
พาสทั้งสองใช้ร่วมกันตั้งแต่โตเกียวจนถึงฮาโกเน่ได้เลย สะดวกและง่ายมาก ผสมกันลงตัวสุดๆ มาดูกันเลยว่าสะดวกยังไง
เราซื้อจากเว็บ KKDAY.COM จะประหยัดกว่ามาซื้อที่ประเทศญี่ปุ่นเยอะ ไม่ต้องเข้าคิวซื้อตั๋วใหม่ให้เสียเวลาเพราะคิวจาก Counter ข้างๆยาวกว่าของเราเยอะเลยจ้า
เพราะเราพักย่านอูเอโนะ ซึ่งเป็นย่านที่เดินทางสะดวกไปไหนมาไหนง่ายมาก และสามารถใช้ ตัว Tokyo Metro Pass ตัวนี้ก็สามารถเที่ยวรอบโตเกียวไปได้ทั่วทั้งเมือง แบบไม่ต้องพึ่งพา JR PASS แต่อย่างใด มะตามเรามาเลยจ๊ะ
นั่งรถไฟรวดเดียวถึง
7.00 น.
เราออกแต่เช้าเลย เพราะต้องการไปให้ทันขบวนแรกๆ เราพักใกล้สถานี Ueno Station สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ Shinjuko Station ได้เลย
จากนั้นให้มองหาป้ายของ Odakyu Sightseeing Service Centerซึ่งจะไม่เจอ อ้าว!!! คือจากสถานีรถไฟใต้ดินพอเราเดินขึ้นมามันจะไม่มีบอก ให้มองหาป้าย West Bus Station หรือ Odakyu South Area แทนเพราะตัวตำแหน่งของมันจะอยู่ทางทิศเดียวกัน
เดินมาราวๆ 500 เมตรเดินเลี้ยวตามป้าย West Bus Station ขึ้นมาด้านบน
ออกมาเข้าประตูหน้าทางเข้า Shinjuku Station West Gate จะอยู่ตรงด้านหลังบันไดเลื่อนมองมาเจอเลย เค้าจะแยกเป็น ซ้ายขวา ในกรณีเราซื้อมาแล้วจากประเทศไทยให้มาที่ฝั่งช่องสีแดงได้เลย
เข้าไปก็ยื่นเอกสารใบจองที่เราได้มาทางเมล์จาก kkday อย่าลืม Print กันมานะครับ ไม่งั้นออกตั๋วอาจจะไม่ได้ อ่อแนะนำว่า ก่อนจะถึงวันเดินทางจริง ให้เรามาจองที่นั่งล่วงหน้าที่ Counter เค้าก่อน เพราะถ้ามาวันเดินทางแล้วต้องมาเข้าคิวออกตั๋วตอนเช้า บางทีคิวยาวอาจจะเต็มรอบที่ตั้งใจ เราจะไม่ได้ขึ้นและต้องรอรอบถัดไปเสียเวลาเที่ยวเปล่าๆ แถมยังไม่ได้นั่งที่ตรงที่เราอยากนั่งด้วย สำหรับพาสที่ใช้ได้จะเป็นรถไฟของ Odakyu ถ้าตามพาสเลย เราจะได้ที่นั่งเป็นแบบขบวนรถธรรมดาคือขบวน Hakone Tozan Train ซึ่งต้องจองล่วงหน้า และยังต้องต่อขบวน Local อีกทีที่สถานี Odawara Station อีกรอบ (ถ้าจะไปให้ถึงปลายทาง แต่ไม่เสียเงินเพิ่มนะและไม่จำเป็นต้องจองที่นั่งสำหรับขบวนนี้)อย่างที่บอกเพราะถ้าเต็มอดขึ้น
สำหรับขบวนแบบต้องเสียเงินซึ่งเป็นแบบที่ครอบครัวเราเลือกนั่งขามาคือ Odakyu Romance Car Super Express 7000 สีส้ม แล้วเราจะได้ตั๋วเพิ่มมานอกจากตั๋ว Hakone Free Pass
