สวัสดีจากครอบครัว one22 ครับแล้วก็ได้เวลาหยิบเรื่องราวทริปนี้มาฝากทุกคนสักทีกับ รีวิว 13 วันขับรถเที่ยวเกาะใต้ นิวซีแลนด์แบบครอบครัวภาค Plan Trip
ทริปนี้เราตั้งใจมาก Plan จองตั๋วกันแบบแทบจะข้ามปี เกือบล่มกลางทางก็มี แต่สุดท้าย Newzealand Trip ก็พากันไปจนสำเร็จเป็น ทริปใหญ่สุดของปีนี้เราเลย เอาละไม่ต้องพูดมากเสียเวลาครับ
รีวิวนี้เช่นเคยเป็นตอนแรกที่เรารวบรวมที่มาที่ไปกว่าจะได้มามาดูกันสิว่าอะไรมันสำคัญก่อนการเดินทางและหลังกลับมาแล้วเราคิดว่าเป็นยังไง ลองมาไล่ไปกันดูดีกว่านะครับ
นิวซีแลนด์ที่ชั้นรู้จัก เกาะใต้จ๋าชั้นมาแล้ว
ก่อนจะมาเที่ยวผมสารภาพเลยครับว่ารู้จักประเทศนี้แค่หางอึ่งมาก เคยเข้าใจผิดด้วยซ้ำว่ามันอยู่คนละทวีปกับออสเตเรีย คิดว่ามันอยู่ใกล้ยุโรปด้วย มั่วมากเลย มีใครเป็นแบบผมไหม สารภาพมาซะดีๆ ฮ่า ฮาแต่จำได้ว่ารู้จักประเทศนี้จากเพื่อนสาวคนนึงที่ซื้อ ครีมลกแกะมาใช้ แล้วบอกว่าดีมากกก (โอ้ยไม่ได้เกี่ยวไรกับเที่ยวเล้ยยย) จนจิตนาการไปเองว่าคงมีแกะ แพะ เยอะแน่ๆ
ผมมารู้จักจริงจังจากหนัง Loard of The Ring ที่ใช้ประเทศบ้านเกิดของผู้กำกับเป็นที่สถานที่ถ่ายทำหลักเกือบ 90% แถมเจอป้ายยาต่อจากเพื่อนที่เคยไปเที่ยวมาแล้วบรรยาย ความรู้สึก บรรยากาศว่ามันสวยขนาดไหน หลังจากนั้นละครับ ก็เลยเริ่ม Plan กันสุดท้ายผมก็ได้รู้ว่ามันคือหมู่เกาะที่อยู่ทางตอนใต้ของออสเตเรียอีกที และเป้าหมายของทริปนี้ ผมจะเน้นไปที่เกาะใต้ เพราะเราเน้นธรรมชาติสวยงาม หลังจากหาข้อมูลแล้ว พบว่าเกาะใต้มีความสวยงามกว่าเกาะเหนือ ธรรมชาติยิ่งใหญ่อลังการกว่ามาก เราจึงปักหมุดไปเที่ยวเกาะใต้กัน
ตั๋วเครื่องบินคืออันดับหนึ่งที่ต้องหาให้ได้ก่อน
เช่นทุกทริป ไม่มีตั๋วย่อมไม่มีทางบินไปได้ อะไรๆก็ไม่สำคัญเท่า สำหรับการบินไปยังประเทศนิวซีแลนด์นี้จริงๆ มีตัวเลือกสนามบินอยู่ 2 สนามบินคือ เกาะเหนือ (Auckland)กับเกาะใต้ ( Christchurch) ถ้าดูกันจริงๆ มีสายการบินไม่ได้เยอะมากเท่ากับยุโรปเลย ถ้าเอาบินตรงจริงๆ บ้านเรามีอยู่ แค่การบินไทยที่ผมรู้จักคือ นอกนั้นที่เหลือ ล้วนต้องไป ต่อเครื่องประเทศใดสักประเทศก่อนบินไปถึง ยิ่งเป็น ไครซ์เชิรตจ์ ด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีบินตรงเลย ทำให้กว่าผมจะหาตั๋วได้ แถมต้องรอโปรดีๆด้วย ก็รอกันอยู่นานสองนานทีเดียว
และแล้วพระเอกก็ขี่เครื่องบินมาช่วย Malaysia Airlines มาแล้ว
สุดท้ายในช่วงเย็นๆค่ำวันนึงในช่วงต้นปีผมก็ได้เจอกับโปร BANGKOK-AUCKLAND (เกาะเหนือ) จากสายการบิน Malaysia Airlines สายการบินแห่งชาติมาเลเซียนั้นเอง ออกโปร 20,xxx บาท ไปกลับ โอ้ววว ไม่ต้องบอกเลยว่าจะเอาหรือไม่ ยิ่งพอดูระยะเวลาบินบวกต่อเครื่องแล้ว ตกราวๆ 13-16 ชม. เฮ้ย รับได้บินดี นอนดี ระยะเวลาประมาณนี้สมัยยุโรปเรายังได้ทำไมจะมีปัญหาละจริงไหมครับ(ถึงแม้จะต้องหาบินต่ออีกจุดคือ จากเกาะเหนือลงไปเกาะใต้อีกที) เราจึงได้บินไปกลับในราคา 2 หมื่นนิดหน่อย และก็ไปต่อเครื่องที่ KL ราวๆ 2-3 ชม. เดิมจริงๆไฟล์ทบินจากไทยไปมาเลเซีย ค่อนข้างเยอะมากครับแต่ผมตั้งใจเว้นระยะให้ห่างสักหน่อย กันผิดพลาดตรงช่วงรอยต่อเครื่องไว้ก่อนครับ
