สวัสดีครับ
ช่วงนี้เหมือนผมได้พักเรื่องเดินทางไว้บ้าง ทำให้มีเวลา เก็บเรื่องราวและการเดินทางที่ผ่านมาฝากกันเรื่อยๆ และยังมีโอกาสเขียนเรื่องอื่นๆกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องแวดล้อมรอบๆการเดินทาง
ช่วงที่ผ่านมาผมเดินทางไม่หยุดหย่อน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาดูแลใส่ใจอุปกรณ์ตัวเองนัก โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สำคัญไม่แพ้กล้องถ่ายภาพ อย่าง “กระเป๋า” เป็นสิ่งทีสำคัญ และวันนี้ ขอเขียนถึงประสพการณ์การใช้กระเป๋าแบบที่ตัวเองเคยใช้ มาแชร์กันตรงนี้แล้วกันนะครับ
ถ้าพูดถึงกระเป๋าสำหรับนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางก็ดีถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดทีเดียว อย่างผมเองมีประสพการณ์ตรงเกี่ยวกับกระเป๋ามาหลายแบบ ขอแบ่งกระเป๋าออกมาสัก 3 แบบแล้วกัน แบบแรก กระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก ใช่แล้วครับแบบนี้ถือว่าเป็นแบบที่ฮิตและนิยมใช้ที่สุดใน แต่จะบอกว่ากับตัวผมเองกับเป็นแบบที่พึ่งหันมาใช้ไม่นานนี่เอง เพราะนิยมใช้แบบเป้มาตลอด ทำให้มองข้ามความสะดวกสบายของกระเป๋าลากไปเลย ขอยกประสพการณ์การใช้กระเป๋า2 แบบเอามาเล่ามาแชร์ให้อ่านกันนะครับ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ แบบที่สองแบบเป้สะพายหลัง และแบบสุดท้ายคือกระเป๋าสะพายข้าง วันนี้ขอหยิบแบบลากมาคุยกันก่อนนะครับ
สำหรับกระเป๋าลากชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดที่ต่อให้กระเป๋าจะมีขนาดเท่าไหร่ วัสดุเป็นอะไรก็ตามส่วนที่สำคัญที่ควรคำนึงถึงที่สุดคือ “ล้อ” ครับ เพราะหากล้อเป็นอะไรไปนั้นแปลว่าจากระเป๋าลากของเราจะกลายเป็นกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าอุ้มแทนทันที ซึ่งไม่สนุกแน่ๆที่ต้องแบกกระเป๋าลากหนักสัก 10-30 กิโลกรัมไว้ตลอดการเดินทาง สำหรับกระเป๋าลากแล้วล้อที่ดีควรเป็นล้อที่มีตลับลูกปืนหรือ ล้อยาง สำคัญที่ขนาดของล้อจำเป็นมากที่ต้องรับน้ำหนักของกระเป๋าได้และยังมีสิ่งที่ควรพิจารณาคือ แบบ 2 หรือ 4ล้อ จากประสพการณ์ลากมาทั้งสองแบบมีความต่างกันที่ควรพิจารณาจริงอยู่ 2 อย่างคือ ราคา แน่นอนราคาของ 4 ล้อจะแพงกว่า 2 ล้อแน่ๆ หากพิจารณาดูแล้วราคาของแบบ 4 ล้อรับได้ผมอยากให้เลือกแบบนี้จะดีกว่าเพราะในการลากกระเป๋าแล้ว เราเลือกได้ว่าจะลากแบบเอียงหรือการเลื่อนไปพร้อมกันกับตัวเราเวลาเดิน แต่หากแบบ 2 ล้อแน่นอนคุณลากได้อย่างเดียวเลื่อนไม่ได้แน่นอน ข้อดีของแบบ 2 ล้อนอกจากราคาแล้วก็คงเป็นการตั้งครับ หากเวลาที่เราไม่ลากมันแล้วความมั่นคงในการวางจะดีกว่าแบบ 4 ล้อที่อาจจะเลื่อนได้นั้นเอง
ต่อมาที่วัสดุครับ หลังจากที่ผมลองใช้มา 2-3 ใบพอสรุปออกมาได้ว่าวัสดุที่นำมาทำจะมีหลักๆอยู่ คือแบบกระเป๋าผ้า และแบบพลาสติกหรือพลาสติกผสมไฟเบอร์
แบบแรกจะมีผ้าให้เลือกอยู่หลาบแบบ คุณสมบัติของผ้าคือมีความยืดหยุ่นสูง เช่น ผ้า Nylon, Tylon, Teflon Tylon แบบหลังจะมีราคาสูงกว่าเพราะผสมคุณสมบัติของสองแบบแรกเข้ามาให้คุณสมบัติที่ยืดหยุ่นสูง ทนน้ำได้ดี(แบบฝนตกจะช่วยกันได้ แต่ถ้าตกน้ำอันนี้ไม่กันแน่ๆครับถ้าตกไปนานๆ) และไม่ฉีกขาดง่าย และแน่นอนราคากระเป๋าผ้าแบบหลังก็จะสูงที่สุดเช่นกัน
