สวัสดีครับ
มาถึง” รีวิวพาชมซากุระแรกของปีที่ คาวาซุ Kawazu พร้อมชี้เป้าปีนี้ ”
เป็นอีกรีวิวน่าจะกำลังอินเลยสำหรับใครก็ตามที่รอไปชมซากุระกันในปีนี้โดยเฉพาะที่โตเกียว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่รอคอยกันทุกปีของญี่ปุ่น สำหรับที่ๆผมจะพาไปหนนี้ผมเพิ่งไปมาและถือเป็นซากุระแรกของเขตโตเกียวไม่พอยังถือเป็นซากุระครั้งแรกในชีวิตของผมเองด้วยสำหรับญี่ปุ่น ใครๆก็คงอยากมี Moment นี้สักครั้งในชีวิตจริงไหมครับ เอาว่าไม่ต้องเสียเวลามาเที่ยวชมซากุระแรกของปีนี้กันเลยดีกว่าครับ
หากเอ่ยถึงเมืองคาวาซุ หลายคนอาจจะส่ายหัวไม่รู้จักว่ามันคือที่ไหน ผมจะพาไปรู้จักกันก่อนดีไหมครับ
เทศกาล ซากุระ คาวาซุ (Kawazu Cherry Blossom Festival) จัดขึ้นทุกปีที่เมืองคาวาซุ อยู่ในจังหวัด Shizuoka ภูมิภาคจูบุ อันมักจะเป็นเมืองแรกๆของประเทศญี่ปุ่น ที่ดอกซากุระเริ่มบาน ด้วยความที่ประเทศนี้เป็นที่รวมสายพันธ์ซากุระเยอะที่สุดในโลก เพราะงั้นสายพันธ์นี้จึงแตกต่างจากสายพันธ์ที่คนไทยมักเจอในโตเกียว โดยจะเริ่มบานตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. – ต้นเดือน มี.ค. ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งก็บานเร็วกว่าที่โตเกียวร่วม 1 เดือนเช่นกัน สีของพันธุ์นี้จะออกชมพูกว่าอย่างเห็นได้ชัด และด้วยโซนฝั่งนี้จะมีอุณหภมิอุ่นเร็วกว่าเขตอื่นๆในคันโตทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งกับซากุระสายพันธุ์นี้จะบานก่อนและค่อนข้างจะยืนยาวกว่าพันธุ์อื่นๆอีกเช่นกัน ใครไปเดือนกุมภาพันธ์หลังวันที่ 10 ทุกปีอย่าพลาดมาชมกันนะครับ เอาล่ะเกริ่นกันพอรู้จักแล้ว สามารถโหลดข้อมูลและอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเทศกาลนี้ได้ที่ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเทศกาลนี้ครับ มีภาษาไทยด้วยนะ
ด้วยความที่ผมมีโอกาสไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมไปในย่านฟูจิทำให้คำนวนดูแล้วขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็คุ้มค่าที่จะได้ไปเห็นซากุระครั้งแรกในชีวิตกับประเทศที่ใครๆต่างก็น่าจะไปเห็นซากุระกัน ไม่ยอมพลาดเหมือนผมแน่ๆ
วิธีเดินทางหากมาตรงๆจากโตเกียวคือให้นั่งชินคันเซ็นสายดังนี้นะครับ
– จากสถานี Tokyo Station นั่งรถไฟด่วนพิเศษชื่อ Odoriko หรือ Super View Odoriko จะมาถึงสถานี Kawazu ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง 35นาที แนะนขบวนนี้เพราะจะเป็นขบวนที่กระจกชมวิวบานใหญ่เต็มๆนั่งชมภาพงามๆริมฝั่งทะเลมาได้เลย
– จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟชินคันเซ็นขบวน Kodama จนถึงสถานี Atami เพื่อมาต่อสาย Izu kyuko อีก1ชั่วโมง 20นาทีก็จะถึงสถานี Kawazu รวมเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง15นาที
กรณีมาจากเขต Kawaguchiko หรือรอบๆโตเกียวโดยรถเช่า
ขับรถใช้ทางหลวงหมายเลข 246 – Nagaizumi IC (Izu-Jukan Expressway) ขับออกมาจากตัวKawaguchiko ใช้เส้นทางต่อเนื่องมาเชื่อมต่อกันด้วยทางหลวงหมายเลข 136 จนถึงเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 414 – Kawazu ใช้เวลาโดยประมาณ 2ชม. 30 นาทีครับ
หลังรับรถเช้าที่สถานีคาวากูจิโกะแล้ว ซึ่งตัวบริษัทรถเช่าเองอยู่ไม่ไกลกันนะครับในบริเวณสถานีรถไฟเลยใครเช่ารถผ่านเว็บไซต์ toocoo เจ้านี้รับรถที่นี่ได้เลย
และวิวดีด้วยนะมองจากแถวบริเวณสถานีรถไฟเจอฟูจิซังเลย
หลังรับรถ ขับมาเรื่อยๆวิวข้างทางใบไม้ร่วงกันหมดแล้วละครับแต่ที่มันน่าสนใจคือตามจุดแวะต่างๆ ร้านริมสองข้างทางแน่นมากทีเดียว จนอดแวะไม่ได้จนมาได้ของฝากเด่นๆอยู่สองอย่างจากสองจุดที่แวะเวียน อย่างแรกคือ ไดฟุกุแช่เย็นไส้สตอเบอร์รี่
อันนี้อยากแนะนำจริงๆมันช่ำปากมาก หากใครเคยกินที่โตเกียวแบบที่มันมีสอดไส้ถั่วแดงด้วยแบบนี้จะต่างตรงที่ไส้จะเป็นสตอเบอร์รี่ที่ปลูกในบริเวณนี้ซึ่งมันทั้งใหญ่และหวานสุดๆเลยครับ เอาว่าตั้งแต่เกิดมาถึงแม้จะกินไดฟุกุไม่เยอะแยะแต่นี้คืออร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลย
ส่วนของฝากข้างทางต่อมาอันนี้เป็นรสนิยมส่วนตัวครับผมชอบวาซาบิมากก และที่นี่ปลูกวาซาบิ และทำมาแปรเป็นผลิตภัณฑ์ตั้งแต่สดยันแปรรูปได้เด็ดมาก จนต้องซื้อติดมือมา ใครขับรถมาเมืองนี้เจอทั้งสองจุดแวะแน่นอนครับมองทางขวาไว้นะครับ
เราใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงครับ แต่จะว่าไป วันไหนๆไม่มา ดันมาวันอาทิตย์เจอขบวนรถติดยาวเลย ติดที่ไทยไม่พอยังมาติดที่ญี่ปุ่นอีก เศร้าสิครับ
หลังจอดรถปั้บเราเดินออกมายังถนนเลียบริมแม่น้ำ และสิ่งที่ค้นหามานานก็เป็นจริงตรงหน้าแล้วละครับ ต้นซากุระเป็นๆผมมาเห็นแล้ววววว
ผมยืนสงบนิ่งสักพักก่อนจะยกกล้องรัวยิงไปเรื่อยๆพร้อมกับสังเกตุดูว่าซากุระพันธ์คาวาซุนี้มีความคล้ายคลึงกันกับ ดอกพญาเสือโคร่งบ้านเราจริงๆ เพราะณ.เวลาที่ผมมาถึงเป็นช่วงเลยกลางเดือนกุมภาพันธ์อย่างที่บอกไปแล้วมันเริ่มแตกใบออกมาให้เห็นซึ่งใบมันก็คล้ายกันจริงๆ
ดอกซากุระจะสีชมพูกว่าสายพันธุ์ที่บานในโตเกียวช่วงเดือนมีนาคมซึ่งพันธุ์ดังกล่าวจะออกสีขาวนวลตากว่า
