เดือนแห่งฤดูฝนโดยแท้…
สัมผัสได้ถึงความชุ่มช่ำของบรรยากาศ
อาจจะดูมืดและครึ้มไปบ้าง สำหรับคนขี้เหงา
แต่… รีวิวนี้จะพาเพื่อนๆหนีฝน กลับไปคลุกทราย หาไอแดด สัมผัสสายลมอุ่นๆ ที่พัดกระทบหน้า
ย้อนเวลา…กลับไปช่วงหน้าร้อน ให้หายคิดถึง..กันซักนิด
หน้าร้อนที่อากาศเป็นใจ ให้ออกทะเล ฤดูที่แสงแดดแรงถึงใจ
ว่าแล้วก็ เชิญเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนแวะเข้ามาเที่ยวกับ ทริบสุขสันต์ในสไตล์ครอบครัว one22 กันนะฮับ
ทริบนี้ เด็กซน ลันลาสุดๆเบยล่ะ เชิญครับ เชิญมาเที่ยวทะเล สุดเขตแดนตะวันออกของไทยกันกับ The Dewa Koh Chang
ทริบนี้ ถือเป็นทริบพักผ่อนแบบสบายๆของครอบครัวเราครับ ความตั้งใจจะออกกันแต่เช้าแต่ติดธุระนู้นนี่นั้นจนสุดท้าย
กว่าจะได้ออกเดินทางก็เข้าบ่ายกันเลย ไปถึงท่าเรือเกือบเที่ยวสุดท้ายตอนทุ่มนึงแล้วละ
มาถึงก็เก็บภาพคิดรถยาวเหยียดเนื่องจากไปช่วงใกล้วันหยุดยาวๆของคนไทยพอดีเลย เก็บภาพคิวรถกันก่อน
ของเราก็รออยู่กับเค้าเหมือนกัน
ปันปัน ระหว่างรอเลยออกไปวิ่งเล่นรอบๆซะเลย พ่อเก็บภาพแทบไม่ทันกันเลย ดีว่าไปสนใจแสงไฟตรงหน้าเลยหยุดให้เก็บภาพ (ข้างหลัง) ซะงั้น 555
การเดินทางไปเกาะช้างทุกวันนี้แสนสบายครับ จะไปรถส่วนตัวหรือรถประจำทางหรือ ขึ้นเครื่องก็มีหมด สำหรับรถโดยสารก็มีออกตั้งแต่เช้ามืด
ที่ เอกมัยก็มีให้เลือกทั้งขับหรือนั่งรถไปประมาณ 5 ชมก็ถึงตราดและตรงไปที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ เกาะช้างเฟอร์รี่ ได้เลย
หรือขึ้นเครื่องก็มีของ Bangkok Airway ครับต้องเช็คดูจากเว็บไซต์ของสายการบินอีกที
ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ ท่าเรือเฟอร์รี่ที่จะขนทั้งรถและเราไปยังเกาะช้าง.. คุณๆสามารถเช็คราคาปัจจุบันและเส้นทางไป ท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่ ได้ที่นี้นะครับ อ่อเรือจะมีตั้งแต่6.30-19.00 น.ครับ
สำหรับ การเดินทางมา The Dewa เกาะช้าง มาง่ายครับ หลังออกจากเรือเฟอร์รี่ก็เลี้ยวขวาและตรงยาวๆไปจะเห็นป้ายโรงแรมอยู่ด้านขวามือ ขับรถไม่ถึง 20 นาที ก็ถึง (ขอบคุณภาพแผนที่จากเว็บไซต์ The dewa ครับ)
