ใช่เลย อย่างที่จั่วหัวไว้ครับ 3 วัน 2 คืน ฮ่องกง ครั้งแรก! เที่ยวสไตล์ ครอบครัว กับ one22 เมืองที่ใครๆก็ไปกัน เว้นผม ฮ่า ฮ่า
จริงๆ นับตั้งแต่เที่ยวมา ฮ่องกง เป็นเมืองที่ไม่เคยคิดจะไปเลยจริงๆ จนกระทั่ง 2 ปีก่อน ก็เพิ่งได้ไปสิงคโปร์ครั้งแรก ตอนไปรับรางวัลจากงาน Sky Scanner กับงานรับรางวัล Bloscars Travel Awards 2014 (ใครอยากรู้ว่างานอะไร ไปดูรีวิวกันได้ครับ) กลับมาพบว่าสร้างความประทับใจเป็นอันมากให้ตัวกระผม จนมองหาเมืองที่มันดูคล้ายๆกันจนมาเป็นทริปนี้นั้นเองครับ
เอาละเกริ่นมาพอควรแล้วเรามาเดินทางไปด้วยกันเลยครับ กับ First Trip in HONGKONG ทริปนี้เที่ยวไม่เยอะ มีที่พลาดไปก็หลายๆ ที่ เพราะมัวแต่หลงงงงงจ้า เพราะฉะนั้น เหมาะกับคนที่ยังไม่เคยไปมากกว่า คนที่ไปกันมาหลายครั้ง เอาละเตือนกันแล้วน้าาา ถ้าพร้อมแล้วตามมานะครับ
เตรียมพร้อมการเดินทางกันหน่อย
เช่นเคย ใครอ่านรีวิวผมมาตลอดจะทราบดีว่า พอเป็นรีวิวทริป จะบอกมันหมดตั้งแต่ จองยังไง จองที่ไหน ก่อนไปควรพกพาใดๆไปบ้าง มาดูกันครับ
เริ่มกันที่ๆพักกันครับ
ทริปนี้เริ่มต้นการเดินทางจาก ดอนเมืองเช่นเคย ด้วยสายการบิน ThaiAirasia แต่หนนี้ผมไม่ได้จองตรงๆ กับตัวเว็บสายการบิน แต่เห็นโปรโมชั่นของ Expedia ออกมาช่วงนั้นพอดี ก็จัดไปเลย ขาไปตอนจองเราเลือก จองแยกซึ่งมันน่าเสียดายมาก
เพราะจะว่ากันจริงๆ ตามภาพเลยนะ
การจองแบบ รวมตั๋ว+ที่พัก มันช่วยประหยัดราคาลงมาได้อีก 25% (ลองหาดูอาจจะเจอส่วนลดน้อยหรือมาก ก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไปกับระยะเวลาที่จองด้วย อย่างจองใกล้ๆ วันเดินทาง มันก็จะแพงกว่าจองตั้งแต่เนิ่นๆ แน่นอนครับ)
ข้อดีคือแค่จองปุ๊บมันจะได้เป็นสมาชิก Expedia+ และ สามารถได้ point ยิ่งมาเจอ point x3 จากการจองผ่าน APP ยิ่งดีใหญ่
ทริปนี้ผมได้คะแนนที่สะสมมาจากการจองตั๋วที่ญี่ปุ่นมาด้วยแล้ว point ที่ได้มายิ่งเอามาลดลงได้อีก
มันก็ประหยัดกันเข้าไปสิครัช อุอิอุอิ (แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะ expedia จะให้ Point หลังจากจองและจ่ายตังจริงๆตัดบัตรแล้วเท่านั้น ถึงจะนำ Point มาใช้ลดราคาในการจองต่อไปได้ครับ )
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกกันต่อได้ที่นี่น่ะครัช ผมว่ามันคุ้มดี http://bit.ly/Expediaplus1
ดูโปรโมชั่นที่ออกมากันได้ที่นี่ โปรดีงามครับ อย่างไปญี่ปุ่น หรือ ฮ่องกง มีโปรจองยาวไปจนถึงสิ้นปี 2558 ตอนนี้เลย ไปกลับ ฮ่องกง
8,540 บาท 3 วัน 2 คืน เอ่อ…ถูกกว่าตอนผมจองที่ไปทริปนี้อีกนะ ราคารวมตั๋วไปกลับ/1ท่าน เรียบร้อยแล้ว ทางไป—-> http://bit.ly/1MIw2Fu
จะดูโปรอื่นๆที่ออกมาตลอดก็ไปทางนี้เลย —-> http://bit.ly/EXPFT1
ได้ตั๋วได้วันเรียบร้อย ก็เตรียมบินกัน ทริปนี้ผม No Plan เป็น ภรรยาแพลน เพราะกลับจากญี่ปุ่นได้ 1 วันก็ต้องบินต่อมาที่ฮ่องกงกันต่อเลย ขณะที่ป่วยกลับมาอีกต่างหาก ถึงขั้นหมอสั่งไม่ให้บิน แต่ยังไงเลี่ยงทริปไม่ได้ ก็เลยได้ยาดีๆมา สุดท้ายก็บินโดยไม่เป็นอะไรเลยขอบคุณยาหมอโรงพยาบาลตาหูคอจมูกมากๆครับ
เพราะงั้นจึงไม่ได้วางแผนไรพิเศษนอกจากไปด้นเอาข้างหน้า แต่รู้ว่ามี Hongkong Disney Land ที่ถือเป็นอีกภารกิจหลัก ที่จะต้องพาเด็กน้อยไปสนุกสนานให้ได้ เพราะทริปญี่ปุ่นก็พาไปมาเรียบร้อย
เอาล่ะหลังจากขึ้นเครื่องนั่งราวๆ 2 ชั่วโมง 45 นาที เราก็มาถึงสนามบิน ภาพแรกจากระหว่างเดินจาก เครื่องไปที่ Gate
การเดินทางในเกาะฮ่องกง
สิ่งแรกที่เรามองหายังไม่ใช่รถไฟหรือใดๆแต่เป็นบัตรนี้เลยครับ บัตรเบ่งแห่งเกาะฮ่องกงนี้เอง “Octopus Card” บัตรสารพัดประโยชน์ใช้กับรถไฟฟ้า ซื้อของ ซื้อตั๋วหรือจิปาถะ สามารถซื้อที่สนามบินได้เลยหรือจุดที่เราจะไปขึ้นรถไฟฟ้า Airport Express หรือ Customer Service Centre ของรถไฟใต้ดินทุกสถานีหลังจากเราลงเครื่องเรียบร้อย
และตามสถานีรถไฟก็สามารถเติมเงินได้ทุกสถานี สะดวกรวดเร็วและคนฮ่องกงก็ใช้กันแทบทั้งนั้น ตัวบัตรจะแยกสำหรับบัตรเด็กและผู้ใหญ่