แต่นะมาถึงที่แล้วขอเสพความงามไปพร้อมๆกับธรรมชาติสวยๆริมลำธารในอากาศเย็นๆ แบบ 6-7 องศาสักหน่อยครับมันซ้วย สวยจริงๆ สวยแบบที่ต่อให้เป็นโตเกียวบรรยากาศริมสองฝั่งที่มีต้นซากุระบานเต็มต้นแบบนี้ ตลอดเส้นทางกว่า 3 กิโลเมตรมันช่างเพลินตาจริงๆครับ และเส้นทางสายซากุระนี้ยาวกว่า 4 กิโลเมตรทีเดียวเราจะพบซากุระกว่า 8,000ต้นอยู่ตลอดสองข้างทาง
สังเกตุผู้คนที่มาชมดอกไม้ก็มีความสุขกันถ้วนหน้า เลยแอบเก็บภาพความสุขของพวกเค้ามาแบ่งปันครับ เห็นแล้วสดชื่นมีความสุขไปพร้อมๆกันด้วย ที่แปลกคือผมเจอคนไทยน้อยมากๆ
ยิ่งเดินมาเจอร้านรวงน่ารักมากมายที่เปิดอยู่ข้างทาง เลยอดแวะอุดหนุนไม่ได้ เริ่มที่หมูย่าง หอมๆและไม้ใหญ่สุดๆเนื้อหนาแต่ไม่เลี่ยนนะ รสชาติเดียวกันกับหมูปิ้งแบบไม่ติดมันบ้านเรานั้นละ
ต่อด้วยไส้กรอกอันนี้ติดเค็มไปนิด ถ้ามีข้าวเหนียวนี่อร่อยเลย >__<
ที่ผมขอชมเลยคือการจัดการอันเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมๆกับอุปนิสัยของคนญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วตลอดสองข้างฝั่งริมน้ำสะอาดและไร้ขยะแม้แต่ชิ้นเดียว เดินถ่ายรูปได้ตลอดเส้นเลย
จุดที่เค้ามาแวะกันจะอยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟ Kawasu จะมีทางเดินลงไปที่ริมน้ำเราจึงเห็นอิริยาบทสบายๆของผู้คน
หนุ่มสาวน่ารักจูงมือกันกอดคอ โรแมนติกมากกกกก ตาร้อนกันทีเดียว
คุณตากับหลาน ที่มาเดินเล่นแล้วคุณตาก็ดูห่วงหลานดีเชียวล่ะ
ตากล้องสาวน่ารักที่ตอนเดินกลับแอบเก็บภาพเค้าอีกที 555 ถ้ำมองดีเนอะ
พ่อลูกน่ารัก…
เส้นทางสายนี้จึงสวยงามและน่าหลงใหลมาก ให้กลับมาอีกผมก็อยากมาครับ และอยากมาเร็วกว่าด้วยเพราะช่วงที่ใบไม่แตกยอดน่าจะอยู่ราวๆ 10-20 ทุกปีแน่ๆเลย
จากนี้เราก็กลับแล้วละครับผมบึ่งรถกลับมาคืนที่เรารับรถและดิ่งตรงกลับโตเกียวเลย เพื่อมาพักกลางทางก่อนจะไปเมืองทางตอนเหนือขอโตเกียวต่อในวันถัดไป
และที่พักของเราครั้งนี้มาจากคำแนะนำของเพื่อนๆที่เราได้มา เป้าหมายยังคงเป็นการหาจุดถ่ายภาพสักจุดนึงกับ แลนด์มาร์คสำคัญของโตเกียวและ ” Tokyo SkyTree ” คือเป้าหมายนั้นครับ
ที่พักของเราคือ “Asakusa Hotel Hatago ” ที่นี่มีข้อดีที่สุดสำคัญเลยคือชั้นดาดฟ้าจะสามารถมองเห็น หอคอยอันนี้ชัดเจน วันที่เราไปถึงมืดแล้วและฟ้าค่อนข้างปิดเพราะมีฝนตกปรอยๆ แต่ก็ไม่อาจจะบดบังความสวยงามของ โตเกียวสกายทรี ได้ สวยดีจริงๆ
มาดูที่พักบ้าง เนื่องจากเวลาของเราเร่งด่วน ผมจึงหาที่พักนี้จากการหาเว็บที่ดึงราคาจากเว็บจองที่พักที่แพร่หลายมาให้เราเปรียบเทียบกันเลย ไม่ต้องเข้าไปดูหลายๆเว็บให้เสียเวลาคือ
