มาถึง รีวิวเที่ยว Macao 15 ที่ ครอบครัวเที่ยวมาเก๊าเองได้ สนุกมันส์ทั้งบ้าน
เอาจริงๆนะ นี่คือรอบ 3 ของเราแล้วที่ได้มามาเก๊า และทุกรอบเราก็มักจะบอกเพื่อนๆเสมอว่า “มาเก๊า(Macao) เที่ยวกับลูกสนุกมากกกกจ้ะ” หลายๆคนไม่เชื่อ เพราะคิดว่ามาเก๊ามีแต่คาสิโน จะไปทำไม พาลูกไปจะได้เหรอ เที่ยวฮ่องกงดีกว่า(ทั้งๆที่ฮ่องกงก็มีเหมือนๆมาเก๊านั้นแหล่ะ) ไม่เถียงสักคำถ้าเพราะผมยังคิดว่ามาเก๊าที่ผ่านมามีแค่นั้น
แต่ลองอ่านรีวิวนี้ดูคุณๆ อาจจะเปลี่ยนใจมองเมืองนี้ใหม่และอยากเปลี่ยนจากเที่ยวฮ่องกงบ่อยๆ มาเที่ยวมาเก๊าแบบเราบ้างก็ได้นะ ตามเรามาเลยดีกว่า
เกริ่นกันก่อนเที่ยวมาเก๊า รู้จักเค้าแล้วเราจะเที่ยวสนุกขึ้นอีกเยอะเลย
มาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน (ปัจจุบันยังไม่รวมศูนย์ปกครองไว้ที่แผ่นดินใหญ่ของจีนเป็นเวลา 50 ปี จนกว่าจะถึงปี 2592 นั้นเอง) ที่นี่ ฟรีวีซ่าสำหรับคนไทย เพราะงั้นคนไทยจึงไปเที่ยวกันง่ายมาก ใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
สำหรับคนไทยแล้วยังมีความเข้าใจว่ามาเก๊าคือ เกาะ จริงๆแล้วมาเก๊าไม่ใช้เกาะนะตัวเอง มันคือแผ่นดินที่เป็นแหลมยื่นลงมาในทะเลมากกว่า แต่ถ้าเป็นฝั่งก็คือโซนไทปาจนถึงโคโลอานที่มีสนามบินนั้นล่ะน่าจะเรียกว่าเกาะได้เต็มปากมากกว่า
ส่วนตรงฝั่งมาเก๊าที่อยู่ตอนบนจึงติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ที่เรียกว่าจูไห่ และปัจจุบันนี้สะพานเชื่อมสามเมืองสำคัญของจีนให้การเดินทางที่สะดวกรวดเร็วขึ้นอีกคือ จากจูไห่-ฮ่องกง-มาเก๊า และสะพานนี้ก็กลายเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
มาเก๊าร่ำรวยที่สุดอันดับ 4 ของโลก จริงๆเราดูก็ไม่แปลกใจแต่อย่างใด เพราะเศรษฐกิจของมาเก๊านี้ถูกค้ำจุนด้วยคาสิโน นั่นคือความคิดแรกๆ เวลาเราเอ่ยถึงที่นี่ (ทั้งๆที่ฮ่องกงก็มีเหมือนกัน อาจจะน้อยกว่า แต่คนกับพูดถึงแต่มาเก๊าแหะ)
แต่…4-5 ปีหลังมานี้มาเก๊าเปลี่ยนไปเยอะ โรงแรมทุกโรงแรมโดยเฉพาะโรงแรมระดับหรูของเค้า ล้วนแต่ตั้งใจตอบรับ ตั้งใจทำ พัฒนาองค์ประกอบของเมืองเพื่อสนับสนุนให้ครอบครัวมาเที่ยวมาเก๊า และเป็น“จุดรวมกิจกรรมสำหรับเด็ก” ที่เหมาะกับทั้งครอบครัว มีทั้งร้านอาหารสไตล์ครอบครัว ที่เที่ยวแบบครอบครัวเที่ยวได้ การเดินทางสะดวก มีรถจากโรงแรมรับส่งฟรีเรียกว่า มาเก๊า เพียบพร้อมไปทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร สถาปัตยกรรม ศิลปะ สินค้า กิจกรรมที่สนุกสนาน และยังมีความสะดวกสบายในทุกๆ เรื่อง
ตลอด 4 วันที่เราเที่ยวอยู่ที่นั้นรวมถึงทุกครั้งที่เรามา เราไม่เคยเจอเหตุร้ายใดๆ ถือเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดแห่งนึงที่เราเคยพาลูกไปเที่ยวมา ที่สำคัญรัฐบาลมาเก๊าเค้านำเอาภาษีจากแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้มาสนับสนุน ประชากรและการศึกษาให้คนของเค้าเองด้วย คนแก่ที่นี่ลงกินเนสบุ๊คเร็คคอร์ดว่า มีอายุยืนที่สุดในโลก และยังมีสวัสดิการฟรีทุกอย่างทั้ง กิน อยู่ รักษา เรียกว่ามาเก๊ากลายเป็นเขตปกครองพิเศษที่เหมาะกับผู้สูงวัยที่สุดแห่งนึงในโลกทันทีเลย
