มาถึงบทความที่เราอยากเขียนเล่ามากที่สุด บทความนึงเลยเชียวละ อันนี้มาจาก Passion ล้วนๆ เพราะ รีวิว 10 สิ่งละอันพันละน้อย ก่อนจะพาครอบครัวขับรถเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์พาตัวเองเที่ยวญี่ปุ่นกว่า 5 ปีติดต่อกัน
โดยทุกๆปีผมมักจะมีอย่างน้อย 1 หรือ 2 ทริปที่จะได้ใช้รถขับท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นนี้เป็นประสบการณ์ตรงล้วนๆครับ ไว้สำหรับบ้านไหนที่อยากจะลองมีประสบการณ์แบบเดียวกันแล้วยังไม่กล้า ขอให้ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่ามันสนุกและดีขนาดไหน มะ มาไล่กันเลยดีกว่า
บทความนี้ผมขอแบ่งออกเป็นสองช่วงนะครับ เพื่อให้มันเข้าใจง่ายๆ อะไรควรทำก่อนหรือตอนไปถึงเราควรรู้ไว้ก่อนไป
แบ่งออกเป็น 2 หมวดหลักๆตามนี้เลย
ก่อนเดินทางเราต้องเตรียมอะไรบ้าง
ระหว่างเดินทางต้องเตรียมอะไรบ้าง
ทั้งหมดมาจากประสบการณ์ผมล้วนๆ บวกหาข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับชื่อต่างๆ ผมขอลงตามจริงที่ตัวเองไปใช้จริงจึงมีหน้าสินค้าทุกอย่างชัดเจนไม่อ้อมค้อมนะครับ อันไหนดีเราก็ว่าดีเพราะใช้จริงหมด มะมาดูที่ผมแบ่งไว้ดีกว่า
ก่อนเดินทางเราต้องเตรียมอะไรบ้าง
1.ขับรถไปไหนบ้าง ?
เพราะก่อนจะไปก็ต้องรู้ก่อนว่า คุณกำลังจะไปส่วนไหนของประเทศญี่ปุ่น (จริงไหม) จริงๆ มันคือสิ่งแรกเลย คือทำเลที่จะไปน่ะ เหมาะกับการเดินทางแบบขับรถไหม เช่น ถ้าคุณบอกว่าจะไปเที่ยวและอยู่แค่ในเมืองเดียวไม่ออกไปไหนเลยอย่าง โตเกียว,โอซาก้า,ฟูกุชิม่า,ซับโปโรฯเมืองใหญ่ๆเหล่านี้ อันนี้ไม่แนะนำให้คุณใช้รถ เพราะเมืองใหญ่ๆ ดังกล่าวนั้นการเดินทางด้วย รถไฟทุกประเภทสะดวกที่สุด แค่เราซื้อพาสที่เราจะใช้ในเมืองนั้นก็คุ้มแล้ว อีกอย่างในเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว,โอซาก้า สี่แยกจะเยอะมาก ขับๆ หยุดๆ แทบทุก 500 เมตร เสียเวลา พาลจะหงุดหงิดเปล่าๆ
อีกประการนึง คือ ที่จอดรถที่นอกจากหายากแล้ว ยังแพงอีกด้วยนั้นเอง ราคาจะถูกแพง ขึ้นอยู่กับทำเลเป็นสำคัญ แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นตั้งแต่ 150 เยน / 30 นาที ซึ่งนี่คือเรทต่ำสุดที่ผมหาเจอได้ ถ้าออกนอกเมือง แต่ถ้าเป็นในโตเกียว บางทีกระโดดไป 300-600 เยน / ชม. ก็มี เพราะฉะนั้นไม่หนุกแน่เวลาขับรถไปจากจุดนึงถึงจุดนึงแล้วเสียแบบนี้ หรือหากช้อปปิ้งเยอะและเหนื่อยจะแบกแล้ว ให้หาตู้หยอดเหรียญตามสถานีรถไฟแล้วฝากของไว้ หลังช้อปฯเสร็จกลับมาเอาแล้วขึ้นแท๊กซี่กลับที่พัก ถ้าของเยอะยังจะดีกว่า
