ห่างหายไปหลายสัปดาห์…
จบจากทริบล่องทะเลอันดามันมา ผมมีโอกาสได้ออกเที่ยวไปอีกหลายๆที่ จนเมื่อ เดือนก่อนได้มีโอกาสได้กลับไปสวนผึ้งอีกครั้ง ไปพักรีสอร์ทเปิดใหม่ซิงๆ ไม่ถึงครึ่งปี อย่าง “สวิสวัลเล่ย์ฮิพ รีสอร์ท” รีสอร์ทชื่อเก๋ ที่มีโอกาสได้พบเจอกันครั้งแรกเมื่อตอนไปเที่ยวสวนผึ้งปลายปีที่แล้ว เห็นแล้วติดใจจริงๆครับ คิดไว้ว่าถ้าสร้างเสร็จเมื่อไหร่จะกลับมาสัมผัสให้ได้ และเมื่อได้ไปมาจริงๆก็พบว่าที่คาดไว้นั้น มีดีมากกว่าที่คิดมากมายทีเดียว ทั้งการบริการและตัวที่พัก
ชมภาพถ่ายกว่าร้อยภาพที่เก็บกลับมาฝากกัน ยิ่งในคืนฟ้าเปิดช่างแสนมีเสน่ห์และน่าประทับใจมากทีเดียว ชมภาพกันได้ทั้งหมดตาม link ด้านล่างเลยครับ
http://blog.one22.com/pics/relax/centre/gallery_swissvalleyhipresort
อย่าเสียเวลาดีกว่ามาสัมผัสประสบการณ์ดีๆอีกครั้งนึงที่ผมได้จากการเข้าพักรีสอร์ทแห่งนี้กัน …
มันเริ่มต้นที่ผมแวะไปเที่ยวชมงาน cadle เมื่อปลายปีที่ผ่านมาที่ The Scenery resort ที่จัดมาเป็นปีที่ 2 แล้ว หนนั้นประทับใจจริงๆกับการจัดงานที่ทำได้ดีมากๆ จนมาถึงวันกลับเราได้แวะเข้าไปอีกครั้งระหว่างทางที่ไป Scenery ทำให้ต้องผ่านรีสอร์ทแห่งนี้ ตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จครับ แต่เห็นเค้าลางว่าต้องสวยแน่ๆ จนย่างเข้าปีนี้มีอันต้องแวะไปแถวๆราชบุรีอีกครั้ง ทำให้คิดถึงที่นี่ขึ้นมา หาข้อมูลจนเจอเว็บของรีสอร์ท บวกกับราคาโปรโมชั่นต้อนรับการเปิดตัวที่ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากเลย จนเป็นที่มาของรีวิวนี้นั้นเอง
สำหรับใครที่อยากไปที่นี้ไม่ยากเลยครับ ขับรถมุ่งหน้าสายใต้เข้าสู่ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าเข้านครปฐมจะมีป้ายบอกทางตรงทางแยกตรงสะพานข้ามถนนเข้าตัวเมืองแต่เราออกซ้ายเข้าราชบุรีวิ่งตรงยาวๆจนถึงแยกถนนหลวงสาย 3208 เลี้ยวขวาวิ่งตามทางไปจนถึงเข้าสู่ตัวอ.สวนผึ้งจากนี้ไม่ยากแล้วครับตลอดทางจะมีป้ายบอกไปรีสอร์ท the scenery ไปตามป้ายก็ได้เช่นกันเพราะ Swissvalley จะอยู่ก่อนถึง ขับยังไงก็เห็นแน่ๆเพราะกว้างและสวยสะดุด สังเกตจากรถที่วิ่งผ่านไปมาจะต้องแวะจอดถ่ายภาพหน้ารีสอร์ทแทบทั้งนั้น เรียกว่าวิวเตะตาสุดๆเลย(ขอบคุณแผนที่จาก Brochure ที่่ได้จากรีสอร์ทครับอาจจะไม่ชัดไปหน่อยครับ)
หลังขับรถผ่านพนักงานด้านหน้าเข้ามาก็ต้องอึ้งกับวิวทิวทัศน์เนินเขาสลับกันไปมาตรงหน้า มีทุ่งหญ้าสีเขียวเห็นภูเขาอยู่ด้านหลังตัดกับท้องฟ้าสีเข้มของเดือนพ.ค มันสวยจนไม่อยากคิดว่าถ้าเป็นฤดูหนาวจะสวยขนาดไหน
หลังจากมาถึงเราก็ต้องแวะ Check in กันที่นี้ทุกคน มีน้ำองุ่นรสชาติดียกมาเป็น Welcome drink ให้เราได้ชิมผมกระดกรวดเดียวไม่เหลือเลย อร่อย!