มาถึงก็ค่ำแล้วล่ะ ตรงนี้เป็นบริเวณสระน้ำกลาง “The Pool “ก็สวยทีเดียว เงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นทะเลดาวก็สวยมาก หลังพาปันปันเข้าห้องพัก ผมออกมาเดินเล่นรอบๆ สังเกตุเห็นพระจันทร์เต็มดวง เลยอดไม่ได้ที่จะเก็บภาพท่ามกลางแสงจันทร์มาฝากกัน
คืนนี้บรรยากาศ สงบและอากาศเย็นสบายๆมาก ถามฟ้าเปิดเห็นหมู่ดาวกระจายเป็นดวงๆเต็มท้องฟ้าเลย สวยมากๆ
ถ่ายไม่กี่ภาพก็ง่วงแล้วครับ คืนนี้เหนื่อยๆพรุ่งนี้ตั้งใจจะมาเก็บภาพยามเช้าของรีสอร์ทต่อ
วันรุ่งขึ้น เช้านี้มีได้กระโจนลงน้ำกันทั้งบ้านแน่ๆ บรรยากาศยามเช้า คนยังไม่ตื่นแต่ มีผมเนี่ยละ เดินไปมาแล้วครับ
เด็กซนๆพร้อมจะลุยสระแล้วล่ะ ดูเค้ายิ้มซะก่อนจิ๊
แม่จ๋าพาปันปันลงสระสมใจเลย พ่อจ๋าเลยได้โอกาสเก็บภาพไม่กี่ภาพเอง ก่อนจะกระโดดลงน้ำไปแจมด้วย ลันลากันทั้งบ้านเลยจ้า ^ 0 ^
ไหนๆแล้วก็ขอพาชมสระน้ำตอนกลางวันบ้างนะครับ สระกว้างอย่างที่บอกไป ยิ่งพอตอนกลางวัน ก็สรุปได้ทันที่ว่า ที่นี่เป็นอีกที่ๆ สระว่ายน้ำใจกว้างมากกกก
เพราะยาวและกว้างขวาง สุดๆเลย
แดดออกจะดีป่านนี้ จะให้คลุกอยู่แต่ในห้องก็กระไรอยู่นะ ไปๆ เล่นน้ำกัน สระนี้ว่ายน้ำสนุกไม่ลึกเกินไปสำหรับผู้ใหญ่ และส่วนสระเด็กก็ไม่ได้แคบเกินไปเช่นกัน
บรรยากาศรอบๆสระมีโซฟาใหญ่ให้นอนอาบแดดได้เลย
แดดดีถ่ายยังไงก็สวยเนอะ 5555
ขึ้นจากสระมาก็หิวได้ที่ไปดูเมนูมื้อเช้ากันดีกว่า สำหรับ ร้านอาหารของ The Dewa “The Restaurant” จะอยู่ติดกับสระน้ำกลางอยู่แล้ว
ห้องอาหารนี้จะเสริฟอาหารเช้าทุกๆเช้าให้เราและเปิดบริการตั้งแต่ 7.00-23.00 นทุกวันครับ
บรรยากาศร้านกว้างขวางดีครับ มากพอจะรองรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมด
บรรยากาศรอบๆครับ เป็นห้องอาหารที่ได้บรรยากาศธรรมชาติ มีวิวต้นมะพร้าวให้ดูเพลินๆดี
มาดูแบบยามค่ำบ้างสวยมากๆทีเดียว ยิ่งยามแสงตกสะท้อนผิวน้ำในสระนะครับ
ถ่ายภาพที่นี่สนุกครับ มีมุมให้ถ่ายได้หลากหลายดี ทางรีสอร์ทตกแต่งได้สวยดีทีเดียวครับ
มาดูไลน์อาหารกันบ้าง เอาแบบรวมมิตรกันไปในทีเดียวนะครับ หลักๆมาอยู่ 2 วันพบว่า อาหารมีหลากหลายใช้ได้ มีท้้งอาหารไทยและเทศ พวก ABF สั่งพร้อมเสริฟ และยังมีข้าวต้ม,ก๋วยเตี๋ยว,สปาเก็ตตี้,อาหารไทยประเภทผัดต่างๆ,ขนมปังนานาชนิด และอีกหลากหลาย รสชาติโอเคดีเลย สำหรับแบบผมนะครับ คือผมก็ทานง่ายไม่เรื่องมากซะด้วย
