สวัสดีครับ
กลับมาพาเที่ยวต่อในวันที่3ครับ วันนี้เราอยู่กันที่เขาหลักแล้ว ฟรีเดย์จริงๆเพราะไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ใดๆไว้เลยว่าจะไปไหนบ้าง มีที่ตั้งใจไว้ก็คืออยากสำรวจรีสอร์ทเขาหลัก หลังผ่านสินามิมาพอสมควรแล้วเป็นยังไงบ้างเท่านั้น เพราะก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวผมมีโอกาสได้มาเขาหลักครั้งนึงแล้วนั้นเอง
เอาล่ะไปเที่ยวกันครับ ฝากอัลบั้มภาพทั้งหมดผมใส่ Gallery ไว้แล้วเช่นเคยครับ
http://blog.one22.com/pics/longtrips/phangnga/khaolak_day3
เช้านี้ผมตื่นนอนแบบงัวเงียเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนักมาก และลมพัดแรงจนประตูห้องเราดังเหมือนมีอะไรมากระทบตลอด
นับเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างตื่นเต้นสำหรับผมมากทีเดียว เช้านี้ฟ้าจึงไม่ใสเท่าไหร่นัก
เดินออกมาด้านหน้าห้องพักคลื่นแรงลมแรงมากทีเดียว
ฟ้ายังครึ้มอยู่เลยเช้ามากครับตอนตื่นนอนออกมาเพิ่งหกโมงได้ครับ
ผมเลยลองเดินออกมาแถวๆชายหาดเจอคลื่นแรงๆใช้ได้เลย
เอาล่ะ ไปสำรวจรีสอร์ทละแวกย่านนี้กันหน่อยดีกว่านะ
รีสอร์ทที่นี่จะอยู่ติดๆรั้่วเดียวกันเลยทีเดียว เดินจากหน้าหาดจะสามารถผ่านทุกรีสอร์ทได้เลยเริ่มจากที่ติดกันเลยยังไม่รู้ว่าชื่ออะไรแต่บ้านก็น่ารักดีครับ
เดินมาไม่นานก็เจอแล้ว บ้านเขาหลักรีสอร์ทนั้นเอง
ลมแรง…
แถวๆนี้ผมว่าลักษณะรีสอร์ดูจะคล้ายๆกัน เดินถัดมาก็เจออีกที่
ทางเข้าของเค้า
ห้องพักด้านหน้าน่าจะแพงสุดเพราะติดหาดมาก ยังไม่รู้เลยว่าเป็นรีสอร์ทอะไร หาชื่อกันหน่อยดีกว่า
มีสระว่ายน้ำริมหาดด้วยครับ
เดินมาเรื่อยๆป้ายชื่ออยู่ไหน น้อ อ่ะ เจอแล้ว เขาหลักลากูนา นี่เอง
ผมเดินเรียบหาดออกมาอีกเรื่อยๆ ลมก็แรงเชียว แต่พระอาทิตย์กำลังจะพ้นขอบภูเขาด้านหลังเราแล้ว เลยตั้งใจว่ากลับรีสอร์ทก่อนดีกว่า
คลื่นลมมาเป็นระลอก
อันนี้เป็นที่อาบน้ำล้างตัวของรีสอร์ทครับดูสวยดีเลยเก็บภาพไว้ชอบตรงหอยสังข์ตรงด้านบนดูรวมๆแล้วทรงมันชวนให้จินตนาการดี
กลับมาถึงแดดออกแล้วดีใจจริงๆ นึกว่าทริบนี้แดดจะไม่ได้เจอเต็มๆแบบนี้แล้ว ใต้นี่เดือนพฤษภาแบบนี้จะต้องดูกรมอุตุดีๆก่อนเที่ยวนะ
หลังจากกลับเข้าห้องพักทำธุระส่วนตัวเสร็จผมเลยออกมาว่ายน้ำซํกหน่อยไหนๆก็เล่นน้ำทะเลไม่ได้แล้วเดี๋ยวมันจะไม่โดนน้ำเลย
มีสมาชิกเป็นครอบครัวมาร่วมด้วยเหมือนกันมีแยกสระเด็กและผู้ใหญ่ ออกครับ
ฟ้าใสแล้ว
ผมอยู่ได้ไม่นานก็อยากจะออกไปเที่ยวรอบๆเข้าหลักและต้องลาที่นี่กันแล้วเช่นกัน
ต้องไปแล้วหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จก็เก็บข้าวของใส่รถและได้เวลาเที่ยวไปแบบไร้ plan อีกครั้ง มีแต่ที่นอนคืนนี้เท่านั้นที่ได้ปรับเปลี่ยนแผนจนได้ไปกัน