ก่อนบินผมไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่ครับแต่ไว้ใจในความเป็นสายการบินแห่งชาติของมาเลเซียเค้า และด้วยความเป็นฟูลเซอร์วิสของ Malaysia Airlines และพอมีโอกาสได้ไปบินจริงๆ ก็ประทับใจหลายอย่างขอเขียนเป็นข้อๆ ดังนี้
ช่วงเวลาบิน : จากไทย ไป มาเลเซีย
ด้วยเพราะไฟล์ทบินนี้มีให้เลือกค่อนข้างเยอะมากครับ ทำให้ปัญหาการไปต่อเครื่องของเราเลยไม่มีปัญหา เราเลือกไฟล์เย็นๆ 17.05-20.20 น. เพื่อไปต่อเครื่อง KL-AUCKLAND อีกทีตอน 23.50 น. อย่างที่บอกครับอาจจะดูเหมือนรอนานแต่ผมอยากเซพไว้ก่อน กันพลาด ระหว่างบินค่อนข้างราบรื่นดีมาก
อาหารเป็นไงบ้าง ดีไหม
ขาไปผมลองเลือกเป็นเมนูพิเศษอย่าง Seafood พอผมนั่งเครื่องปั้บ ทาง แอร์โฮสเตจ จะเสริฟอาหารสำหรับคนที่สั่งมาก่อนให้ก่อนเลย รวดเร็วดีมากครับ ส่วนของรสชาติ ส่วนตัวโอเคนะรสชาติอร่อยใช้ได้ แต่ๆ พอเหลือบไปดูของปันกับแม่ปัน เอ้ยน่ากินกว่าอีก เพราะทั้งคู่จะไม่ใช่อาหารสั่งพิเศษเหมือนเรา เป็นอาหารที่เตรียมไว้ให้เลือก ปรกติในชั้น Economy แทบทุกสายการบินจะมีให้เลือกอาหารแค่ 1-2 อย่าง ทั้งคู่เลือกอาหารพวกไก่ เราลองชิมดู อร่อยอ่ะ สรุปเลยว่าเรื่องอาหารผ่านครับ และไม่จำเป็นก็ไม่ต้องสั่งเฉพาะเจาะจงแบบผม ส่วนใหญ่อาหารที่จะสั่งเฉพาะเจาะจงเค้าจะมีให้เลือกเช่น Low Calories , Low Fat ไม่กินเนื้อประเภทต่างๆ หรืออะไรที่เน้นเฉพาะเจาะจงว่ากินได้กินไม่ได้
ส่วนของเครื่อง ด้วยความที่เป็นเครื่อง Airbus a330-300 การทำแถวที่นั่งเป็นแบบ 2-4-2 (ที่นั่งนับจากซ้ายไปขวา) เราไปกันทั้งหมด 4 คนก็เลยเลือกนั่งริมอย่างละสองไป นั่งจริงก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด และก็มี Services ให้ทั้งส่วนของเครื่องดื่มที่ขอได้เป็นระยะๆ
และแน่นอน มีจอฝังหลังเก้าอี้ มีช่อง USB ให้ 1 ช่อง รวมๆ โอเคทีเดียว ในส่วนของความบันเทิงก็จัดว่าดีครับ สำหรับภาษาไทยจะไม่มีนะครับ เป็น Sound Track และอย่างมากก็เป็น Sub English แต่รวมๆ ความบันเทิงครบครันดีครับ
ช่วงเวลาบิน : จากมาเลเซีย ไป นิวซีแลนด์ Auckland)
มาถึงไฟล์ทสำคัญคือ KL-AUCKLAND ขานี้บินนานครับ 11 ชม. 23.25-14.20 น. (Newzealand เร็วกว่า มาเลเซีย 5 ชม.) ขานี้บินด้วย Airbus A330-200 layout แบบเดียวกันเป๊ะเลย โดยรวมความต่างคือเป็นเครื่องลำใหม่กว่าแต่ทุกอย่างก็อยู่ในมาตรฐานเดียวกันหมดครับ โดยรวมเราบินและหลับดี โชคดีที่ผมนั่งกันเองเลยไม่มีปัญหา เสียดายถ้านั่งคนเดียวจะดีมากเลย
สรุปง่ายๆ ประทับใจในการบริการโดยรวมของ Malaysia Airline ทุกอย่างครับ อาหาร การบริการ การดูแลของ แอร์โฮสเตจดี ขาไปจากไทยตรงเวลา แม้จะมีไฟล์ทขยับก่อนครึ่งหนึ่งก่อนเดินทาง 2 วันก็มีเมล์แจ้งตามขั้นตอน และตอนถึงก็ตรงเวลาดีมากครับ