ส่วนวัสุดจำพวกพลาสติก แบบนี้มีให้เลือกหลากหลายมาก แบบนี้เป็นแบบที่บ้านเราใช้อยู่ในเวลานี้ อย่างทริป มาเลเซียที่เดินทางกันเองใช้รถสาธารณะเป็นหลักการใช้กระเป๋าลากแบบนี้ก็ช่วยให้เราไม่เหนื่อยเกินไปที่จะแบกกันครับ
มาถึงแบบพลาสติกที่จริงก็มีหลายแบบ แบบที่นิยมใช้กันสูงสุดมีมานานแล้วและส่วนตัวเคยใช้แบบABS จะแข็งๆหน่อยมีความยืดหยุ่นพอประมาณ ตกหล่นไม่แตกง่าย กันสารเคมีได้ ราคาวัสุดแบบนี้จะถูกสุด และผิวอาจจะเป็นรอยง่ายโดยเฉพาะเวลาต้องโหลดกระเป๋าพนักงานเค้าก็ยกวางด้วยความรวดเร็วเพราะฉะนั้นริ้วรอยก็เยอะตาม ข้อเสียคือน้ำหนักจะมากที่สุดไปด้วย
พลาสติกแบบต่อมาคือ PC แบบนี้เป็นแบบใหม่ ใช้พลาสติกแบบเดียวกับที่ทำขวดนมเด็ก ข้อดีเลยคือ น้ำหนักเบา มีความเหนียวยืดหยุ่นสูงกว่าแบบแรกมากกว่า และแน่นอนราคาก็แพงกว่าไปด้วย ถือเป็นแบบที่นิยมเพราะผมเองเวลาเดินทางจะเห็นแบบนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆนะครับ
พลาสติกแบบสุดท้ายอันนี้คือแบบ PP แบบนี้จะคล้ายกับแบบ PC คือใช้พลาสติกที่ทำขวดนมมาทำเช่นกันแต่ลดความหนาลง เพื่อให้ราคาลดลงตามไปด้วยมีความเหนียวทนทานและทำให้โปร่งใสได้แบบ PP แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการแตกหักง่ายลงไปด้วย
ส่วนที่สำคัญที่ควรพิจารณาต่อมาคือ ซิบครับ อันนี้ละที่ควราพิจารณาดีๆเพราะซิปหากแตกหรือตัวล็อคพังข้าวของในกระเป๋ามีสิทธิ์ออกมาอวดประชาชีก่อนถึงที่พักแน่นอน สิ่งที่ควรทำก่อนซื้อคือการทดลองรูดครับ รูดเลยครับยิ่งมีแบบ 2 ทิศทางให้ลองลากไปๆมาๆหลายๆรอบเพราะหากช่างตัดเย็บมาดี แน่นหนา จะไม่มีการปีนเกลียว หรือเศษด้ายหลุดติดเข้าไปในซิบแน่นอนวิธีดูซิบไม่มีนอกจากเราจะทดลองเท่านั้นครับ
ขนาดของกระเป๋าจะว่าไปคงขึ้นอยู่แต่ละคนกับความจำเป็นหรือปริมาณจำนวนวันในการเดินทางเป็นหลัก แต่หากให้ว่ากันถึงเกณฑ์การตัดสินใจจริงๆ ขนาดกลางๆที่ 24-26 นิ้วเป็นขนาดที่เหมาะกำลังดี โดยเฉพาะหากไม่อยากปวดหลังปวดแขนที่เราต้องลากไปตลอดการเดินทางกรณีที่เปลี่ยนที่นอนหลายๆที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ส่วน Size ที่เล็กกว่านี้เช่นที่ขนาดซัก 20 นิ้ว จะกับการไปไม่กี่วันเช่นไม่เกิน3 วัน แถมยกขึ้นไปไว้บนเครื่องได้อีกด้วย แต่ถ้าชอบใบใหญ่จริงๆ ไม่ควรเลือกเกิน 28 นิ้วเพราะไม่งั้นคุณๆจะมีปัญหากับรถเช่าหรือรถที่ต้องต่อแน่ๆเพราะมันจะกินที่หรืออาจจะขนขึ้นรถไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ส่วนสุดท้ายที่คนทั่วไปมักมองข้าม หรือเรียกว่าอาจจะคิดไม่ถึงนั้นคือ การดูกำหนดน้ำหนักจากสายการบินนั้นเอง แน่นอนครับ กระเป๋าเราซื้อมาหากเอาขึ้นเครื่องไม่ได้ก็จบสิ อาจจะเถียงกันในใจก็ชั้นโหลดใต้เครื่องทำไมต้องกังวล ถูกแล้วครับหากคุณโหลดเค้าไม่ห้ามแต่หากน้ำหนักเกินก็ต้องเสียตังเพิ่มนะจ๊ะอย่าลืม แต่ที่ผมอยากให้คำนึงกันจริงๆคือกระเป๋าลากแบบไม่ใหญ่และหิ้วขึ้นเครื่องได้ต่างหาก
ปัจจุบันแทบจะทุกสายการบินจะให้เรานำกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องกันได้แค่ 1 ใบ (แต่ผมมักมีกระเป๋ากล้องหรือกระเป๋าเล็กๆติดตัวเสมอก็ไม่ได้ห้ามนะครับถ้าขนาดมันไม่ใหญ่เกินไป) เพราะฉะนั้นขนาดที่ หาข้อมูลมาให้ ขอยืมภาพจาก เว็บไซต์ nokair.comนะครับ จะเห็นว่าขนาด 7 กิโลกรัมเป็นมาตรฐานของทุกสายการบิน เพราะฉะนั้นกรณีเราจะซื้อใบเล็กเสริมอีกใบอย่าลืมคำนึงเรื่องของขนาดตามภาพนี้ไว้ให้ดีครับ
(อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่นี่นะครับ http://www.nokair.com/contents/journey_plan/baggage_info/th-TH/index.html )
มาถึงกระเป๋าแบบที่สองคือแบบสะพายครับ จริงๆ แบบเป้ก็มีวิธีการเลือกเหมือนกันเอาไว้ ขอเขียนแยกอีกทีดีกว่ารายละเอียดเยอะเหมือนกัน มาถึงแบบสะพายพกพาขนาดเล็ก แบบนี้เหมาะมากจริงๆเวลาผมเดินทางเพราะแบบนี้ละครับที่จะใส่ของใช้กระจุกกระจิก เศษสตังค์ บางครั้งผมก็ใช้ใส่เลนส์ก็เคยมาแล้ว
กระเป๋าแบบพกพานี้มีให้เลือกหลายๆแบบ เพราะฉะนั้นผมชอบแบบที่เอามาคาดเอว แต่พอใช้จริงๆก็มักจะมาคล้องไหล่มากกว่าเพราะมันสามารถหมุนและหยิบของใช้ต่างๆได้ง่ายและสะดวกที่สุด ยิ่งหากไปต่างประเทศด้วยแล้วการเก็บสิ่งของสำคัญเช่น Passport, ตั๋วรถ เครื่องบิน มือถือ กระเป๋าตังฯลฯจะหยิบได้ง่ายกว่าใส่ในกระเป๋ากางเกงที่เรามักจะหลงลืมง่ายๆ
มาถึงแหล่งของการเลือกซื้อกันบ้าง ปัจจุบัน นอกจากวิธีเดิมๆคือการไปเดินตามร้าน หรือ งาน Event ต่างๆ หากเราไม่มีเวลาจริงๆ การเลือกซื้อผ่านช่องทางเว็บไซต์ออนไลน์ก็เป็นอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกข้อดีเลยคือคุณไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน สามารถหาข้อมูลเปรียบเทียบได้ง่ายๆ และที่สำคัญมีแบบให้เลือกได้หลากหลายมาก
ขอยกตัวอย่างสักเว็บที่ผมค้นๆดูแล้วเห็นว่ามีกระเป๋าให้เลือกเยอะดีและมีทุกๆแบบที่ผมเขียนถึงเลยคือ http://www.cdiscount.co.th/sports-fashion/bags/luggages เข้าไปเลือกหมวดกระเป๋าเดินทาง
ก็จะปรากฎทุกๆแบบที่เขียนถึงไปขึ้นมา ที่นี่คุณก็เลือกแบบที่อยากได้ด้วยตัวเองได้แล้ว อ่ออีกนิด การสมัครสมาชิกด้วย e-mail สามารถนำมาเป็นส่วนลด 10%ในการซื้อสินค้าในเว็บนี้ได้ด้วยเพราะฉะนั้นลองเลือกๆกันดูนะครับ
หมดแล้วครับหวังว่าบทความเกี่ยวกับการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางครั้งนี้น่าจะมีประโยชน์กับคุณๆบ้าง ถือเป็นบทความเบาๆคั่นระหว่างการเดินทาง หนหน้าจะเป็นเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวที่ไหนนั้นโปรดติดตามกันให้ดีนครับ วันนี้ลากันก่อนจะพบกันนะครับ สวัสดี
5 Comments
BuaBlink Prommool via Facebook
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
Nina Nakkaraj via Facebook
ขออนุญาตเพิ่มเติมเรื่องซิปนะคะ ควรเลือกซิปที่มีตัวล๊อกติดกับตัวกระเป๋าและใช้วิธีตั้งรหัส ไม่ควรใช้กุญแจมาคล้องเอง มิฉะนั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้
http://youtu.be/MQ4BCT2iZ8U
น้ำ ฟ้า ป่า เขา via Facebook
กะลังจะต้องซื้อเลย (y)
A Pun Arun via Facebook
ขอบคุณค่า
Panee Memongkon via Facebook
ขอบคุณมากค่ะ