เกริ่นมาหมดนี้เพียงจะบอกว่า บ้านเราชอบมาเก๊ามาก แม้ตึกรามบ้านช่องจะหนาแน่นไม่ต่างกับเมืองฝาแฝดในอีกฝั่งทะเล แต่กลับมีมุม มีบรรยากาศชิลๆกว่ากันเยอะ ที่สำคัญรถก็ไม่ติดมากเท่า ทั้งๆ ที่ไม่มีรถไฟฟ้า แต่เร็วๆนี้รถไฟฟ้าเค้าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไหร่เราจะได้ไปลองให้ได้ตามไปเที่ยวกันนะ
เรื่องของเงินมาเก๊า
ปัจจุบันเรทเงินมาเก๊า อยู่ที่ 1 Mop= 3.8 บาท (ปี2019) นี่คือยุคที่เงินไทยเราแข็งที่สุดในรอบหลายปีทีเดียวก็ทำให้เราเที่ยวกันประหยัดขึ้นและยังใช้เงินฮ่องกงใช้จ่ายได้ด้วยเรียกว่า เรทพอๆ กัน เพราะเวลาจ่ายเค้าทอนมาเป็นเงินมาเก๊าอยู่ดี ยกเว้นในห้างใหญ่ๆ ที่เค้าจะทอนเป็นเงินฮ่องกงให้ถ้าเราจ่ายเป็นเงินฮ่องกงนะ…….อ่อ รีวิวที่แล้วพาเที่ยวมาเก๊าแบบทั่วๆ ครบทุกอย่าง ไปดูกันได้ที่นี่เลย
บินอะไรดี
แน่นอนมา มาเก๊าก็ต้องบินกับสายการบินประจำชาติเค้าอย่าง Airmacau เป็นครั้งที่ 2 ที่บินกับเจ้านี้ (ครั้งแรกอ่านรีวิว เที่ยวมาเก๊าสไตล์ครอบครัวได้ที่นี่เลยครับ ) และยังประทับใจไม่เปลี่ยน ด้วยความรวดเร็วตั้งแต่เช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย มาถึงไม่ต้องรอคิวนาน เข้าเช็คอินกันได้เลย รอบนี้พอตรงช่อง Business ว่างเจ้าหน้าที่เรียกเราเข้าไปเช็คอินทันที ไม่มีอิดออดแต่อย่างใดทั้งนั้น
เข้าเครื่องเป็นคนแรกๆ เพราะเราจองที่นั่งแถวแรกสุด เพิ่มเงินไม่มากกับเที่ยวบินสุดท้ายของวันอย่างไฟล์ท 23.15 น. จะได้นอนยาวๆไป หน้าเด็กตอนนี้ง่วงเต็มที่แล้วละฮับ
มาขึ้นเครื่องเราก็โชคดีมาก เที่ยวขาไปคนไม่เยอะที่นั่งเราจองมาก็ดีมาก นั่งกว้างกันขนาดนี้เลยถือว่าสบายๆ ช่องวางขากว้างสบายดีทุกอย่างครับ
มีบริการต่างๆครบครัน ทั้งหมอน ที่ขอได้ มี TV แบบจอพับจากด้านบน
อาหารและเครื่องดื่มมีให้เลือก ไม่ต่างใดๆกับสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสทั้งหลาย
ปันกับแม่ปันแฮ้บปี้สุดๆ นอนยาวๆ ข้ามคืนมาเลย
โดยรวมเรายังประทับใจเช่นเคยกับสายการบินนี้นะครับ ทุกครั้งที่มา มาเก๊าก็คงจะได้ใช้บริการกันอีกแน่ๆ ข้อดีอีกอย่างคือ Boarding Pass สามารถเอาไปใช้ส่วนลดโชว์หรือร้านอาหาร สถานที่เที่ยวในมาเก๊าได้อีกด้วยเริ่ดจริงจังครับ (ในภาพเป็นทริปที่แล้วนะครับ ทริปนี้ลืมถ่าย 555)
เดินทางเข้าเมืองยังไง
กรณีมาถึงไม่เกิน 23.00 น
Free Shutte Bus
ด้วยความที่โรงแรมในเมืองนี้เยอะมากและล้วนแล้วแต่แข่งขันกันแย่งลูกค้าให้มาที่โรงแรมเยอะ เค้าจึงมีบริการรถรับส่งฟรีจากสนามบินเลย และตามท่าเรือทุกแห่งของเมืองก็เช่นกันมีรถบริการรับส่งฟรีไปตามใจกลางเมืองหรือโรงแรมต่างๆนั้นเอง จะอยู่ไม่ไกลจาก GATE เวลาเราเดินออกมา มองป้ายไว้จะมีป้ายบอกจุดจอดรถ SHUTTLE BUS ของทุกโรงแรมอยู่ที่เดียวกันหมด
รถเมล์
อีกบริการที่ประหยัดสุดของที่นี่คือการนั่งรถเมล์ เอาจริงๆรถเมล์เค้าก็ไม่ต่างจากรถเมล์ปรับอากาศบ้านเรา มีแยกเป็นสายต่างๆแบ่งกันวิ่งรอบเมือง จะมีช่วงแน่นๆ ก็เวลาวิ่งเข้าไปย่านใจกลางเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยว ราคาเริ่มต้นทุกเส้นทางที่ 6 mop จ้าก็ตก 20 บาทกว่าๆ เองตลอดสาย