2.ใช้เวลาแค่ไหน? อันนี้ยิ่งเป็นตัวตัดสินใจ เพราะถ้าทริปของคุณมีผสมกันระหว่างในเมือง และออกนอกเมืองบ้าง ก็ยังถือว่าเหมาะแต่ก็เฉพาะบางพื้นที่ๆอยากแนะนำ สำหรับเมืองใหญ่ อย่างที่กล่าวไปแล้วแบบนี้รถไฟฯ รถบัสยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
อย่างรอบนี้ผมเลือกขับรถในเส้นทาง Osaka- Wakayama ซึ่งอยู่ในช่วงท้ายของทริปพอดีโดยเลือกรับรถจาก Numba แล้วคืนรถที่ สนามบิน Kansai International Airport
สุดท้ายเพราะเราเลือกใช้วิธีการขับรถ ทำให้เราไปเจอซากุระได้สมใจแล้วยังไปเที่ยวต่อได้อีกหลายจุดไม่เสียเวลารอรอบรถไฟ อันนี้จึงเป็นข้อดีมากๆที่ได้รับจากทริปนี้
ซากุระฟูลบลูมเต็มที่ที่ Kimiidera Temple โอ้ยยยสมใจจริงๆตามรูปเลย เดี๋ยวรีวิวตอนหน้าจะพาไปชมให้สมอุรากันนะ
ครั้งแรกที่เรามาญี่ปุ่นและใช้รถผสมคือ การมาเที่ยวโตเกียว+ ไปนิกโกะ(Nikko) เมืองประวัติศาสตร์และวัฒนะธรรมของญี่ปุ่น เราเลือกไปนิกโกะโดยการขับรถไป เพราะเมืองนี้อยู่ย่านชนบทของเค้า ใช้เวลาขับรถไม่นาน จริงๆ การมาเมืองนี้โดยรถไฟ หรือ รถบัสไม่ได้ยากเหมือนกัน แถมอาจจะใช้เวลาน้อยกว่า แต่ที่เลือกใช้รถเหตุผลคือช่วงเวลานั้นเอง เราไปทริปนี้เพื่อเที่ยวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งตรงกับปลายๆปีตั้งแต่เดือน ตุลาคมเป็นต้นไป แต่ละจุดของนิกโกะจะอยู่บนเขาแทบทั้งหมด ทำให้การนั่งรถบัสบางทีเราอาจจะพลาดบางจุดในระหว่างเส้นทาง การขับรถจึงเป็นทางเลือกที่เราใช้เพื่อให้จอดแวะจุดใดก็ได้ และตามชนบทของญี่ปุ่นที่จอดรถตามแหล่งท่องเที่ยวระหว่างทางในธรรมชาติจะฟรีด้วยนั้นเอง หรือบางครั้งก็สามารถจอดตามปั้มหรือ ตามร้านอาหารได้เพราะส่วนใหญ่เค้าให้บริการฟรีหมด
สำหรับใครที่สนใจการขับรถเที่ยวนิกโกะ อ่านจากรีวิวนี้ได้เลย และแถมเส้นทางน่าเที่ยวในโซน โทโฮคุให้ด้วย อันนี้เป็นเส้นทางแสนรักของผมเลย –> 13 วัน 5 จังหวัด 1,300 กิโลเมตรขับรถไล่ล่าใบไม้เปลี่ยนสี Japan!
3.สารพัดเอกสารเพื่อการขับรถเที่ยวต้องมีก่อนไป
เอกสารที่เราต้องเตรียมจริงๆไม่เยอะเลย สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ใบขับขี่สากลก่อน
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เคร่งครัดเรื่องเอกสารมาก หากเราลืม หรือเตรียมไปไม่ครบคุณอาจจะพลาดการใช้รถในทริปๆนั้นไปเลยแม้ว่าคุณจะจ่ายตังค่าเช่าไปแล้วล่วงหน้าก็ตาม เค้าไม่หยวนๆให้แต่อย่างใด อันนี้ต้องรู้ไว้ก่อน (ตรวจสอบเอกสารการเช่ารถขับได้ทุกเจ้าที่คุณใช้งานให้ดีก่อนจะเช่านะครับ)
4.ใบขับขี่สากลทำยากไหม ?