ราคาจะไม่เท่ากัน
แบบ Adult (ผู้ใหญ่ 12 ปีขึ้นไป ) 150 HK$ มัดจำ 50 ใช้จริง 1000 (จะเป็นลายตามภาพครับที่หลายๆสีหน่อยเค้าเรียก Rianbow design)
แบบ Child (เด็ก 3-11 ปี ต่ำกว่า 3 ปีไม่ต้องซื้อครับ) 70 HK$ มัดจำ 50 ใช้จริง 20 (บัตรสีชมพูแบบที่ปันถือนั้นเอง)
แบบ ELDER (ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปี) 70 HK$ มัดจำ 50 ใช้จริง 20
แบบบัตรผู้สูงอายุตัวบัตรจะสีเขียวนะครับไม่มีรูปพอดี ข้อดีของบัตร เด็กและผู้สูงอายุคือจะมีส่วนรถในการใช้โดยสารแทบตลอดทาง อันนี้ดีมากเวลาซื้ออย่าซื้อเป็นผู้ใหญ่หมดนะครับขาดทุนแย่เลย
อยากรู้รายละเอียดบัตรเหล่านี้เพิ่มไปที่นี่ครับ http://goo.gl/BML4vc
บัตรเมื่อเราใช้เสร็จสามารถนำกลับมาแลกเงินทั้งหมดในบัตรได้ในวันกลับที่สนามบินครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนยึดเงินมัดจำนะ
วิธีใช้งานตามภาพที่เห็นเลยคล้ายกันกับรถไฟฟ้า MRT/BTS แบบบัตรเติมเงินของบ้านเรา แค่แตะบัตรก็ผ่านแล้วโดยทุกครั้งจะเเจ้งเตือนไว้ที่หน้าจอว่าเงินในบัตรเหลือเท่าไหร่เราคอยสังเกตุไว้ให้ดีเพราะหากหมดก็หาเติมในสถานีรถไฟนั้นๆได้เลย สนนราคาการเติมต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 50 HK$
INTERNET สำคัญที่สุด
และมาถึงการสื่อสารบ้างทริปนี้เราใช้ POCKET WIFI เอาไปใช้ ที่แรกลังเลว่าจะไปซื้อซิมดีไหมหรือจะเช่า pocket ไปสุดท้ายเราเลือกทั้งสองแบบ 55 เพราะว่า ตัว POCKET แบบที่เราเลือกไปใช้ จะเป็นของ Global wifi จะเป็นแบบ limit การใช้งานแบบ 500 mb ต่อวัน (ดูราคาได้ที่นี่นะครับ
)ซึ่งดูแล้วคุ้มสุด เพราะราคาไม่แพง
แต่เผื่อไว้เกิดใช้เกินก็เลยซื้อเพิ่มตอนไปถึงที่นั้น ก็มีให้เลือกได้เลยใน 7eleven หาซื้อง่ายมาก ครับไม่ต้องห่วง ยี่ห้องไหนก็ดูตามโปรถามจากพนักงานขายใน 7eleven ได้เลยเค้าแนะนำให้ได้ อย่างหนนี้ผมเลือกใช้ของ China mobile จริงๆในเน็ตแนะนำกันเป็นของ One2Free กันแต่พอดีเราเข้าไปถามจากพนักงาน 7 เค้าแนะนำตัวนี้มาซึ่งหลังจากใช้มาก็ประทับใจดีนะครับ
เน็ตไม่หลุดไม่รั่ว แม้จะอยู่บนเขาหรือลงในรถไฟฟ้าก็ตามหลังจากซื้อแล้วก็ต้องเลือก package กันด้วยไม่งั้นเปิดซิมแล้วใช้ปุ๊บมันจะหมดเร็วเพราะจะเป็นโปรมาตฐาน พลิกดูหลังซองจะมีคำแนะนำไว้ครับ
เดินออกจากสนามบินตามป้ายจะเจอทางลงไปต่อรถไฟฟ้า Hongkong Express ตามป้ายไปได้เลยครับ
หลังจากนั่งรถไฟฟ้า Airport Express มาสุดสายกันที่สถานีเกาลูน บรรยากาศของรถไฟฟ้าดีมาก นั่งสบายมีที่เก็บสมภาระสะดวกไม่ต่างจากสิงคโปร์หรือญี่ปุ่นที่เคยไปมาแล้ว
หลังจากมาถึงสถานีเกาลูนเราก็เดินออกมาต่อรถซึ่งก็มีป้ายบอกตลอดทางหาไม่ยากเลยครับ
อย่างจะไปที่ไหนตรงจุดรอรถบัสบริการวิ่งไปกลับสนามบินจะมีบอกย่านและเลยถึงชื่อโรงแรมไว้ด้วยซ้ำนะครับ ผมจะไปที่ย่าน Jordan ก็มารอกันที่ K1 ตามป้ายก็จะบอกรายละเอียดไว้ครบแวะจอดที่ไหนบ้าง ส่งตรงไหนบ้าง
ขึ้นมาบนรถ ตำแหน่งเบาะหน้าขวามืออย่าไปนั่งล่ะเพราะเป็นจุดวางกระเป๋าของรถเค้า รถบัสรับส่งแบบนี้จะคันเล็กๆหน่อย แต่ก็นั่งได้สบายและไม่ช้าด้วย เรานั่งกันแป๊บๆก็มาถึงแล้ว ซึ่งอยากแนะนำให้ตอนจองโรงแรมให้ดูแผนที่กันให้ดีๆเพราะจากจุดจอดรถ/รถไฟ กว่าจะถึงโรงแรมลากกันมันเลย
อย่างที่เคยเขียนแนะนำไปเรื่องการเลือกโรงแรมที่พักยังไงให้คุ้มค่า ประหยัดเวลาและการเดินลากกระเป๋าไปแล้ว ลองไปอ่านกันได้ครับ
เดินข้ามถนนมาไม่ไกลเราก็ถึงโรงแรมที่เราจะพักกัน 2 คืนที่ Hongkong แล้วละครับที่นี่ได้คำแนะนำมาจากเว็บของ ลุงเด้งป้าไก่ ฮ่องกงแฟนคลับ เคยแนะนำเอาไว้และก็ไม่ผิดหวังเลย
ห้องมีวิวเห็นฝั่งตรงข้ามเป็น โรงแรมในเครือ AccorHotels อย่าง Novotel Kowloon Nathan Road ซึ่งหนนี้ไม่ได้ใช้เพราะราคาสูงกว่าที่นี่ไปนิดนึงเสียดายช่วงโปรลด 40% ตอนนั้นพลาดจองไปไม่งั้นก็คงจะได้เห็นวิวมาที่ Rainbow Hotel แทนไปแหล่ะ ฮ่า ฮา
เปรียบเทียบดูกับภาพใน Expedia แม่นอยู่นะ เป๊ะดีมาก