อยากนั่งขบวนนี้ต้องจ่ายเพิ่ม 1,090 เยน/เที่ยวสำหรับผู้ใหญ่ และ 545 เยนของเด็ก แต่ได้ความเร็วขึ้นมาอีก 15 นาที ตรงเวลาเราไม่ซีเรียสมากนักแต่สำคัญวิ่งยาวๆ ถึงสถานีสุดท้าย Hakone-Yumoto Station แบบไม่ต้องต่อรถไฟเลย นอกจากนี้ขบวนนี้มีความพิเศษอีกอย่างคือ
สรุปง่ายๆ ความต่างของขบวนทั้งสองคือ Hakone Tozan Train จะช้ากว่า 15 นาทีและ ต้องลงต่อเปลี่ยนขบวนที่สถานี Odawara Station เพื่อไปยังสถานี Hakone-Yumoto Station อีกที ส่วน Odakyu Romance Car วิ่งเร็วกว่า 15 นาทีและไม่ต้องเปลี่ยนขบวน แวะน้อยกว่า และถ้าเป็นตู้แรกวิวดีสุดๆไปเลยถ้าเราจองกันได้นะ
สำหรับรอบรถไฟให้ดูตามรูปได้เลยจะมีรอบต่างๆตามนี้ครับ เลือกรอบที่ตั้งใจไว้ให้ดีจองล่วงหน้าดีที่สุดนะครับ (อับเดตปี 04/2019)
บรรยากาศวันมาถึง สำหรับทางขึ้นรถไฟจะอยู่ฝั่งตรงข้ามของตรง Counter ขายตั๋วเดินเข้าไปได้เลย
เราเผื่อเวลาโดยการคำนวนเวลาของเที่ยวรถไฟให้มาถึงกำลังดี คือมีเผื่อเวลาไว้เลือกซื้ออาหารกล่องรถไฟไปกินในขบวนด้วย
ขบวนรถไฟคือดีมาก ที่นั่งสามารถหมุนหันหน้าหากันได้ด้วยกรณีมาด้วยกัน มีปลั้กไฟอยู่ด้านล่างเสียบได้ 2 รู
สามารถกางโต๊ะพับออกมาวางของกินข้าวได้เลย ปรับเอนเบาะได้ รวมๆ รถไฟของ Odakyu ดีไมแพ้ของ JR ที่เคยนั่งมาเลย
นี่คือตู้แรกของขบวนนี้ กระจกบานใหญ่ชมวิวได้เลย รวมๆประทับใจกับ Romance Car 3000 มากแนะนำเลย จริงๆจะมีขบวนหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรอบเวลาที่เราจองสามารถดูได้ที่ Counter Exchang ครับ
เที่ยวแบบวงกลม นั่งรถไฟ-รถบัส-ล่องเรือ-ขึ้นเคเบิลคาร์-นั่งรถราง-ต่อรถไฟกลับ หรือจะย้อนศรก็ได้เช่นกันดีทั้งสองแบบ
มาถึงความพิเศษของ Pass นี้กันครับ ข้อดีของ Hakone Free Pass คือ เราเลือกการเดินทางเป็นวงกลมอย่างที่จั่วหัวไว้เลย ทั้งหมดคือ Free สมชื่อพาส เหมาะมากกับการมาเที่ยวแถมยังใช้ได้ถึงสองวันอีกต่างหาก เค้าไม่มีแบบ 1 day pass ขายนะครับ ต่อให้เราเที่ยวแบบวันเดียวคำนวนราคาค่าตั๋วขึ้นแต่ละอย่างแล้วก็เกิน 6000 เยน/คนแล้ว เพราะฉะนั้นการซื้อพาส ย่อมคุ้มกว่าเยอะ
หลังลงรถไฟแล้วให้เดินข้ามสะพานข้ามมาตรงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม ให้มารอที่ป้ายเบอร์ 4 ขึ้นรถสาย K นะ
