เช้ามาถึงผมตื่นเพราะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในมือถือดังตอน 6 โมงเช้า อากาศหนาวใช้ได้เลย ผมแอบดีใจที่ไม่เสียแรงอยากมาพบอากาศเย็นๆ เดินออกมาหน้าห้องเช็คอุณหภูมิที่ปรอทที่ทุกห้องติดไว้ให้ 14 องศา ใช้ได้ไม่หนาวมาก
ผมจัดการธุระเสร็จล้างหน้าตาก็รีบเดินออกมาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่หมอกตรงลำน้ำปาย ส่วนคนข้างกายบอกให้เดินไปก่อนเลย เธอจะตามมาอีกที
ผมเดินมาหน้ารีสอร์ทแปลกใจไหงหมอกดูน้อยกว่าที่คิด เลยตัดสินใจเลยเดินข้ามมาอีกด้าน
และเข้าไปในถนนคนเดินปาย บรรยากาศตอนเช้าช่างต่างกับเมื่อคืนราวฟ้ากับดินทีเดียว เงียบสงบจนน่าแปลกใจ ผมเดินเลยมาตรงสี่แยก
สำหรับคุณๆที่อยากตักบาตรตอนเช้า ตรงแถวๆสี่แยกมี แม่ค้าพ่อค้ามาขายอาหารจัดเป็นชุดไว้ใส่บาตรให้คุณได้ทำบุญ
หรืออยากหาอาหารทานเช้าๆแบบนี้ มีทั้งโจ๊ก ข้าวต้มหมูอร่อยๆ ปาท่องโก๋ก็มี สามารถหาซื้อของกินยามเช้าได้สะดวกดีทีเดียว
ผมตัดสินใจหันหลังกลับมาทางสะพานไม้ไผ่แรกของปายที่แถวๆ ปายริเวอร์คอนเนอร์
และแล้วหมอกที่หามาแต่เช้าก็มาให้ได้เห็นเต็มๆตาที่สะพานนี้นั้นเอง
วิวฝั่งตรงข้ามก็มีป้ายปักบอไว้ถึงสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องปายอินเลิฟ เป็นอีกจุดขายหนึ่งของรีสอร์ทหรือร้านอาหารของปายในเวลานี้ และผมว่าก็ได้ผล
อย่างน้อยก็เป็นจุดถ่ายภาพที่คนแวะมาถ่ายกันเหมือนที่ร้านกาแฟปายหนาวนั้นก็ใช่
ไม่นานสาวเจ้าก็เดินมาทันผมที่สะพานนี้นั้นเองมาอยู่แถวกลางสะพานได้เจอหมอกขาวโพลนคลุมแม่น้ำปายเกือบทั้งสาย
มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมอกขาวๆคลุมไปทั่วสมกับที่ผมรอมาตั้งแต่เช้า
“ลองไปดูที่เราเคยพักกันคราวก่อนไหม” ผมเอ่ยถามเธอออกไป
เธอพยักหน้าแล้วเดินไปอย่างรู้ทาง แต่สุดท้ายก็ชลอฝีเท้าลงพร้อมหันหน้ามาถามว่า “ใช่ทางนี้เปล่าอ่ะ” ผมขำกับท่าทางเธอเลยเดินนำเธอไปยังแถวๆริมน้ำที่เราเคยมาพักกัน” วิลล่า เดอ ปาย” ที่พักริมน้ำที่อยู่คู่ปายมานานนม
หนก่อนผมมาพักและได้ที่ริมน้ำปายบรรยากาศดีๆที่มีเพียงคันดินกั้นระหว่างตัวที่พักกับลำน้ำปาย
พูดถึงคันดินกันหน่อย สมัยคราวก่อนที่มาตอนนั้นแถวๆที่พักริมน้ำพึ่งถมที่ให้สูงกั้นน้ำขึ้นมาเพราะช่วงก่อนหน้านั้นไม่ถึงปี
ปายโดนอุทกภัย น้ำป่าหลากลงมาในชั่วคืนเดียวน้ำท่วมปายแทบทั้งเมืองทำเอาเจ้าของรีสอร์ทและแขกที่มาเข้าพัก ในสมัยนั้นหนีกันแทบไม่ทัน ไม่ต้องพูดถึงที่พักที่โดนน้ำพัดเสียหายยับเยินกันถ้วนหน้าทีเดียว จึงเป็นที่มาขอคันดินตรงหน้ารีสอร์ทนี้เช่นกัน
