ตีห้าเศษ…
ใครๆหลายคนอาจจะกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข แต่ผมพึ่งตื่นและกำลังกุลีกุจอหยิบกล้องคู่กาย เดินสลัดความง่วงและขี้เกียจเดินคุ่มๆจากห้องพัก ที่แม่จ๋าและเด็กยักษ์ยังนอนตีพุงกลมๆแถมกรน…เหมือนเสียงแมวครางให้ได้ยินเบาๆ
จะด้วยเพราะความเคยชินก็เป็นได้ เวลามีทริบร่างกายเหมือนจะรู้ว่า จะนั่งจะนอนนาน อาจจะพลาดโอกาส เก็บภาพสวยๆกันได้
ผมจึงเดินออกมายืนหน้าห้อง Beach Front ที่อยู่อีกด้านของเกาะ…
หน้าหาดตอนนี้เงียบสงบ มีเพียงแสงไฟตามเสาที่รีสอร์ทพอเปิดให้เห็นทางเดิน เห็นเพียงเปลไกว่ที่สงบนิ่งไม่ไหวติงใดๆถัดไปเบื้องหลังที่ท้องทะเลยังส่งเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นระยะๆ เวลานี้เหมือนเกาะตกเป็นของผมอยู่คนเดียวยังไงยังงั้นเลย…
และที่มันพิเศษคือดาวยังไม่ลาลับขอบฟ้าไปไกล ด้วยแสงไฟจากเรือตกหมึกที่เห็นอยู่ที่ขอบน้ำไกลๆ ดูไปทำให้ท้องฟ้าและทะเลแปลกตา และดูสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทะเลดาวสีเขียว… ผมมองผ่านช่อง View Finder ออกไปพร้อมๆกับรำพึงอยู่ในใจ…
แสงสีที่ผิดจากธรรมชาติสร้าง กลับดูแปลกตาและมีความน่าพิศวงอยู่ในตัวของมันเอง
ยิ่งมาพร้อมกันกับดาวบนท้องฟ้าที่ยังไม่ลาจาก ยิ่งได้ภาพที่แสนจะแปลกตาแบบที่ไม่ต้องใช้ PHOTOSHOP มาปรับมาเปลี่ยนอะไรมันเลยสักอย่าง
เปลหยวนจากฝั่งด้านห้องพักของเรา เมื่อกลางวันที่ผมกับเด็กยักษ์แสนซน มานอนมานั่งเมือกลางวันดูสงบเสงี่ยม นิ่ง…ไม่ไหวติง เหมือนจะรอใครสักคนมาไกว่อีกครั้งในวันใหม่ที่กำลังมาถึง
เวลาไม่คอยท่า ผมเดินสาวเท้าไปทางทิศที่คาดไว้ตั่งแต่เมือคืนว่าพระอาทิตย์ต้องขึ้นที่มุมนี้แน่ๆ และก็ไม่ผิดหวังครับหลังไปตั้งกล้องรอไม่ถึง 10 นาทีพระอาทิตย์ก็ค่อยๆหลุดขอบขี้เมฆเป็นดวงเล็กๆให้ผมได้เก็บตะวัน
หลังจากที่สายๆของวันก่อนที่ พวกเราได้มีโอกาสหนีเมืองมาล่าอากาศบริสุทธ์ หาทะเลที่ยังมีธรรมชาติดีๆให้ได้เสพทั้งร่างกายและจิตใจ
จนมาพบกับที่นี่ “เกาะมันกลาง” จ.ระยอง เกาะเล็กๆขนาดไม่ใหญ่ที่อยู่ห่างจากฝั่งทะเลจังหวัดระยองแค่นั่งเรือไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงได่ง่ายๆ
เป็นเกาะเล็กๆที่มีทีพักแค่เพียงแห่งเดียวคือ “มันตาคีรี ไอส์แลนด์ รีสอร์ท ” เป็นเจ้าของอยู่เท่านั้น ในเวลาเช้าขนาดนี้มันช่างดูแสนสงบเสียจนใจสั่น สั่นที่มันไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเราเนี่ยละครับ ^ ^”
ก่อนจะพาคุณเดินทางลึกลงไปเรื่อยๆ กันต่อกับทะเลที่แสนสวยงามและสุขสงบ..
ผมขอย้อนกลับไปเมือเช้าของวันวาน…
ในวันที่การเดินทางของครอบครัวเล็กๆของ one22 เริ่มอยากหนีกรุงฯ มาพบเจอธรรมชาติสวยและแสนสุขสงบแบบนี้..
ตามมาครับ …ถอยเวลากันไปที่จุดเริ่มต้น
…ในวันแรกของการเดินทางด้วยกัน…
ไอแดด ท้องฟ้าแจ่มๆ ในเดือนที่ยังร้อนแรงที่สุดเดือนนึงของปี จะไปเที่ยวไหนไปได้ดีไปกว่าทะเล
one22.com พาเพื่อนๆไปเที่ยวทะเลกันมาหลายที่แล้ว
วันนี้จะมาพาไปเที่ยวทะเลที่ใกล้ๆกรุง ไปมาสะดวกและที่สำคัญทั้งทะเล ทั้งธรรมชาติสวยงามไม่แพ้ทะเลไหนๆ
ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นคุณๆต้องตามมาดูด้วยกันแล้วล่ะ ทะเลใกล้ๆแค่ระยองกับ “มันตาคีรี ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เกาะมันกลาง” ลองมาตามรอยธรรมชาติที่สวยงามใกล้ๆกัน
เส้นทางไปมาสะดวกง่ายและรวดเร็ว เพราะอยู่ใกล้ๆแค่ระยอง จากกรุงเทพฯใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ตรงไปยาวๆจนถึงเห็นป้ายบอกให้ไป บ้านบึง-แกลง เลี้ยวซ้ายออกไปตามถนนสายบ้านบึง-แกลง วิ่งไปเรื่อยๆครับสังเกตุขวามือ เจอป้ายเลี้ยวขวาสามแยกแกลง ตามป้ายอนุเสาวรีย์สุนทรภู่ ไปจนสุดทางนะครับ จะเจอป้ายบอกทางเข้าตัวท่าเรือ มันตาคีรีรีสอร์ท
หรือคุณๆสามารถนั่งรถโดยสารปรับอากาศจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ไปอำเภอแกลง (สำหรับเที่ยวรถเวลา 7.00น.) จะมีรถไปอนุสาวรีย์สุนทรภู่โดยตรงเลยเช่นกันครับ
มาถึงท่าเรือ เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าครับขับมาเรื่อยๆ แวะซื้อของบ้าง ซักพักก็ถึง ท่าเรือโดยสารของ เกาะมันกลาง ที่ท่าเรือ อ่าวมะขามป้อม ที่จะพาเราไปใช้ชีวิต SlowLife กัน 3 คน 3 วัน 2 คืน
และจุดแรกที่เราทุกคนจะแวะกันคือ เกาะมันใน เกาะมันในเป็นเกาะที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทางทะเล เกาะมันใน เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยมีพระราชประสงค์ให้เกาะมันในเป็นที่ดำเนินการโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน อยู่ห่างจากแหลมแม่พิมพ์ 5 กม. เดินทางง่ายมากครับ อยู่ระหว่างฝั่งและ เกาะมันกลาง ใช้เวลาจากแหลมแม่พิมพ์มา 5 กิโลเมตรเท่านั้นเอง การเดินทางไป เกาะมันใน อาจเช่าเรือไปได้จากแหลมแม่พิมพ์แต่ต้องไปลงเรือที่ ท่าเรือเกาะมันกลาง คืออ่าวมะขามป้อม ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมที่สถานีเพาะเลี้ยงพันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน โทร. (038) 616096,657466
เด็กยักษ์วันนี้ไม่งอแงเท่าไหร่ บอกให้ไปไหนมาไหน ว่าง่าย อย่างวันนี้บอกว่าจะพามาดูเต่าทะเล ดูจะสนใจมากๆเลยล่ะ ยิ้มล่าเบย
เต่ากระตัวใหญ่ขี้เล่นและเป็นมิตรกับคนมากเลย
ที่แรกที่แวะกันเป็นศูนย์อนุบาลเต่าทะเล ที่นี่มีเต่าอยู่ในการดูแลอยู่ หลายพันธ์คือ เต่าหญ้า เต่าตนุ เต่ากระ เลี้ยงไว้ในบ่อคอนกรีตให้ชมได้อย่างใกล้ชิด มีตั้งแต่พึ่งเกิดไปจนถึงอายุหลายปีที่พร้อมจะกลับลงทะเลได้
เด็กยักษไม่เคยเจอเต่าใกล้ๆขนาดนี้ พยายามเอานิ้วเล็กๆชี้ลงไปให้ถึงเต่าพร้อมๆกับหันมาบอกพ่อว่า “เต่าวว เต่าวววว ” ไอ้พ่อก็นึกในในใช่สิฮับคุณลูกไม่งั้นจะพามาดูเหรอออฮ๊าฟฟท์ ( V__V )
ติดๆ กันจะเป็นศูนย์สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล อยู่ใกล้ๆกันกับบ่ออนุบาลเต่า เป็นอาคารชั้นเดียว ภายในจัดแสดงเรื่องราวของเต่าทะเลในประเทศไทย มีเต่าทะเลขนาดใหญ่หลายชนิดสตัฟฟ์ไว้ด้วย
ที่เห็นนี้คือลุงเต่ามะเฟืองยักษ์ ที่มาเกยตื้นที่นี่ หลังจากลุงจากไปแล้วทางศูนย์เลย สต๊าฟลุงเต่าไว้ให้คนรุ่นถัดๆมาได้ชมกัน เต่ามะเฟืองขนาดนี้ยังไม่ใหญ่สุดนะครับ เด็กยักษ์ว่าตัวใหญ่ๆแล้วเจอลุงเต่าเข้าไปถึงกับง่ออเลยล่ะ 555 ให้แม่จ๋า ลองเอามือไปจับไม่กล้าจับ ดึงมือกลับแทบไม่ทันกันเบยยเชียวละ
เราอยู่เกาะมันในกันประมาณ 1ชม.ก็ได้เวลาเดินทางไปกันต่อที่เกาะมันกลางอันเป็นเป้าหมายของเราทริบนี้แล้ว
มาถึงเจอหาดทรายสวยๆ น้ำทะเลใสจนไม่เชื่อว่าเรายืนอยู่ฝั่งอ่าวไทยกันเลยครับ
เกาะมันกลางเป็นเกาะที่ถือว่ายังมีความเป็นธรรมชาติและความเป็นส่วนตัวอยู่สูงมากครับ ที่นี่น้ำจะ 24 ชม.แต่ไฟจะปิดเปิดเป็นเวลา เพราะเป็นไฟปั่นนะครับ เปิดตั้งแต่ 5.30 โมงเย็นไปจนถึง 8 โมงเช้า
ใครอยากหลีกหนีแสงสี มาอยู่กับทะเลสวยๆ ใช้เวลานั่งๆนอนๆอ่านหนังสือ หรือปลดปล่อยตัวเองให้เวลาเดินช้าๆ ที่นี่ก็ใช่แล้วละครับ
เด็กยักษ์กับท้องทะเล แสนกว้างใหญ่ ดูจะตื่นเต้นกับทะเลฝุดๆละนั้น
อากาศดีๆขนาดนี้ เด็กยักษ์อยากจะลงไปลุยน้ำกันแล้วละครับ มะมาจับเปลี่ยนชุดกันดีกว่า
ความที่เป็นเกาะส่วนตัวใครจะขึ้นเกาะได้ต้องซื้อ Package มาเท่านั้น เลยทำธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ริมๆหาดมีต้นไม้สีเขียวแซมไว้ตลอดดูร่มรื่นมาก
มีเปลผูกไว้ให้มานอนนั่งได้ ชิลล์สุดๆครับ อากาศก็ดี แดดอ่อนๆไม่แรงมากในช่วงเดือนที่เราไปเที่ยว
มาดูห้องพักกันบ้างครับ ห้องพักที่นี่เรียกว่าเกือบ 100% เป็นSea View กันเลย มีบ้างห้องเป็น Beach Front ที่เรียกว่าได้ยินเสียงคลื่นชัดเข้าฝั่งกันทุกห้อง ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 18 ห้อง แบ่งเป็น Seaview 7 ห้อง ห้องใหญ่สุดรับคนได้ 4 คน ที่เหลือเป็น Beach Front 11 ห้องครับ
มาดู Sea Front Lodge กันก่อน ห้อง Type นี้รองรับนักเดินทางได้ตั้งแต่ 2-4 คน และยังมี ที่นำเรือมาทำเป็นห้อง ที่รองรับลูกค้าได้ถึง 4 คนกันด้วย อย่างส่วนนี้เป็นห้องแบบเรือครับ ภายในที่นี่จะปรับปรุงสม่ำเสมอเปลี่ยนของตกแต่งบ้าง ทาสี เปลี่ยนที่นอนให้ใหม่ตลอดเวลา Type เรือจะมีอยู่ 4 ห้องเท่านั้นนะ
ภายในทาสีขาวทั้งห้องดูสะอาดตาตัดกับผ้าม่านสีสดใส ดูแล้วได้บรรยากาศทะเลมากๆ
มีมุมน่ารักๆ ที่ตกแต่งใช้ของจากธรรมชาติผสมกับของเล่นสีสดใสทำให้ห้อง ดูน่ารักขึ้นเยอะ
มองจากหน้าห้อง Confirm ว่าเห็นทะเลแน่นอนครับ
มาต่อกันที่ห้อง Sea View Lodge สำหรับ 2 คนอีกแบบ จะใช้เรือมาทำเช่นกันแต่หันหน้าห้องรับลมทะเลได้เห็นทะเลจากบนเตียงกันเลย
ภายในตกแต่งผมว่าจะแพ้ห้องใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็น่านั่ง น่านอนดี สภาพเรือมีเก่าไปบ้างตามเวลาครับที่นี่เปิดมาได้พักใหญ่แล้วละครับเจ้าของก็ยังคงหมั่นขยันดูแลอยู่แต่สภาพไม้ก็ยังบ่งบอกถึงเวลาที่เดินทางมายาวนานของเรือลำนี้เหมือนกัน
เห็นทะเลจากหน้าห้องกันเต็มๆ
ห้องน้ำสะอาดสะอ้านดูเหมือนจะพึ่งปรับปรุงใหม่กันด้วยครับ
มาดู Type สุดท้ายเป็นแบบ Beach Front Lodge คือจะเป็นห้องพักเป็นแถวยาวๆติดกันเป็นรูปตัว L อยู่ติดริมหาดอีกฝั่งด้านทิศตะวันตก นั้นก็หมายความว่าฝั่งนี้เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกหน้าหาดนั้นเอง ทุกห้องมีหน้าห้องเห็นทะเลเหมือนกันหมด ดูไปก็ต่างกันตรงที่ใช้ ทางเดินกับหน้าห้องร่วมกันเท่านั้น
ภายในแต่ละห้องตกแต่งด้วยสีสันที่ต่างกันไป ใช้เตียงอาจจะเหมือนกันแต่การวาง Position เป็นความตั้งใจของที่นี่ที่จะวางเฟอร์ให้ดูต่างกันบ้างเท่าที่ทำได้
ของตกแต่งให้ได้กลิ้นไอทะเลก็ยังคงมีเช่นเดียวกับห้องType อื่น ผมดูแต่ละห้องก็เห็นความตั้งใจนั้นครับ
ห้องน้ำก็ตกแต่งล้อไปกับเฟอร์นิเจอร์และสีสันที่ใช้ของอุปกรณ์ตกแต่งในแต่ละห้องไป แต่ยืนพื้นที่สีขาวเป็นหลัก
เข้าช่วงบ่ายกิจกรรมที่รีสอร์ทคือ การพาไปดำน้ำดูปะการังรอบเกาะกัน น้ำใสอากาศดีมากจน ดีใจที่เอาครีมทากันแดดมานะไม่งั้นก็ไหม้แน่ๆ
พี่คนดูแลก็พยายามช่วยลูกทริบสุดตัวให้ได้ดำน้ำกัน
ส่วนตัวเราไม่ได้ลงนะครับ นั่งเก็บภาพไปเรื่อยๆอยู่บนเรือแทนครับ
แม่จ๋ากับเด็กยักษ์เองก็ไม่ยอมลงทั้งคู่ หน้าตาออกอาการง่วงกันแล้ว
ถึงเวลาพักผ่อนริมทะเลอย่างที่ต้องการกันครับ อากาศดีมากกกกก
มาดูอาหารกันบ้างครับ อาหารจะเป็นอาหารไทยมีเมนูให้มื้อละไม่ต่ำกว่า 4-5 อย่างขึ้นอยู่กับจำนวนของกรุ๊บที่ไป และถึงแม้คุณจะมาเพียง 1-2 คนทางรีสอร์ทก็จัดอาหารให้คุณเป็นชุดอยู่ดี (เอ๊ะแล้วจะบอกทำไมเนี่ย 55)
กุ้งผัดผงกระหรี่ครับ รสชาติกลมกล่อมอร่อยมาก กุ้งสดเคี้ยวหนึบได้ที่
เมนูปลาอินทรีทอดน้ำปลา ปรกติผมเป็นคนไม่ชอบกินปลาอินทรีเท่าไหร่ครับรู้สึกเนื้อมันแข็งยิ่งเวลาเอามาทอดด้วยนะครับแต่อันนี้ยกให้รสชาติเค้าเค็มๆกินกับข้าวอร่อยมาก ทอดมากรอบดีมาก
อันนี้อร่อยสุดๆผมชอบที่สุด ปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย ปลาหมึกทั้งสดกับกรุปๆ รสชาติเค็มหอมพริกไทยกระเทียม อร่อยมากๆ หม่ำจนเต็มข้าวกันเลยครับเมนูนี้
จบกับเมนูอาหารผมขอพามาสำรวจรอบๆกันต่อครับ ที่นี่นอกจากจะเป็นรีสอร์ทแห่งเดียวในละแวกนี้เลย เค้ามีศาลเจ้าแม่กวนอิมหนึ่งเดียวในเกาะกลางทะเลระยองสำหรับศาลเจ้าแม่กวนอิม
ใครทราบว่ามีมากกว่าที่ผมบอกมาช่วยกันบอกต่อในนี้ได้นะครับ เป็นความรู้ที่เราสามารถเพิ่มเติมและแบ่งปันกันได้จากทุกๆคนจ้า
ผมพาเด็กยักษ์กับแม่จ๋าไปศาลเจ้าแม่กวนอิม ตอนหลังมื้อเย็นสุดอร่อย ตัวศาลจะเป็นที่เคารพของชาวประมงละแวกนี้และเจ้าของเกาะ ที่ปลูกสร้างมาก่อนเป็น สิบๆ ปีแล้ว
ศาลตั้งอยู่ปลายแหลมของเกาะ สามารถเดินจากห้องพักเพื่อมาไหว้ศาลฯ ได้ตลอดวันผมเลือกมาช่วงพลบค่ำเพราะอยากเก็บภาพพระอาทิตย์ตกด้วย
แม้จะไม่ได้เยอะนักแต่แขกที่พักบนเกาะแห่งนี้ ก็แวะเวียนขึ้นไปกราบศาลเจ้าแม่กันแทยทั้งนั้น เท่าที่ผมลองสังเกตุดู
พอเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิแบบนี้ แถมมาในแสงร่ำไรของพระอาทิตย์ที่ล้อไปกับเสียงคลื่นซัด ในยามที่น้ำทะเลกระทบกับโขดหิน อาจทำให้ใจของใครหลายคนหวั่นไหว และเริ่มไหวหวั่นกับบรรยากาศรอบกายแบบผมได้เลย ( ^ ^” )
แต่เมื่อหันไปเห็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมก็ทำให้สบายใจขึ้นมาทันที…เทพยังอยู่จะกลัวอะไร คิดได้ดังนั้นเริ่มเดินหน้าเก็บภาพที่รอมาทั้งวันกันต่อไป
เวลานี้ผมยังคงละเลียดสายตาผ่านมุมกล้องเพื่อเก็บแสงจนกว่าวินาทีสุดท้ายของแสงตะวันจะทำงานบนท้องฟ้า…
พร้อมๆกับการเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตชีวา ที่กำลังเริ่มต้นที่ริมขอบฟ้า จากแสงไฟของเรือชาวประมงล่าหมึก ล่าปลาที่กำลังสู้ชีวิตกันต่อไป
คืนนั้นผมนอนอิ่มกายใจหลับไปโดยง่าย
อาจเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากเดินทางและบันทึกภาพตลอดวัน ใจยังคิดว่าพรุ่งนี้เราจะขอออกล่าดวงตะวันแต่เช้าเช่นอย่างที่เคยมา..และก็เป็นไปอย่างที่เปิดเรื่องจั่วหัวไว้นั้นเองครับ
…………………………………………………….
เข้าสายๆ ยามที่ไฟฟ้าเริ่มดับลง ผมว่าที่นี่เป็นอีกที่ๆทำให้จิตใจเราได้พักผ่อน ในแบบชีวิตไม่เร่ง ไม่รีบ…
ได้นั่งทอดอารมณ์บ้างบนชิงช้า…
นั่งชิลล์ริมทะเลจิบเครื่องดื่มเย็นๆรับลมทะเลพัดผ่านกระทบหน้าบ้าง…
เวลา…สำหรับเรานั้นช้าลงมากๆ
ผมบอกตัวเองเสมอว่าการได้อยู่กับปันปัน ได้เห็น ได้เล่นน้ำ เล่นทรายร่วมกับกับ เด็กยักษ์แสนซนที่กุลีกุจอตื่นเช้าๆ อย่างที่เด็กเมืองกรุงฯคนนึงสุดแสนจะตื่นตาและตื่นใจ
ในมุมมองของผู้ใหญ่แล้วเค้าสมควรได้รับแบบนี้ คือเวลาที่แสนสุขจริงๆครับ
อยากมีเวลาแบบนี้ให้ลูกเสมอ นะจ๊ะลูกรักของพ่อ…
หลังผ่านชั่วเวลาแสนสั้นตลอดวัน จนถึงใกล้ๆเวลาสำคัญคือยามพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับ…
โชคดีมากๆสำหรับใครที่อยากมาชมพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตกที่นี่สามารถทำให้วันพักผ่อนสงบๆมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก หน้าห้องพักของเราสามารถชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้ง่ายมาก
วินาทีที่พระอาทิตย์ใกล้ๆจะลาลับ มีเรือลำยักษ์แสนแปลกตาอยู่ไปพร้อมๆกันมันไม่ธรรมดาเลยเชียวละ
ผมยืนเก็บภาพอยู่คนเดียวแบบสบายๆ ไม่ต้องแบ่งใครเลย เหมือนเกาะนี้อยู่ในมือเรากันเลย มีMoment พิเศษๆมากมายบนเกาะมันกลางแห่งนี้
หลังเก็บภาพพระอาทิตย์ใกล้ตกในยามเย็นได้ที่ เราจึงได้รู้ว่ามีจุดชมวิวที่ขึ้นไปชม Sunset อีกที่ๆไปกันได้ไม่ยากเลย “อ่าวหินแดง” มีทางขึ้นเขาที่สามารถพาเด็กยักษ์เดินขึ้นไปได้ บางช่วงของเส้นทางอาจจะต้องมีอุ้มบ้างเพราะความชันแต่ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรมาก
สุดท้ายก็ปีนกันจนถึง ได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่ริมขอบฟ้ากันอีกครั้ง
เด็กยักษ์ดูสนุกสนานกับทุกสิ่งรอบตัวเสมอเหมือนทุกๆครั้ง
ทั้งแม่จ๋าและเด็กยักษ์ ดูสนุกสนานมากครับ คนเป็นพ่อเป็นแม่จะต้องการอะไรมากไปกว่าความสุขของลูกอีกแล้วคงไม่มี
เพื่อนร่วมทริบแสนดีที่เดินเป็นเพื่อนกันไปชมพระอาทิตย์ตกและคอยช่วยอุ้มเด็กยักษ์เป็นระยะๆ ผ่อนแรงแม่เค้าไปได้เยอะ ต้องขอบคุณมากๆผ่านรีวิวนี้เลยครับ มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกสักครั้งในที่เที่ยวแห่งไหนสักแห่งบนโลกใบนี้อีกนะครับ
สรุปกันหน่อย