ที่ป้ายรถเมล์จะมี GUIDE บอกป้าย บอกระยะทาง บอกราคาไว้แบบนี้เลยช่วยเราได้เยอะเลย จะยากก็ตรงชื่อจะเป็นภาษาโปรตุเกสนี่แหละ ก็ต้องอ่านจำคำดีๆ ข้อดีอีกอย่างคือ ช่วยให้เราเอาชื่อป้ายมา Map ง่ายๆกับ Google ได้ง่ายขึ้น เราก็จะรู้เวลาไปถึงได้
หลายสายของที่นี่ จะเดินรถเป็นวงกลมเพราะงั้นถ้าหลงกันจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก ให้นั่งจนสุดสายและลงมาจ่ายตังค์ใหม่เพื่อขึ้นรถวนกลับไปได้อีก ถือเป็นการนั่งรถชมวิวเพลินๆไปได้ อย่ากังวล อ่อคนขับรถเมล์พูดอังกฤษไม่ได้นะ ไม่ต้องไปถามทางให้เสียเวลานอกจากคุยจะพูดจีนได้ก็อีกเรื่อง
สำหรับป้ายรถเมล์จะมีเลขรถที่ผ่านไว้ชัดเจน เพราะงั้นง่ายมาก และก็ทุกป้ายจะมีป้ายบอกระยะทางและกำกับไว้หมดว่ารถจะไปทางไหนระยะเท่าไหร่ ป้ายชื่ออะไรเอาว่าง่ายกว่าบ้านเราเยอะเลย
แท็กซี่
เป็นอีกบริการที่เร็วและคล้ายๆญี่ปุ่นตรงที่ประตูรถเค้าเปิด Auto นะไม่ต้องเปิดเอง คนขับรถมีทั้งดีมาก ดีน้อยตามประสา ส่วนใหญ่ที่เราเจอจะใจเย็นนะ แต่เรื่องภาษาก็เหมือนๆญี่ปุ่นเลย คือพูดอังกฤษไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ จะไปไหนแนะนำให้โชว์รูปในเน็ตไว้แล้วเปิดให้เค้าดูเค้ารู้จักแน่นอน เพราะเมืองมันเล็ก ไปไหนก็รู้จักหมด แต่แนะนำพวกร้านคาเฟ่ ร้านอาหารแบบในซอกในหลืบ อันนี้ก็ไม่น่านะ อ่อราคาเริ่มต้นทั้งวันทั้งคืนจะเริ่มที่ 19 mop นะ
กรณีมาถึงหลัง 23.00 น.
รถเมล์
เราบินมาด้วยเที่ยวบินรอบสุดท้ายของสายการบิน ออกจากกรุงเทพฯ 23.15 มาถึงก็เกือบตีสองแล้ว แน่นอนว่ารถเมล์ยังพอจะมีอยู่บ้างกับรถสายกลางคืนที่วิ่งรับส่งเช่น สาย N2 พอเป็นกลางคืนสายรถจะใช้ตัวอักษร N เป็นตัวนำหน้าแทนเพื่อไม่ให้สับสนกันกับสายวิ่งกลางวัน และให้เดินไปรอตรงป้ายรถเมล์หน้าสนามบินได้เลย แต่เอาจริงๆ ดึกขนาดนี้เรายินดีใช้บริการแท๊กซี่เพื่อพาปันเข้าโรงแรมจะดีกว่า สนนราคาเริ่มต้นก็ไม่ได้โหดนะ เริ่มที่ 19 mop หรือราวๆ 73 บาทนั้นเอง (คำนวนที่ 3.8 บาท/1 mop) ช่วงที่เรามาค่าเงินบาทกำลังแข็งสุดๆ เที่ยวช่วงนี้คุ้มมาก
โหลดแอพ Macau EasyGo
ตัวช่วยสำหรับการใช้รถเมล์เที่ยว แน่นอน Google Map เป็นตัวเลือกสำคัญแต่ๆ เราอยากแนะนำอีกตัวไว้จะดีกว่า โหลดแอพ Macau EasyGo ติดเครื่องไว้เลยใช้ง่ายมาก จะไปไหนพิมพ์ชื่อสถานที่เข้าไปมันจะโชว์ เส้นทางและรถบัสที่วิ่งผ่านให้เราเลย ทำงานคล้าย Google Map แต่แม่นยำกว่า
Taxi
ถ้าหลัง 23.00 น. ดึกขนาดนี้เราแนะนำให้ใช้บริการแท๊กซี่เพื่อพาครอบครัว เข้าโรงแรมจะดีกว่า สนนราคาเริ่มต้นก็ไม่ได้โหดนะ เริ่มที่ 19 mop เท่ากันกับกลางวัน หรือราวๆ 73 บาทนั้นเอง (คำนวนที่ 3.8 บาท/1 mop) ช่วงที่เรามาค่าเงินบาทกำลังแข็งสุดๆ เที่ยวช่วงนี้คุ้มมาก
มาถึงอินเตอร์เน็ตกันบ้าง
และแน่นอนจะเที่ยวยังไงให้สนุกถ้าไปแล้วเน็ตไม่มีหรือไม่ดี รอบนี้เรายังคงใช้ TruemoveH กับ Greater Travel Sim ที่ใช้กับจีนได้หมดทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊าที่เรามา ฮ่องกง ไต้หวัน เหมารวทุกจีนใช้ได้ถึง 6 GB กันเลย คุ้มมากกับ 399 บาท