ห้องกว้างไม่แคบเกินไป แบบที่เราเคยเห็นเค้ามากัน แบบเรานอนกัน 3 คนพ่อแม่ลูก เลยเลือกแบบ Double bed แล้วเอาเตียงมาต่อกันประหยัดไปได้อีกเกือบ 50 HK$ เพราะหากอับเกรดห้องพักเป็นแบบมีเตียงเสริมก็ราคาอย่างที่บอกไป
ชอบมุมนี้ครับเป็นโต๊ะยาวๆวางของและนั่งทำงานได้แม้วิวจะธรรมดาแต่เน้นห้องกว้างกว่ามาตรฐานในฮ่องกง แบบนี้ผมว่าใช้ได้แล้ว
อ่อทริปนี้ผมมีอุปกรณ์ใหม่มาด้วยอีกชนิดพึ่งถอยสายคล้องกล้องรุ่นใหม่สีสวยงามออกมาด้วยครับเป็นของ Peak Design Thailand รุ่น “SLIDE” เหมาะสุดๆทีเดียวสะพายข้างสะดวกดีมากประทับใจจนเอาไปใช้ตลอดแทนสายเดิมเรียบร้อยไปแล้ว
ห้องน้ำก็ใหม่และสะอาดสอ้าน
มีน้ำให้ทุกวันๆละ 2 ขวด
ใครสนใจก็ลองกดไปจองหรือดูรายละเอียดห้องพักต่างๆได้ที่นี่นะครับ http://bit.ly/EXPHT1 เสร็จแล้วค้นหา ชื่อ โรงแรม Rainbow Hotel Hongkong เจอแน่นอน
รวมๆถือว่าน่าพอใจสำหรับการพักในย่านที่ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินครับในโรงแรมเกรดระดับ 3 ดาวนะครับ
เที่ยวๆๆและที่เที่ยวตลอด 3 วันของเรา
อย่างที่บอกไปทริปนี้ครั้งแรกของผม แต่ละที่เหมือนคลำทางไปแทบทั้งนั้น เพราะงั้นจะไม่เรียงตามวันเดินทางแต่จะแนะนำว่าที่นั้นควรไปตอนกี่โมงจะดีกว่านะครับ และวิธีเอาตัวรอดในการเดินทางที่ดีที่สุดของบ้านเรา คือการใช้ Google map นั้นเองจะไปสถานีหรือร้านอาหารที่เที่ยวเราใช้มันหมด สะดวกและค่อนข้างตรงบอกทุกอย่างไว้ครบจะขึ้นตรงไหนต่อรถตรงไหน google map ช่วยได้
อย่างที่แรกที่ไปกันคือที่นี่เลย
Victoria Peak จุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งนึงของฮ่องกง ห้ามพลาดมากๆ (เวลาที่ควรขึ้นไป 16.00-17.00 น.)
วิธีเดินทางไปได้หลากหลายรูปแบบมาก ทั้งรถราง รถบัส แท๊กซี่ (อันหลังนี่อยากแนะนำเวลาไปในช่วงเวลาไม่เร่งรีบเพราะถ้าไปช่วงชม.เร่งด่วนมิเตอร์จะขึ้นเร็วมาก เพราะรถติดทีเดียวจ๊ะ )แต่ถ้าไหนๆมีบัตร octopus แล้วแนะนำให้ใช้วิธีนั่งบัสขึ้นไปจะสะดวกและรวดเร็วที่สุด การไปโดยใช้รถรางจากที่ผมไปเห็นมาไม่เหมาะกับครอบครัวลูกเล็กๆเท่าไหร่ เพราะเข้าคิวกันนานมากกก
เรานั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Jordan Station ไปลงที่สถานี Central Station จากนั้นหาประตูทางออก Aมองหาป้ายที่เขียนไว้ว่า ไปExchange Square และเดินออกไปด้านนอกจะเจอสะพานข้ามถนนขึ้นบันไดเลื่อนไปเลยครับหลังจากข้ามไปแล้วลงมาด้านล่างสุดเดินไปทางซ้ายมือเราจะเจอสถานีจอดรถใหญ่มาก และมีหลายสายไปทั่งเกาะทีเดียว
ให้ไปรอคิวที่ สาย 15 The Peak คิวที่นี่ล็อกดีมากไม่สามารถแซงกันได้เลย จะมีรั้วกั้นไว้แข็งแรงดีครับ
รอสัก 10-15 นาทีถึงมาถ้าไปช่วงเวลาเร่งด่วนจะรอนานเพราะรถจะเริ่มติดแล้ว ยังไงไปอย่าเกิน 4 โมงเย็นจะดีที่สุดครับ
ข้างบนจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือเรียกกันว่า The Peak Tower นั้นเอง สามารถเที่ยวช้อปปิ้งกันได้อีก รวมถึงหาของทานกันได้แต่ราคาก็สมวิวเช่นกันนะ
ผมเห็นคิวด้านหน้าตรง The Peak แล้วก็พีคสมชื่อจริงๆครับ คิวดังกล่าวเป็นคิวของ Peak Tram หรือรถรางนั้นเอง เห็นแล้วขอกลับทางที่มาจะดีกว่า คือเดิมวางแผนจะขึ้นมาด้วยบัสและกลับด้วยรถรางแต่อย่างที่เห็นครับใครๆก็คงอยากขึ้นรถรางอายุมากกว่า 150 ปีนี้กันทั้งนั้น
จุดที่คนขึ้นมากันมากก็อยู่ที่ตรงนี้นั้นเองครับบนชั้นสูงสุดของ The Peak คือ Sky Terrace จะเป็นทั้งร้านอาหารและจุดชมวิวสวยงามมองไปเห็นตึกทั้งหลายของเกาะและอ่าวฮ่องกงทั่วทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อนที่หาข้อมูลมาปัจจุบันนี้หากใครเอาขาตั้งขึ้นไปจะไม่สามารถตั้งได้แล้วนะครับ เค้าไม่อนุญาติ เพราะงั้นจะเสียตังขึ้นไปก็กระไรอยู่ งั้นเรามาหาจุดถ่ายรูปแบบฟรีแต่สวยไม่แพ้กันหรือจะเอาจริงๆก็อาจจะสวยกว่าด้วยซ้ำครับ
จุดถ่ายรูปฟรี เห็นวิวอ่าวฮ่องกง