มันตาคีรีรีสอร์ท เกาะมันกลาง เป็นอีกที่พักที่แม้ไม่สะดวกสบายสุดๆแบบโรงแรม 4-5 ดาวทั้งหลาย ห้องพักไม่ได้ผ่านมือนักออกแบบเก่งกล้าที่จัดวางทุกอย่างลงตัวเป๊ะๆอย่าง มันตาคีรี รีสอร์ท แต่ด้วยใจรักของเจ้าของที่อยากเก็บรักษาทะเลไทยไว้ให้มันเป็นอย่างที่มันควร จะเป็น และดูจะมีความสุขได้ทุกๆโมงยามที่มีแขกแวะไปเวียนมาหามุมสงบๆ เปลียกตัวเองออกจากชีวิตที่วุ่นวาย และบริหารเกาะแห่งนี้ไปพร้อมๆกับที่เข้าใจธรรมชาติและรับโจทย์ใหม่ที่เข้ามาสม่ำเสมอ ใครมาก็คงติดใจไม่ยากนะครับ
มีหลายอย่างที่ต้องบอก กันก่อน ไฟฟ้าที่นี่เป็นสิ่งมีค่ามาก เพราะใช้น้ำมันเป็นตัวให้เชื้อเพลิงกับกระแสไฟฟ้า จึงไม่เหมาะสำหรับใครที่อยากมาเล่นเน็ต นั่งหน้าจอมือถือจิ้ม Line กันตลอดวัน หรือขอทีวีแบบ 24 ชั่วโมง ขอให้คุณๆบอกลาผ่านที่นี่ได้เลย แต่ถ้าคุณอยากได้ที่พักที่เหมาะจะหลีกและปลีกเวลามาใช้ชีวิตให้มันช้าลงบ้าง
ได้ลิ้มรสอาหารทะเลรสชาติไท้ ไทย แสนอร่อย…
มีเวลาได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติและเกลียวคลื่น…
พกหนังสือดีๆสัก เล่ม ที่คุณซื้อมารอวันเปิดอ่าน ซักที
หรืออาจจะยัดหนังดีๆที่โหลดมาเก็บไว้จนลืมไปแล้ว เพราะไม่มีเวลาได้ดูซักที …โปรดอย่ารอช้า…
พกมันติดตัวมาให้หมดเพราะคุณๆจะได้ใช้เวลากับสิ่งที่คุณรอมานานแล้วกับที่นี่ได้เลยครับ
บนหาดทรายที่ขาวสวยแห่งนึง และมีน้ำทะเลสีเขียวอมฟ้าแสนใสจนเห็นปลาบนฝั่งทะเลไทยจะมีไว้ให้เราไปพิสูจน์ได้ ที่นี่ก็ใช่แล้วละครับ
รีวิวนี้ใกล้จบแล้วครับ ก่อนจะลากันขอฝากดาวในยามค่ำคืนดีๆที่ฝากไว้ที่ทะเลเกาะมันกลางแห่งนี้
ฝากเปลไกว่ทีน่านั่งน่านอน ฟังเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งแบบที่คุณหรือใครหลายๆคนคงอย่างมี Moment นี้เก็บไว้ในความทรงจำ
ฝากยามเช้าที่แสนเงียบงัน ที่แม้แต่เสียงฝีเท้ายามเดินเหยียบลงไปบนพื้นทรายยังดูดังเข้าไปในหูของเราทุกๆย่างก้าว
และสุดท้ายฝาก…เรื่องราวของครอบครัวเล็กๆ(แต่ตัวแสนใหญ่ของพวกเรา) ที่มักเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทุกที่ ที่ยังหาที่สิ้นสุดยังไม่ได้ ไว้กับทุกๆคน
หวังว่าเรื่องราวของครอบครัวเราคงมีประโยชน์ให้คุณหรือใครๆได้เริ่มต้นพาคนที่คุณรัก พาใจที่รักการเดินทาง ออกเดินย่างก้าวไปตามความต้องการของทุกๆคนได้ แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ
จนกว่าเราจะเจอกันใหม่ครับ สวัสดี… ^ ^
…………………………………………………………..
สอบถามและติดต่อห้องพักโดยตรงได้ที่นี่เลยครับ www.mantakiri.com/
Tel: 087-992-1999, 087-921-7555, หรือ โทร (038) 657-232
E-mail: [email protected]