ง่ายมาก ไปทำได้ที่ขนส่งจังหวัดทุกที่ทั่วไทย ใครอยู่จังหวัดไหนให้ไปทำที่จังหวัดนั้น อย่างกรุงเทพฯ หลักๆก็สองที่คือ ที่ขนส่งกรุงเทพฯที่อยู่ตรงจตุจักร หรือ ใครอยู่ฝั่งธนก็มาทำที่เขตตลิ่งชันในซอยสวนผัก สิ่งที่ต้องเตรียมไปเพื่อการทำเอกสารมีดังนี้
- ใบขับขี่ตัวจริงที่ยังไม่หมดอายุ พร้อมถ่ายเอกสารสำเนาไป 1 ชุด
- บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมถ่ายเอกสารสำเนา 1 ชุด
- รูปถ่ายแนวตั้ง 2 ใบ ขนาดไม่เกิน 2 นิ้ว และพื้นหลังให้เป็นสีขาวเท่านั้น กรณีพื้นหลังเป็นสีฟ้าจะใช้ไม่ได้นะครับ
- เงิน 505 บาท
ใบขับขี่สากลต้องต่ออายุทุกปี มีอายุ 1 ปีนับจากวันที่เราไปทำเพราะฉะนั้นถ้าคุณทำแล้วปีหน้าไปอีกจะขับอีก อย่าลืมเช็ควันหมดอายุหน้าบัตรให้ดีด้วยนะครับ
หมดแล้วเอกสาร เห็นมะง่ายนะ 555 ใครที่คิดว่าทำใบขับขี่สากลยากบอกเลย คุณเข้าใจผิด ไม่ต้องมีการสอบใหม่ ไม่ต้องมีการกรอกเอกสารวุ่นวาย
มีแค่กรอกคำร้องขอทำที่จุดทำเอกสารเท่านั้นใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีรวมนั่งรอ ต่อการทำ 1 ครั้งก็ได้ใบขับขี่สากลหล่อๆ มาใช้งานแล้วจ๊ะ อ่อทำแล้วใช้ขับได้ทั่วโลกมากกว่า 47 ประเทศที่เค้ารับรองใบขับขี่สากลที่ออกจากเมืองไทยเลยนะ ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นอย่างเดียว หล่อเบยย
5.ใช้เจ้าไหนดี? จองจากไหนดี? ใช้รถไซส์ไหนดี? แพงไหม?
สามสี่คำถามโลกแตก 555 ขอใช้คำนี้เลย เพราะตลอดเวลาที่ทำเว็บนี้และเพจ แค่อยากพารู้จักโลกกว้าง มาคำถามเหล่านี้เจอบ่อยมาก เอาล่ะมาไล่ตอบแบบบ้านๆกันนะ ใครสงสัยตรงไหน มาคุยกันต่อให้เมนท์ไว้ใต้รีวิวนี้เลยจะตอบให้จนกว่าจะตอบไม่ได้เลย ฮึเห็นไหมบอกแล้ว passion ล้วนๆ
ใช้เจ้าไหนดี? หลังจากขับรถมาตลอดหลายๆปี ผมแนะนำเจ้าล่าสุดก่อนเลยดีกว่า เพราะแม้จะเพิ่งใช้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่จากทั้งหมดที่ลองมา 4 เจ้า ผมให้คะแนน Toyota Rent A Car ดีสุดทั้งในเรื่องบริการ และ ราคาสมเหตุสมผล
ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ครั้งนั้นผมเช่าตรงที่ ออฟฟิตของเค้าตอนไปดูฟูจิครั้งแรก ตรงสถานีรถไฟ Kawagushiko Station คือเดินเจอแล้วตรงดิ่งไปเช่าเลย ตัวช้อปเค้าจะอยู่ห่างจากสถานีมาราวๆ 600 เมตรเดินไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ๆเราเจอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก โต้ตอบได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