เดินไปด้านซ้ายของ The Peak เราจะเจอทางรถวิ่งขึ้นเขาไปได้ต่อแต่ให้สังเกตุทางด้านขวาไว้จะเจอซอยเล็กๆคนเดินได้ จะเป็นทางเรียบเขาเข้าไปครับ เข้าไปเลย มองกลับมาทาง The Peak เราจะเห็นมุมที่เค้าขึ้นไปชมวิวกันนั้นเอง ถ้าเห็นแบบภาพนี้แสดงว่ามาถูกแล้วล่ะ
เดินไปเรื่อยๆทางเดินง่ายมาก สังเกตุขวามือไว้จะเจอวิวสวยๆ ไปประมาณสัก 1 กิโลก็เจอวิวแบบนี้เลย
ความสวยงามอลังการของเกาะฮ่องกงจะเผยตัวออกมา ผมเจอฝรั่งกลุ่มนึงเดินมาทีหลังเห็นวิวแบบนี้ก็ถึงกับร้องและถ่ายรูป Selfie กันใหญ่
ภาพๆเดียวก็สามารถอธิบายความเป็นฮ่องกงไว้ได้แล้ว
บรรยากาศยาวค่ำแบบนี้แสงสีตระการตาของหมู่ตึกสูงนับร้อยๆเมตรที่เหมือนแย่งกันโผ่ลพ้นพื้นดินขึ้นมาจนมองหาพื้นดินไม่เจอช่างเป็นภาพที่สวยงามอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว
ผมถ่ายและเก็บภาพพักใหญ่ก็ต้องเดินกลับมาแล้วเพราะทิ้งแม่ลูกเค้าไว้ที่ Peak Tower ขากลับเราก็เลือกกลับทางเดิมคือ สาย 15 แต่หนนี้ได้นั่งชมวิวมาตลอดทาง ที่นี่สวยงามสมราคาที่ดินที่แพงที่สุดในเกาะจริงๆ ส่วนใหญ่บ้านเรือนบนนี้คือบ้านของเศรษฐีกันทั้งนั้นครับ
วันแห่งความสนุกสนานที่ Hongkong Disney Land Resort
พาเด็กน้อยมาฮ่องกงจะพลาดที่นี่ได้ไง
วันนี้เต็มวันเราไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะเล่นหมด!!! คำประกาศก้องดังไกลออกไปอยู่ในหัวของ(พ่อ)ปัน ฮ่าๆ วันนี้เราจะไปลุย Hongkong Disney Land กัน
วิธีเดินทางไปๆไม่ยากเลย เราออกจากสถานี Jordan Station นั่งสายสีแดงมุ่งหน้าไปยังสถานี Lei King Station เพื่อเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีส้มไปลงสถานี Sunny Bay Station และต่อรถไฟสายสีชมพูสายดีสนีย์ ไปยังสถานีปลายทางของ Hongkong Disney Landนั้นเอง (ไปไหว้พระใหญ่ก็สายนี้นั่งต่อไปอีกนิดเดียว )
บรรยากาศของขบวนนี้สีสันเพื่อแฟนๆโดยเฉพาะกันเลย
หลังจากลงเรียบร้อยเราก็พร้อมแล้ว ตั๋วพร้อมวันนี้ได้ลาย เป็น TOY STORY ด้วย สนนราคาหากเป็นบัตร 1DAY PASS ซึ่งก็ขอเอาราคาจากเว็บของดีสนียมาลงไว้ให้เป็นมาตรฐานนะครับ หากจะถูกกว่านี้ต้องหาซื้อจาก Agent โรงแรมทั้งหลายจะได้ส่วนลดลงก็ขึ้นอยู่กับโรงแรมนั้นๆมีโปรร่วมกับทางดีสนีย์ฯหรือไม่นั้นเอง
แยกเป็นตามวัยดังนี้เลย
สำหรับผู้ใหญ่(12-64ปี) 539HK$
เด็ก( 3-11) ปี 385 HK$
ผู้สูงอายุ (65ปีขึ้นไป) 100HK$
อย่างที่เคยได้อ่านมา ตรงทางเข้าจะมีการตรวจเกี่ยวกับการนำอาหารหรือเครื่องดื่มที่ถ้าตั้งใจจะพกพาเข้ามาเยอะจะไม่อนุญาตินะครับ เพราะงั้นน้ำขวดหรือสองขวดพอได้ ขนมพอได้แต่ถ้าเป็นพวกข้าวกล่องนี้จะโดนให้ทิ้งกันเลย ไหนๆแล้วตั้งใจจะเข้าไปเที่ยวแล้วก็ซื้อสักหน่อยกันนะ แพงหน่อยก็ต้องทำใจครับ
อ่อผมเดินมาสะดุดตากับป้ายห้ามใช้ไม้ Selfie ด้วยนะใครจะเอามาเปลี่ยนใจเก็บไว้โรงแรมนะครับ
มาถึงด้านหน้าเจอหอนาฬิกา และก็เป็นสถานีรถไฟด้วย และสำหรับคนที่ไม่เคยมาดีสนี่ยมาก่อน อยากให้ทุกคนได้ขึ้นรถไฟกันก่อนถ้าไม่รีบเกินไป
เพราะการนั่งชม พื้นที่ทั้งหมดก่อนทำให้เราเห็นว่าอะไรอยู่ตรงไหนแล้ว ยังเพลิดเพลินมากๆอีกด้วยครับรถไฟมันเท่น้าาาา
เข้ามาปุ๊บจะเจอถนนสายช้อปปิ้งที่รอดักหนูๆและตังของพ่อแม่ทั้งหลายตลอดสองข้างทาง ใจเย็นดึงลูกดึงหลานไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาดูตอนจะกลับก็ยังไม่สาย ตอนนี้ขอเข้าไปจับจองเครื่องเล่นกันก่อนจะดีกว่า
สิ่งที่ควรรู้และเตรียมการหากอยากเล่นทุกอย่างให้ได้ใน 1 วัน
1.สิ่งแรกที่ควรจะต้องทำเมื่อเข้ามาคือ การเลือกเครื่องเล่นที่เราอยากเล่นที่สุดไว้ก่อน ซึ่งเครื่องเล่นนิยมส่วนใหญ่ก็คิวยาวนั้นเอง สาเหตุคือที่ ดีสนีย์จะมีบัตรเบ่งเช่นกัน บัตรนี้ใครๆก็สามารถจะมีได้ แต่ต้องไปกดคิวกันหน่อย มันคือบัตร Fast Pass มีอยู่ที่หน้าเครื่องเล่นทุกชนิด
2.ก่อนมาควรทำการบ้านให้เหมาะกับตัวเองและเด็กๆ ว่าอยากเล่นอะไรมากที่สุด ช่วงเช้าคือโบนัสเพราะคนไม่เยอะ ควรไปกดบัตรเอาไว้ก่อนจากนั้นค่อยไปเข้าคิวที่ตัวเองอยากเล่นอันดับถัดไป