วิวแรกยามเมื่อเรายืนตรงส่วนต้อนรับลูกค้าด้านหน้า สวยจริงๆ
บริเวณนี้จะเป็นส่วนเชื่อมต่อกันกับตรงบริเวณต้อนรับและเป็นหลังคาของร้านอาหารด้านล่าง ดูเป็นลานกว้างๆสามารถชมวิวได้ทั่วทั้งรีสอร์ทเลย
ด้านหน้าจะเจอมุมบังคับของรีสอร์ทเค้าเลย ใครมาต้องมายืนถ่ายรูปกัน ตอนหลังๆผมเห็นคนมาถ่ายรูปกันเยอะทีเดียว จนคนข้างๆบอกไม่ถ่ายด้วยดีกว่ากลัวซ้ำ ซะงั้น
หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยมีรถ Golf พาเราทั้งคู่เข้าสู่บ้านพักหลังที่จองไว้ S7. Chardonnay บ้านพักที่นี้จะเป็นสไตล์ใกล้เคียงกับ The Scenery ที่เป็นปูนเปลือยสีขาวแนวฮิตของที่นี้เค้าเลย แต่เสน่ห์มันไม่ไ่ด้อยู่แค่ภายนอกนะผมว่าแต่มันกับอยู่ที่การตกแต่งภายในต่างหากที่แตกต่างกันด้วยสไตล์ต่างๆทั้ง Greece ,Spanish,English,Tuscany,French ในแบบ Country Style ต่างๆเรียกว่ายกยุโรบมาไว้ที่สวนผึ้งกันเลยทีเดียว
หลัง Chardonnay ของเราเป็นแบบ English country style เข้ามาก็จะพบชุดโซฟาลายดอกไม้เล็กๆสวยๆเหล่านี้ดึงดูดให้เรานั่งมากครับ
ภายในแยกสัดส่วนห้องออกมาเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือห้องนั่งเล่น ห้องนอน และ ห้องน้ำ นับว่ากว้างมากทีเดียว
ห้องนั่งเล่นตกแต่งรอบได้เก๋ดีทีเดียว อย่างกองฟื้นวางใต้ทีวีก็ได้บรรยากาศ แถมดูรู้ถึงการใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ที่ชอบมากๆคือตุ๊กตา Angle ที่วางอยู่ข้าง lcd อันนี้ครับน่ารักดีเชียว
มุมเล็กมุมน้อยที่นี่ ตกแต่งด้วยตุ๊กตาต่างๆ
บางอย่างก็เหมือนของเก่าผสมกันไว้ด้วยดูเก๋าดีครับ
ที่ผมว่าเก๋สุดๆ ตรงแถวๆมุมด้านข้างที่set ไว้เหมือนห้องครัวมีแขวน กาน้ำ หม้อ และของในครัวจริงๆ เค้าใส่ใจรายละเอียดต่างๆได้ดีมากเลย
มาดูห้องนอนกันบ้างครับ เตียงขนาดใหญ่ ลายดอกไม้เล็กๆดูน่ารักดี คนข้างๆเค้าชอบมากเลย โดยเฉพาะหมอนให้มาทุกขนาดเลย เยอะมาก >_<
ด้านข้าง เป็นหน้าต่างใหญ่เปิดเห็นวิวสวยๆของรีสอร์ท ถึงช่วงบ่ายแดดจะออกจะแรงซักนิดแต่ช่วงเช้าวิวงามเลยทีเดียว
วิวงามๆตอนกลางวัน เห็นทิวเขาลดหลั่นกันไป กลางคืนกลายเป็นทะเลดาวเลยทีเดียว
มา ดูด้านขวาบ้าง มีโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายให้เอาอุปกรณ์ที่พกมาด้วยวางกัน ได้เต็มๆโต๊ะกันเลย