วันในอดีตมีเพียงคันดิน แต่ปัจจุบันนี้ มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มไปทั่วเลย
เมื่อวานเราเข้าไปสอบถามถึงห้องพักก็ต้องผิดหวังกลับมาด้วยที่พักริมน้ำเต็มไม่เหลือ แต่อย่างใด ทำให้เราต้องบายกับที่พักหลักร้อยปลายๆแห่งนี้ไป
เดินถัดมาข้างๆกันที่พักแนวฮิบๆที่มีห้องริมน้ำอยู่เช่นกัน บ้านปายวิลเลจ ที่นี่นับว่ามีห้องพักวิวเห็นแม่น้ำแม้จะแค่หลังเดียว แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบถ้วน ดี มีแยกเป็นแอร์ก็บพัดลม
ห้องแอร์เรทราคาวันธรรมดาไม่ถึง 1600 บาทสำหรับห้องแอร์ ห้องพัดลมก็ลดหลั่นลงมาตามอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มี
และทำเลที่ห่างน้ำออกมาหน่อย และแน่นอนราคาประมาณนี้ ก็เต็มอีกเช่นกัน ทำให้เมื่อคืนทำให้เราเดินเลยกันมาจนมาจบที่ ปายในฝันนั้นเอง
หลังจากผ่านรีสอร์ทต่างมาจนถึง สะพานรถยนต์ข้ามแม่น้ำปาย เราเดินกันมาจนถึงกลางสะพานหมอกยังมีให้เห็นหนาตาอยู่ วิวสวยๆยามเช้าแบบนี้ทำให้ลืมแสงสี ศิวิไลซ์ ยามค่ำไปได้เหมือนกัน
หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักเพื่อทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้รอแล้วการกลับมาเที่ยวปายหนนี้ทุกอย่างพิ่มขึ้นที่พักใหม่ๆก็มีมากขึ้น
ร้านรวงก็เปิดมากขึ้นมากกว่าเท่าตัว ชวนให้คิดว่าความสงบเงียบของที่นี่คงต้องมองหาในยาวเช้าแบบนี้ได้เท่านั้นเองหรือ ?
เข้าเกือบ 9โมงเช้าเราร่ำลา “ปายในฝัน” ด้วยความขอบคุณกับพี่เจ้าของที่พอทราบว่าเรามาฮันนีมูนแกเลยขอให้เรารอพร้อมกับหายไปด้านในรีสอร์ทและหยิบช่อดอกไม้พร้อมของที่ระลึกมาให้เรา เราทั้งคู่กล่าวขอบคุณกับน้ำใจดีๆที่หาได้จากรีสอร์ทแห่งนี้ มีโอกาสคงได้แวะมากันอีกนะครับ
ระหว่างที่นั่งรอสาวเจ้าเก็บของผมเลยเดินออกมาสำรวจที่พักในฝั่งริมน้ำด้านนี้อีกแห่งที่ติดกับ ปายในฝัน ก็เป็น indiana Cottage ที่ปลูกติดกันอยู่ผมมองเข้าไปก็รู้สึกว่าสองที่นี่ไม่ต่างกันมากนักติดน้ำกัน ทั้งคู่บ้านก็มีความใกล้เคียงกัน ราคาก็ใกล้ๆกันมีตั้งแต่หลัก เกือบพัน ในวันธรรมดาไปจนถึง หลัก 2,000พันกวาในช่วง ไฮขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เราเข้าพักอยากทราบแน่นอนเช็คจากเว็บไซต์ทั้งคู่จะดีที่สุด