3.เสมือนเป็นการจองที่นั่งว่ามีแน่ๆ เพราะในบัตร fast pass จะระบุช่วงเวลาในการเข้าไปเล่นได้ของเราไว้ ก็แค่ไปในช่วงเวลานั้นเราก็ดินเริ่ดๆไปต้องเข้าคิวเหมือนคนอื่นๆเค้าได้เลย
4.ข้อควรจำ บัตรเบ่งแบบนี้จะกดได้ 1 ครั้ง/1เครื่องเล่น/2ชั่วโมง เท่านั้นเพราะฉะนั้นควรคำนวนเวลาของตัวเองให้ดีว่าจะเล่นอันไหนก่อนหลัง เพราะกว่าจะกลับไปกดเครื่องเล่นใดๆต่อได้อีกก็ต้องรอเวลาตามนี้เลยครับ
เครื่องเล่นเหมาะกับเด็กๆอย่างปัน (ไม่เกิน 5 ขวบและสูงไม่เกิน 110 cm)
รีวิวนี้ขอหยิบเอาเครื่องเล่นที่เป็น Hilight มาเล่ากันก่อนนะครับ เพราะตั้งใจจะเขียนละเอียดๆแยกมา เป็นอีกตอน จะเปรียบเทียบ สองดีสนีย์ ระหว่าง ของ JAPAN & HK ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยยังไงบ้าง เพราะงั้นจะหยิบมาส่วนนึงก่อนนะ พร้อมกับคะแนนนี้เป็นของผมคนเดียวนะมาตรฐานคือเด็กน้อยยันคนแก่ก็เล่นได้เช่นกัน
อย่างเคสเด็กน้อยโชคดีว่ามาเที่ยววันเสาร์ที่โชคดีมากๆ คนน้อยเหลือเชื่อ เครื่องเล่นแรกที่อยากเล่นไม่ต้องกด ซึ่งเมื่อครั้งไปเล่นที่ ญี่ปุ่นมาคิวยาวกว่าที่นี่เยอะเลย มันคือ ” BUZZ LIGHTYEAR ASTRO BLAZTER “เครื่องเล่นที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย
ตัวเครื่องเล่นจะอยู่ในโซน Tomorrow Land จะเป็นการเป็นผู้ช่วยกับตัน Buzz สู้กับเหล่าร้ายEmperor Zurg ผู้ชั่วร้าย เราจะนั่งรถเข้าไปมีอาวุธเป็นปืนเลเซอร์ในมือยิงเก็บแต้มไปพร้อมๆกับผจณภัยในด่านต่างๆของเหล่าตัวละครของ Buzz นั้นเอง
ความเหมาะสมผมยกให้ 9/10 หัก 1 คะแนนสำหรับรอบที่สองเข้าไปแล้วเจอ เบรคกลางทาง นิ่งไปเกือบ 5 นาทีเชียว
มาแล้วก็ต้องเข้าไปผจญภัยในโลกของ Toy Story กันครับ เครื่องเล่นในโซน Toy Story Land จะเกี่ยวพันกับ TOY STORY ทั้งหมด
และตัวที่อยากแนะนำต่อเป็นตัวนี้ ” Toy Soldier Parachute Drop ” เป็นเครื่องเล่นสนุกสนานโยกขึ้นบนลงล่าง เป็นการจำลอง ภารกิจของเหล่าทหาร“Andy’s Troops” ของเล่นทหารสีเขียวๆในเรื่องในภารกิจโดดร่มนั้นเองครับ
ความเหมาะสมผมยกให้ 9/10 เช่นกันเหมาะกับเด็กที่สูงกว่า 80 cm นะครับ ตำ่กว่านั้นไม่ได้ และต้องผู้ปกครองต้องเล่นด้วยกรณีอายุยังไม่ถึง 7 ขวบนะ
มาถึงขวัญใจเด็กน้อยมากๆอีกอัน “The Many Adventures of Winnie the Pooh” อันนี้ละครับที่ผมเริ่มกดใช้ Fast Pass กันไว้แต่เช้ามาเข้าได้ตอนบ่ายโมงเศษ ซึ่งก็คิดถูกมากๆ ดูคิวก็คงเข้าใจ ขนาดกด Fast Pass มาแล้วนะครับยังต้องมาตอ่คิวกันต่ออีกราวๆ 10 นาทีเลยนะ
ภารกิจคือการนั่งโถน้ำผิ้งของหมีพูลเข้าไปตะลุยในโลกของหนังสือ เสมือนเราเป็นส่วนนึงในนิทานของพูลเลย ความน่ารักและช่างคิดผมยกให้ 10 เต็ม แถมคุณพ่อคุณแม่เล่นกันได้หมดเพราะโถนั่งได้ 4 คนเลยนั่งไปด้วยกันคันเดียวกันหมดได้
ความเหมาะสมกับเด็กๆผมยกให้ 10/10 เหมาะกับคุณหนูๆทุกเพศวัย เล่นกันได้หมด ไม่เหมาะกับวัยรุ่นที่ต้องการความท้าทายนะ เพราะอันนี้ของเด็กน้อยเค้าจ๊ะ
ผจญภัยกลางพงไพรกัน กับ “Jungle River Cruise” ล่องเรือไปในป่าของทาร์ซานกันครับอยู่ในโซน Adventure Land
เราจะล่องเรือไปชมมุมต่างๆเจอสัตว์น้อยใหญ่และสุดท้ายจบที่ภัยธรรมชาติ ทั้งหลาย ลาวาทะลักและเจอภูเขาไฟปะทุ ถือว่าเป็นการสอนให้เด็กๆรู้จักสิงสาราสัตว์กันไปพร้อมๆกัน ความสนุกไม่มากนักแต่ ชอบใจที่เด็กๆได้ใกล้ๆกับธรรมชาติมากขึ้นอีกหน่อย
ความเหมาะสมกับเด็กผมยกให้ 8/10 เหมาะกับคุณหนูๆทุกเพศวัย เล่นกันได้หมด วัยรุ่นหรือเด็กโตมาหน่อยก็ได้นะ ถือว่าพักจากเครื่องเล่นมันๆมาเพลินๆกัน
มาดูหนังกันบ้างครับ กับ ” MICKEY’S PHILHOR MAGIC”
เป็นโรงหนัง 4d ก่อนเข้าชมก็มีการเกริ่นนำให้ทราบว่าเราจะไปเจอกับอะไร และแน่นอนเมื่อเป็นหนังของ MICKEY’S ก็เกี่ยวพันการผจญภัยเหล่าตัวละครหนนี้เป็น แดฟฟี ดักซ์ ที่ก็ทำออกมาได้สนุกและตลกดีทีเดียว
ความเหมาะสมกับเด็กผมยกให้ 10/10 เพราะเข้าได้หมดทุกเพศวัย ตัวหนังเองเด็กเล็กก็เข้าใจได้ไม่ยากต่อให้ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็ตามครับ