รวมๆจากประสบการณ์พักมาหลายๆทีนับว่าเป็นอีกที่ๆ อาหารครบใช้ได้เลย สำหรับ The Dewa
ปันปันก็ Enjoy Eating ฟินสุดๆจ๊ะ นั้นๆมีสาวแอบเหล่อยู่ด้านหลังเค้าด้วยน่า ^ ^
มีอีกร้านที่อยากแนะนำในรีสอร์ท ชื่อว่า ” The Beach ” เป็นห้องอาหารกิ่งบาร์ อยู่ชิดติดทะเลกว่า บรรยากาศยามค่ำ มานั่งจิบดริงค์เบาๆที่นี่ ชิลล์ได้อีกนะครับ
อิ่มกันดีแล้วผมจะพาไปชมห้องพักกันบ้างดีไหมครับ ตั้งแต่มายังไม่เห็นกันเลย เริ่มที่ ห้อง Type แรกก่อนกับ Deluxe Room เป็น Type เริ่มต้นของที่นี่ ห้องพักขนาด 48 ตารางเมตร
เปิดประตูเข้ามาเจอเตียงขนาด King Size นอนสบายครับ เราสามคนนอนกันได้ไม่มีเบียด เหมือนนอนอยู่บ้านยังไงยังงั้นเลย เหมาะกับทั้งคู่รักและครอบครัวเล็กๆขนาดเรานะผมว่า
มุมด้านปลายเตียงมี LCD TV ครับ
มองจากหัวเตียงย้อนออกไปหน้าประตูครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำก็ครบถ้วนดีทุกอย่างนะ
ห้องน้ำเป็น ทรง ยาวขนานไปกลับห้องพักมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ริมสุดชิดหน้าต่าง กระจกฝาหนา ทึบมองไม่เห็นจากภายนอก อยู่ด้านหน้าข้างๆประตูห้องครับ ^ ^
ห้องนี้ สำหรับผมและครอบครัวของเราแล้ว นับว่าใหญ่ใช้ได้แล้วละครับ ห้องพักดี ตกแต่งสวยงามในแนว ปูนเปลือยตามสมัยนิยม
ผสมกระเบื้องตกแต่งเรียบเท่ เน้น เหลี่ยมมุมไปบ้าง ถ้ามีเด็กเล็กต้องคอยสังเกตุให้ดี อย่าเผลออาจจะวิ่งซนไปชนกันได้ รวมๆแล้ว ดีทีเดียวแม้จะเป็น TYPE เริ่มต้นนะครับ
และเราไปดูห้องอีกแบบกันเป็นแบบ ที่เราได้พักในอีกคืนถัดมา เป็น Type Villa ครับขนาดจะใหญ่ขึ้นเป็น 60 ตารางเมตร
ลักษณะห้องพักแตกต่างจาก Type Deluxe ทั้งขนาดและรูปทรง ห้อง Type นี้จะเป็น ทรววงกลมมีสองชั้น แบ่งกันชั้นละห้อง ตกแต่งสีแดงโทนสีร้อนเป็นหลัก
หมอนมีให้พอประมาณออกจะน้อยไปนิดสำหรับบ้านนี้
ด้านปลายเตียงออกไปด้านนอกครับ
จะเป็นเก้าอี้ให้นั่งได้เป็นคู่ มีสระน้ำอยู่ตรงกลาง แต่อาจจะขาดความเป็นส่วนตัวไปสักหน่อยครับเพราะทุกห้องจะหันหน้าเข้าหากันหมดมอง จะเอ๋กันได้เลย
มองย้อนกลับไปทางเข้า เจอเด็กซนๆ คนนึงกำลังเล่นสวิทช์ไฟอยู่ หู้ยย ซนฝุดๆเลยอ่ะ
เข้ามาจะมีประตูซ้อนด้านขวาอีกชั้นเป็นประตูแบ่งกันอย่างละครึ่ง สำหรับส่วนของห้องนอน และ ห้องน้ำ นับว่าเป็นอีกห้องที่ให้พื้นทีห้องน้ำใหญ่ใช้ได้เลย
