รีวิวที่พักแรกๆของปีนี้ สำหรับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของ one22 อยากจะขอพาคุณๆ หนีร้อนขึ้นเหนือไปยังที่พักอีกที่ๆ อยากแนะนำกันมาพักใหญ่แล้ว
แต่ก็นะ สไตล์ one22 ไม่ดองอาจจะไม่ได้ของรสชาติดี ดูคล้ายๆไวน์ย่งบ่มยิ่งรสชาติเลิศเลอ
อะแฮ่ม…เบรค..ก่อนจะไหลไปมากกว่านี้ …555
เรามาเข้าเรื่องกันเลย และก่อนจะไปต่อชี้แจงเล็กน้อยครับว่าหนนี้ อาจจะไม่ Full Review นัก
เพราะมีเวลาพักที่นี่แค่คืนเดียวเอง เลยไม่ได้เก็บรูปไว้เท่าที่ควรจะเป็น ยังไงตามมาพบความสุขกับรีสอร์ทสไตล์ LOFT ที่แสนฮิบและกิ๊บเก๋สุดๆกับ “Zensala Resort Chiangmai”
ทริบนี้ถือเป็นทริบที่สองที่มีโอกาสไปใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองอีกครั้ง หลังจากย้ายสัมโนครัวมาประจำการดอนเมืองแทน ปันปัน ดูหนุกหนานเหลือเกินจริงๆจ๊ะ
และยังคงใช้บริการสายการบินเจ้าประจำบ้านของเราเช่นเคยครับ Airasia หนนี้บินตั๋วโปรจองกันข้ามปีเช่นเคย
เผลอแป๊บๆ ก็ขึ้นเครื่องกันแล้ววิธีทำให้ปันปันสงบเสงี่ยมเรียบร้อยที่สุดบนเครื่องเคล็ดลับอยู่คาปากเค้าเลย ^____<
ทริบเหนือหนนี้ ขึ้นไปเที่ยวด้วยแรงบันดาลใจจากการชมภาพทุ่งนาขั้นบันไดจากรีวิวเพื่อนๆที่แม่แจ่มมาหลายๆครั้งแล้วล่ะครับ
ภาพทุ่งนาขั้นบันไดกับน้ำค้างยามเช้าคือสิ่งที่ดึงให้ผมพาตัวเองขึ้นเหนือจนสำเร็จ ช่างน่าตื่นเต้นสำหรับผมมากทีเดียว
ทิ้งท้ายด้วยทุ่งนาเขียวสุดสายตา ก่อนจะพาคุณๆเลี้ยวรถกลับเข้าเมืองกันต่อนะครับ ตั้งใจจะทำ Full Review ของทริบนี้ให้อ่านกัน รอซักหน่อยนะครับ ^ ^
ที่ตั้งของ Zensala ห่างถนนไฮเวยของเชียงใหม่แค่ 800 เมตร บางคนอาจจะถูกใจเพราะเดินทางสะดวกเข้าเมืองง่าย แต่ประเด็นที่ผมมาหนนี้เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ
ธรรมชาติด้วย ที่นี่จะเป็นคำตอบนั้นของผมไหมน้อ….
เราเดินผ่าน Counter Checkinมา ก็ต้องแปลกใจ เพระเพียงพ้นรั้วเข้ามาในอาณาบริเวณของรีสอร์ท ทั้งเสียงรถยนต์ที่ผ่านไปมาด้านหน้า ล้วนหายไปหมด อย่างไม่น่าเชื่อ
และที่น่าทึ่งก็คือตัวรีสอร์ทติดริมน้ำปิง แบบเกยตลิ่งกันเลย ….