เรามีลองLive ทดสอบสัญญานไปด้วย สัญญานดีมากครับ Live จบไม่มีหลุด ก็แสดงว่า เครือข่ายที่ Romming มาดีมาก ลองดูได้ที่นี่เลย
link ไปดูคลิปนะครับ >>> http://bit.ly/2PfZ3Xe
ที่สำคัญถ้ากรณีคุณต้องเที่ยวทั้งมาเก๊า+ฮ่องกง นั้นคือเราไม่ต้องเปลี่ยนซิมเลยจ้า ใช้ไปมาได้เลย ถ้าเป็นเจ้าอื่นอาจจะต้องเปลี่ยนหรืออาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่ซิมนี้ไม่ต้องใดๆ ทั้งนั้น
ตอนนี้เค้ามีโปรกับ 3 ประเทศด้วยให้โทรฟรีกลับไทยได้ 30 นาทีเลย อันนี้ดีมาก ดูรายละเอียดกันได้ที่นี่เลยครับ https://we.tl/t-j1CJsXjLSq
———————————————-
ที่เที่ยวสายครอบครัวมาทางนี้เลย
เกริ่นมาเยอะแล้วกับ 15 ที่ กิน เที่ยวสไตล์ครอบครัว ที่เราอยากพาเที่ยวกันตามเรามาดีกว่านะ
เราขอแบ่งตาม LOCATION กันดีกว่าเพราะหลักๆ เราอยู่กันไม่กี่จุดเท่านั้น เวลาเราเล่าจะได้เข้าใจง่ายๆ มาเก๊าแบ่งเขตเมืองออกมาจากเหนือลงใต้สุดดังนี้นะ
- เหนือสุดเรียกว่า มาเก๊า (เหมือนชื่อเมืองนั้นเอง)
- ไทปา (คือตรงบริเวณสนามบินและรอบๆ)
- โคไท(อยู่ติดกันกับไทปาเลย)
- ใต้สุด โคโลอาน(แหล่งสีเขียวแห่งเดียวของเมือง)
ความตั้งใจรอบนี้คือ พาปันมาเล่น เล่น และ เล่นนนน จริงจังมาก ด้วยความที่หนก่อนเราอยากเที่ยวทั่วๆ ตั้งแต่เหนือของเมืองคือ ฝั่งมาเก๊า จนถึง โคโลอานใต้สุด รอบนี้เราเจาะเน้นๆ ตามที่เที่ยวในโรงแรมและจุดที่มีสถานที่เล่นเหมาะกับเด็กๆ เพราะงั้นพ่อแม่ทุกคนตามเรามาได้เลย
ที่เที่ยวฝั่ง Macao
ฝั่งที่คนไทยเที่ยวกันเยอะๆ และน่าจะเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดแล้ว ก็คือโซนมาเก๊า เป็นที่รวมสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียน ที่ผสมกันยุคเก่าของจีนกับศิลปะของโปตุเกสเข้าด้วยกัน ผสมกันจนลงตัวเป็นมาเก๊ายุคปัจจุบันที่คนหลั่งไหลกันมา เช่น ประตูโบสถ์เซนต์ปอล(Ruins of St. Paul’s) หรือแหล่งรวมของช้อปปิ้งทั้งแบบสตรีทและแบรนด์ดังๆ อย่างจตุรัส เซนาโด้สแควร์ (Senado Square) ที่ใครๆมาก็ต้องมา
รอบนี้เราก็ไปอีกนะ, แต่เลือกเวลาไปที่ตอนคนน้อยสุดๆ, โชคดีมาก.
1. จตุรัสเซนาโด้สแควร์ (Senado Square) ก่อน 8 โมงเช้า
อย่างที่บอกมามาเก๊าไม่มาที่นี่ก็คงไม่ใช่และที่นี่เองก็เหมาะกับการถ่ายรูป เช็คอิน เดินเที่ยว ชมวัด ที่สำคัญ ร้านอร่อยในย่านนี้ไม่น้อย เราเดินเจอจุดถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย และถ้ามาก่อน 8 โมงเช้าก็จะได้รูปที่คนไม่เยอะ เดินสบายมาก
ที่นี่ไม่เคยว่างเว้นผู้คนที่หลั่งไหลกันมาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ คนจะเยอะตั้งแต่ร้านรวงเริ่มเปิด ทัวร์เยอะ แต่ๆๆๆ ถ้ามาแต่เช้านะ เอาว่ายิ่งเช้าเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อมาถ่ายรูป มันก็จะอีกมิติเลย เซนาโด้สแควร์ก็จะเผยความสวยงามของตึกสไตล์ชิโนโปตุกีส สวยๆ ที่อนุรักษ์เอาไว้ออกมาให้เราชื่นชมแทน
2. ลานน้ำพุเซนาโด้สแควร์