สำหรับท่อนต่อจาก Auckland ไป Christchurch สำหรับท่อนต่อเพื่อไปเกาะใต้เราใช้สายการบินแบบ Low Cost จาก Auckland มาลง Christchurch และขากลับ จาก Queentown กลับมา Auckland อีกทีโดยรวมไม่มีปัญหาใดๆ ครับ ราบรื่นดีทุกอย่าง จะจองก็ควรจะจองนานๆหน่อย เพราะราคาช่วงใกล้ๆจะดีดขึ้นไปพอสมควรเลย
การขอวีซ่านิวซีแลนด์ยากไหม
แน่นอนจะไปประเทศนี้ต้องขอวีซ่า ปัจจุบันการขอยื่นเอกสารขอวีซ่านิวซีแลนด์ มีการปรับปรุงใหม่แล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 เป็นต้นไป Immigration ที่เคยอยู่ฝั่งไทยได้ย้ายกลับไปอยู่ นิวซีแลนด์แล้ว ทำให้เอกสารที่เคยส่งกันเป็นภาษาไทย ไม่สามารถใช้ได้ ต้องเปลี่ยนเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เว้นแต่เอกสารเหล่านั้นมีภาษาอังกฤษกำกับเช่น สำเนาบัตรประชาชนแบบ 5 ปี (แบบตลอดชีพยังเป็นภาษาไทย ก็ต้องแปล)ใบขับขี่ (ตลอดชีพ ก็ต้องแปลเช่นกัน) แต่สำหรับการยื่นเอกสารยังคงยื่นที่อาคาร ITF ที่ตรงแยกสีลมก็ยังคงไปยื่นได้ปรกติครับ จริงๆ ผมจะไม่แจกแจงรายละเอียดลงลึกเกี่ยวกับตัวเอกสารมากนะครับคิดว่าทุกคนหาความชัดเจนถูกต้องได้ สามารถตรวจสอบเอกสารและรายละเอียดทั้งหมดที่นี่เลยครับ https://www.ttsnzvisa.com/th-en/Home ในเว็บอธิบายไว้ครบแล้วต้องมีอะไรบ้าง
แต่ผมขอเล่าความรู้สึกและเกร็ดเล็กๆน้อยๆให้เรารู้กันดีกว่า
เอกสารในการยื่นขอวีซ่านะครับ ทั้งหมดต้องเป็นภาษาอังกฤษ และมีประทับตรารับรองจาก สำนักงานรับแปลเอกสารมาด้วยในหน้าเอกสารที่แปลทั้งหมด
- สำเนา Passport พร้อมข้างในที่มีรายละเอียดที่มีการเข้าออกประเทศทุกหน้า
- หนังสือรับรองการทำงาน (กรณียื่นเป็นเจ้าของธุรกิจให้ใช้เป็น Statement เงินส่วนตัวได้เช่นกันนะครับ ไม่ต้องใช้ Statment บริษัทก็ได้)
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
- ภาพถ่ายประกอบการยื่นวีซ่า ขนาด 500 kb – 10 mb ขนาดของภาพ 3:4 หรือ ไม่ต่ำกว่า 900 x 1200 pixels
- สำเนาบัตรประชาชน กรณี
- ใบขับขี่ จริงๆ ไม่ต้องใช้ใบขับขี่สากลเลย ถ้าหน้าบัตรเราเป็นภาษาอังกฤษ ตอนไปรับรถที่นู้นเค้าไม่ดูใบขับขี่สากลเลยครับ เพราะงั้นถ้ายังไม่มีก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ
- การทำประกันการเดินทาง ที่ครอบคลุมอุบัติเหตุ ที่เราต้องการ อ้อ จากประสบการณ์ ถ้าเราทำประกันเดินทางแบบรายปีดูจะผ่านได้ง่ายขึ้น(ตามความรู้สึกส่วนตัวนะครับ) คือเหมือนเรามั่นใจว่าเราทำแบบนี้เพราเราเดินทางตลอดทั้งปีอะไรแบบนี้ละครับ แต่ผมเองตอนยื่นก็ยื่นแบบรายครั้งนะครับและผมว่าเรื่องนี้สำคัญมากด้วยไม่มีก็เข้าไม่ได้นะประเทศนี้
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรณีเราไม่ได้บินตรง ก็ต้องมีขาออกจากไทย ไปต่อเครื่องที่ไหนก็ว่าไปนะครับ เช่น ผมบินไปลงมาเลเซีย ก็ต้องมีตั๋วขาไป BKK-KUL และก็มี KUL-AUCK แบบนี้ครับ
(การที่ซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ก่อน จะทำให้ พิจารณาง่ายขึ้นนะคะ อันนี้เราคิดเอาเอง - ใบจองที่พักตลอดทริป เราใช้ Booking+ Airbnb ผ่านง่ายมากครับให้ print แนบไปด้วยนะครับ