ทรงกล่อง มาต่อลดหลั่นกันแบบนี้ละครับถือว่าเป็น Loft Resort ที่เท่ได้ใจมาก ตรงนี้คือ Lobby ด้านหลังมองย้อนกลับไป
เวลามองจากด้านในรีสอร์ทจะเห็นห้องพักได้ทั้งหมด และอย่างที่เห็นมีจักรยานด้วยนะ…
มีจักรยานให้ลูกค้าสามารถปั่นเที่ยวรอบๆได้
ด้านหน้าบริเวณล็อบบี้ มีร้านอาหารของรีสอร์ท มีมุมนั่งเล่นให้แขกนั่งได้
ห้องอาหารสำหรับลูกค้าทั่วๆไปหรือจะเป็นแขกก็ตามสามารถมานั่งได้จนถึงค่ำๆเลย
ที่นี้มีห้องพักไม่เยอะมากนะครับ ถือเป็นรีสอร์ทไซต์ S เกือบๆ M ก็ว่าได้ เพราะมีห้องอยู่แค่ 14 ห้องเท่านั้นเอง แต่จำนวนห้องเท่านี้กับทำให้ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่มีเสน่ห์ในแต่ละห้องทีเดียวครับ เพราะเค้าแต่งไม่เหมือนกันเลยซักห้อง
วิว มองตรงๆจากหน้าห้องจะเห็นว่าห้องพักสร้างมาในสไตล์ Loft ทรงกล่อง ความเหลี่ยมุมของห้องบวกกับผนังสีปูนเปลือยกลับยิ่งทำให้ห้องมีเสน่ห์ น่าเข้าไปพักแทบทุกๆห้องและห้องที่เปิดไฟอยู่ก็คือห้องที่เราพักคืนนี้นั้น เองครับ ^ ^
อย่างห้องที่ผมพักเป็น Pool Access Deluxe ด้านหน้ามีสระว่ายน้ำอยู่หน้าห้องพอดี มาดูห้องกันดีกว่า
ห้องพักขนาดไม่ใหญ่นะครับ แล้วแต่ห้องกันไปเค้ามีตั้งแต่ขนาด 28-41 sqm ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าห้องที่ผมพัก Size ไหน แต่วิวหน้าห้องนี่สิไม่ธรรมดา เลย
มองเข้าไปด้านในห้องพักจะมีทุกอย่างให้ครบ ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรครับเพราะอุปกรณ์ทุกอย่างก็มีให้ไม่ขาด
อีกมุมจากในห้องมองออกไปด้านหน้า เจอบรรยากาศริมน้ำได้เลย
อ่อที่ชอบคือไฟหัวเตียงแบบในรูปครับ เดี๋ยวนี้เห็นรีสอร์ทรุ่นใหม่ชอบติดตั้งในห้องให้แขก ซึ่งใช้จริงแล้วดีมากเวลาอยากอ่านหนังสือหรือเล่นเกมในมือถือละครับ ^_^
ห้องน้ำก็เช่นกันมีอุปกรณ์ให้ครบที่ชอบมากก็คือ มีสายฉีดชำระให้ ยังรู้สึกเหมือนเช่นเคยว่าโรงแรม รีสอร์ททุกๆที่ในบ้านเราควรมีนะจ๊ะ หรือจะมีใครไม่ชอบบ้างจริงไหมครับ >_<
เดิน 3 ก้าวจากห้องพักลงสระได้เลย
สระก็ว่ายน้ำได้สนุกครับ อย่างที่บอกเพราะเป็น สระยาวหน้าห้องชั้นล่างทั้งหมด แบบนี้ว่ายทักทายกันได้เลย ^___^
ผมตื่นแต่เช้าเพราะสอบถามมาแล้วละครับว่า ที่นี่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหน้าห้องกันได้เลย และจริงๆก็เป็นเช่นนั้น อากาศยามเช้าสดชื่นมาก แม้ในเดือนที่ผมไปจะยังไม่หนาวเต็มที่ก็ตาม
จะว่าเป็นความบังเอิญก็ได้นะครับ ผมเลือกพักที่ Zensala Resort จากงานไทยเที่ยวไทยปีก่อน ด้วยเพราะผมกำลังมองหาโปรรถเช่าราคาประหยัดเพื่อใช้กับทริบหนนี้นั้นเอง
เดินไปเดินมาจนสะดุดตากับที่นี่ และสุดท้ายก็พาตัวเองมาพักสำเร็จครับ “ในภาพเป็นตอนเช้าๆ บรรยากาศดีเหลือหลาย บรรยากาศยามเช้าที่นี่สวยงามมากครับ เห็นพระอาทิตย์โผ่ลขึ้นหน้าห้องได้เลย”