จุดต่อมาที่เราว่าเป็น Landmark เลยคือ งานจัดสวนตรงน้ำพุที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้คนได้ชม ตรงจุดนี้ถ่ายรูปได้เลย และถ้ามาก่อน 8 โมงเช้านะ ตรงน้ำพุจึงสวยให้เราได้ถ่ายรูปกันเพราะคนน้อย
ตั้งแต่จุดแรกตรงถนนเส้นหลัก ถ้าคนน้อยจะถ่ายอะไรก็ได้รูปดีๆ แบบนี้ แต่ก็ยังมีคนติดมาบ้างนะ ขนาดมาถึงราวๆ 7 โมงเศษๆ นักท่องเที่ยวก็ออกมาเดินกันแล้ว
3.จุดถัดมาให้ศูนย์กลางเป็นตึกของโรงแรม GRAND LISBOA มาเป็น Landmark
ถนนตรงนี้สวยเพราะทางขึ้นเป็นเนินและมองเห็นโรงแรมไกลๆ ตรงนี้หาง่ายมากเพราะอยู่ตรงบริเวณน้ำพุเลย มุมนี้เก๋มากถ่ายออกมาสวยเลย
4.ตรอกถนนคนเดินเซนาโด้สแควร์
อีกจุดไม่ไกลกันครับ เป็นตรอกเล็กๆ
5.ถัดมาก็ตรงหน้าประตูโบสถ์
ปกติตรงนี้คนแย่งกันถ่ายรูปยังกับอะไรดี แก้ปัญหาด้วยการมาแต่เช้าซะเลยถ่ายกันเพลินๆ ไม่ต้องแย่งใคร
อ่อที่นี่เป็นแหล่งรวมสุดยอดเครื่องสำอางที่สาวๆ และคุณแม่ทั้งหลายอย่าพลาดมาช้อปกันนะ ละลานตามาก แนะนำร้าน Bonjour และ ร้าน Sasa ของจะถูกและมีสาขากระจายทั่วมาเก๊าเลย และสำหรับคุณผู้ชาย พ่อๆ ทั้งหลาย ที่นี่ก็แหล่งรวมรองเท้า Sneaker เยอะแยะเช่นกัน ทั้ง Adidas ,Nike,fila ฯลฯ เยอะเลยเดินไปตรงไหนก็เจอ
การเดินทาง
เราขอเอาจากสนามบินเป็นตัวตั้งแล้วกัน เพื่อจะได้เข้าใจง่ายสุดๆ
จากสนามบินจะมายังเซนาโด้สแควร์ นั่งสาย 33 –>ต่อ สาย –>26A รวมป้ายทั้งหมด 12 Bus Stop แต่ถ้ามาหลัง 5 ทุ่มก็นั่งสาย N2 ยาวมาจนถึงเซนาโด้เลย
นอกจากสายนี้ยังออกมาต่อในเมืองได้อีก จะเจอสาย N6,N9 วิ่งไปมาทั่วทั้งสองฝั่งเมืองแล้วแต่เราเลือกเลยนะ ใช้ Google Map ง่ายสุด แต่ก็มีมั่วนะ เช่น สาย 25 อันนี้มั่วมาก แนะนำให้โหลด Macau easyGo
นอกจากสายนี้ยังออกมาต่อในเมืองได้อีก จะเจอสาย N6,N9 วิ่งไปมาทั่วทั้งสองฝั่งเมืองแล้วแต่เราเลือกเลยนะ
วิธีหาดีสุดให้ใช้ google map ง่ายสุด แต่ก็มีมั่วนะ เช่น สาย 25 อันนี้มั่วมาก อย่ายึดนั่งสายนี้จาก Google เป็นอันขาด แนะนำให้โหลด Macau easyGo แล้วใช้จะดีและแม่นยำตรงที่สุด
6.อาคารโบราณ Leal Senado building อาคารที่ฮิบและน่ารักสุดแล้วในย่านเซนาโด้
มาต่อกันที่ อาคารและร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับโปรตุเกส ภายในจะมีทางเดินและลานโล่งที่จัดสวนสวยๆ ในนี้จัดตกแต่งน่ารักด้วยสีกระเบื้องสไตล์โปรตุเกส แบบดั่งเดิม อายุแค่ 400 กว่าปีเอง เพราะที่นี่เคยเป็นอาคารที่ตั้งรัฐบาลของโปรตุเกสสมัยยังเป็นเมืองอาณานิคมมาก่อน
ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ เข้าชมได้ฟรี ด้านในยังเป็นห้องสมุดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 09.00-21.00 น. อังคารถึงอาทิตย์ มาดูว่ามุมไหนจะถ่ายรูปกันได้บ้างดีกว่า
มุมแรกเดินเข้ามาตรงบันไดข้างทั้งสองฝั่ง ให้เก๋ๆ ก็เดินขึ้นไปเลย จะได้มุมเก๋ๆ วันไหนแดดดีๆ มีแสงส่องลงมาก็จะได้แสงทำให้สวยขึ้นอีก เลือกเอาเลย
พ่อกับลูกบ้าง แม่ปันถ่ายดีนะเออ
มุมถัดมา ก็ต้องมุมบนสุดหน้าห้องสมุดชั้นสอง เดินขึ้นไปเจอมุมแหงนมองแบบนี้สวยดี ที่สำคัญอาคารนี้สมบูรณ์มากถ่ายรูปยังไงก็เจอลวดลายสวยๆ หรือรูปปั้นแกะสลักเก๋ๆ อีกด้วย