- ใบจองรถเช่า กรณีเราไปขับรถจะรถบ้าน หรือ รถธรรมดาก็ให้แนบไป แนะนำถ้ามีการทำประกันอุบัติเหตุเสริมกับรถก็แนบไปด้วยเลย
- แผนการเดินทางแปลเป็นอังกฤษเช่นกัน ตัวแผนจะทำละเอียดก็ได้หรือจะทำแค่ DAY 1,DAY2 ไปไหนๆ ก็ได้เอาว่าให้เค้าอ่านแล้วรู้ว่าเรามีแผน ไปจริงๆ
แนะนำสำหรับคนเป็นครอบครัวยื่นนะครับ อ่านตรงนี้เลย
เรายื่นแบบออนไลน์ ในแง่ราคา จะประหยัดกว่าแบบไปยื่นเอกสารเองที่สำนักงาน และกรณีเป็นครอบครัวให้ยื่นแบบนี้จะเสียเงินน้อยกว่า อย่างกรณีเราจากเดิมถ้ายื่นเองจะเสียราว 7000 บาท แต่พอเรายื่นออนไลน์ และระบุเป็นครอบครัว เหลือเพียง 3,300 บาทเท่านั้นประหยัดได้เกินครึ่งอีกครับ
อ่อ ปัจจุบันนี้ไม่ว่าคุณจะยื่นเอกสารจะออนไลน์หรือไม่ จะไม่ได้ตราประทับลงในเล่ม Passport อีกต่อไปแล้วนะครับ แต่เราจะได้เป็นไฟล์เอกสาร Visa ส่งมาทางเมล์ แล้วให้เรา Print เอกสารนั่นเวลาผ่าน ตม. ที่นู้นก็ยื่นไปพร้อม Passport ได้เลย จะว่าสะดวกก็ใช่ จะว่าเสียดายสำหรับคนชอบสะสมตามปั้ม Immigration ก็น่าเสียดายครับ กรณีเรายื่นครั้งแรก ได้มา 1 ปีเลย และระยะเวลาจากที่แจ้งไว้หลังยื่นแล้วคือ 7 วัน ก็ได้ภายใน 5 วันทำการเท่านั้นเอง เรียกว่ารวดเร็วจริงๆ
เค้าจะส่งเป็น E-mail กลับมาบอกเรานะครับหน้าตาแบบด้านบนเลย ง่ายและสะดวกมาก อย่างในตัวอย่างของเรา เข้าออกได้ 1 ปี อยู่ได้ครั้งละ 3 เดือนทีเดียวเที่ยวสะใจเลย ฮ่า ฮา
กรณียื่นเอง ก็แนะนำให้ยื่นออนไลน์สะดวกและประหยัดสุดครับ ไปยื่นที่สำนักงานจะเสียค่าใช้จ่ายกว่า แต่ๆ ถ้าต้องการได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ก็ทำเรื่องยื่นเอกสารออนไลน์แล้วจะไปพบเจ้าหน้าที่ก็ทำได้เช่นกันนะครับ ไม่เสียเงินเพิ่มครับ
โดยรวมประทับใจมากครับ ง่ายกว่ายุโรป ที่เราเคยไปหลายเท่ามากโดยเฉพาะกับอิตาลีเลยนะ อันนั้นแปลแล้วยังยุ่งยากกว่ามาก
การขับรถนิวซีแลนด์ยากไหม
หัวข้อนี้ผมเพิ่มเติมมาเองเพราะส่วนใหญ่เกือบ 8-90% ล้วนมาประเทศนี้โดยเฉพาะเกาะใต้จะต้องเช่ารถขับทั้งนั้น น้อยมากที่จะมานั่งรถประจำทางเที่ยว จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้แต่กับจุดท่องเที่ยวบางจุดเสียเวลาต่อรถ หรือบางทีก็ไม่มีรถวิ่งไปเลยก็มี และเอาจริงๆนะ ระหว่างทางมันสวยจนคุณถ้านั่งอยู่บนบัสนี่จะเสียดายที่ไม่ได้แวะกันเลย เพราะงั้นมาเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์ ยังไงๆ ก็ควรเช่ารถขับดีที่สุดครับ
มาถึงประเด็นขับรถนิวซีแลนด์ยากไหม บอกเลยว่าง่ายมาก เพราะเค้าขับรถพวงมาลัยขวาเหมือนเราทุกอย่าง ขอแค่ขับรถให้ถูกตามป้ายกำกับเป็นพอ เช่นlimit ความเร็วเท่าไหร่ก็เท่านั้นถ้าเราขับไม่เกิน ไม่เบียด ไม่แซงไม่มีปัญหา หลักๆ มันจะเป็นปัญหาที่เรากับการขับรถในประเทศไทยที่คุ้นชินกับการขับไม่ตรงกติกามากกว่า มีบ้างครับที่คนนิวซีแลนด์เค้าขับเกินป้าย แต่เราสามารถหลีกทางให้เค้าได้เลย ยิ่งบน Highway ที่ความเร็วจะสูงหน่อยหากเราขับตามเค้าก็ได้หรือจะตามป้าย ก็เป็นการเซพตัวเองดี มีบางจุดที่ตำรวจราจร อาจจะแอบอยู่ข้างทาง โดยเราไม่รู้ ผมเคยได้ยินมาว่าเค้าจะอยู่ข้างทางหากเห็นรถขับเร็วเกินกำหนดจะมาตอนไหนไม่รู้ และแน่นอนก็เสียค่าปรับไป ให้ดีขับตามกฎสบายใจสุดครับ ส่วนใหญ่ในเมืองจะไม่เกิน 60 km/h บนทางด่วนก็จะ 110km/h เพราะงั้นอยู่ที่เราแล้ว