แต่ถ้าถามว่าชอบที่ไหนมากกว่าผมว่าปายในฝันบ้านริมน้ำวิวจะดีกว่า ไม่มีเต๊นท์หลังใหญ่มาบังวิวตรงหน้ามากเท่านี้ แม้จะมีบ้านเต๊นท์สามเหลี่ยมของปายในฝันบังวิวบ้างแต่ ดูจะเล็กกว่าของ Indiana Cottage เอาว่าถ้าชอบการพักเต๊นท์ริมน้ำที่สบายมากกว่าที่นั้นย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอนอันนี้นานานจิตตังครับ
เดินถัดมาเจอปายบุรีรีสอร์ท รีสอร์ที่เปิดให้บริการมาพักใหญ่แล้ว ตอนนี้เค้าทำบ้านโซนด้านหน้าใหม่ออกสไตล์บ้านปูนสีสันสุดจี๊ดดีทีเดียว วันที่เราไปทางรีสอร์ทกำลังทำกันอยู่ เลยได้มีโอกาสเข้าไปสอบถาม น่าจะเปิดให้บริการมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ได้แล้ว ส่วนราคาเท่าที่ถามจากคนงานที่ทำอยู่เห็นว่ายืนราคาหลักร้อยปลายๆเช่นกันราคาเท่ากันทุกห้อง อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับยังไงสอบถามกันอีกที
เข้าไปดูในห้องก็ไม่แคบไม่กว้างเกินไปกลางๆ ตกแต่งด้วยสีสันสดใสกับภายในด้วยวัสดุปูนเปลือยทั้งห้อง ถ้าราคาประมาณนี้จริงๆนับเป็นรีสอร์ที่น่าสนใจมากทีเดียว ถึงจะเป็นห้องพัดลมก็น่าจะทำให้คนสนใจกันมากแน่ๆ
ถัดมาอีกที ที่พักที่ผมอยากแนะนำจริงๆเพราะน่ารักตั้งแต่การตกแต่งไปจนถึงทำเล อยู่ติดๆกันกับปายบุรี
บ้านไม้หลังเล็กๆสีออกมิลค์ๆหน่อย ติดริมน้ำห้องพักน่ารักๆ ชื่อ Little House
บ้านไม้ริมน้ำแบบนี้ผมว่ามันทั้งดูแตกต่างจากทุกที่ที่เจอและเข้ากันกับบรรยากาศริมน้ำของปายดีจริง ถึงจะมีเพียงไม่กี่หลัง ก็ตาม
ภายในก็ตกแต่งง่ายๆแต่ก็เข้ากับบุคลิกของบ้านดีเป็นที่พักหลักร้อยปลายๆในวันธรรมดา ที่น่ารักอย่าบอกใคร
ห้องน้ำภายในเป็นแบบ Open Air มีน้ำอุ่นบริการ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นไม่มีอะไรพิเศษแต่บรรยากาศริมน้ำกับบ้านสีสบายตาแบบนี้ผมว่าไม่เลวที่จะเป็นตัวเลือกให้เข้าพักกันครับ แถมพึ่งเปิดมาไม่ถึง 3 เดือนใหม่มากๆทีเดียว
ราคามีไปจนถึงหลักพันต้นๆในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็คงจะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจกันพอดู
มีโอกาสลองแวะเข้าไปสอบถามห้องกันดูครับ
ผมเดินกลับมาก็พอดีกับที่เก็บของเสร็จเราขนของใส่รถก็ขับเข้าเมืองกะแวะร้าน เบเกอร์รี่ อีกครั้งเพื่อซื้อขนมตุนไปกินระหว่างทาง
พอเข้าสายๆในตัวเมืองปายรถก็ติดใช้ได้ทีเดียวหาที่จอดได้เราเข้าไปซื้อกาแฟและขนมที่อบใหม่มาให้ได้ชมและซื้อกลับบ้าน
ยอมรับเลยครับร้านนี้ขนมหน้าตีดีถึงดีมากจริงๆรสชาติก็เหมือนหน้าตาด้วย เวลามาปายผมไม่พลาดแวะจริงๆครับ
หลังจากซื้อขนมกันเรียบร้อยเดินผ่านธนาคารกสิกรไทยสาขาปายแล้วต้องขอชมอีกครั้งที่ทำได้โดนใจนักท่องเที่ยวดีจริง