เราจึงเลือกที่จะสำรวจรีสอร์ทละแวกย่านนี้กันครับก่อนมาหาข้อมูลไว้เยอะมาก ขับรถออกมาไม่ไกลและที่แรกที่เราชอบตอนที่เห็นจากเว็บกันก็ที่นี่เลย หาดสนรีสอร์ท้ายหาดสุดของเขาหลักเลยทีเดียว
เดินเข้ามาด้านในจะเจอส่วนรับรองครับ
รีสอร์ทที่นี่เป็นสไตล์ออกบาหลีนะครับ สวยและดูเท่ดี ดูแบ่งโซนออกเป็นชั้นๆเรียงเข้าไปด้านใน
วันที่เราแวะไปทางพนักงานต้อนรับก็เชิญเราชมห้องด้วยถึงแม้ว่าเราจะตอบเค้าว่าวันนี้เราแค่แวะาชมก่อนเพราะเราได้ที่พักแล้ว ก็ไม่รังเกียจที่จะบริการแต่อย่างใด
ที่นี่จะไม่ติดทะเลจะแบ่งบ้านพักไล่เข้าไปที่เห็นนี่เป็นบ้านพักที่ติดคลองที่น้ำทะเลผ่านเข้ามาในตัวรีสอร์ทครับ ผมดูๆก็สวยไม่เลว
ไปดูห้องพักด้านในกัน
ห้องพัก แบบที่เราได้เข้ามาชมจะเป็นแบบ 2 ชั้นห้องที่เราเข้าไปจะอยู่ชั้นล่าง
อีกมุมมองกลับมาจะเจอหน้าต่างเปิดทะลุกันจากห้องน้ำได้
ลองดูไปด้วยกันเลย เดินทะลุจากห้องพักมาด้านหลังจะมีเก้าอี้ให้นั่งเล่นได้ ห้องด้านล่างอาจจะไม่ส่วนตัวเท่าไหร่เพราะคนสามารถเดินผ่านได้ตลอด
ภายในกันอีกนิดห้องน้ำครับ
ออกมาเราเลยไปดูห้องพักอีกแบบจะเป็นแบบชั้นเดียวบ้าง
ผมดูรวมๆไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ ทั้งห้องนอนและห้องน้ำต่างกันที่ขนาดของห้อง หลังจากนั้นเราก็เดินไปดูสระน้ำกัน
หลังจากนี้เราก็ขอบคุณกับพนักงานที่พาเราชมห้องพักและบึ่งรถไปยังจุดที่เราอยากมาเหมือนกันครับ
ที่นี่เลย บ้านน้ำเค็ม ที่ได้รับผลกระทบจาก สินามินั้นเอง
ที่นี่เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถาน จากเหตุการณ์ สินามิ ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์อุบัติภัยสำัคัญครั้งนั้น
ลองเดินเข้าไปชมกันดีกว่า มาถึงก็เข้ามากราบและเคารพบิดาของทหารเรือไทยกันครับ กรมหลวงชุมพรฯ
เดินเข้าไปใกล้ทะเลนิดนึงทางทหารมีการนำหินมาทำเป็นเขื่อนกั้นตลอดแนว ช่วยลดแรงของคลื่น
ได้ครับ
เข้าไปภายในจะมีทางเดินและมีกำแพงก่อสูง 2 ด้านคืออะไร? ไปดูกัน
ผนังด้านนึงจะเป็นกำแพงสีดำสนิทมีการเจาะรูเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวภายในเป็นเรือหาปลาลำใหญ่
อยู่ในแนวสายตาเราพอดี
ผนังอีกด้านจะเป็นผนังกระเบื้อง ลายสีสลับอย่างที่เห็น
เราเดินเข้าไปใกล้ จึงรู้ว่าผนังด้านนี้ในตัวกระเบื้องที่เรียงราย ก็คือรายชื่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สินามิในครั้งนั้น
มีหลายๆจุดที่มีการนำดอกไม้มาวางไว้
เราเดินกันต่อมาถึงด้านในที่เป็นส่วนแสดงนิทรรศการและให้ความรู้เรื่องทะเลและสินามิ
ภายในจะมีภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นและความรู้ที่หายๆคนสงสัยเกี่ยวกับสินามิไว้
ภาพภูมิประเทศจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ทำให้สภาพแวะดล้อมทางทะเลเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน..