มาถึง จองจากไหนดี ? ขอยกครั้งล่าสุดที่เราลองจองกับตัวแทนถูกต้องในไทยเลย ซึ่งประทับใจมากและดีสุด ปัจจุบัน Toyota Rent A Car มีตัวแทนถูกต้องในไทยเรียบร้อยแล้วครับซึ่งถือเป็นข่าวดี หมดปัญหากังวลเพราะเราเช่ากับคนไทยกันเองในราคาเท่าๆกันนั้นละครับ กับการเช่าที่ญี่ปุ่น แถมสะดวกตอบคำถามต่างๆ ได้หมด รวมถึงการซื้อประกันรถเพิ่มก็ทำได้หมด ไปดูกันได้ที่นี่เลย –> เช่ารถโตโยต้าขับเที่ยวในญี่ปุ่น
เข้ามาจะเจอหน้าตานี้ก่อนนะครับ สิ่งที่ดีเว็บนี้คือ เค้ามี Guide ในการถามตอบไว้ดีมากเลย เราสงสัยตรงไหนกดอ่านที่ด้านขวาได้เลย พร้อมกับไกด์เส้นทางที่น่าขับรถไว้ให้ด้วย
รวมๆเราประทับใจกับการใช้ครั้งนี้ พอเราไปถึงที่ญี่ปุ่นเรานัดรับรถไว้ที่สาขา Numba Station ขึ้นมาที่ exit 32 ปุ๊บเจอเลยใกล้มาก สถานีนี้มีทางออกทั้งหมด 32 exit เพราะงั้นอย่าพลาดเลยเชียวไม่งั้นเดินไกลเลยนะ
กรณีเราซื้อประกันรถยนต์เพิ่มเติมมาเรียบร้อยผ่านเว็บไซต์แล้ว เราก็แค่ฟังคำอธิบายค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือประกันให้เข้าใจก่อนจะใช้เท่านั้นจบครับ
มาถึงสิ่งที่ต้องใช้มีแค่ 3 อย่างคือ “ใบขับขี่สากล” และ “พาสปอรต์” และใบจองที่เรา Print มาจากเว็บไซต์ (กรณีจองนานทางเว็บจะส่งมาให้ถึงบ้านเลย) หน้าตาจะเป็นแบบนี้
หลังจากยื่นเรียบร้อยเค้าจะไม่เก็บไปนะเราเก็บกลับคืนเท่านี้เสร็จ รับรถ ขับไปได้เลย
เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย https://pkgjourney.co/japan_rent_a_car/
6.ใช้รถไซส์ไหนดี? แพงไหม?
อันนี้ตอบยากขึ้นอยู่จำนวนที่ไปด้วยกันกับจำนวนกระเป๋า ปรกติตอนจองรถในเว็บเค้าจะบอกเรื่องขนาดจำนวนคนนั่งที่รองรับ กับจำนวนกระเป๋าและประเภทของกระเป๋าเอาไว้
ให้เราเลือกตามจริงเพราะ ผมเคยแล้ว คิดเองเออเอง ว่ากระเป๋าเราไม่ใหญ่ใส่ได้ กระเป๋าลากที่รอดสำหรับ รถขนาด Size P1 ของโตโยต้า ผมได้เป็นรถ Toyota Corola Axion ขนาดมันจะราวๆ Altis ครับแต่ส่วนตัวผมว่ามันเล็กกว่าหน่อยๆ กึ่งๆ Vios กึ่งๆ Altis นั้นล่ะ ด้านหลังใส่กระเป๋าขนาด 28 นึ้ว ได้พอดีๆ สองใบ และใส่ 24 นิ้วได้ 1 ใบ เพราะฉะนั้นให้ชัวร์สุดเช็คจากเว็บก่อนจะจองกันนะ อย่าจองรถโดนลืมนับกระเป๋าไม่งั้นจะกลายเป็นว่าต้องเอามันไปนั่งในรถด้วยกันจ๊ะ เกะกะแย่เลย
แพงไหม? อย่างที่บอกไปเคยจองมาแล้ว 4 เจ้าในประเทศญี่ปุ่น 1. Toyota ที่บอกไป 2. Nissan Rent A car 3. Nippon Rent A Car 4. tocoo (เจ้านี้เป็นเหมือน Agent รวมรถเช่าอีกที) แต่ละเจ้ามีช่วงเวลาที่ถูกและแพง คละรุ่น คละแบบกันไป บางเจ้าก็มีโปรออกมาให้ เช่นเจ้า Tocoo เคยมีโปรออกมาให้เช่าแถมบัตร ETC (บัตรทางด่วนเก็บเงินตอนคืนรถ) หรือ Toyota เจ้าล่าสุดเราก็ได้ส่วนลดในการทำประกันชั้นหนึ่งระหว่างเดินทาง แบบนี้เป็นต้น เพราะงั้นทุกเจ้ามีช่วงเวลาของตัวเองแต่ถ้าเป็นช่วงใกล้เทศกาลจะแพงใกล้ๆกันหมดทุกเจ้านั้นเอง เช่น ช่วง Golden Week ของญี่ปุ่น (ต้นสัปดาห์แรกของเดือน พค ทุกปี)