เรามุ่งหน้ากลับออกมาจากปายด้วยเส้นทางเดิม ผ่านร้านกาแฟสุดฮิต “Coffee in Love” ที่วันก่อนผ่านมาซะเย็นจึงได้แต่ดูผ่านๆ
ก่อนกลับคงต้องขอเก็บภาพเป็นที่ระลึกถึงร้านกาแฟที่น่าจะฮิตมากที่สุดแห่งนึงของไทยเราเลยทีเดียว
เกือบสิบโมงแล้วคนค่อนข้างเริ่มหนาตา และในเวลาแบบนี้แดดก็เหมาะแก่การถ่ายภาพที่สุด เราจึงได้ภาพฟ้าเข้มๆแบบนี้มาฝากกัน
ผมเดินเก็บภาพรอบๆดูเธอจะชอบรถจักรยานที่เป็น prop ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายกันเยอะ บ้านปูนสีเหลืองเข้มเด่นตัดกับฟ้าสีเข้มสดใส ยิ่งได้ cpl มาช่วยทำให้ยิ่งเข้มได้ใจเข้าไปอีก
ผมถ่ายเธอเสร็จก็เก็บภาพรอบๆมาฝาก จะว่าไปกาแฟจะอร่อยหรือไม่ทราบเพราะไม่ได้ทานเลยครับ แต่รสชาติของวิวที่เสพได้จากสายตา จนอยากกระซิบเบาๆให้เธอฟังว่า “โชคดีจังที่เรามาวันนี้”
ต้องยอมรับครับวิวร้าน “Coffee in Love” นี่สุดยอดจริงๆทิวเขาด้านหลังสีเขียวอากาศสดชื่น
กับร้านสีขาวๆที่ทำชิดริมเนินเขาทำให้เห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนด้านหลังของร้านได้อย่างแสนวิเศษดีจริงๆ ถ้ามาในเวลาคนไม่เยอะที่นี้เหมาะจะถ่ายภาพจริงๆ
ผมเพลินกลับการเก็บภาพจนได้เวลาพอสมควร เราก็ต้องไปต่อแล้ว
กลับมาที่รถผมถามเธอว่าได้ชิมกาแฟเค้าไหมเธอส่ายหน้าบอกว่าขี้เกียจรอคนเข้าคิวเยอะ
เราขับต่อมาอีกอึดใจ จนผ่านสะพานประวัติศาตร์ ไม่แวะคงไม่ได้
สะพานประวัติศาสตร์วันนี้เปลี่ยนไปเยอะครับ ผมยังจำได้ว่าคราวก่อนมาเค้าไม่ให้เข้าเพราะยังไม่ได้ปรับปรุงแต่อย่างใด สีสะพานในวันวานเก่าและหลุดลอก แถมมีป้ายเตือนห้ามเดินเข้าไป แต่เพราะนักท่องเที่ยวแท้ๆ
สะพานแห่งเดิมในวันนี้จึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อันนี้เป็นผลดีของการท่องเที่ยว สีสะพานสีเขียวเข้มๆ มีคนไปกระโดโลดเต้น ถ่ายภาพกันเยอะดีทีเดียวถือเป็นอีกหนึ่ง จุดแวะถ่ายภาพสำคัญของที่นี่เช่นกัน
หลังจากแวะถ่ายภาพที่สะพานจนได้ที่ก็เคลื่อนกันต่อยังเป้าหมายต่อไปอันเป็นจุดสุดท้ายแล้วของแม่ฮ่องสอนแล้ว
ที่อุทยานแห่งชาติ หัวยน้ำดัง อุทยานที่อากาศดีเหลือเกินวิวทิวสุดสายตาชวนให้ใครหลายคนที่แวะมาหลงรักกันได้ง่ายๆ
ผมเองกลับมาอีกครั้งก็ยังประทับใจเช่นเคย หนก่อนที่มานั่งชมวิว กินชาบนยอดดอยแห่งนี้เสียหลายชั่วโมง
เป็นอีกที่ๆขอแนะนำให้ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วคุณจะเข้าใจ เราใช้เวลาบนนี้ได้พักใหญ่ก็ต้องไปกันต่อแล้ว