www.hotelscombined.co.th เว็บเดียวดึงราคาจากทุกเว็บมาเปรียบเทียบให้เราได้เลย ซึ่งมันดีและประหยัดเวลาการค้นหาได้จริงๆครับ สุดท้ายผมจองที่นี่จากเว็บ booking.com อีกที
ซึ่งเป็นเว็บที่ใช้บ่อยมากๆในช่วงหลังๆเพราะสามารถยกเลิกได้ทีหลังในช่วงเวลาที่โรงแรมกำหนดซึ่งส่วนใหญ่ก็จะ ได้ไปจนถึง 1 วันก่อนเข้าพักครับ (ตรงนี้ต้องเช็คเงื่อนไขจากในเว็บจองที่เราทำรายการมันจะแจ้งข้อมูลไว้ครบทุกอย่างครับ)
และตัวเว็บปัจจุบันสามารถดาวน์โหลด App จากทั้งสามระบบหลักๆได้หมดแล้วจาก IOS,ANDROID,WINDOW MOBILE สะดวกมากๆครับ โหลดได้ทางนี้เลย https://goo.gl/UVfbH2
ตัวโรงแรมค่อนข้างดีอย่างที่บอกเลย แม้จะแคบตามสไตล์ Business Hotels ของญี่ปุ่นเค้าห้องพักจะแยกเป็นสองเตียงตามที่ผมระบุมา
ด้านข้างมีโต๊ะนั่งขนาดเล็กที่ดูน่ารักดีแต่ก็ใช้งานได้จริงนะครับเพราะคืนนั้นผมต้องใช้งานคอมก็นั่งทำตรงนี้ละครับ
มีมุมตู้เย็นsize s ที่วางของการจัดการพื้นที่แคบๆให้เป็นระเบียบคือหัวใจสำคัญของโรงแรมในญี่ปุ่นครับ
ห้องน้ำก็อยู่ใน Format คุ้นเคย มีครบทุกอย่างในพื้นที่ทั้งหมด น้ำร้อนๆดีมากจนต้องหรี่ลงเยอะเลย ชอบสบู่เหลวของโรงแรมในญี่ปุ่นมากมันหอมดีจนต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมาใช้ครับ
มาดูกลางวันชั้นบนสุดจะเป็นห้องอาหารและวิวก็เมพเลย ครับ เห็น โตเกียวสกายทรีเด่นมากๆ ใครอยากมาถ่ายภาพที่โรงแรมนี้แนะนำเลยครับมุมสวยกำลังดี เห็นทั้งแม่น้ำและหอคอย
รวบรวมคำพยากรณ์และสถานทีชมซากุระทั้งประเทศญี่ปุ่น
เอาละมาถึงที่จั่วหัวไว้ครับ ไหนๆแล้วช่วงเวลาที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้อยู่ในระยะเวลากลางๆเดือนมาทางสัปดาห์ที่สามของ มีนาคมแล้ว และในสัปดาห์หน้าก็จะเข้าสู่ฤดูซากุระบานแล้วในเขตคันโตและโตเกียวทั้งเมือง มาดูกันหน่อยครับว่าเราหาข้อมูลจากไหนได้บ้างและเว็บไหนกันที่ทุกเว็บจะต้องเข้ามาเช็คอากาศและฤดูกาล เว็บ www.japan-guide.com เลยครับที่เชื่อได้ขัวร์สุดแม่นสุดๆ
หลังจากเข้ามาแล้วเราจะเห็นแถบใต้ภาพตรงกลางจะเจอเลย ตรง 2016 cherry blossom reports กดเข้าไปเลยครับ เค้าจะมีการรวบรวมสถานที่ทั้งประเทศเอาไว้
เข้าไปดูอีกจะเจอระบุไว้หมดว่าพร้อมการเช็ควันต่อวันว่าจุดไหนบ้างที่เริ่มแล้วและตรงไหนยังไม่บานก็จะพยากรณ์ไว้เลย อย่างกดที่โตเกียวเข้าไป
ยกตัวอย่างเข่นเขตคันโต นั้นคือ โตเกียวนั้นเองครับ จะเห็นว่าเพิ่งเริ่มต้นสำหรับปีนี้ (วันที่ผมดูคือ 25 มีนาคม 2559 ) Shinjuku Gyoen พยากรณ์เอาไว้ว่าจะมาตอนต้นๆเดือนเมษายนนั้นเอง