มีอ่างอาบน้ำนอนแช่สบายๆเลย อันนี้ confirm เพราะแช่กันมาแล้วทั้งคุณพ่อและคุณลูก อิอิ
ห้องพัก Type นี้ดีครับ ชอบที่เตียงนอนใหญ่และห้องน้ำกว้างดีมาก เราใช้ประโยชน์ต่างๆจากห้องนี้ได้คุ้มดีเพราะทั้งพ่อและลูกเล่นน้ำทั้งในห้อง นอกห้องกระจายเลย มันเค้าล่ะ อิอิอิ อ่อแต่ตรงโซนเก้าอี้ด้านในอาจจะไม่ส่วนตัวไปหน่อย เท่านั้นล่ะ รวมๆน่าพักน่านอนดีทีเดียว
มาต่อกันที่ บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทครับ วันอากาศดีอย่างช่วงที่เราไป มันแจ่มมากกก
แม้อากาศจะร้อนแต่มาทะเลไม่ให้ร้อน ไม่ให้แดดออก จะมาทำไมจริงไหมครับ แถมรีสอร์ทก็ดูจะปลูกต้นไม้ร่มรื่นดีทีเดียวเชียวละครับ มองแล้วฟ้า ทะเล ต้นมะพร้าว เข้ากันสุดๆ
อ่อ ณ.ตำแหน่งนี้ถือว่า Hot มากใครมาไม่มานั่งถ่ายรูปตรงนี้ดูท่าจะเหมือนมาไม่ถึง The Dewa ยังไงยังงั้น นี่ผมนั่งรอถ่ายรูปอยู่นานเชียวละครับกว่าตัวนี้จะว่างนะ
หลังจากลันลากัน ปันปันขอออกกำลังซนิด ประมาณไม่เลอะก็ไม่ใช่เค้าละครับ สนุกสนานนั่งเล่นทราย แต่งตัวหล่อๆมา กะจะพาไปหาอาหารอร่อย น่าหม่ำ ซะหน่อย ไม่ทันใจหนุ่มน้อยแล้วละ
เล่นกับเด็กเราต้องเด็กให้ได้วัยเดียวกัน มันถึงจะสนุกจริงไหมครับ
มะรุมะตุมวิ่งไล่จับจนสามารถพาออกมาหาของหม่ำได้
ครอบครัวเรามาหาของอร่อยๆ หม่ำกัน กันที่นี่ จุดที่อยู่สูงที่สุดของเกาะช้าง แห่งนี้ ร้าน Sea View Koh Chang
ร้านนี้มีดีที่วิวงามมากๆ เห็นทะเลและเกาะเล็กเกาะน้อย ไปไกลสุดสายตาเลย เห็นวิวก็อิ่มแล้ว
ตอนเราไปคนน้อยนะครับ น้อยจนแปลกใจเพราะอาหารก็ใช้ได้ วิวก็ดี หรือเพราะคนหนีไปดำน้ำกันหมดหว่า
สักพักอาหารก็ยกออกมา หน้าตากับรสชาติใช้ได้เลย ขอเหมารวมมาให้ชมทั้งหมดนะครับ
ของหวานก็ตามมาครับ เป็นไอศครีมกล้วยชุปแป้งทอด อร่อยและฟินสุดๆ
ปันปันหม่ำใหญ่เลย ดูจะอร่อยกว่าทุกคนด้วย
หลังอาหารกลางวัน ผมจะพากลับมาชมโรงแรมกันต่อ เริ่มกันตั้งแต่ทางเข้าเลย เข้ามาเราจะเจอ ส่วนต้อนรับ Receptionก่อนเลย
มีมุมนั่งรอให้แขกเวลา Check In
มองทะลุออกไปจะเจอลานวงกลมที่ปลูกหญ้าเขียวๆ ดูสบายตาเอาไว้
ผมชอบไอเดียที่เค้าเว้นตรงนี้ปลูกต้นไม้เขียวๆ เพราะทำให้สดชื่นและ เก๋ไปพร้อมๆกัน