ตัวรถบัสสายนี้ละจะพาเราไปจนถึงป้ายท่าเรือ Hakone Signseeing Cruise เพื่อล่องเรือโจรสลัด กันใช้เวลานั่งมาราวๆ 30 นาทีได้ ก็ถึงป้าย Moto-Hakone ลงมาเจอท่าเรือเลย เดินเข้าไปเลยครับ
สำหรับเรือโจรสลัดแล้วจะมีทั้งหมด 3 ลำมีชื่อต่างกันไป ลำที่เราว่าสวยสุดจะเป็นลำสีเขียวนะ ถ้าอยากขึ้นลำไหนให้ดูตรงเวลาเรือเทียบท่า
และอีกอย่าง ถ้าอยากถ่ายรูปสวยๆ ได้วิวด้านหน้าของเรืออาจจะต้องเสียตังเพิ่มอีกหน่อย (ถือบัตร Hakone Free Pass จ่ายเพิ่ม ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน)สำหรับ ที่นั่งแบบ VIP แต่ได้ความสบาย และวิวด้านหน้าของเรือเวลาล่องจะสวยกว่าเพราะถ้ามาแบบไม่เสียเพิ่มวิวจะโดนคนที่จองแบบ VIP มาบังสักหน่อย แต่ก็ยังมีมุมให้ถ่ายได้อยู่ดี ส่วนตัวเราว่ามันคุ้มอยู่และไหนๆ แล้วมาแล้วก็อยากนั่งดีๆ สักหน่อย
ภายในแบบ VIP ที่นั่งจะมีวิวหน้าเรือแบบนี้ให้จับจองได้เลย แต่เอาจริงๆ เราก็เดินถ่ายรูปกันมากกว่านะ ถ้ามาเร็วก็ได้นั่งไม่ทันไม่ต้องเสียดายเพราะยังไงวิวที่นั้นทั้งหมดดีอยู่แล้ว
ขึ้นมาด้านบนเพื่อชมวิว เพื่อรอเวลาให้แม่ปันได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ กันทั้งบ้านไม่อยากบอกว่านี่จะเป็นครั้งแรกของแม่ปันที่จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิสักที ไม่น่าเชื่อว่ามาญี่ปุ่นไม่รู้กี่ครั้งยังไม่เคยเห็นเลยนะคนนี้
นั่งไปสักพักทีแรกก็ไม่เอะใจคิดว่าคงยังไม่ถึง แต่เท่าที่ทราบล่องเรือใช้เวลาราว 25 นาทีก็จะถึงท่าเรือ Togendai แล้วแต่นั่งมาราวๆ 10 นาทีกว่าแล้วยังไม่เห็นเลย ด้วยความหนาวแต่ละคนก็เลยกลับลงมาชั้นล่าง จนสุดท้ายถึงท่าเรือ เราก็ยังไม่ได้เห็นฟูจิจนแม่ปันทำหน้าหงอยๆ ผมเลยคิดได้หาข้อมูลภาพในเน็ตเพราะเอะใจว่าไหมมันไม่เห็นจากนั้นเอามาเทียบกับรูปที่เราถ่ายมา เอ้ย วันนี้อากาศแถวๆ ฟูจิไม่ค่อยดีมีหมอกจางๆ มาบังไว้ทำให้เห็นฟูจิได้จางมากนั้นเอง
แม้อากาศฝั่งฮาโกเน่จะดี แต่ถ้ารอบๆฟูจิไม่ดีก็อดอยู่ดีนะจ๊ะ พอซูมภาพดูถึงรู้ว่าเราถ่ายรูปกับฟูจิไปแล้วจ้า
หลังถึงฝั่งเราต้องมาต่อกับ Hakone Ropeway กันต่อที่สถานี Togendai-ko
ตัว Hakone Ropeway จะนั่งได้ครั้งละ 6 คนนะครับ นั่งแล้วจะมีจอดทั้งหมด 4 จุด ส่วนใหญ่จุดแรก จะผ่านกันเกือบหมดเพราะมาได้แค่ครึ่งทางและเป็นร้านอาหาร ทุกคนจะลงที่ Owakudani จุดชมวิวหลักบริเวณปากปล่องภูเขาไฟของที่นี่ และน่าจะเป็นเป้าหมายสำคัญของทุกคนที่มายังฮาโกเน่กันทั้งนั้น