สำหรับรถเช่าบ้าง เราเลือกใช้รถแบบ Mini Van เราจองรถผ่าน Rentalcars.com ซึ่งเป็น Online agent ที่ดึงรถเช่าทุกบริษัทมาเปรียบเทียบให้ จนเราได้รถจากบริษัท Ace อีกทีในราคาที่เราว่ามันคุ้มค่านะ 19,000บาทกับ 12 วันโดยรวมการรับรถง่ายไม่ยาก ง่ายพอๆกับตอนคืนรถซึ่งเค้าก็จะมีออฟฟิตอยู่ใกล้สนามบินเลย ทำให้ทั้งคืนและรับไม่ยากแต่อย่างใด โดยรวมประทับใจดีมากครับ ครั้งหน้ามาอีกก็คงจะใช้อีกถ้าราคาไม่โดดสูงเกินไปนะ สำหรับการเช่ารถบ้านนอนบนรถ เนื่องจากเราไม่ได้เลือกวิธีนี้เลยอาจจะให้ข้อมูลไม่ได้นะครับแต่ในเน็ตรีวิวเรื่องนี้เยอะมากเพื่อนๆหาเองไม่น่ายากครับ
การทำประกันการเดินทาง ห้ามประหยัดเกินไปเด็ดขาด
อย่างที่ทราบดี ถ้าจะเข้าประเทศนี้นอกจากทุกอย่างแล้วส่วนสำคัญคือการทำประกันการเดินทางครับ การทำประกันการเดินทางนิวซีแลนด์ คือเป็นสิ่งที่สำคัญมากและจำเป็นมาก เพราะเป็นหนึ่งในเอกสารที่ต้องยื่นเพื่อขอวีซ่า ผมเคยมีประสบการณ์ยื่นประกันการเดินทางกับยุโรปมาแล้ว และเคยมีเหตุการณ์เกิดที่ยุโรปมาด้วย การทำประกันเดินทางสำหรับครอบครัวเราจึงสำคัญมาก
รอบนี้ผมยังคงใช้บริการของ Sompo อยู่เช่นเดิม เอาว่าติดใจมาตั้งแต่ญี่ปุ่นแล้ว เอาจริงๆ ถ้าเราไม่ยึดติดแบรนด์ และชื่อของแบรนด์เกินไป ประกันแต่ละเจ้าเราก็ควรจะดูที่ความคุ้มครองและราคาทั้งสองอย่างประกอบกันครับ แน่นอนอย่างนึงคือ ยิ่งคุ้มครองมากก็ยิ่งราคาสูงเป็นเรื่องปรกติ เพราะฉะนั้นหากจะให้คุ้มค่านั้นคือ คุณต้องใส่ใจอ่านรายละเอียดความคุ้มครองแต่ละข้อ และมองหาความคุ้มครองที่คุณต้องการนั้นเอง
อย่างกรณีแรกเรา ขอยกเคสที่เลือกใช้ Plan C เหตุผลของการเลือกมาจากลักษณะของทริปนี้ เราเลือกใช้รถเช่า ทำให้ยังไงๆ แผนประกันเดินทางที่เรามองหาต้องมีประกันตรงรถเช่านี้ด้วยเช่นกัน ดูตามภาพจะเห็นว่าในแผนที่ผมเลือกมันมีเรื่องคุ้มครองรถยนต์อยู่ด้วย และเป็นแผนเดียวที่มี ผมจึงไม่ลังเลที่จะเลือกแผนนี้ ถึงแม้จะเป็นแผนที่ต้องจ่ายราคาสูงกว่าแผนอื่นก็ตาม
กรณีที่สอง ผมมีโน็ตบุ๊คไปด้วย จริงๆ ตัวนี้เราอาจจะไม่ต้องกังวลหากว่ามันเกิดเหตุการณ์มันตกหล่นหรือหายขณะที่อยู่ในกระเป๋าแต่ ถ้ากรณีเราไม่ได้ใส่เก็บไว้มันก็จะไม่คุ้มครองอยู่ดี ตัวแผนนี้จึงชัดเจนที่จะเลือก อ่อ รวมถึงเงินด้วยเพราะแผนนี้คุ้มครองเรื่องกาสูญหายของเงินในกระเป๋า กรณีเราเคยโดนล้วงกระเป๋าที่อิตาลียังจำได้แม่น ตอนนั้นซื้อแบบประหยัดไปไม่คุ้มครองเลยครับหายก็คือหายไปเลย
กรณีสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจไม่ยากเลยเพราะเหตุการณ์นี้เคยเกิดกับเรามาแล้ว คือ การเจ็บป่วยต้องรักษาตัวที่ต่างประเทศแผนนี้คุ้มครองแบบในฐานะผู้ป่วยใน(หมายถึงการเข้ารักษาตัวที่ต้องค้างคืนหรือต้องมีการรักษาต่อเนื่อง) อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย (ต่อวัน / สูงสุดไม่เกิน 30 วัน) ไม่ต้องเบิกจ่ายล่วงหน้าอีกเช่นกัน โดยรวมทั้งหมดผมจึงมองว่าเหมาะสมกับเหตุใหญ่ๆของบ้านเราที่เคยประสบมานั้นเอง