ตอนช่วงเย็นๆก็ยังสวย ตรงนี้จะเรียกว่า “The Cafe” มีทั้งโซนขายของและร้านกาแฟ กึ่งห้องสมุดประมาณนั้น
ภายในครับ
ผมเก็บภาพช่วงเย็นๆไว้ด้วยสวยทีเดียวแถวๆนี้
ด้านนอก บริเวณนี้ กลางวันคนไม่ค่อยมานั่งกันอาจจะเพราะร้อน แต่ผมกับชอบมากเพราะทำให้ได้ถ่ายรูปไม่รบกวนใคร ดี >0<
มาดูที่สุด Hilight ของที่นี่อีกแห่งครับ คือ ภัตตาคารริมหาด ที่นี่เค้าจัดได้สวยและโรแมนติกสุดๆเลย
แสงยามเย็นๆ อุ่นๆจนกว่าแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า…
เห็นแม่ลูกฝรั่งคู่นี้เค้าเล่นกันกระหนุงกระหนิง เลยขอแอบเก็บภาพมาฝาก ความสุขเล็กๆยามเย็นเป็นของทุกๆคนได้ที่นี่จริงๆ
ผมมีความสุขกับการนั่งทอดเวลา และสายตาไปกับ ยามเย็น จนกว่าตะวันจะลับขอบฟ้า…
โต๊ะทั้งหลายพนักงานทยอยออกมาเรียงกัน ในแนวหน้าหาดของรีสอร์ท รอให้แขกและผู้สนใจทั่วไปแวะเวียนเข้ามาจับจองที่นั่ง ชมอาทิตย์อัศดง ยามเย็น
บรรยากาศยามเย็นที่นี่ได้ใจผมไปเต็มๆเลยเลยครับ ทั้งโรแมนติกและ สวยงามมากกก
โต๊ะนี้ถูกจองแล้ว…อาจจะเป็นของคู่รักซักคู่นึง ที่รอเวลาจะมาเที่ยวที่นี่เป็นปีแล้วก็ได้…ใครจะรู้
หรืออาจจะเป็นเพื่อนๆที่สังสรรค์กลุ่มใหญ่ ที่…นานมากแล้ว ไม่มีโอกาสได้ร่วมโต๊ะกันแบบนี้ และทริบนี้คือทริบที่เค้าและเธอได้มาเจอกันสำเร็จ…ก็ได้
หรือจะเป็นครอบครัวที่อยากมาพักผ่อนเบาๆเพื่อมา Recharge Battery ชีวิตให้สดชื่นเพื่อกลับมาลุยงานกันต่อก็ได้เช่นกัน
ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสริพมาดูกันครับมีอาหารอะไรน่าสนใจบ้าง ต้องขอบอกตามตรงจำชื่อเมนูไม่ได้เลย ต้องขออภัยจริงๆครับ หากไปแล้วชอบเมนูไหน เปิดเว็บ one22.com นะครับแล้วชี้โล้ดด ^ ^”
อันนี้เป็นปลาครับ ซอสที่ราดมาอมเปรี้ยวเล็กน้อยแต่อร่อยมากๆ
รวมมิตรเมนูหลากหลายครับ จำชื่อไม่ได้แต่จำได้ว่าอร่อยทุกอย่าง หม่ำเสร็จกลับมาน้ำหนักค้างติดตัวนานเบยล่ะ T___T
และแน่นอนค่ำคืนวันนี้ ก็เป็นคืนพิเศษของครอบครัวเราเช่นกันครับ เป็นวันครบรอบปันปันครบ 2 ขวบพอดีเลย
เราจึงเตรียมเค้ก เล็กๆสำหรับหนูน้อยคนสำคัญที่สุดของเรา มาให้เจ้าตัวที่ดูจะยังไม่รู้อและเข้าใจมันดีนักแต่พอเป่าเสร็จปั้บ มือเค้าตะปบลงเค้กเบยยย 555
เป็นค่ำคืนที่เราครอบครัวอยู่พร้อมหน้า มีความสุขมากๆกับ การที่ได้อยู่ร่วมกันมา 2 ปี หนูเป็นเด็กที่น่ารักที่สุดใน 3 โลกของพ่อและแม่เลยจ๊ะ รักนะ จุ๊บ จุ๊บ