อัพเดตปี 2023-2024 ครับ
สำหรับรถที่ผมเช่าใหม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นรถที่ขนาดใหญ่สุดที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะสามารถเช่าและขับเองได้แล้ว ก็จะเป็นขนาด Toyota Alphard หรือ Wellfire (ข้างในเหมือนกันเป๊ะต่างกันแค่หน้าตาภายนอกเท่านั้น) แบบ สำหรับ รถ 8 ที่นั่ง ตามภาพเลย ซึ่งก็เหมาะสำหรับคนที่อยากจะไปกันไม่เกิน 6 คนนะ สูงสุด เหตุผลเพราะ ถ้าเราต้องการจะขนกระเป๋าสำหรับคน 6 คนในทริป ขนาดกระเป๋าระหว่าง 24-30 นิ้วโดยประมาณ นั้นก็เฉลี่ยที่ 3-6 ใบสามารถใส่ด้านหลังได้พอดีๆ เฉลี่ยกันไป ดูจากรูปจะเห็นภาพเลย เพราะฉะนั้นจึงนั่งได้แค่ 6 คนก็ถือว่าเยอะพอดี ไม่เบียดเสียดเกินไป
ระหว่างเดินทางต้องเตรียมอะไรบ้าง
7.GPS Multi Language สำหรับคนขับรถไม่ว่าจะบ่อยระดับไหน แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดในการเดินทางต่างประเทศคือ GPS นำทาง ที่ต้องเน้นจริงๆคือ ให้รองรับภาษาอังกฤษในการพิมพ์ตัวอักษรเข้าไปได้ ไม่งั้นเราจะไม่สามารถหาทางให้มันพาไปถูกแน่ๆ จริงไหมครับ จริงๆบางคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็นเพราะ ยุคนี้ Google Map ก็สามารถพาไปได้แล้ว อาจจะจริงนะครับ แต่จากประสบการณ์การใช้งานทั้งสองอย่าง ผมบอกเลยว่า GPS ประเทศนี้แม่นกว่าและชัดเจนกว่า แสดงผลหรือร้องเตือนได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ปรกติผมจะพกเจ้าตัวติดกระจกไปด้วยเวลานำทางจะใช้คู่กันกับ Google Map เพื่อเปรียบเทียบเส้นทางกันพลาดไว้ด้วย
8.ประกันเดินทางสุดยอดสำคัญพอๆกับตั๋วเครื่องบินนั้นล่ะ
มาถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางเหมือนเช่นทุกครั้งที่มีโอกาสเล่าเรื่องราวนอกจากสถานที่ต่างๆที่อยู่ในแผนการเดินทางแล้ว การซื้อประกันการเดินทางเป็นอีกสื่งที่จำเป็นมากพอๆกันกับตั๋วเครื่องบินนั้นเลยสำหรับบ้านเรา สาเหตุที่ย้ำแบบนี้เพราะว่า ในต่างประเทศ หากดวงเราไม่ดี เวลาเกิดเหตุใดๆ หรืออุบัติเหตุใดๆก็ตามจะมานั่งคิดว่าเราไม่น่าพลาดเลย เพราะค่าใช้จ่ายในการเกิดเหตุครั้งนึงแพงมากๆ สำหรับประเทศนี้ ข้อดีโดยเฉพาะในกรณีการขับรถเที่ยวในต่างประเทศแบบนี้ด้วย และจากประสบการณ์ปีก่อนที่มีเหตุเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางในทริป ฮอกไกโด ครั้งนั้นยังทำให้เรายิ่งระวัง และรอบนี้