กดเข้าไปต่อจะเจอกระทั่งแนวของต้นซากุระพร้อมแผนผังการเดินเที่ยวชมในสวนได้เลย เห็นไหมครับง่ายมาก หากใครสมัครสมาชิกเราจะได้ทราบผลจากทางเมล์กันเลยทีเดียวครับ
ที่นี่คุณก็มีหน้าที่แค่ไปตามเวลาดังกล่าว หรือหากเราจองตั๋วไปแล้วก็จะได้ดูเผื่อว่าเราจะปรับเปลียนสถานที่ชมใบไม้กันได้ทันตามจุดต่างๆที่เว็บนี้พยากรณ์ไว้นะครับ คือเค้าอับเดตวันต่อวันสัปดาห์ต่อสัปดาห์เพราะงั้นแม่นแน่ๆครับ ผมเคยใช้เว็บนี้มาแล้วตอนฤดูใบไม้เปลี่ยนสีปีก่อนแม่นสุดๆเลย
ฝากทิ้งท้ายขายของหน่อยนะครับ
ตอนที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ผมกำลังมีหนังสือของตัวเองออกมาเป็นครั้งที่สอง ในชีวิตแต่คือครั้งแรกที่เป็นผลงานจากการเขียนและภาพถ่ายของเราจริงๆทั้งหมดอยู่ในเล่มนั้น
ร่วมกันกับเพื่อนๆอีก 5 คนเป็น 6 ทริปเดืนทาง ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ผ่านมา “JAPAN DIARY ” กาลครั้งนึง เมื่อใบไม้เปลี่ยนสี หนังสือที่รวบรวมเป็นบันทึกการเดินทาง+ photo book ในช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี จากเหนือจรดใต้ของประเทศญี่ปุ่นเอาไว้ โดยเป็นผลงานจากทุกคนดังนี้ครับ
1.มาเรีย ณ ไกลบ้าน พี่สาวคนดี น่ารักและถ่ายรูป ซ้วย สวยที่สุดกับเรื่องราวญี่ปุ่นสาวเดี่ยวคนเดียวในเล่มนี้
2.นายเตร็ดเตร่ สะพายเป้ เท่ทั่วไทยไปทั่วโลก การันตีด้วยแฟนๆเค้ากว่า สามแสนคน กับทริปญี่ปุ่นครั้งแรกสะพายเป้ไปตะลุยหิมะมาแล้วเจออะไรบ้าง
3.เอ๋อ้อย จาก Travel planet Xperiences นักถ่ายภาพสต๊อกมือหนึ่งในวงการสต๊อกเมืองไทย ไม่ต้องบรรยายกันมากภาพเค้าขายมาแล้วทั่วโลก
4.Tummeng travel /แบกเป้เท่ทั่วโลก ไปมาแล้วหลากหลายที่นักเดินทาง backpack ตัวยงคนนึง
5.POGGHI นักเขียนผู้คร่ำหวอดในวงการและมีหนังสือออกมาแล้วด้วย ที่สำคัญเค้าคือ บก. ของพวกเราเองด้วย ลีลาการเขียนคมกริบดังน้ำผึ้งอาบใบมีดโกน
6. ผมเอง one22.com ครอบครัวนักเดินทางที่หยิบเรื่องราวในแบบครอบครัวมาเล่าให้ใครที่ลังเลจะพา คนที่รักไปเที่ยว เชื่อผมเถอะใครๆก็ไปได้ถ้าเราไปกันได้นะครับ
จบแล้วนะครับสำหรับ รีวิวพาชมซากุระแรกของปีที่ คาวาซุ Kawazu พร้อมชี้เป้าปีนี้ ถ้าชอบงานรีวิวของเราสามารถติดตามเราต่อกันได้ที่ แฟนเพจของเราได้เลยที่นี่ครับ
สำหรับเพื่อนใหม่ที่พึ่งเจอกัน
ถ้าชอบรีวิวของเรา ฝากกด Like
เพจ อยากรู้จักโลกกว้าง
http://bit.ly/2G06JVD
และอย่าลืมเปลี่ยนสถานะ follow (ติดตาม)
เป็นSee first (เห็นก่อน) ไว้เลยนะครับ
สวัสดีครับ