เห็นแล้วน่าจะถูกใจแน่ๆ คนข้างๆผมนี้อยากยกทั้ง set เอากลับมาบ้านกันเลยทีเดียว เค้าชอบลายเก้าอี้มากเลย
มองจากโต๊ะมาที่เตียงครับ
มุมต่างๆก็ใส่ใจดีครับ มีที่นั่งริมหน้าต่างวางเหมือนเป็น daybed สามารถนอนยังได้ครับยาวดีทีเดียว หมอนเยอะจริงๆที่นี่
มาดูในห้องน้ำกันบ้าง ใครเป็นคนชอบใช้เวลาในห้องน้ำนานๆ รับรองได้ว่าคุณจะอยู่ได้นานขึ้นกว่าปรกติแน่ๆ เพราะมีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ชมวิวได้ทั้งวันกันเลย
ของตกแต่งกระจุกกระจิกก็มีให้ดูกันเพลินๆไม่ต่างจากส่วนอื่นๆเช่นกัน
มุมอ่างล้างหน้าก็มีอุปกรณ์พร้อมปลั๊กไฟ ให้ครบ
ถอยออกมาอีกนิดตกแต่งได้ดีทีเดียว
มุมนี้ก็ยังอุตส่าห์ตกแต่งด้วย
มาดูรอบๆบ้านบ้างกันดีกว่า ด้านหน้าทางเข้าบ้าน Chardonnay ครับ
อุปกรณ์ พกพาทั้งหลายสามารถใส่ตระกร้านี้ได้เลย นับว่าของตกแต่งต่างๆได้รับการคิดมาดีทีเดียว
หลังนี้จะอยู่ติดกัน ขนาดก็ใกล้เคียงกันด้วย
ผมเดินอ้อมาข้างบ้าน จะมีบันไดขึ้นดาดฟ้า ขึ้นมาก็ต้องอึ้งกับวิวครับ วิวสุดยอดเลย หลังที่ผมอยู่จะไม่มีบ้านอื่นมาบังไว้ เห็นวิวแบบพาโนรามาไกลสุดตา
รอบๆจะมีเตียงให้นั่งนอนเล่นได้แต่ถ้าช่วงกลางวันกรุณาอย่าได้ลองเชียวล่ะ ถึงขั้นเกรียมแน่ๆ
ด้านหน้าจะมีโต๊ะทานอาหารเหมาะมากๆสำหรับการมาเป็นคู่ นึกถึงตอนค่ำๆนั่งทานอาหารใต้แสงจันทร์ ชมดาวกันโรแมนติกสุดๆเลยเชียว
มี เตาบาร์บีคิวให้ใช้ได้ฟรี แต่ต้องสั่งอาหารกับทางรีสอร์ทนะครับถ้าจะใช้ ต้องแจ้งล่วงหน้าครับ ตัวอาหารจะไม่รวมอยู่ใน package ที่พักครับ
ที่น่าชิวสุดๆผมยกให้เปล ที่ผูกไว้ให้เรามานั่งๆนอนๆได้ แต่กลางวันไม่เหมาะอย่างแรงครับไม่งั้นเกรียมเป็นบาร์บีคิวแน่นอน ถ้าเป็นยามค่ำนี้ บรรยากาศสุดๆไปเลย
ออกมาชมบ้านหลังอื่นๆ กันบ้าง บ้านด้านหลังเยื้ยงๆกับของเรา Sauvignon blanc villa บ้านทรงไข่หลังเดียวของทีนี้ เสียดายไม่ได้เข้าไปชมด้านในครับเพราะมีแขกเข้าพักอยู่
บรรยากาศรอบๆมองไปตรงไหนก็จะเจอฟ้าสีเข้มๆตัดกับหญ้าสีเขียว ทางเดินที่นี้ก็ปูขึ้นลงเนินให้ได้เดินออกกำลังกัน วิวในภาพเป็นตอนเริ่มเย็นๆแล้วแดดกำลังค่อยๆหมดลงจะเห็นเงาทอดยาวสวยจริงๆครับ