หลังจากพิจารณากันเปรียบเทียบกันหลายเจ้าและหลายรอบมาก(เราเห็นว่ามันสำคัญจริงครับ) ได้ข้อสรุปเป็นของ Sompo Thailand เจ้าที่ผมรู้จักมาพักใหญ่แล้ว แต่ไม่เคยซื้อใช้สักครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งแรก เหตุผลหลักๆ ที่เปลี่ยนใจจากเจ้าเดิม มาตัดสินใจซื้ออยู่ตรง Plan C ซึ่งเป็นแผนสูงสุดแบบรายครั้งของเค้า
Plan นี้ผมอ่านรายละเอียดพบว่าครอบคลุมทุกอย่างที่ต้องใช้งานครบหมดและ ตัวมูลค่าไม่ได้แพงกว่าเจ้าอื่นๆที่ทำใกล้เคียงกัน
แต่ข้อดีมัดใจที่ทำให้ตัดสินใจเลือกก็ตามนี้เลยครับ
- เพราะมีลูกไปด้วยทำให้เราตัดสินใจเลือกแผนที่ดีสุดก่อนของแต่ละเจ้า แล้วพิจารณาจากราคาว่าเราจ่ายแล้วสบายใจไหม (อันนี้เป็นปักหมุดแรกที่เราเลือกเลยครับ)
- ถัดมา แผนนี้รองรับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ มีแยกค่าใช้จ่ายให้ด้วย ตรงกับการเดินทางของเราที่สุด จ่ายให้สูงสุดคือ 20,000 บาททันที สำหรับอุบัติเหตุทางรถยนต์ส่วนแรกก่อนจะไปรวมกันกับส่วนค่าประกันอื่นๆที่ตามมา
- เรามีโน็ตบุ๊คไปทำงานด้วยเสมอ เค้ามีคุ้มครองด้วย อันนี้ดีมาก ได้สูงสุด 30,000 บาทเลยเฉพาะแผนนี้เท่านั้นที่มี
- เกิดเหตุใดๆในต่างประเทศไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน เพราะเจ้านี้มีทีม Support ในญี่ปุ่นที่สามารถประสานงานต่างๆ กับโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลให้เราได้โดยตรง อันนี้ดีมากครับ
- ที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแม่ของประกันการเดินทางเจ้านี้ การดูแลย่อมดีตามไปด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ถามตอบสามารถติดต่อประสานงานกับเค้าให้เราได้รวดเร็วแน่ๆ ที่สำคัญเค้าการันตีติดต่อได้ 24 ชม. เราเคยมีเหตุเกิดมาแล้วเจ้าหน้าที่ประสานงานที่พูดจากับเราได้ในภาษาเดียวกันในญี่ปุ่นจึงสำคัญกับเรามาก
- สามารถเลือกประเทศที่ครอบคลุมในทริปเดียวกันได้ถึง 5 ประเทศในการเดินทางครั้งเดียว รอบนี้ผมบินต่อสองทอดคือ บินไปจีน ก่อนแล้วต่อเครื่องไปญี่ปุ่นอีกที ถือว่าดีมากไม่ต้องทำประกันแยกประเทศประหยัดเงินได้อีกครับ
- เท่าที่อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการช่วยเหลือฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมาจากกลุ่มคุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าทีทางการแผนเฉพาะในแต่ละด้าน อันนี้ดีมากสามารถให้ความรู้กรณีเราเกิดปัญหาเจ็บป่วยเค้าก็เหมือนที่ปรึกษาเรื่องการรักษาให้เราได้ทันที
หากสงสัยก็สามารถใช้บริการ Call Center ได้ที่เบอร์ 02-119-3088 ตั้งแต่ 8.00-20.00 น.