มุมสุดท้ายตรงสวนด้านในสุด อาจจะต้องแย่งกันนิดนึง แต่ถ้ามาเช้าๆ แบบเราก็สบายหน่อยคนจะน้อย และคนที่นี่จะยืนรอ เข้าคิวให้เราถ่ายกันให้เสร็จแล้วเค้าถึงจะเดินเข้าไปนะ
เราก็จะมีเวลาหน่อยในการถ่ายรูปกัน ที่นี่เที่ยววันธรรมดาจะดีที่สุด เพราะวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ผู้คนมหาศาลมาก ถ่ายรูปอาจจะไม่ชิลล์อย่างใจหวังได้ และแนะนำว่าให้มาเช้าๆเข้าไว้นะ
อ่อด้านล่างจะเจอร้านขายของที่ระลึก ถ้าชอบลวดลายกระเบื้องด้านใน เค้าเอามาทำของขายทั้งตัวกระเบื้องเลย ผ้าพันคอ โปสการ์ด กระเป๋าผ้าก็มี ลองเข้าไปเลือกซื้อหาเป็นของที่ระลึกได้
การเดินทาง
ง่ายสุดๆ จากตรงลานน้ำพุเซนาโด้สแควร์เดินข้ามถนนมาเจอเลย ง่ายจริงๆ
เวลาเปิดปิด
ตั้งแต่ 9.00-21.00 อังคาร -อาทิตย์ ยกเว้น ปิดวันจันทร์
7. ประตูโบสถ์เซนต์ปอล(Ruins of St. Paul’s) มุมถ่ายรูปไม่ซ้ำใครมาทางนี้เลย
มามาเก๊าแล้วไม่มาทีนี่ เค้าถือว่ามาไม่ถึงสินะ เราไม่ขอเล่าประวัติแล้วกันนะเพราะทุกคนรู้จักที่นี่กันแล้วแน่นอน แต่ๆจะขอแนะนำมุมถ่ายรูปตอนเช้าๆสวยๆ และอาจจะประยุกต์ใช้กันเวลาคนเยอะๆ ถ่ายแล้วยังออกมาโอเคอยู่ มาเช้าๆ มุมก็มีให้เลือกเยอะ แต่ที่เราแนะนำเป็นทั้งมุมหลบคน และมุมถ่ายรูปสวยๆ ก็ตามนี้เลย
มุมแรกสามัญ นั่งตรงบันไดแต่ให้เบี่ยงมาทางซ้ายชิดราวบันได จะบังคนได้เยอะเลยแบบนี้
และถ้ามากันหลายๆ คนก็ใช้ตัวราวบันได้เป็นตัวช่วยให้เราตัวเล็กๆ และคนนั่งหน้าตัวใหญ่ (ผู้เสียสละของทีม) อย่างนี้เลย แค่นี้เราก็มีมุมสวยๆไว้ถ่ายรูปได้แล้ว
มุมต่อมา คือด้านขวาสุดของทางเดินขึ้นไปจะเป็นทางเดินลาดขึ้นไป
ตรงนี้จะมีมุมบังคนชั้นเยี่ยมได้เลย เพราะตัวพุ่มไม้ที่ปลูกไว้เป็นแนวยาวคู่กับบันไดจะช่วยบังไว้ได้ เราก็จะได้สีเขียวๆ ของต้นไม้มาช่วยให้รูปถ่าย ดูรีแล็กซ์ขึ้นทันทีอีกต่างหากนะ
8.สวนสาธารณะด้านข้างประตูโบสถ์ฯ
มุมใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆ เพราะเป็นมุมที่คนไม่ค่อยรู้จักกันแต่ ใน Instagram กำลังนิยมมาก เพราะเห็นตัวประตูเต็ม และยังดูร่มรื่นอีก ก็คือมุมตรงสวนด้านบน
ตรงนี้ถ้ามาเช้าๆ จะเจอคนมาวิ่งออกกำลังกาย กันเยอะมาก และเดินขึ้นมาเลี้ยวขวาจะเจอม้านั่งใต้ต้นไม้อยู่มุมซ้ายบน เดินขึ้นไปเลยบรรยากาศดีมาก
ไหนๆมาแล้ว แนะนำให้เดินชมวิวด้านบนจะเห็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างโรงแรม Grand Lisboa เด่นสวยเลยครับ
เดินขึ้นมาเรื่อยๆ เช้าๆแบบนี้อากาศดีไม่ร้อนอีกด้วย แนะนำเลยนะ มาแล้วเดินขึ้นมากันเถอะแล้วจะชอบ
แนะนำว่าให้เอาขาตั้งมือถือมาด้วยจะดีกว่า ถ้าอยากมีรูปครบทีมแบบนี้นะ ถ่ายกันสนุกดีครับ
การเดินทาง
เดินจากเซนาโด้สแควร์ แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตามทางมาเรื่อยๆ เจอเลย ไม่ถึง 10 นาทีหาไม่ยากจริงๆ
9. ตรอก Love Lane ตรอกสีชมพูแสนหวาน ห้ามพลาดมาถ่ายรูปกัน
อีกจุดที่ถ้ามาตรง ประตูโบสถ์แล้ว ให้เดินเลียบมาทางด้านซ้ายข้างๆ กับบันไดทางขึ้นไปประตู ก็จะเจอมุมสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