ปิดท้ายเครื่องเล่นที่เหมาะกับเด็กน้อยมากๆอีกเช่นกัน คือ “ Autopia” ไปขับรถแข่งกัน อยู่ในโซน Tomorrow Land
รถแข่งนี้ปลอดภัย100% เพราะเค้าจะมีรางคอยขับเคลื่อนออกไปเป็นตัว Control รถอยู่แล้วเรามีหน้าทีบังคับพวงมาลัยเท่านั้นเอง
อ่อ ข้างๆกับตัวเครื่องเล่นจะมีลานน้ำพุอยู่ด้วย ผมนั่งดูเด็กวิ่งเล่นเริงร่าไปกับน้ำพุแล้วรู้สึกว่าเค้าสนุกกันน่าดูครับ
ความเหมาะสมกับเด็กผมยกให้ 10/10 เพราะเข้าได้หมดทุกเพศวัยเช่นกันครับ
เครื่องเล่นห้ามพลาดสำหรับเด็กโต วัยรุ่น และผู้ใหญ่
มาต่อกันที่สุดท้าย อันนี้อยากแนะนำเฉพาะเด็กโตแต่ก็มีข้อควรระมัดระวัง ยังอยู่ในโซนTomorrow Land ต่อ คือ ” SPACE MOUTAIN “ มันก็คือรถไฟเหาะในร่มนั้นเองครับ เข้าไปเจอจะเสมือนนั่งยานอวกาศออกไปตะลุยในกาแลกซี่ อันเวิ้งว้าง ความมันไม่ต้องพูดถึง ทำเอาเสียกรีดดังฮอลกันเลย ที่เจ๋งคือ การใช้แสงสี และการจำลองบรรยากาศอวกาศที่มีดาวต่างๆ วิ่งสวนกันไปมา ตระการตาสุดๆให้เราเห็นระหว่างที่รถไฟวิ่งโยกไปมา
บอกเลยว่าไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆนักนะครับ ส่วนสูงควรเกิน 110 ขึ้นไปนะและมีผู้ปกครองเล่นด้วยหากอายุไม่ถึง 7 ปี
ความมันและสนุกสนานผมยกให้ 9/10 หัก 1 แต้มเพราะตัวผมแก่ไปหน่อยเล่นแล้วไม่อยากเล่นอีก เวียนหัวจ้าาาา 5555
มาถึง Activity ห้ามพลาด
แน่นอนครับไม่เฉพาะเครื่องเล่นอย่างเดียวเท่านั้นใน Hongkong Disneyland เท่านั้นที่เราควรเล่น กิจกรรมต่างๆ รวมถึงโชว์อีกมากมายที่ไม่ควรพลาดบนถนน เมน สตรีท ยูเอสเอ
เริ่มกันที่กลางวัน ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงตรง จะมีพาเหรดโชว์ ไฟลท์ส ออฟ แฟนตาซี (FLIGHT OF FANTASY ) จริงๆเค้าจะมีกัน 2 รอบครับ คือกลางวันกับกลางคืน กลางวัน เริ่มตอน 15.00 น.ก็จะได้พบกับเหล่าตัวละคร หรรษาทั้งหลายออกมาแดนซ์โชว์
ดูเอาเองกันเลยไม่ต้องบรรยายดีกว่า
รวมๆส่วนตัวไม่อยากให้พลาดเพราะเป็นตัวกระตุ้นเด็กน้อยให้ตื่นตาตื่นใจกันได้อย่างดี (บิ้วให้ชมต่อตอนกลางคืนไปในตัว ได้ผลๆเชื่อสิ ไม่งอแงเลยครับ ฮ่า ฮา)
และมาถึงพาเหรดในเวลากลางคืน ดิสนีย์ เพนท์ เดอะ ไนท์ (Disney Paint The Night )ครับจะเริ่มกันตอน 19.15 น.ตรงห้ามพลาดเวลานะครับจะให้ดี 6.30 น.ก็ควรจับจองทีหนังกันแล้ว ตอนญี่ปุ่นผมพลาดไปสายเลยกระเด็นออกมารอบนอกอดดูแบบใกล้ๆเลย เพราะงั้นไปนั่งรอกันเลยครับ
อันนี้ก็คือ Hilight ในยามค่ำของแท้ ขบวนพาเหรดจะสวยงามมากก
เหล่าตัวละครหรรษาทั้งหลายจะทยอยแต่งองค์ทรงเครื่องกันมาเต็มที่พร้อมๆกับนักเต้นที่ทะยอยออกมาร่วมวงสนุกสนานกับเด็กๆที่มารอชมกันตลอดสองข้างทาง
ถือเป็นอีกสิ่งห้ามพลาดของที่นี่เลย
ปิดท้ายกันที่พลุครับ
พลุจะเริ่มตอน 3ทุ่มนะครับ ก่อนเริ่มเราก็ควรจับจองที่นั่งกันไว้เช่นกัน ไม่งั้นจะพลาดชม แต่การชมพลุนี้เรานั่งพื้นกันสำหรับแถวหน้า นั่งชมก็เป็นอะไรที่สบายกว่าแน่นอน
ความตระการตาของโชว์นี้สมกับเป็นการปิดท้ายทุกวันของ HK DISNEY และทุกๆ Disney ในโลกก็ว่าได้ครับ เสียดายผมไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปเลยถ่ายออกมาไม่ได้อรรถรสเท่าตาเห็นนักยังไงไปแล้วก็อย่าพลาดกันนะครับ
ถือว่าทริปนี้สมบูรณ์แล้วสำหรับการมาเยือนฮ่องกงครั้งแรกของปันและพ่อปัน แต่…ยังไม่หมดนะเดี๋ยวจะพาไปชิมร้านอาหารอร่อยกันหน่อยก่อนกลับครับ
ร้านอร่อยริมข้างทาง Hongkong
เนื่องจากทริปนี้ โนแพลนอย่างที่บอกไปเรื่องอาหารที่เป็นจุดเด่นของฮ่องกงสำหรับคนไทยก็เลยขาดไม่ได้ แต่เราก็ไม่ได้เน้นมากนัก เพราะเวลามีน้อยครับ (เอาไปเข้าดีสนีย์หมด ฮ่า) เริ่มกันที่ร้านแรก ร้านนี้ผมมีโอกาสได้ชิม 2 ครั้งเพราะอยู่ใกล้โรงแรมที่เราเข้าพักมาก อยู่แทบติดกันเลย คือ ร้านโจีก Nathan Congee & Noodle ร้านฮอตฮิตสุดๆของคนไทยเวลาไปเที่ยว ผมเองได้รับคำชี้แนะจากพี่ๆที่ไปกันมาก่อนแล้วถึงสองคนว่าถ้ามาที่นี่ต้องมาชิมให้ได้ ก็ไหนๆพักใกล้ขนาดนี้แล้วไม่ชิมก็แปลกสิ