หากสงสัยตามไปอ่านในรีวิวนี้ได้ครับ ตอนไปญี่ปุ่นเราเคยเขียนถึงไว้เหมือนกัน ที่นี่เลยครับ
โดยรวมพอไปขับรถที่นู้นก็เลยทำให้เราเห็นว่าความไม่ประมาทสำคัญที่สุด อยากให้ทุกคนอย่าละเลย ครับ อย่าประหยัดในเรื่องที่มีความเสี่ยงสุดท้ายเกิดเหตุไม่คุ้มแต่อย่างใดเลย
เพราะฉะนั้นการทำ ประกันการเดินทางนิวซีแลนด์ จึงสำคัญมากๆ ที่เราต้องใส่ใจครับ
——————————————————————————–
และพิเศษสุดๆ สำหรับลูกเพจ one 22 รับโค้ดส่วนลดประกันเดินทางซมโปะ (SOMPO) ไปได้เลย 10%
เพียงกรอกโค้ด ONE22FAM ซื้อประกันออนไลน์ได้ที่ http://bit.ly/2DBNhQc
โค้ดใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 62 นะครับ
การพกพาอาหารทั้งแบบสดและสำเร็จไปด้วยมีปัญหาไหม
บอกเลยว่าหากคุณเป็นคนรักเนื้อ และ อาหารทะเล โดยเฉพาะปลาแซลม่อน นี้คือสวรรค์เลย เพราะทั้งเนื้อก็ดี ปลาก็ดี สดมาก สดแบบเราลืมแซลมอนเมืองไทยไปเลย ทำให้ไอเดียการนำเอาเครื่องปรุงไปทำที่นู้นนอกจากจะประหยัดแล้วที่สำคัญทำให้ลืมอาหารไทยไปได้ไม่ยาก เพราะแทบตลอดทริปเราทำอาหารกินเองซะครึ่งนึง โดยใช้วิธีซื้อเนื้อสัตว์ และผักในซุปเปอร์มาเก็ต
เราพกพาเครื่องปรุงไทยๆ พวกน้ำพริก ซอส อาหารกึงสำเร็จรูปไปด้วยและที่สำคัญเอาหม้อหุงข้าวไปด้วย ประสบการณ์จากทริปยุโรปรอบที่แล้วพบว่ามันคุ้มมาก และข้าวก็ไม่ได้เอาไปหมด ไปหาซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีด้วย (เจอ Made in Thailand ด้วยนะ) ทำให้เราสะดวกมากครับ ส่วนเนื้อสัตว์ก็เปลี่ยนไปตามแหล่งที่เราไป เช่นเราไปเจอ ร้านขายปลาแซลม่อนที่ถูกและสดมาก วันที่ไป MT.COOK เจอร้าน Mt.Cook Salmon ร้านนี้เป็นร้านสำคัญเลยครับคุ้มมาก แถมไปเจอโปรวันนั้นพอดี ซื้อ 1 กล่อง แถม 1 กล่องในราคา 35 NZD (ราวๆ 750-760 บาท )ได้แซลมอนหนัก ครึ่งกิโล !!!! คุ้มเว่อร์มาก ที่สำคัญการได้นั่งกินปลาท่ามกลางบรรยากาศทะเลสาบ Lake Pukaki มันฟินสุดฟินจริงๆ ไม่เชื่อดูภาพสิ
มาถึงการผ่านตม.และการ Decare วัตถุดิบต่างๆที่พกพาไปนะครับ สำหรับประเทศนิวซีลแลนด์แล้วเรื่องการนำเนื้อสัตว์, หรือของต่างๆ เป็นเรื่องซีเรียสมาก เอาว่าก่อนเครื่องจะร่อนลงยังมีประกาศเตือนผ่านสายการบินเลย และค่าปรับโหดมากหากไม่ผ่าน บอกเลยว่าจากกิตติศักดิ์ ของ ตม.ที่นี่ทำให้เราเตรียมตัวมากเพื่อที่จะไม่ให้มีปัญหา เราเลยแยกกระเป๋าออกมาสำหรับให้ตม.ตรวจ และวันที่เรามาถึงเราก็แจ้งเลยว่ามีอะไรมาบ้าง ทางตม.ก็เปิดเช็คตามที่เราบอก ทำให้การผ่านตม.ใช้เวลาราว 10 นาทีเท่านั้นเลยครับ ผ่านง่ายมาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณๆไม่อยากมีปัญหาให้ใช้วิธีเดียวกันครับ ไม่ต้องกังวลใดๆ ถ้าเรามั่นใจว่าไม่มีของตัองห้ามใดๆ มันจะผ่านง่ายมากเลย
Internet เป็นสิ่งที่ต้องมี Roamingกับ Local Sim อันไหนถึงจะดี?