ผมเดินชมอยู่นานทำให้หลายๆเรื่องที่ตัวเองสงสัยในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคำตอบอยู่ที่นี่ทั้งหมด เราใช้เวลาอยู่ที่นี่พักใหญ่ก่อนจะเดินกลับออกมาด้านหน้าทางเข้า จะพบเรืออีกลำอยุ่ตรงด้านหน้าเลย ให้คาดเดาก็คงเป็นเรือหาปลาที่เกยตื้นจากเหตุการณ์นั้นเอง
ว่ากันเรื่องของเรือหลังจากออกมาเรามุ่งหน้ามาอีกที่ๆเป็นที่จอดเรืออยู่ 2 ลำและเรือทั้ง 2 ลำนี้เป็นเรือที่สำคัญในเหตุการณ์อุบัติภัยสินามินั้นเอง ผขับรถวนและสอบถามชาวบ้านอยู่นานก็พบว่าเรือทั้ง 2 ลำนี้
เรือทั้ง 2ลำมีชื่อเรียกที่ต่างกันแน่นอน แต่นอกจากนี้ยังมีสมญาที่ได้รับแตกต่างกันจากพฤติกรรมในเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่าลำสีฟ้าชื่อว่า เรือกฤษณะสาคร มีสมญาว่า”เทวดาสีฟ้า”
ลองอ่านกันดูครับ ผมอ่านแล้วก็จินตนาการภาพตามได้เลย
เดินต่อมาอีกด้านจนพบเรืออีกลำเรือสีแดงมีชื่อ ศรีสมุทร แต่ได้สมญาที่ตรงข้ามกันกับเรือกฤษระสาคร ว่า “เจ้ามารร้าย”
อ่านประวัติ์กันได้เช่นกัน
เรือทั้งสองลำ
ผมเดินสำรวจรอบๆเรือทั้งสองลำ ที่ชาวบ้านย้ายมาจากจุดที่เรืออยู่จริงจากในเหตุการณ์มาไว้ที่นี่ละปักป้ายไว้ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา ในอนาคตจะมีการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์กันต่อไป
(ปัจจุบันอาจจะมีการจัดสร้างหรือย้ายสถานที่อีกหรือไม่ผมไม่แน่ใจเพราะมีโอกาสได้ไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมาครับ ปี51 )
หลังจากนี้เราก็ออกมาโดยแวะอุดหนุนซื้อของจากชาวบ้านในละแวกนี้อีกนิดหน่อยก่อนจะออกมา ตลอดทางในบ้านน้ำเค็มคุณจะสังเกตุป้ายบอกจุดอพยบหนีภัยสินามิได้ตลอด เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน
ผมขับรถเลยเข้ามาถึงในตลาดและขอแวะทานอาหารกันหน่อยจากที่สอบถามจากคนละแวกนี้เค้าก็แนะนำอยู่หลายร้านแต่สุดท้ายก็มาจบกันที่ร้านนี้ครับ ภัตตาคารฮกกี่เหลา อยู่ริมถนนเลยหาไม่ยากครับ
อาหารเป็นอาหารจีนและไทย อร่อยทั้ง 2 แบบ เราสั่งเมนูที่แนะนำมาทาน2-3อย่างครับ
อร่อยทุกอย่างเลย
อิ่มกันดีเราก็บึ่งรถไปยังท่าเรือที่เราจะข้ามไปยังที่พักคืนนี้กันนั้นเอง โดยรูปนี้ถ่ายกันตรงปั้มน้ำมันที่ด้านหลังเป็นสวนยางครับ สวยดีทีเดียว
ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้น โปรดติดตามต่อนะครับตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว รับรองที่พักที่ผมจะพาไปนั้นสุดยอดเช่นกันและคุณๆจะรู้ว่าพังงาไม่ได้มีดีแค่ สุรินทร์-สิมิลันครับ แล้วเจอกันเร็วๆนี้ครับ
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนครับ