สวัสดีจ้าเพื่อนๆ
วันนี้้มาเจอกันในหยุดสบายๆของวันอาทิตย์ พร้อมกับการรีวิวอาหาร & เครื่องดื่ม แต่ครั้งนี้จะฉีกแนวมาในรูปแบบของประเภทเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์นิดส์ พอดีได้มีโอกาสได้ไปงานเปิดตัวเครื่องดื่มยี่ห้อสุดหรู ชื่อว่า Remy Martin
โดยครั้งนี้มีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาใหม่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไป คือ Remy Martin Club นั่นเอง ถ้าใครได้เคยมีโอกาสชิมรสชาติของ Remy Martin Club แล้ว ก็จะพอทราบว่า มีรสชาติที่นุ่ม กลมกล่อม แต่ให้ความแรงในเรื่องของแอลกอฮอล์ และมีความซ่านิดๆเมื่ิิอดื่ม แต่ไม่ใช่ความซ่าแบบ Sparkling ถือว่าทำออกมาได้ลงตัว และรสชาติดีทีเดียว ถ้าเที่ยบกับสนนราคาแล้วต้องขอบอกว่ามันไม่แพงเลย
เราอาจจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับบรั่นดีแบบพอสังเขปกันก่อน ซึ่งเจ้าตัวก็เพิ่งทราบจากการไปได้ลิ้มลองมาในครั้งนี้่ว่าประวัติที่มาของการผลิตและการแบ่งเกรดของเหล้าโดยเฉพาะประเภทของบรั่นดีนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว บรั่นดีที่นิยมกันว่าเป็นชนิดที่ดีที่สุด คือ บรั่นดีที่ผลิตจากเมืองคอนยัค (Cognac) และเมืองอาร์มายัก (Armagnac) ประเทศฝรั่งเศส (อยากจะมีโอกาสไปเยื่ยมขมแคว้นนี้สักครั้ง เผื่อจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าองุ่นในแคว้นนี้มันช่างมีคุณภาพกว่าที่อื่นอย่างไร จริงๆแล้วอยากไปเที่ยวฝรั่งเศส 555) ซึ่งมีความเชื่อกันว่าแคว้นดังกล่าวมีผลผลิตขององุ่นชั้นดีที่เหมาะจะนำมาบ่มให้เป็นบรั่นดีรสเลิศ ดังนั้นบรั่นดีที่เป็นที่นิยมกันจึงมีชื่อต่อท้ายจากแคว้นที่ผลิตเพื่อเป็นการบอกคุณภาพและระดับของบรั่นดีนั่นเอง
เมื่อมี”เครื่องดื่ม”ก็ต้องมี”อาหาร”เพราะมันเป็นของคู่กัน ดังนั้นขอมาพักเบรคสีสันด้วยอาหารตากันสักนิด ^ ^ จานอาหารที่เสิร์ฟในวันงาน
จานที่1 “สเต็กปลาแซลมอนพริกไทยดำ” จานนี้นอกจากมีชิ้นปลาแซลมอนโตๆ แล้วก็มาเสิร์ฟพร้อม”มันบด””ผักโขม” เมื่อได้หม่ำเข้าปากแล้วก็รู้สึกว่าเข้ากันเป็นอย่างดี การตกแต่งจานนี้สีสันสวยงามจริงๆ
จานที่2 “สเต็กเนื้อพริกไทยดำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว”
บรรยากาศงานเปิดตัวด้านในคือร้าน cloud47 ที่ตึก United Tower สีลม ก็ถือเป็นร้านอาหารที่เพื่อนๆสามารถมานั่งชิลล์เอ้าท์กันได้ เพราะที่นั่งมีรองรับเยอะพอสมควร มีนักร้องเล่นดนตรีและร้องสดๆ เอาภาพบรรยากาศมาฝากกันเลยจ้า
นอกจากนั้น Remy Martin ยังถือว่าเป็นบรั่นดีที่เป็น Fine Champagne ซึ่งหมายถึงว่าทำมาจาก องุ่นที่มาจาก Grande Champagne และ Petite Champagne ผสมกัน ซึ่งเป็นชื่อของพื้นที่ๆปลูกองุ่นที่ได้คุณภาพมาตรฐานที่เหมาะจะมาใช้ในการผลิตบรั่นดี ซึ่งแบรนด์ใหญ่ท่ีเป็นที่รู้จักหลายแบรนด์ก็นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตบรั่นดีเช่นกัน และRemy Martin ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ของแบรนด์ระดับโลกก็ย่อมที่จะคัดสรรวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานมาผลิตเช่นกัน
ภาพการหยิบไวน์….เก๋ซะ
การบ่มบรั่นดีจะเก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กเป็นเวลาหลายๆ ปี ส่งผลให้สารแทนนินส์ (tannins) ที่มีอยู่ในเนื้อไม้ละลายลงไปในบรั่นดีทำให้มีสีเหลืองอำพัน และทำให้มีกลิ่นหอม แต่ถ้าเป็นบรั่นดีที่มีคุณภาพต่ำนั้น ผู้ผลิตจะเติมสารคาโรเมล (caromel) ลงไปเพื่อทำให้บรั่นดีมีสีเหลือง และเติมวานิลลา (vanilla) ลงไปเพื่อปรุงกลิ่น เมื่อบรรจุขวดแล้วไม่ว่าจะเก็บไว้นานสักเท่าใด ก็ไม่มีผลทำให้คุณภาพดีขึ้นไปกว่าก่อนบรรจุขวด (ตามที่เราเคยเชื่อกันว่ายิ่งเก็บนาน ยิ่งอร่อย)
วิธีการดื่มคอนยัคที่ถูกต้องจะดื่มในแก้วบรั่นดี (Brandy Snifters) ที่มีลักษณะอ้วนกลม (เหมือนคนรีวิว) การดื่มบรั่นดีมักดื่มตอนหลังอาหารเพื่อเป็นการช่วยย่อย (ไม่แน่ใจว่าคิดเองหรือป่าว 555) และสามารถดื่มแบบเพียวๆหรือ on the rocks ก็ได้ แต่แนะนำให้ดื่มหลังอาหารไม่ควรดืิ่มในขณะท้องว่าง
นอกเหนือจากการดื่มมบรั่นดีแบบคนทั่วไปแล้ว ในบางโอกาสผู้เขียนก็ใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านได้อีกด้วย เมื่อคุณมีอาการท้องเสียปั่นป่วนในท้องอย่างหนัก ให้เทบรั่่นดีลงในแก้ว 1 เป้ก แล้วดื่ม อาการที่ปั่นป่วนจะหายไป แต่ยังคงถ่ายปกติ (อันนี้เป็นความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากบิดา) ถ้าใครจะลองไปปรับใช้ก็ไม่ว่ากัน สรุปได้ว่านอกจากบรั่นดีจะมีรสชาติที่กลมกล่อมแล้วยังสามารถเป็นยาประจำบ้านได้อีกด้วย อิอิ
แผนที่ร้าน
Facebook : https://www.facebook.com/thecloud47