สำหรับเรื่องเน็ตแล้วเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้แน่นอน และสำหรับประเทศนี้ Package Internet เป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่แล้ว แค่ถ้าคุณต้องใช้ Google Map มันก็ต้องมีเน็ตแล้ว ทีแรกเราลังเลมากว่าจะใช้แบบไหนดี ระหว่าง มาซื้อซิมที่นี่หรือจะ Roaming มาดีกว่า หลังจากหาข้อมูลมาระดับนึงเราพบว่า Local Sim ที่นี่ไม่มีเน็ตแบบ Unlimited เหมือนบ้านเรา เอาจริงๆ ในบ้านเราหากไม่ใช่เป็นแบบรายเดือนให้ใช้ก็หา Package Unlimited แบบบ้านเราไม่ได้เช่นกัน สำหรับที่นีแล้ว
เค้าจะขายเป็นปริมาณไปเช่น 1.5 GB/20 NZD หรือ 4GB/35-40 NZD เป็นต้น สุดท้ายเราเลยตัดสินใจ ใช้ TruemoveH Package Travel Sim World มาเลยเพราะดูราคาแล้วไม่ต่างกันทั้งปริมาณและราคา กับ Package 14 วัน 899บาท
ข้อดีเลยนะ ไล่ที่ละข้อ
1.ซิมครอบคลุมเวลาการเดินทางของเราทั้งหมด หากมีปัญหาสามารถโทรกลับไทยได้ด้วยเบอร์
2.เช็คแล้ว Roaimng มาใช้เครือข่าย Vodafone NZ อันเป็นเจ้าหลักๆของประเทศนี้ด้วย เลยไม่ลังเล
3. อย่างกรณีเรามีบินต่อเครื่องสามารถ ROAMING ใช้งานกับเครือข่ายในประเทศนั้นๆ ได้เลย ไม่ต้องกังวล เช่นตอนเราไปลง KL เราก็เปิดใช้ได้เลยเป็นปรกติดีมาก
การใช้งานทุกวันมีทั้งที่แบบเจอสัญญานและไม่เจอ ในบางพื้นที่แต่โดยรวมกับการโรมมื่งมาใช้งานถือว่าน่าพอใจมาก เรา Live สดผ่านลงที่เพจ One22family ตลอดเกือบทุกวันเน็ตก็ยังไม่หมด และใช้งานได้อย่างดีจนวันกลับที่ 13 เลยครับ สำหรับเครือข่าย Vodafone NZ นับว่าดีมาก ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ใช้งานได้ดีและข้อดีคือทาง TruemoveH จะส่ง Massage มาแจ้งตลอดว่าการใช้งาน ดาต้าเป็นยังไงบ้างทำให้เราสามารถวางแผนการใช้งานได้อย่างดี
ปัจจุบันนี้ทางค่าย TruemoveH จะเพิ่มซิมใหม่ๆมาให้เราเลือกเพิ่มด้วย และตอนนี้เค้าแยกซิม เอเชียออกมาเป็นซิมประเทศต่างๆ ฮิตๆ เช่น
TRAVEL SIM JAPAN ,TRAVEL SIM SOUTH KOREA,TRAVEL SIM SINGAPORE เป็นต้น และไปเพิ่มญี่ปุ่นกลับเข้าไปใน Travel Sim Asia แล้วด้วย ก็ดูจะสะดวกและทำให้ตลาดกลับมาคึกคักกันอีกครั้งครับ ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็มีสิทธิ์เลือกใช้ที่ตรงใจมากขึ้นได้
ใช้ Pocket Wifi ที่นิวซีแลนด์จะดีไหม
ก่อนบินมา หนึ่งในสมาชิกทีมเราตัดสินใจจะเช่า Pocket Wifi ไปด้วย เหตุผลเราง่ายๆ ไม่ซับซ้อนคือ มีไว้ด้วยอุ่นใจดีครับ และอีกอย่าง เราเช่าใช้ง่ายมาก เราใช้เจ้าประจำคือ Samurai Wifi ที่รู้จักในการเอาไปใช้ญี่ปุ่น หรืออีกชื่อในประเทศอื่นๆคือ BS Mobile นั้นเอง ใน Package ที่ได้คือ จำนวน 4GB ตลอดการใช้งาน ที่สำคัญวันรับเราดันลืมไปรับที่สนามบินสุดท้ายโชคดีมากที่ทีมเรา 1 คนไม่ได้มาพร้อมกัน เลยแจ้งเปลี่ยนวันรับเครื่องและ ตามมาทีหลังได้
โดยรวมด้วยปริมาณ 4 gb และเท่าที่ดูหน้าเครื่อง Wifiจะเป็นการ Roaming สัญญานของ Vodafon NZ ตัวสัญญานใช้ได้ดีในหลากหลายพื้นที่ อาจจะมีบางที่ๆ ใช้ไม่ได้แต่ก็ไม่แปลกอะไรเพราะอย่างที่ Milfford Sound ไม่สามารถใช้สัญญานของเครือข่ายใดๆได้เลย (เราสงสัยเลยสอบถามเจ้าหน้าที่เค้าดู ) แต่สัญญานที่อื่นๆ ก็ดีเช่นกัน และ 4GB พอมากสำหรับเพื่อนๆ ที่แชร์กัน ก็ใช้ได้กับ 8 วันที่เหลือ ครับ อ่อข้อดีของตัว pocket อีกอย่างคือรุ่นนี้แบตอึดดีมากครับ และยังโชว์ตรงหน้าจอด้วยว่าเราใช้ไปเท่าไหร่แล้วทำให้เรารู้ได้ทันที
โดยรวมทุกคนก็ประทับใจดี และที่สำคัญบริการดีมากนะครับ วันที่เราลืมมีเจ้าหน้าทีโทรมาแต่ผมไม่ได้รับ แต่ให้เพื่อนที่ยังไม่ตามมาโทรไปคุยด้วยก็ปรับเปลี่ยนให้เราได้สะดวกดีครับ
สุดท้ายที่พัก จะพักแบบไหนดี?
สำหรับทริปนี้เราใช้ผสมกันระหว่างสองเจ้าหลักๆ คือ Booking.com และ Airbnb และทุกที่เราเลือกที่พักแบบมีครัวหมด อย่างที่บอกทำให้เราสามารถทำกับข้าว หุงหาอาหารกินเองได้ และในบางวันเราก็เลือกพักใกล้ชุมชมทำให้ออกมากินอาหารนอกบ้านได้เช่นกัน อย่างเช่นที่พักที่ QueenTown เราพักอยู่ 2 คืนเป็นที่พักที่มีครัว และอุปกรณ์ประกอปอาหารและกินข้าวครบครันแถมวิวจากตรงระเบียงที่ยื่นมา ยังอลังการอีก ถือว่าเป็นที่พักที่ดีมาก สะดวกทุกอย่างเลยทีเดียว ที่นี่เราเลือกใช้จองผ่าน Airbnb ครับทำให้ได้มีส่วนลดการจองอีก 1200 บาทจากการที่ให้สมาชิกในทีมที่ยังไม่เคยสมัครสามาชิกเป็นผู้จองผ่าน link นี้ ครั้งแรกทำให้ได้ส่วนลดถึง 1200 บาทเลยทีเดียวครับ
และกับ Booking ที่เราจองตอนเข้าพักที่ Lake Tae-Anu ที่พัก 2 คืนเราก็ใช้สิทธิ์จองที่พักครั้งแรกผ่าน Link นี้ได้รับส่วนลด 1,000บาทอีกเช่นกัน โดยให้เพื่อนคนเดิมนี่ละจองผ่าน link สุดท้ายก็จะได้เงินคืนเข้าบัตรเครดิตไป หลังจากเข้าพักแล้ว และเป็นห้องพักแบบมีครัว+อุปกรณ์ครบ ห้องพักก็ดีมากสะดวกใหญ่ ห้องรับแขกใหญ่มาก เราใช้พื้นที่โซนกลางคุ้มมาก ดีจริงจังครับ ประทับใจเลย
สรุปกันหน่อย
อยากบอกว่าสำหรับทริป 13 วันขับรถเที่ยวเกาะใต้ นิวซีแลนด์(South Newzealand)แบบครอบครัว ภาค Plan Trip ตอนนี้เป็นตอนแรกเท่านั้นครับ หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปและกำลังวางแผนอยู่ หวังว่าตอนแรกนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะ การพาครอบครัวเที่ยวเอง แบบเรา บอกเลยว่ามันต้องมีการเตรียมการก่อนเดินทางระดับนึง หาข้อมูลเปรียบเทียบต่างๆให้ดีจะทำให้เราประหยัดและจ่ายกันคุ้มค่าแน่นอน ท้ายนี้หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนนะครับแล้วตอนหน้าจะพาเที่ยวจริงๆแล้วโปรดติดตามครับ
#แค่อยากพาเที่ยวนิวซีแลนด์ #one22 #family #แค่อยากพารู้จักโลกกว้าง