เบอร์ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. +662-205-7775
เลือกทริปที่จะไปรายละเอียดจะแสดงผลตามมานะครับ –> https://traveljoy.sompo.co.th/
เข้ามาให้เราเลือกแผนแบบนี้ก่อนนะครับ อย่างเคสผมเลือกญี่ปุ่นจากนั้นการแสดงรายละเอียดจะตามมาอีกทีตามจำนวนวันที่เราเลือกครับ
อ่ออีกอย่างเค้าขายออนไลน์อย่างเดียวนะครับ อันนี้ช่วยให้ประหยัดเวลาซื้อเองได้เลย สำหรับใครที่สนใจก็ตาม link ด้านบนนี้ไปนะครับ อ่อให้ Print เอกสารไปด้วยก็ดีนะครับเวลาเกิดเหตุเราจะขาดสติชั่วครู่ชั่วยามการมีเอกสารในมือจะช่วยให้เรา Focus สิ่งที่เราต้องการได้ง่ายด้วย
9.บัตร ETC Card
มันก็คือบัตรทางด่วนนั้นเอง บัตรนี้จะอำนวยความสะดวกให้เราเวลาขับรถเข้าทางด่วนที่รถเช่าทุกคันจะมีช่องเสียบบัตรให้เราเอาบัตรที่ได้นี่ล่ะเสียบเข้าไป สัญลักษณ์คำว่า ETC ตรงด้านบนทางเข้านั้นละคือช่องที่เราเอารถเข้าไปได้กรณีที่คุณติดต่อเช่ารถแล้วเช่าบัตร ETC นี่มาด้วย เราจะไม่ต้องเสียเวลาควักเงินจ่ายค่าทางด่วน มันจะผ่านเข้าออกได้เลย คล้ายบัตร M Cash บ้านเราเวลาผ่านทางนั้นเอง สุดท้ายจะต้องไปจ่ายเวลาคืนรถเจ้าหน้าที่จะเอา Card ออกไปตรวจสอบแล้วจ่ายกับเจ้าหน้าที่ตรงนั้นได้เลย ถือว่าสะดวกรวดเร็วมาก
10.การสื่อสารและ Internet สำคัญเพราะงั้นใช้เจ้าไหนดี
สำคัญสุดๆกับการเดินทางของเราทุกทริปเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเช่นกันคือเน็ต หลักๆเราก็ไม่ต่างกับชาวบ้านคือมองอยู่สองเจ้า แต่สุดท้าย
รอบนี้ผมยังใช้ Pack Travel Sim World แบบ 15 วัน 899 บาทของ TruemoveH สาเหตุหลักที่ผมยังคงใช้อยู่ ก็มาจากหนก่อนที่ประทับใจมา สรุปได้ตามนี้
ประทับใจมาตั้งแต่ครั้งก่อนที่ไปญี่ปุ่นแล้วฝ่าดงพงหญ้าเที่ยวเข้าไปในลึกๆ แล้วยังมีสัญญาอยู่ อาจจะเพราะเค้า roaming กับ ค่า NTT Docomo อันเป็นเจ้าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นสัญญานดีมาก
รอบนี้ผมไป 9 วันซึ่งยังไงก็ไม่สามารถใช้ Pack Asia ใช้ได้ 12 ประเทศ(เว้นญี่ปุ่น) เลยเลือก Pack Sim World เพราะมันเกิน 8 วันด้วย ทีแรกลังเลว่าจะใช้ Pocket ไปเลยดีกว่าไหมแต่คำนวนความคุ้มแล้วเราใช้คนเดียวและยังแยกไปก่อนอีกต่างแบบนี้คล่องตัวกว่า ส่วนของแม่ปันก็ซื้อแยกกันไปเลย สะดวกดีเวลาเดินหลงทางยังติดต่อกันได้ เราเคยมีปัญหาหากันไม่เจอแล้วอีกคนไม่มีเน็ตใช้ กว่าจะหา เน็ตฟรีใช้คุยกันได้เสียเวลามากแบบนี้คล่องตัวกว่า
คำถามยอดฮิตคือ 4gb พอไหมกับการใช้งานเกิน 8 วัน ทีแรกผมก็กังวลว่ามันจะไม่พอ เอาว่าผมขอสรุปตามกันใช้งานจริงๆว่าใช้อะไรแค่ไหน แล้วพิจารณากันเองดีกว่านะครับหลักๆก็มีดังนี้