สุดท้ายแล้วทริบนี้ เป็นทริบที่มีความสุขมากครับ มาเพราะตั้งใจพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนและเป็นการฉลองวันเกิดให้กับปันปัน และ The Dewa ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด
สรุป
ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด ไม่เยอะมากจนอึดอัด รวมแล้วไม่ถึง ขนาดและ Facilities มีครบถ้วนดี ชอบสุดก็ตรงแถวๆโซนจากตรงกลางโรงแรมตั้งแต่ลานวงกลมไปจนถึงสระน้ำ สระว่ายสนุกกว้าง และยาวดีมาก ครอบครัวเราสนุกสนานน่าดู
ส่วนของห้องพักใช้ได้เลยตั้งแต่ TYPE DELUXE ตกแต่งเรียบเท่ แม้เหลี่ยมมุมจะเยอะไปสำหรับครอบครัวเด็กเล็กๆ อันนี้พ่อแม่ควรจะระมัดระวังกันได้ เป็นปรกติอยู่แล้วไม่ว่าจะไปที่ไหน ส่วนของห้องวิลล่าแม้จะไม่เห็นทะเลแต่ห้องก็เก๋และห้องน้ำและอ่างอาบน้ำสนุกสนานกันทั้งครอบครัวเชียวละ และที่ไม่อยากให้คุณๆยามค่ำไปไหนก็คือการได้ดินเนอร์ ในช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกหน้าหาดเป็นวิวที่ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ที่นี่อยู่หาดคลองพร้าว หันหน้ารับทิศตะวันตกจึงเป็นที่ๆเหมาะชมพระอาทิตย์ตกที่สุด
อ่อก่อนจาก ผมเองนอกจากเคยเห็นในรีวิวที่มีคนไปมาเก็บเรื่องมาเล่าให้ฟังแล้ว ยังคุ้นๆว่าเคยเห็นในละครอะไรซักเรื่องที่บอย ปกรณ์เค้าเล่นไว้ สุดท้ายก็ค้นเจอที่นี่เคยถ่ายละครเรื่อง “ตะวันฉายในม่านเมฆ” ช่อง 3 มาด้วย หากใครเคยดูละครเรื่องนี้มาก่อนแล้วพบว่ารีสอร์ทในเรื่องสวยๆก็ที่นี่ละครับ
ขอปิดท้ายทริบด้วยคนสำคัญที่สุดของเราและเป็นผู้ที่ทำให้เกิดทริบนี้ขึ้นมา “ปันปัน” ความสุขของลูกก็คือความสุขของพ่อและแม่ ได้เห็นเค้าค่อยๆ ก้าวเดินไปทีละก้าว และเราคือผู้คอยประคับคองแต่ละก้าวนั้นให้เค้ามั่นคงได้ด้วยตัวเค้าเอง และนั้นก็คือความสุขของพ่อแม่ทุกๆคนจริงไหมครับ
ทิ้งท้ายด้วย VDO REVIEW จากทริบนี้ ลองชมกันดูครับดูแบบภาพนิ่งมาเยอะแล้วมาชมแบบ ภาพเคลื่อนไหวกันดูบ้าง ชอบไม่ชอบบอกกันได้เลยนะครับ
ลากันแต่ไม่ลาขาดยังมีทริบใหม่ๆจากพวกเรา มาให้ได้ชวนเพื่อนๆ ออกเที่ยวไปด้วยกันอีก ทริบหน้าจะเป็นที่ไหน ขอลงท้ายแบบเช่นเคย โปรดติดตามครับ