ร้านน้ีขนาดมาตรฐานครับ ตึกแถวติดๆกัน โต๊ะนั่งไม่เยอะมาก เข้ามาก็เจอเมนูภาษาไทยเลยบ่งบอกว่าคนไทยมากันเยอะขนาดไหน ที่สำคัญพนักงานพูดไทยกันได้ทุกคนเลย ไม่น่าเชื่อ
มาดูโจ๊กกันบ้างส่วนตัวพบว่าอร่อยจริงๆ โจ๊กฮ่องกงแบบนี้เนื้อข้าวจะเนียนมาก ไม่ต้องปรุงใดๆเพิ่มเลย
ผมสั่งโจ๊กหมู+ปลา เนื้องปลาหวานมาก ไม่มีความคาวแต่อย่างใด
อีกชามของเด็กน้อยจะเป็นโจ๊กหมูใส่ไข่ธรรมดาแต่แค่นี้ก็ฟินแล้ว
ส่วนโจ๊กที่เค้าแนะนำกันว่ามาต้องสั่งคือโจ๊กหมู+เครื่องใน ผมก็ต้องจัดสิ ดูสิตักมาให้ล้นทะลักกันเลย
รสชาติบอกเลยว่าใครมาก็ติดใจกันทั้งนั้น
อิ่มกันดีเช็คบิลมาก็ไม่ถูกไม่แพงเกินไปครับ 40-45 เหรียญ สำหรับชามที่ผมสั่งไป อย่าเอาเรทแบบบ้านเรามาเทียบนะครับราคาก็ประมาณนี้แทบทั้งนั้นอาหารที่เกาะนี้
ค้นหาใน google กันได้ ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม โนโวเทล เกาลูนครับหาไม่ยากเลย หรือ หาโรงแรมที่ผมพักก็ได้เช่นกัน Rainbow Hotel อยู่ห่างกันไป 3-4 หลังได้ฝั่งเดียวกันครับ
Nathan Congee (นาธานโจ๊ก)
Address : 11 Saigon Street, Jordon 佐敦西貢街11號
Tel: 2384 7355
Opening hours: 7:30am – 12pm
มาต่อกันที่ร้านถัดมา อันนี้เป็นร้านแนะนำอีกเช่นกันไม่มาไม่ได้เพราะปัจจุบันนี้มีสาขาในไทยเรียบร้อยแล้ว ร้านติ่มซำ ” Tim Ho Wan Dim Sum Expert ” ร้านในตำนาน และเข้าคิวนานนนนจริงๆครับ ฮ่า ฮ่า
ร้านนี้จะมีหลายสาขา (หาข้อมูลมาคือ 5 สาขา)เราเลือกสาขาที่ใกล้ที่พักเราที่สุดเลยไปที่ สาขาตรง Sham shui po เป็นสาขาที่เปิดอยู่ริมถนนเลยครับ วันที่ไปคิวเค้าว่าไม่ยาวมาก เคยเห็นคนที่ไปกันมาก่อนหน้าเจอคิวยาวแน่นเอี๊ยดๆ อาจจะเพราะเราไปถึงก็ตอนบ่าย 2 โมงก็เป็นได้ครับ ได้คิวมารอประมาณ 15 นาทีก็ได้เข้าไปแล้ว
แน่นอนมาแล้วคงจะขาดเมนูเหล่านี้ไม่ได้แน่ๆ ได้ชิมสาขาเมืองไทยมาแล้วก็พอเปรียบเทียบกันได้ เริ่มกันที่เมนูแนะนำ อย่าง ซาลาเปาไส้หมูแดง (Baked bun with BBQ pork (Cha Siu Bao)) ที่อร่อยมาก กรอบนอก นุ่มใน รสชาติออกรสหวานนำ ตัวไส้หมูแดงพอกัดแล้วก็แทบจะทะลักกันเลย เซ็ทนี้จะเสริฟพร้อมกัน 3 ลูก อร่อยมาก เทียบรสชาติดูผมว่าสูสีกันกับที่เมืองไทยนะ แต่อาจจะให้ที่นี่อร่อยกว่าเล็กน้อย ขนาดที่เมืองไทยจะใหญ่กว่าเล็กน้อยเช่นกัน
ต่อด้วย ฮะเก๋า หรือชื่อเต็มๆในเมนูคือ Steamed dumplings in Chiu Chow style เสริฟมาเป็นเข่งนะครับรสชาติแป้งเหนียว ดูใสกำลังดี ที่สำคัญเค้าทำยังไงไม่รู้แต่ไส้อร่อยมาก ผสมกันลงตัวทั้งผักและถั่วอร่อยๆจริง
มาต่อกันที่ ermicelli Rolls with Pig’s Liver หรือ ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้ตับหมู จริงๆในเมนูเค้ามีหลายไส้นะครับ ส่วนตัวชอบไส้หมูแดงมากกว่า แต่เราก็สั่งมาลองกัน ที่นี่รสชาติแทบไม่ต่างกับที่เมืองไทยนะ ที่ติดใจจริงๆคือซอสหรือซีอิ้วที่ราดบนก๋วยเตี๋ยวหลอด ผมต้องขอน้ำซอสที่พนักงานจะมาราดให้ทีหลังเพิ่ม ผมว่าซอสมันอร่อยกว่าน้ำจิ้มทั้งหลายที่วางอยู่บนโต๊ะซะอีก
และมาถึงเมนูแนะนำสุดท้าย จริงๆเราทานกันมากกว่านี้และไม่หมดอีกต่างหาก เลยต้องเอากลับบ้านมา Deep fried spring roll filled with egg white & shrimp หรือแปลตรงๆคือ ปอเปี๊ยะไส้กุ้งกับไข่ขาว ส่วนตัวคิดว่ารสชาติจะต่างจากเมืองไทยตรงแป้ง ที่นี่แป้งจะนุ่มกว่า ที่ไทยเราจะกรอบกว่าเล็กน้อย ส่วนไส้กุ้งจะอร่อยไม่ต่างกันนะครับ
ขอแนะนำการสั่งอาหารร้านนี้ ควรสั่งให้ชัดเจนแต่แรกว่าอะไรจะทานในร้านหรือเอากลับบ้าน ไม่งั้นมันจะต้องเสียเวลารอนานทีเดียว ขอให้สั่งเผื่อไว้ก่อนเลยจะเร็วกว่าครับ แนะนำเวลาไปอย่าไปตอนเที่ยงดีทีสุด ในร้านเองหากเราไปกันน้อยก็จะนั่งผสมกันแบ่งๆกันนั่งนะครับ ร้านระดับ ดีกรีมิชิลินทำให้ร้านนี้ติดอันดับร้านคิวยาวในทุกสาขา เพราะฉะนั้นให้ไปเวลาคาบเกี่ยวระหว่างมื้อเราจะไม่ต้องรอคิวนานครับหลังบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงไปคิวจะน้อยลงนิดหน่อยครับ