เช้าไหนเห็นพระอาทิตย์กลมๆโตแบบนี้ ผมถือว่าวันนั้น เที่ยวมีความสุขทั้งวันแน่นอน อันนี้ผมเชื่อของผมนะครับแต่ไม่หวงหากใครจะคิดตรงกันนะ 🙂
มาดูห้องอาหารกันต่อ ห้องอาหารที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย เล็กๆน่ารักเหมือนตัวรีสอร์ทนั้นละครับ
บรรยากาศในห้องอาหารครับ
อุปกรณ์บนโต๊ะครบเซ็ท พร้อมใช้งาน ครับ
อาหารเช้าที่นี้จะเป็นแบบ Alacart นะครับ สั่งได้ตาม set ที่มีให้เลือก ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารเช้ามารตฐาน ของโรงแรมรีสอร์ท ทั้งหลายแต่รสชาติอร่อยครับเพราะเค้าทำเองเกือบทุกอย่าง อย่างอันนี้เป็นสลัด ผักสดดีมากๆเลย น้ำสลัดก็ทำเองครับ
หรืออย่า AFB อันนี้คนข้างๆเค้าสั่งมาทานเลยครับ หน้าตาดีใช้ได้นะ ผมว่ารสชาติก็โอเลยล่ะ ได้มาตรฐานไม่ต่างกับ 5 ดาวทั้งหลายนะผมว่า
พอดีเช้านี้ผมอยากกินไข่เจียวเป็นพิเศษเลยลองสั่งมาดูและหน้าตาก็ไม่ใช่ไข่เจียวธรรมดานะคร้าบบอร่อยดีเชียวล่ะ 🙂
ไม่เชื่อถามปันปันเค้าดูเบย อ่อน้ำที่นี่ก็กดเองได้ครับมีเสริฟปรกติเช่นทุกโรงแรม
อิ่มกันยังครับ ถ้าอิ่มแล้วผมพาเดินชมรอบๆต่อ ห้องพักอื่นๆที่ไม่ได้อยู่บนตึกเดียวกันก็มีนะครับ เป็น Villa หลังโดดๆแยกเดี่ยวออกมา เรียกว่า Zensala Mini Villa แต่ผมไม่ได้เข้าไปถ่ายด้านในมาให้ชมกันเป็น ห้องพักเดี่ยวแยกออกมาแบบนี้จะมีอยู่ 2 หลังด้านหน้ามีอ่างจากุชชี่ให้นอนแช่กันด้วยนะครับ
หลังหม่ำมื้อเช้ากันเสร็จ เรามีไปล่องเรือแม่น้ำปิงกันต่อครับ เป็นบริการล่องเรือที่โรงแรมสามารถติดต่อให้ได้
เรือ ที่ใช้พาเราล่องเรียกว่า”เรือหางแมงป่อง” เรือนี้มีประวัติยาวนานมากครับ เป็นเรือที่อยู่คู่คนเชียงใหม่มาตั้งแต่ยุคสร้างเมืองกันเลย
ลองมาดูความเป็นมากันหน่อย ผมว่าเป็นเรือที่น่าทึ่งลำนึงทีเดียวนะครับ
ความเป็นมาของเรือแมงป่อง
ของ ขวัญที่ล้ำค่าและเป็นสิ่งที่ควรอยู่ คู่กับแม่น้ำปิงมาตั้งแต่โบราณนั้นคือ เรือหางแมงป่องที่ต้องอนุรักษ์ คู่กับแม่น้ำแห่งนี้ จะเป็นเรือหางยาวก็ไม่ใช่ จะเป็นเรือพายเล่นก็ใหญ่เกินกำลังของคนที่จะพายไหว ยิ่งดูรูปร่างของเรือด้วยแล้ว ก็คล้ายกับกาบมะพร้าวที่เด็กๆสมัยก่อนลอยน้ำเล่นกัน อย่าว่าแต่คนถิ่นอื่นๆเลย ที่ไม่รู้จักเรือหางแมงป่องนี้ แม่แต่ชาวเชียงใหม่เองก็มีไม่มากนัก เรื่องนี้อธิบายได้ไม่ยาก เพราะว่าเรือหางแม่ป่องหายไปจากแม่น้ำปิง ถึงขั้นที่ว่าหายสาบสูญ จะว่าไปแล้วเรือหางแมงป่องมีส่วนช่วยในการสร้างบ้านแปงเมืองให้ลำพูนและ เชียงใหม่ได้รุ่งเรืองด้วยกัน และในยุคต้น เป็นเรือที่เจ้านายฝ่ายเหนือใช้ และในยุคปลายทำหน้าที่ขนส่งสินค้าจากเมืองเหนือล่องตามลำน้ำไปทางใต้ถึง เมืองกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเศษ และล่องทวนน้ำจากเมืองกรุงเทพมาทางเหนือใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือน โดยใช้ลูกถ่อจำนวน 12-18 คน จะว่าไปแล้วมีเพียงเรือหางแมงป่องชนิดเดียวเท่านั้นที่ใช้ขึ้นล่องในน้ำปิง เนื่องจากในบลำน้ำปิงเต็มไปด้วยเกาะแก่งและหาดทรายมากมาย จึงทำให้ใช้เวลาการเดินทางค่อนข้างลำบากแลยาวนาน
ในการ ออกแบบเรือ ของคนโบราณใช้ไม้สักทั้งต้นที่มีขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-8 เมตร ประมาณ 20 กว่าคนโอบมาขุดทำเป็นเรือหางแมงป่อง ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความชาญฉลาดของคนโบราณล้านนา ใช้ไม้สักซึ่งมีค่าอย่างมากมายในภาคเหนือเนื่องจากไม้สักมีน้ำหนักเบา และคุณสมบัติพิเศษคือลอยน้ำได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่นๆ อีกทั้งไม่บิดไม่งอ จึงเป็นที่นิยมในการทำเรือในยุคนั้น แม้กระทั่งเรือชนิดอื่นๆก็ทำจากไม้สัก ตอนหลังมีการสะดุดหยุดเรือหางแมงป่อง เนื่องจากนยุคหลัง ไมสักที่มีขนาดใหญ่ๆหายากขึ้น และเรือหางแมงป่องเมื่อชำรุดแล้ว ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เพราะเป็นเรือขนาดใหญ่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เพราะเป็นเรือขนาดใหญ่สามารถบรรทุกได้ถึง 3 ตัน ต่างจากเรือชนิดอื่นๆ ที่ใช้ไม้เป็นแผ่นๆ มาต่อเป็นเรือ ซึ่งครั้งโน้นไม่นิยมนำไม้เป็นแผ่นมาต่อเป็นเรือ เนื่องจากเรือมีน้ำหนักมากและอุ้ยอ้าย การล่องเรือผ่านเกาะแก่งต่างๆลำบาก และไม่มีความแข็งแรงเท่ากับไม้เป็นท่อนที่นำมาขุดเป็นเรือ
เพื่อ อนุรักษ์ให้ชนรุ่นหลังได้รู้จัก เรือหางแม่ป่องที่สร้างขึ้นมาใหม่ ในที่สุดเรือหางแมงป่องก็มาเป็นความภาคภูมิใจของชาวเชียงใหม่ และเรือหางแม่ป่องต้องทำให้แม่น้ำปิง ซึ่งเป็นหัวใจของชาวเชียงใหม่สะอาด ปลอดมลภาวะ และไม่สร้างปัญหาด้านเสียงด้วย เนื่องจากเครื่องยนต์ของเรือหางแมงป่องใช้เครื่องเบนซิน ซึ่งน้ำมันเบนซินมีมลภาวะต่อแม่น้ำน้อยมาก และเสียงเงียบไม่เป็นที่รบกวนของชาวบ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง เรือทั่วไปนำความเย็นของน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงเครื่อง แต่เรือหางแมงป่องนี้ใช้หม้อน้ำเหมือนรถยนต์ ฉะนั้นจะไม่มีมลภาวะต่อแม่น้ำใดๆเลย น้ำมันที่หลุดร่วงหรือเล็ดลอดตามน้ำในเครื่องสู่แม่น้ำแทบไม่มีเลย
บรรยากาศดีทีเดียวดูสิแม่จ๋ากับปันปันพร้อมที่จะเพลินกันแล้ว
แม้รูปนี้ยังกะสาวน้อยแสนหวานกันเลยลูกผม ^ ^ ฮี่ ฮี่ 555 อะไรจะเหมือนยังงั้นเนอะ
หากใครมีเวลาชิลลๆไม่รีบร้อนไปไหนต่อ น่าลองนะครับ ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้นเอง
ล่องเลียบริมไปด้วยกัน สนุกสนานเหลือหลายเลยบรรยากาศดีอากาศอาจจะร้อนแต่เรือก็พาเรากระทบลมเย็นๆตลอดทางสดชื่นครับ ^ ^
บรรยากาศบ้านเรือนสองข้างทาง สวยสไตล์แบบเมืองเหนือ
ผมพบว่าการปล่อยวางจิตใจไปกับสายน้ำ ทำให้เราก็ได้สัมผัส ความร่มรื่นในหัวใจของเราไปกับธรรมชาติรอบๆด้าน….
และยิ่งเมื่ออยู่กับคนที่เรารักและรักเรา ความสุขก็มาเยือน ^_______^
แม่ลูกสนุกกันมากมายเกินหน้าเกินตาจริงๆ
ล่องมาไม่นาน ก็ถึงจุดหมายของเรือแล้วครับ “สวนบ้านชาวนา” เป็นจุดที่แวะสำหรับนักท่องเที่ยวให้มาชมสวนและการแสดง ตอนที่เราไปเราเลือกล่องขามาเท่านั้นขากลับเรานัดแนะที่จะกลับกับรถของรีสอร์ทครับ
ด้านในจะมีลานโชว์และเป็นร้านอาหารไปในตัว
อยู่ไม่นานเราก็กลับแล้วละครับเพราะวันนี้เราเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายปลายทางอีกแห่งที่ตั้งใจจะมากัน คือ “แม่แจ่ม”
สรุป
ทริบเหนือหนนี้เป็นความอยากส่วนตัวที่จะพาปันปันมาเที่ยวเหนือในช่วงปลายฝนต้นหนาวครับ และมีโอกาสได้มาสัมผัสรีสอร์ทน่ารักๆสไตล์ เท่ๆอย่าง Zensala Resort ด้วย สำหรับที่นี่แล้วผมสรุปเป็นหมวดๆได้ดังนี้ครับ
การตกแต่ง
พบว่า เป็น Boutique Resort ที่ใหม่และมีบุคคลิกของตัวเองชัดเจน ในสไตล์ Loft Hotel (ว่าง่ายๆคือตกแต่งสไตล์กล่อง มาต่อๆกัน)แม้จำนวนแห่งจะมีแค่เพียง 14 ห้องเท่านั้น จริงๆจำนวนกับการบริการและอาณาบริเวณ ประมาณนี้ผมว่ากำลังดีนะครับไม่เล็กเกินและไม่ใหญ่ จนขาดความอบอุ่นไป ส่วนที่ดีสำหรับห้องที่เราเข้าพักก็คือมีสระว่ายน้ำอยู่หน้าห้องเลยสามารถเดิน 3 ก้าวโดดน้ำได้เลย แต่ถ้าหากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัว Type Pool Access ยังไม่ตอบโจทย์คุณนักน่าจะเลือกห้องพักชั้น 2-3 ดูจะได้ใจมากกว่า ส่วนต่อมาห้องพักสะอาดสอ้านมีทุกอย่างครบ แม้ห้องที่เราเข้าพักจะเล็กซักหน่อย ถ้าคุณๆเลือกได้อาจจะเลือกห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็ Request กับทางรีสอร์ทดูและสามารถสอบถามตรงนี้กันได้
การบริการ
การบริการและการดูแล ตั้งแต่เจ้าของลงมาให้ความใส่ใจในความเป็นส่วนตัวกับลูกค้าเป็นที่ตั้ง พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสดี Request อะไรไปไม่ต้องรอนานครับ จะมีการ Respond ตอบรับกลับมาเร็ว
ห้องอาหารและอาหารเช้า
เรามีโอกาสได้ทานทั้งช่วงมื้อค่ำและมื้อเช้า พบว่าอร่อยดีครับรสชาติใช้ได้อร่อยและเยอะดีโดยเฉพาะพวกอาหารจานเดียวทั้งหลาย แม้ราคาก็ไม่ถูกแต่ไม่ได้แพงจนสั่งไม่ได้ เมนูอาหารก็ทั่วไปครับ ส่วนมื้อเช้าอาหารเป็นแบบ Alacart รสชาติดีใช้ได้ แม้ไม่มีให้เลือกมากนักและอาจจะดูน้อยไปนิด แต่ถ้าสั่งอะไรที่ไม่พิเศษเจาะจงจนเกินไป เชพก็สามารถทำให้เราได้แบบไม่อิดออดครับ
รวมๆทุกอย่างสำหรับการพักที่นี่คุณๆก็สามารถปล่อยตัวปล่อยใจได้สบายๆแม้จะไม่ใหญ่โตมีพื้นที่ระดับเดินชมได้ทั้งวัน แต่ก็มีความเท่และสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในการตกแต่ง รวมทั้งบริการที่ใช้ได้ หากคุณๆกำลังหาห้องพักที่สะดวกไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่แล้วที่ Zensala Resort ก็เป็นอีกที่ๆน่าสนใจ มีมุมให้ถ่ายรูป สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าจากหน้าห้องพักได้เลยอีกด้วย ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปเยือนและพักห้องแบบอื่นๆอีก
สำหรับรีิวิวนี้ยังไม่จบครับ ยังมีภาคต่อจะพาไปเที่ยวทุ่งนาขั้นบันได้อย่างที่ตั้งใจไว้ก่อนมา จะเป็นยังไงโปรดติดตามต่อไปนะครับ หนนี้ขอลาด้วยรอยยิ้มจากครอบครัว one22.com ครับมีความสุขกันถ้วนหน้าจนกว่าเราจะได้เจอกันอีกซึ่งไม่น่าจะนานจ้า ^ ________^
*** ใครสนใจสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่นี่เลยครับ www.zensalaresort.com เบอร์ติดต่อ Tel: (66) 53 225 888 ครับ