ตรงด้านหน้าที่จอดรถเข้ามาครั้งแรกจะเจอตู้โทรศัพท์สีแดงกับเก้าอี้ตัวนี้เด่นมาก ไม่แน่ใจว่ามันโทรได้จริงๆรึเปล่า
มาดูหลังที่ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมกันบ้าง หลังนี้ชื่อ Pinot Noir Pavilion เป็นบ้านคู่แฝดครับ จะมีบ้านแบบนี้อยู่ 2 หลัง อีกหลังเป็น Merlot noir Pavillion สองหลังนี้ต่างกันตรงการตกแต่งภายในที่คนละสไตล์กัน
บ้าน pinot หลังนี้จะแยกบ้านเป็นปีกซ้าย-ขวา สามารถแยกกันได้หรือถ้ามาพักด้วยกันเป็นกลุ่มก็จะมีประตูต่อเชื่อมกันได้ด้วย ของตกแต่งดู Country Styleจริงๆ
ภายในถูกใจผมสุดๆ ตรงมุมนี้ล่ะครับ วิว panorama แบบรอบทิศทางนั่งเล่นชมพระอาทิตย์ตกนี้ สุดๆทีเดียว ตั้งใจว่าถ้าได้มาอีกจะจองหลังนี้ครับชอบมุมนี้จริงๆ
บ้าน pinot จะตกแต่งเป็นสไตล์ Tuscaney อิตาลี สวยอีกแบบแต่ถ้าวัดกันเป็นตารางเมตรแล้ว ดูขนาดอาจจะเล็กกว่าหลังของผมนิดหน่อย
บนหลังคาก็ดูใกล้เคียงกับหลังที่ผมพักอุปกรณ์ทุกอย่างเหมือนๆกันวิวของหลังนี้จะกว้างมากๆเห็นกันทุกมุมของรีสอร์ทเลยทีเดียว
ถนนด้านหน้าของบ้านเห็นเฉียงๆนี้ไม่ใช่ว่าถ่ายมุมเอียงครับแต่เป็นเนินเขาลดหลั่นลงมานั้นเอง
โซนนี้เป็นโซนที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆสำหรับรีสอร์ทในสวนผึ้ง คือโซนเลี้ยงแกะ มีน้องแกะเป็นฝูงอยู่ในรั้วนี้ ตอนผมเดินสำรวจหมดโอกาสแล้วครับ น้องแกะกลับเข้าคอกหมดแล้ว ที่เห็นสีขาวๆอยู่ไกลๆนั้นละครับ นอกจากแกะแล้วที่นี้ยังมีกิจกรรมให้ขี่ม้าด้วย กิจกรรมทั้งหมดนี้ผมยกไปเช้าวันรุ่งขึ้นหมดครับ
มาถึงช่วงเวลาใกล้ค่ำกันบ้างอากาศเริ่มเย็นลงแล้ววิวยามเย็นแสงเริ่มลดลงเรื่อยๆดูสวยไปอีกแบบครับ
ขึ้นดาดฟ้าชมแสงสุดท้ายยามเย็นกันครับ ช่วงเวลาตอนนี้เป็นช่วงที่ผมชอบมากๆสีจะเข้มได้ดั่งใจเลย
แสงไฟจากรีสอร์ทก็เปิดสว่างไสวไปทั่ว ช่วงแสงตอนนี้ถูกใจผมมากเลย มุมโต๊ะอาหารน่านั่งทานโรแมนติกเหมาะกับคู่รักมาก
รออีกไม่นานดาวก็เริ่มค่อยๆเผยตัวออกมาให้เราได้เห้นกัน…สวยมากจริงๆ
มุมน่านั่งและนอนชมดาวเวลานี้ อากาศก็กำลังเย็นสบาย ในคืนเดือนมืดและฟ้าเปิดมากพอ คุณๆก็จได้สัมผัสบรรยากาศเเบบนี้เช่นกัน
แทบไม่อยากกลับลงมาเลยทีเดียว ผมทั้งเก็บภาพและนั่งชิวอยู่บนนี้อยู่จนมืด นั่งชมดาวพราวฟ้า บรรยากาศที่หาได้ยากจริงๆในกรุงเทพฯ
ชมดาวจนลืม นึกได้ผมเลยขอสำรวจบรรยากศยามค่ำรอบๆรีสอร์ทบ้างอย่างสระน้ำที่ไม่มีโอกาสได้ใช้เลย แสงไฟจากสระก็สว่างสวยดีครับ สระขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่น่าว่ายมากเลย
เดินต่อไปสำรวจตรงประชาสัมพันธ์ด้านหน้ากันบ้างแสงกำลังสวยดีทีเดียว
ทางเดินก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟตลอดทาง
ตรงประชาสัมพันธ์เปิืดไฟสวยดีทีเดียว
ข้างในเพราะไฟที่เปิดไว้ เห็นทั้งแสงและเงาที่ตกกระทบบนโครงสร้างอาคารดูเก๋ไปอีกแบบ
มุมนั่งเล่นมี LCD แต่คงไม่มีแขกมาใช้เพราะที่ห้องแต่ละห้องก็มีกัน 2 เครื่องแล้ว
ผมกลับห้องพักและนั่งดู dvd กันในห้องพัก ที่มีเตรียมพร้อมไว้ให้แขกผมเดาว่าน่าจะมีทุกๆห้องเลย ระบบเครื่องเสียงก็ไม่ธรรมดานะครับ ติดตั้งลำโพงแยกตาม chanelซ้ายขวา วางไว้รอบห้อง ตอนนอนผมเปิด tranformer 2 กระหึ่มได้ใจจริงๆ
ลืมบอกไปครับของกินในตู้เย็นของที่นี้ทานได้ทุกอย่างไม่คิดตังด้วยนะครับ ที่เห็นโล่งๆจริงๆมีมากกว่านี้ครับ แต่ผมจัดไปไปหลายอย่างแล้ว เลยเหลือเท่านี้ น่าประทับใจจริงๆครับ
เช้าวันกลับมาถึงอากาศดีมากๆผมเก็บของกันแต่เช้าแล้วก็เดินไปทานอาหารกันอาหารเช้าพร้อมเสริฟตั้งแต่ 7 โมงเช้าเราเป็นแขกคนแรกๆที่มาถึง อาหารเช้ามีให้เลือกเป็น
บุปเฟ่ห์ มีทั้ง ABF ให้เลือกและข้าวต้มต่างๆ อย่างที่ผมเลือกเป็นข้าวต้มกุ้ง
คนข้างๆเค้าขอ ABF มา วางเรียงสงสัยอารมณ์จะดีเรียงออกมาเป็นแบบนี้เลย
อิ่มกันดีผมขึ้นมาแจ้งกับทางส่วนต้อนรับว่าจะ Check out แล้ว ทางเจ้าหน้าที่เลยถามกับเราว่าได้ไปคล้องกุญแจรึยัง ผมฟังครั้งแรกงงๆ จนถึงบางอ้อว่า น่าจะหมายถึงแม่กุญแจสองลูกที่วางอยู่ที่เตียงพร้อมจดหมายต้อนรับจากผู้จัดการ แน่ๆเลยตอนเราเข้าไปก็ยังไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร ตอนนี้รู้แล้ว