ยิ่งมาเช้าๆ ยิ่งไม่ต้องกลัวเลย ตรอกเล็กๆ ยาวไม่ถึง 200 เมตรนี้แต่มุมถ่ายรูปกันหวานและสวยมาก เล่นเอาแม่ปันชอบมาก
สองฝั่งตึกจะสีต่างกัน ฝั่งนึงสีโอโรสอมชมพู อีกฝั่งสีเหลืองสดใส ดีต่อใจทั้งสองฝั่งขอถ่ายมั้งนะ 555
ที่สำคัญมาเช้าแดดจะส่องเข้ามาในตรอก ทำให้ถ่ายรูปสนุกขึ้นไปอีกเพราะเล่นกับแสงเงาแบบนี้ยังได้ ใช้มือถือดีๆ ถ่ายรูปสวยๆได้เลย ไม่ต้องง้อกล้องโปรแต่อย่างใด ที่สำคัญ ยังเป็นอีกมุมที่มองเห็นตัวประตูโบสถ์ แบบคนน้อยๆ ได้อีก เป็นอีกมุมที่ต้องมาเดินเก็บภาพถ่ายรูปกันเลย ห้ามพลาดครับ
ถ่ายกันสนุกมาก ควรเอาขาตั้งกล้อง ขาตั้งมือถือมาด้วยจะได้มีรูปแบบครบทีมแบบนี้
อ่อ ตรงมุมในสุดจะมีร้านกาแฟน่าลองแต่เค้าจะเปิดสายๆ หน่อยนะ ร้านนี้เราคุ้นๆมาว่าเป็นร้านนิยมอีกร้านของมาเก๊าเลย ใครมาสายๆ ฝากชิมแทนหน่อยยย
การเดินทาง
อยู่ตรงตรอกข้างประตูโบสถ์เซนต์ปอล เดินมางทางซ้ายมือข้างบันได้ไม่ถึง 50 เมตรเจอเลย ง่ายมาก
10. Portuguese Street มุมกำแพงลายโบราณสไตล์โปรตุเกสสวยๆ จุดเช็คอิน Instagram ระดับโลก
มาถึงอีกมุมนึงที่เราว่ามันไม่น่าเชื่อว่าคนจะมาถ่ายกัน แต่พอลองมาถ่ายบ้างก็สวยดีนะ หาก็ไม่ยากเลย ถนนเส้นนี้เป็นอีกเส้นฮิตเพราะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆ เดินจาก Love Lane มาสุดอีกทางก็จะทะลุถนนเส้นนี้ได้เลย
ถนนเส้นนี้จะเป็นสายอารต์รวมของเก๋ๆ ไว้ทำให้ตึกทั้งสองฝั่งจึงมีลวดลายอารต์ๆ ระบายอยู่ทั้งสองฝั่งบันไดเลย
แถมเค้ายังแปะป้ายว่าเป็น Instagram Checkin จะมีรูปวาดไก่สีสดๆอยู่ นั้นล่ะใช่แล้ว พร้อมมีภาพตัวอย่างการโพสต์ท่าถ่ายรูปให้อีก ง่ายมาก
เดินลงไปสุดทางด้านล่างยังเจอตรอกเล็กๆ ที่เค้ามีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆ อีกส่วนตรงที่เป็นร่มด้านบนเค้าจะเปลี่ยนของตกแต่งไปเรื่อยๆ เพราะงั้นมาช่วงไหนก็จะได้รูปไม่ซ้ำเลยเช่นกัน
ถ่ายกันวนไปทั้งแม่ลูกจ๊ะ บ้านนี้ชอบๆๆๆ บอกเลย
เดินต่อลงมาถนนเส้นนี้มีมุมเก๋เยอะมาก แนะนำเลยครับ สุดทางจะเป็นตึกทาสีสดให้เราเก็บภาพกันได้อีกด้วยนะ
การเดินทาง
เป็นทางเดินจากตรงโบสถ์ลงมาเลี้ยวเข้าซอยแรกด้านซ้าย ถนนหลัก เดินไปเรื่อยๆ จะเจอบันไดลงให้เดินลงไปเลย ตลอดทั้งเส้นมุมถ่ายรูปเยอะดีครับ
11.จุดถ่ายรูป หน้าโรงแรม Plaza Royal Hotel ฮอทฮิตสุดใน Instagram เวลานี้
มาถึงจุดถ่ายรูปสุดท้าย กันแล้วสำหรับฝั่งมาเก๊า อันนี้เราเจอตั้งแต่ตอนหาข้อมูลที่ถ่ายรูปสวยๆ จนมาสะดุดเจอมุมนี้ บวกกับเห็นเพื่อนๆ Blogger หลายๆคนไปถ่ายกันมา เดิมเราคิดว่าจะไม่มาแล้วแต่เพราะ ตั้งใจจะมาช้อปปิ้ง รองเท้าตรงย่านใกล้ๆกันแล้วดันเดินมาเจอ….ถ่ายออกมาปังมาก
การเดินทางมาไม่อยากเลย เพราะจุดถ่ายรูปนี้อยู่ตรงหน้าโรงแรม Hotel Royal เลย หาไม่ยาก
มีสองจุดให้เราลองเดินกันดู จังหวะจะเป็นตอนข้ามถนน เราแนะนำว่าให้ดูให้ดี เพราะตรงหน้าโรงแรมจะมีสัญญาณไฟตอนไฟแดงจะปลอดภัยกว่าครับ
แต่อีกจุดตรงซอยถัดไปต้องระวังให้ดีไม่มีสัญญาณไฟนะ เลือกจังหวะเดินให้ดีๆ
การเดินทาง