จริงๆอยากอยู่ที่นี้นานๆ มากกว่านี้เลยตกลงกันไว้ว่าถ้ามีโอกาสมาอีกครั้งจะมาขอค้างที่นี้ซักคืน
ขอชมหมอกสวยๆบนยอดดอยแห่งนี้ซักครั้งถ้าจะดี
หลังลงมาจากห้วยน้ำดังไม่นานระหว่างที่คนข้างๆหลับแล้ว… ผมนึกทบทวนการมาเยือนปายหนนี้ ไม่ว่าปายเปลี่ยนไปจากก่อนเก่าแค่ไหน สำหรับเราแล้วไม่ว่าปายจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ยังไงปายก็ยังถือว่าเป็นเมืองที่แสนจะมีเสน่ห์และน่ารักมากมาย ถ้าเรารู้จักทำความเข้าใจและมองหลายๆมุม ก็จะรับได้กับความเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับชาวเมืองปายเองที่อยู่กันมาจนทุกวันนี้
แม้แต่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆที่ เคยมาเมื่อครั้งอดีต ไม่ว่าคุณหรือผมจะอยากให้ปายกลับไปเช่นวันวานเช่นไร ก็คงไม่สามารถ จะย้อนเวลากลับไปได้แล้ว
ที่ทำได้คือยอมรับสิ่งที่ เกิดขึ้นและช่วยกันรักษาปัจจุบันของปายไว้ให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายเราก็เป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่แค่ แวะเวียนมาเก็บสิ่งต่างๆกลับไปได้เพียงภาพถ่าย,ของที่ระลึก และความทรงจำเท่านั้น
แค่เราๆเหล่านักท่องเที่ยวเคารพสถานที่และปฎิบัติตามกฎกติกาของ สังคมที่นี่ และอย่าเพิ่มภาระสิ่งใดๆ ผมว่าเราจะได้มีที่ๆธรรมชาติและเเสงสี มาบรรจกันได้ อย่างปาย ไว้นานๆครับ
จากนี้ผมก็บึ่งรถยาวผ่านเชียงใหม่เพื่อไปยังจุดหมายที่เรายังไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยือนกันเลยซักครั้ง
เป็น จังหวัดที่ผมเองใคร่อยากรู้จักให้ดีมานานนมแล้ว เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งรถม้า “ลำปาง” นั้นเองจะเป็นยังไงต่อรอชมตอนหน้านะครับ
ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้ครับ ฝากสคส.เล็กๆน้อยๆให้กับทุกคนนะครับ
6 Comments
bangkok holiday
สวยอ่ะ อยากไปเที่ยวมากๆๆๆ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
projectone
มีโอกาสไปแม่งฮ่องสอนต้องลองไปดูครับ
bb
ถ่ายรูปได้สวยจังเลยเห็นแล้วอยากไป เป็นช่างภาพหรอคะ ไม่ทราบว่าใช้กล้องอะไรจะได้ไปซื้อมาใช้เผื่อจะได้เก็บภาพสวยๆอย่างนี้บ้าง
projectone
ขอบคุณสำหรับคำติชมนะครับ ผมเป็นมือสมัครเล่นมากๆครับ ยังต้องฝึกฝนอีกเยอะเลย ส่วนกล้องผมใช้ canon ครับ
คนเมือง
สวยนะ แต่สวยแบบในเมือง ไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร รีสอร์ทก็บรรยากาศเหมือนตามเขาใหญ่ ดูไม่ค่อยสงบเลย