สาขาต่างๆนะครับ
– Shop 72 A&B, G/F, Olympian City 2, 18 Hoi Ting Road, Tai Kok Tsui | Olympian City Mall, Mongkok, Kowloon, Tel: 2332-2896 (10:00 am-9:30 pm)สาขา ที่ย้ายมาจากสาขาแรกที่เค้าว่าอร่อยสุดจาก มงก๊ก ครับ
– G/F, 9-11 Fuk Wing Street, Sham Shui Po, Kowloon, Tel: 2788-1220 (8:00 am-9:30 pm) สาขาที่ผมไปทานกัน
– Shop 12A, Level 1, IFC Mall, Hong Kong Station, Hong Kong, Tel: 2332-3078 (9:00 am-9:00 pm)
– Shop B, C, D on G/F Sea View Building, No. 2-8, Wharf Road, North Point, Hong Kong, Tel: 2979-5608 (10:00 am-9:30 pm)
– Shop G49 Popcorn, 9 Tong Chun Street, Tseung Kwan O, N.T., Tel: 2789-2803 (10:00 am-9:30 pm)
และร้านสุดท้ายที่อยากแนะนำคือ ร้านเกี้ยวครับ ร้านนี้ขึ้นชื่อลือชาในหมู่คนไทยมาช้านานไม่แพ้ร้านติ่มซำ ทำเลที่ตั่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ จิมซาจุ๊ย เดินกันนิดหน่อยครับ
ร้านจะอยู่ในตรอกซอยสักหน่อย เข้ามาด้านในไม่กว้างอีกเช่นกัน พนักงานในร้านดูก็อายุมากๆกันทั้งนั้น อ่อพูดไทยไม่ได้นะครับ
เนื่องจากร้านนี้เมนูอาหารจะไม่มีภาพใดๆ หากอ่านไม่ออกกันจริงๆใช้วิธีเดียวกันกับเราก็ได้คือ เปิดรีวิวคนอื่นๆที่มาก่อนหน้าแล้วจิ้มสั่งเอาเลยครับ ไม่พลาดแน่นอน
ชามแรกเป็นเกี้ยวล้วนๆ แค่เริ่มต้นด้วยการซดซุป ก็ชื่นใจมากเลยรสชาติกลมกล่อมมาก ไม่หวานหรือเปรี้ยวเผ็ดแต่อย่างใด ตัวเกี้ยวก็ใส่กุ้งตัวใหญ่แป้งก็บางมากเขี้ยวเข้าไปในปากเต็มคำกำลังดีเลย
ลองสั่งเป็นบะหมีเกี้ยวกุ้งตามมาก็ รสชาติดีไม่แพ้กันเลยครับ
ตบท้ายด้วยผักราดซอสน้ำมันหอย อร่อยมากผักนิ่มและหวานเนื้อผักมากๆ ทานเข้าไปคำแรกแทบอยากต่อทันทีอร่อยเลยเห็นหน้าตาเรียบๆแต่พี่กินเรียบนะคร้าบบบ 555
หลังหม่ำมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้ายของการเที่ยวแล้วก็รีบบึ่งไปยังสถานีรถไฟเพื่อดิ่งตรงไปสนามบินกันแล้ว…
ได้เวลากลับบ้านกันครับ
ขากลับไม่ได้ยากเช่นกัน เราเลือกสถานีที่เป็นทางผ่านของขบวน HK EXPRESSนั่งรอกันแป๊บๆรถไฟก็เข้ามาตรงเวลาดีมากครับ
อยากจะขอแนะนำสำหรับคนที่ไม่คิดว่าจะกลับมาเที่ยวฮ่องกงซ้ำในช่วง 2-3 เดือนก็ควรแลกบัตร Octopus คืนเพื่อจะได้เงินมัดจำและเงินที่เหลือจากในบัตร
สำหรับจุดที่รับแลกบัตรนั้นจะอยู่ตรงสถานี Hongkong Express นั้นเองลงรถไฟมาก็มองหาเจ้าหน้าทีประจำรถไฟ เดินเข้าไปถามได้เลย เค้าจะชี้เป้าหมายให้ครับ
และก็ได้เวลาลากันแล้วสำหรับทริปฮ่องกง Firt Trip ของผมและปันด้วย
ถือเป็นอีกทริปที่แสนจะหลง และมีเวลาไม่มากเท่าที่คิดไว้กับ 3 วัน 2 คืน ฮ่องกง ดูจะน้อยเกินไปหน่อย เพราะไม่รู้จักสถานที่แม่นๆแต่ทั้งหมดทั้งมวลต่อให้หลงมากแค่ไหนก็ตาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และไม่หลงทางในการมาฮ่องกง รอบนี้คือ พาเด็กน้อย มาเรียนรู้โลกกว้าง และสนุกสนานไปด้วยกันแบบครอบครัวครับ
หวังว่ารีวิวนี้จะสร้างสุขและให้ส่งมอบการเดินทางไปหาความสุขต่อให้คุณๆที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ได้ หากระหว่างรีวิวมีรอยยิ้ม และกระตุ้นให้อยากเดินทาง นั้นละครับ คือความสำเร็จของพวกเราแล้ว
มีความสุขทุกวันกับทุกคนที่คุณรักและรักคุณครับ
จนกว่าจะพบกันในรีวิวหน้า แวะทักทายกันก่อนได้แบบสดๆ ที่นี่ครับ www.facebook.com/likeone22 แล้วพบกันนะครับ
สวัสดีครับ
4 Comments
BuaBlink Prommool via Facebook
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
www.one22.com via Facebook
เหงาตรงไม่มีใครคุยกับ แอดเลย เหงาๆๆ อยากรู้ว่าเขียนเป็นไงบ้าง ชอบไม่ชอบ บอกกันได้จะขอบคุณมากๆเลยนะเพราะจะได้เอาไปปรับปรุงกันต่อจ้า
Vatcharaporn Jurenjeab Saksripaisan via Facebook
เห็นแล้วอยากไปอีกกกก ^^
BuaBlink Prommool via Facebook
Zap RungRojnawakul
Kittiya Lek
Suppalerk Tantayanont
กำลังไปเดินทางใช่ไหม
ลองชมรีวิวนี่ดูน๊าาาา