นับว่าเป็น Gimmic เก๋ๆที่เห็นคนข้างๆเค้าบอกว่าน่าจะได้ไอเดียมาจาก ในหนังหรือซีรีย์เกาหลีแน่ๆเลยครับ คือ concept จะให้ทุกคู่ที่มาเข้าพักนำกุญแจสองดอกมาคล้องไว้ที่ตรงบริเวณแถวๆสะพานของรีสอร์ท จากนั้นก็จะนำลูกทั้งสองดอกคล้องไว้ด้วยกันแล้วนำไปหย่อนลงน้ำที่รีสอร์ทสร้า้งเป็นลำธารเล็กๆใต้สะพานนั้นเอง ประหนึ่งเหมือนดั่งได้ไปภูเขานัมซานที่คู่รักชาวเกาหลีเค้าจะยึดทำเป็นประเพณีที่จะคล้องรักกันไว้นิรันดร์ นั้นเอง (ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากในเว็บครับคุ้นๆว่าผ่านตาจากรายการทีวีของเกาหลี ในเคเบิลเราด้วย)
นี่ละครับ ที่รีสอร์ทสร้างเป็นลำธารเล็กๆให้คู่รักมาหย่อนลูกกุญแจเก็บไว้ที่นี่ ช่างมีความใส่ใจในรายละเอียดจริงๆบอกตรงๆครับประทับใจมากเลยกับลูกเล่นและรายละเอียดต่างๆที่ช่างคิดเสียนี่กระไร
ลืมเล่าไปอีกเรื่องครับ สำหรับพนักงานทุกคนในรีสอร์ทจะมีชื่อเรียกสมมุติกันขึ้นมาให้เข้ากับบรรยากาศภายในนี้ อย่างคุณ “Harry” คือไกด์ที่พาเราทัวร์รอบๆที่พักแห่งนี้ อย่างตอนนี้คุณ Harry ก็พาเราขับรถก็อฟท์ชมบริเวณรอบๆรีสอร์ท จุดแรกคือ สระน้ำของรีสอร์ที่เลี้ยงหงส์ดำไว้ มันน่ารักมากเลยครับ ที่สำคัญฮาตรงมันสามารถกินอาหารปลาได้ด้วย “จก” กันใหญ่เลยตอนเราเอาอาหารปลาให้ตลกดีครับ
จุดต่อมาก็เป็นตรงน้องแกะครับเนื่องจากเมื่อวานเราไมไ่ด้ออกมาเลี้ยงแกะเลย วันนี้เลยได้ดูได้เลี้ยงสมใจอยากกันไป
ผู้ดูแลครับอยู่กับฝูงแกะเลย
ทั้งม้าและแกะ อยู่ด้วยกันบรรยากาศสมชื่อรีสอร์ทจริงๆครับ
นาฬิกาบก ชื่อนี้ผมตั้งให้เองนะครับเป็์นอีกจุด Landmark ของที่นี้เค้าเลยเห็นชัดตั้งแต่ขับรถผ่านด้านหน้ารีสอร์ท
ไกด์ Harry ของเรายังขับรถนำเราออกมาด้านหน้าที่เป็ฯร้านอาหารที่จนถึงวันนี้น่าจะเปิดเรียบร้อยแล้วล่ะครับร้านตั้งอยู่ริมถนนด้านหน้าด้วย บรรยากาศน่าจะดีทีเดียว
ป้ายชื่อด้านหน้ารีสอร์ทถ้าไม่บอกว่าเมืองไทยสงสัยจะไม่มีใครรู้แน่ๆเลย
ไม่นานก็ได้เวลาลากันแล้วครับ ผมกลับมาที่ด้านหน้าบอกลากับทุกๆคน ตลอดเวลาที่อยู่ในรีสอร์ท ผมไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ต้องบอกว่าประทับใจมากกับการบริการต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากการฝึกอบรมพนักงาน รวมทั้งที่พักที่ใหม่มากๆและการตกแต่งที่ใส่ใจมากครับ ความหลากหลายของห้องพักที่ทำให้อยากกลับมาพักได้อีกเพราะแต่ละห้องพักไม่ซ้ำกัน บวกด้วยภูมิทัศน์รอบๆ มองเห็นทิวเขาด้านหลัง บรรยากาศที่ถือเป็นจุดเด่นที่สุดแห่งนึงของสวนผึ้งที่นับเป็นจุดขายที่แตกต่างจากรีสอร์ทสไตล์เดียวกันได้ครับ วิวที่นี้กินขาดจริงๆ ข้อปรับปรุงเท่าที่นึกๆดูแทบจะไม่มีเลย จะมีก็มาจากแขกท่านอื่นๆที่มีโอกาสได้คุยกันตอนเจอกันเห็นมีบ้างที่บ่นว่าอาหารไม่อร่อยเท่าที่ควร แต่ที่ผมทานเองกันสองคนก็ต้องบอกว่าไม่ถึงกับอร่อยรสเลิศแต่ไม่ได้แย่แน่ๆครับ ราคาก็เป็นไปตามรีสอร์ทนั้นเองไม่ถูกแน่ๆ
รวมๆผมต้องขอชมถึงความตั้งใจและการดูแลจากพนักงานทุกคนทั้งไกด์ Harry ที่รับเราเข้าที่พักตั้งแต่วันแรกจนถึงวันกลับยังขับรถพาเราชมจนทั่วรีสอร์ท เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีหลายคนที่คอยเดินตรวจตราเรายามค่ำและที่ประทับใจเลยจริงๆคือเจ้าหน้าที่ “Owen” ที่ถือเป็นFirst impressionกับเรามากจากการเอ่ยคำทักทายเราตั้งแต่นำรถเข้ามาเลยและรวมถึงฝ่าย activity manager คุณ”Roger” ที่จัดกิจกรรมบันเทิงต่างๆออกมาต้อนรับแขกเป็นอย่างดี
นอกเหนือจากที่เห็นในภาพของผมแล้วยังมีกิจกรรมต่างๆอีกนะครับทั้ง ฟิตเนตที่มีให้บริการและการยิงธนูก็มีแต่ผมไมไ่ด้ลงไปเล่นเลยน่าเสียดายครับ เจ้าหน้าที่และพนักงานทุกคนของรีสอร์ทที่มีหัวใจในการบริการเป็นอย่างดี
กับราคาที่เราจ่ายในช่วงโปรโมชั่นนี้นับว่าคุ้มค่ามากๆจริงๆ ใครที่อยากลองไปสัมผัสราคาช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 53 นี้เท่านั้นครับ จากนั้นจะกลับไปราคาปรกติรึเปล่าคงต้องสอบถามกันอีกที นับเป็นรีสอร์ทที่แสนประทับใจเราทั้งคู่มากมายจนไม่แน่ว่าอาจจะขอกลับไปสัมผัสอีกสักครั้งเร็วๆนี้ก็เป็นได้ครับ
สนใจรายละเอียดต่างเข้าไปดูกันได้ที่หน้าเว็บของรีสอร์ทได้เลยครับ http://www.swissvalleyhipresort.com/ เบอร์ติดต่อ 032711-111 ขอลากันด้วยภาพค่ำคืนแห่งความประทับใจ หนหน้าจะกลับมาพอคุณๆเที่ยวให้เข้ากับช่วงฤดูนี้กันบ้างเร็วๆนี้ครับ
4 Comments
ิีburinaomaom
น่าไปมากคะ สวยมากจองไว้แล้วไปวันที่ 25 ก.ค. หวังว่าฝนคงไม่ตกนะคะ
ถ่ายรูปสวยมากๆๆเลยคะ ทำให้อยากไปเร็วๆๆเลย ขอบคุณนะคะที่นำมารีวิว ชอบคะให้คะแนนเต็ม ร้อยเลย
projectone
สวัสดีครับคุณ burinaomaom หวังว่าไปแล้วจะประทับใจเช่นกันนะครับ ขอบคุณมากครับที่แวะมาทักทายกัน
pam
อยากไปมากเลย สวยมาก แต่ต้องหาเพื่อนไปด้วย