ระหว่างนั่งจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิกัน แต่อย่างที่บอกรอบนี้แม่ปันยังโชคดีนิดนึงตรงที่เห็นจางๆด้วยหมอกที่บริเวณใกล้ภูเขาไฟบังไว้เกือบไม่เห็นเลย ต้องสังเกตุ เราเลยปลอบใจว่า สงสัยเค้าจะอยากให้เรากลับมาชมอีก
วิวเมื่อขึ้นมาถึงครับ สวยดีนะยังมีควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณรอบๆอยู่เลย
ขึ้นมาถึงจุดชมวิว ที่นี่มีจุดหลักๆให้ต้องมากัน 2-3 อย่าง อย่างแรกคือการตามหา ไข่ดำ ใช่ไข่สีดำ
เป็นไข่ต้มที่นำมาต้มในบ่อน้ำพุร้อนด้านบนของยอดเขา ที่เป็นแหล่งกำมะถันอันเกิดจากบ่อที่ยังคงมีควันพวยพุ่งจากภูเขาไฟ ร้านรอบๆ นี้มีขายหมด แต่ถ้าเอาเก๋ๆ ดู Package เท่ๆราคาก็ขายเท่ากันหมดทุกร้านเลย 500 เยน แนะนำตรงร้านที่มีรูปปั้นไข่ดำด้านหน้าเลย ในร้านจะมีจุดปลอกไข่ให้เรายืนกินกันได้เลย
สาเหตุที่เค้านิยมมากินไข่ดำกันเพราะความเชื่อว่า กินไข่ดำ 1 ฟองอายุจะยืน 7 ปีจ๊ะ เราก็กินกันตรงนี้เลย กินไป 2 ลูกนี่ชั้นจะแก่ไปอีก 14 ปีสินะ >_< ฮะ ฮะ
จุดต่อมาคือตรงปากทางขึ้นเขา Owakudani เพื่อไปจุดชมวิวสูงสุดด้านบนและยังเป็นจุดต้มไข่ยอดนิยมจะมีรูปปั้นกับกระบวยน้ำตั้งไว้ คนจะมาเข้าคิวกันลาดน้ำที่รูปปั้นแล้วนำน้ำมาล้างหน้ากัน ก็เป็นความเชื่ออีกเช่นกัน
น่าเสียดายมากที่ตอนนี้เค้าปิดทางขึ้นOwakudani ไว้ไม่ให้ขึ้นเพราะกำลังพัฒนาทางขึ้นเขาใหม่ จะพร้อมเปิดกันจริงๆก็ เดือนกรกฎาคม 2019 นี้นะครับ ใครที่ไปช่วงนั้นจะได้ขึ้นไปด้านบนกันนะ สำหรับเราก็ถ้ามีโอกาสมาอีกจะไม่พลาดแน่ๆ
และน่าเสียดายอีกเช่นกันตรงนี้เป็นจุดชมวิวเห็นฟูจิแต่อย่างที่บอกมันจางมากไปนิดนึงครับ คงจะได้พาแม่เย่น กลับมาหาจุดชมฟูจิอีกแน่นอน รอบนี้แป๊ะไว้ก่อนนะ
และยังมี kitty สีดำอีกด้วยนะ เก๋ๆ ไป บนนี้ของดำฮิตสุดๆเลย
สุดท้ายก็ต้องกินไอติมชาโคสีดำกันสิ อร่อยเลยนะ ปันกับผมกินกันปากดำ ขำๆกันดีครับ
เดินเที่ยวเล่นกันได้ที่ก็ได้เวลาไปต่อแล้ว กับทางลงเขาอีกด้านจะเป็นการนั่ง Ropeway เพื่อต่อรถรางลงเขากันที่สถานี Sounzan เราขึ้น Ropeway อีกราว สิบนาทีก็ถึงจุดต่อ Hakone Tozan Cabel Car
ตัวรถรางนี่คลาสิกดี มีอยู่ 4 ตู้ นั่งกันสิบนาที ถึงสถานี Gora Station ที่ด้านล่างแล้ว จากจุดนี้เราสามารถเปลี่ยนขบวนหรือต่อบัสไปเที่ยวที่ต่างๆรอบฮาโกเน่ได้อีก เช่นไปช้อปฯกันที่ Gotemba Outlet จะมีรถบัสวิ่งรับส่ง เราสามารถใช้ พาสนี้ไปได้เลยไม่เสียตังเพิ่ม