- ผมใช้ Google Map ตลอดเวลาเพราะหาเส้นทางเดินทางด้วยตัวเองตลอด ปรับเปลี่ยนแผนเวลาที่หาไรไม่เจอมันมีเน็ตใช้ตลอด
- ผมแชร์เน็ตมาที่คอมฯ ตอนเวลาเข้าที่พักเปิดงานเช็คงาน แต่พอถึงโรงแรมก็ใช้ของโรงแรมครับ ประหยัดได้เยอะ อีกอย่าง โรงแรมในโตเกียวเน็ตดีมากไม่มีกั๊กเลย
- วันที่บินวันแรกไปต่อเครื่องที่จีนเพราะงั้นถ้าอยากใช้แล้วเล่นยังเล่น Facebook ได้สบายๆก็ต้องเจ้านี้เท่านั้นละ เพราะโรมมิ่งจากไทยไปทำให้เล่นได้ผ่าน China Mobile ค่ายมือถืออันดับหนึ่งของจีนเค้า 4g ดีมาก
- วันที่กลับผมดูออเจ้า Live สดจาก ช่องสามด้วย(แบบว่าติดจริงอ่ะนะ ฮ่า ฮา) เพราะช่วงเวลาบินไปต่อเครื่องลงที่จีนพอดี เวลามันพอดีเลย ดูเพลิดเพลินมากจนถึงเวลาขึ้นเครื่อง เน็ตยังไม่หมดเลยอันนี้เซอร์ไพรส์มาก ฮ่า ฮ่า
- กรณีเน็ตหมด มันเติมเงินได้ด้วยการกดเติมจากมือถือเลย สามารถหักบัตรเครดิตได้ด้วย เติมเป็นวันๆ ได้หมดก็ยังเหลือเน็ต 128 k ให้พอถูไถไปได้อยู่นะ (ข้อนี้ตรงกันทั้งสองเจ้าในไทยเรา)
- มี Call Center ให้โทรกลับมาไทยได้ฟรีด้วย ตลอด 24 ชม. ครั้งที่เกิดเหตุหนก่อนก็ใช้โทรกลับมาคุยกับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยนี่ละดีงามจริงๆ
*** เฉพาะวันที่ 1-7 เมษายน 2561 เค้ามีของแถมสำหรับคนที่เปิดซิมใหม่ไปใช้งานได้รับเงินเข้าซิม ทั้ง สองตัว คือ Travel Sim World ได้ 100 บาท Travel Sim Asia 50 บาท ทั้งสองซิมเอาไปใช้โทร เติมเน็ต ส่ง sms ได้หมดอยู่ทีเราอันนี้ดีงามากถือเป็นโปรที่ดีกว่าตอนผมไปอีกใครจะเดินทางตอนนี้สอยเลยคุ้มจริง
หมดแล้วละครับสำหรับการเตรียมการสำหรับการขับรถเที่ยวญี่ปุ่นยังไง ทั้งก่อนและระหว่างการเดินทาง ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์กับทุกคนมากน้อยแค่ไหนแต่เราตั้งใจจะให้ประโยชน์จริงๆเพราะเราเองก็หาข้อมูลภาษาไทยที่มันจะรวมไว้ด้วยกันทั้งหมดไม่เยอะ พอไปเองบ่อยๆก็คิดได้ว่าคนอื่นน่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน
ท้ายนี้ขอบคุณมากสำหรับการติดตาม หากยังไม่ข้อสงสัยใดๆเขียนถามไว้ได้ใต้บทความนี้ในช่อง Comment เลยนะครับผมยินดีตอบทุกคนเสมอครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ
———————-
สรุป Link เกี่ยวข้อง
การเช่ารถ–> http://www.mindtrips.com/selfDrive.php
ประกันเดินทาง–> raveljoy.sompo.co.th/
ซิมเน็ต–> http://truemoveh.truecorp.co.th/international_service/travelling_abroad