ตามแผนเดิมคือตั้งใจจะแวะไปช้อปปิ้งที่ Gotemba Premium Outlets ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีเดินออกมาฝั่งตรงข้ามมองหาป้ายเบอร์ 3 ขึ้นสาย M ได้เลย แต่ดูเวลานั่งรถบัสไปกลับคงกลับถึง โตเกียวมืดแน่นอน อีกอย่างปันเริ่มทำหน้าเบื่อๆเล็กน้อยถ้าพ่อกับแม่จะไปช้อปปิ้งจริงๆ
รถไฟวิ่งกลับไปยังสถานี Odawara จะต้องนั่งรถไฟแบบคลาสิก ไปต่อ ที่ Yumoto ก่อนนะครับจะเป็นขบวนสีส้มแบบนี้ เหมือนกับขามาถ้าไม่นั่ง Romance Car ก็คือขบวนนี้นั้นเอง เท่อยู่นะ
เราเลยเปลี่ยนแผนหาที่เที่ยวรอบๆ สถานีรถไฟ Odawara แทน และเราก็โชคดีมากที่ไปช่วงเดือน เมษายน เป็นช่วงซากุระกำลังพีคเลย ลงจากสถานี เดินไปราวๆ 10 นาทีก็ถึง เจอซากุระกำลังฟูเต็มที่รอบปราสาท Odawara Castle พอดีเลย สวยมาก
เดินเข้ามาด้านในมีกิจกรรมที่เหมาะกับครอบครัวหลายอย่างเลย ทั้งรถไฟจิ้วให้เด็กนั่งรถไฟเที่ยวรอบๆได้ นอกจากนี้สวนด้านในยังมีปลูกต้นซากุระไว้อีกสวยสุดๆไปเลย
ทางเดินรอบปราสาทจะปลูกต้นซากุระไว้ตลอดทาง เดินชมกันเพลินไปจ๊ะ
แถมท้ายยังมาเจอ Cafe สไตล์มินิมอลเก๋ๆ อีกนะ อดนั่งกันไม่ได้ วิวสวยแบบแปลกตาเพราะมันอยู่ติดวัดในเขตรั้วเดียวกันเลย ได้อีกฟิลนึงเลย นั่งจิบชาขนมแถวสุสานด้วย 555 แต่คนก็นั่งกันเยอะนะ เรียกว่าเก้าอี้ดนตรีเลยล่ะ
เราเดินเที่ยวกันจนเย็นแล้วก็ได้เวลากลับ ขากลับเราไม่ได้จองรถไฟ Romance อีกอยากนั่งแบบ Local ก็เพลินดีนะใช้ Hakone pass ขึ้นฟรีได้เลย ขบวนสีแดงจะเป็นขบวน local ที่นั่งจาก shinjuku แล้วมาสุดสายที่ Odawara Station นั้นเอง ใช้เวลาขาละประมาณ 2 ชม.ก็ถึงนะ
เป็นการปิดทริป 1 Day in Hakone วันเดียวพาครอบครัวเที่ยว ฮาโกเน่ แบบกำลังดี สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวแบบนี้ถ้ามีเวลาค้างสักคืนก็จะเก็บ ที่เที่ยวรอบๆได้หมด และยังสามารถไปถ่ายรูปและช้อปปิ้งที่ Gotemba Outlet ได้อีกด้วย
สำหรับ Pass ทั้งหมดที่ใช้ถือว่าคุ้มมากทั้งคู่แนะนำให้ใช้คู่กัน จะเที่ยวในโตเกียวก็ใช้ Tokyo Metro Pass สะดวกมากผมแนะนำเลยคุ้มที่สุดแล้ว
มาฮาโกเน่ ก็ใช้ Hakone Free Pass คุ้มค่าสุดๆ
รีวิวหน้าจะพาเที่ยวญี่ปุ่นต่อจะเป็นที่ไหนโปรดติดตามครับ
สวัสดีครับผม
#one22family #แค่อยากพารู้จักโลกกว้าง