อยู่หน้าโรงแรม Hotel Royal วิธีมาจะไม่มีรถเมล์วิ่งผ่านหน้าโรงแรมตรงๆ มีที่ใกล้เคียงก็นั่งสาย 6,7,2 แล้วเดินมาไม่ไกล ตั้งแต่ 200 เมตร ถึง 500 เมตรเท่านั้น
12. ช้อปปิ้ง Sneaker กันตลอดทั้งเส้นที่ถนน R Do Campo
สำหรับใครที่รักจะช้อปปิ้งรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังต่างๆ จริงๆในเซนาโด้ก็เยอะแล้วนะ แต่กับถนนเส้นนี้เราว่าเยอะและหาง่ายกว่า
ร้านรองเท้าจะเรียงกันไปเป็นแนวยาวราวๆ 500 เมตร มีหมดทุกแบรนด์รองเท้าที่เรารู้จัก ทั้ง Adidas ,Nike,Fila,และยังมีร้านรองเท้าประเภทรวมหลายแบรนด์ไว้ในร้านเดียวกัน นับรวมกันเป็นสิบร้านทีเดียว
สำหรับคนสนใจ Adidas ที่นี่มี Adidas Orignal Shop อยู่ด้วยนะ
เดินเจอร้าน Adidas Kids ด้วยเหมาะมากกับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากหาของให้ลูก ร้านแบบนี้เราไม่ค่อยจะเจอง่ายๆนะ
สำหรับคนที่มองหาร้านเด็ดๆ ร้านที่แบบเทกระจาดขาย เราเดินไปเจอบางร้านเอามากองสุมกันจนเรานึกว่าของปลอมเลย แต่ไม่ใช่นะ เป็นของแท้หมด นี้ขนาดยังไม่ใช่เทศกาลเซลล์ทั้งเกาะของเค้าด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่าถ้ามาแล้วรับรองเสียตังแน่ๆ ยิ่งถ้ามาช่วงเซลล์อย่าง ก.ค.-ต.ค. ทุกปี ย่านนี้คือคำตอบจริงๆ
การเดินทาง
ลงที่ป้าย Rua do Campo (ป้ายเบอร์ 19 ) รถเมล์ที่ผ่านคือ สาย 25 เพราะเรานั่งมาจากตรงวงเวียนโรงแรม Hotel Lisbua (ป้ายที่ 15) ไม่ไกลเลยประมาณ 5 นาทีถึง หรือถัดมาอีกแค่ 3 ป้ายเท่านั้น สายอื่นๆที่ผ่านอีกคือ 2,2A,5,7,8,9,9A,12,16,22,25B เรียกว่าเป็นถนนเส้นหลักเลย ลองแวะมาช้อปรองเท้าที่ถูกใจกันดูนะ
13.แวะร้านอาหารติ่มซำสไตล์มาเก๊าแท้ๆระดับมิชลิน 2 ปีซ้อนกันกับร้าน Tou-Tou-Koi (ตอนนี้ปิดปรับปรุงอยู่จะเปิดอีกครั้งปลายปีนะ)
ถ่ายรูปกันมาเยอะแล้ว แวะมาหามื้อเช้าทานกัน เรารู้จักร้านนี้ได้จากพี่ชายแสนน่ารักที่สนิทกัน พวกเราส่วนใหญ่รู้จักพี่เค้าในนาม ลุงเด้ง-ป้าไก่ แนะนำไว้ในเว็บของพี่เค้าครับ แบบนี้จะให้ไม่ตามรอยได้ไง แต่ต้องบอกกันก่อนว่า สำหรับคนที่อ่านรีวิวนี้แล้ว อยากตามรอยมาร้านนี้ทันที ต้องรออีกอย่างน้อย 3-4 เดือนนะครับ(ราวๆ พย-ธค 2019) เพราะร้านเค้าตอนนี้กำลังปิดปรับปรุงเริ่มตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2019 นี้แล้ว เอาเป็นว่าถ้าเปิดใหม่อีกครั้ง ผมจะมาเขียนแจ้งไว้ในรีวิวนี้อีกครั้งนะครับ
ร้านนี้จะเป็นตึก 2 คูหาไม่ไกลจากตรงถนน Love Lane เดินต่อมาอีกแค่ 10 นาทีก็ถึง ดูจากภายนอกเหมือนร้านจะไม่ใหญ่แต่พอเดินเข้าไปจริง ร้านเค้าไม่เล็กเลยนะ เดินเข้ามาให้จองคิวก่อนเลย ทีแรกเราพยายามโทรจองมาก่อน แต่ทางร้านไม่รับจอง กับแจ้งเราว่าเต็ม (วันจันทร์เนี่ยนะ) เพราะฉะนั้นให้ลอง Walk in เข้ามาเลย เพราะสุดท้ายครอบครัวเราก็มายืนรอคิวกันไม่ถึง 5 นาทีเลย
อ่อ ร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารแค่สองช่วงเวลาเท่านั้นคือ ช่วงอาหารเช้าที่จะเป็นเมนูติ่มซำ และตอนเย็นจะเสิร์ฟเป็นอาหารจีนบวกติ่มซำ และเมนูอาหารจะครบกว่าช่วงเช้า
ขึ้นมาชั้นสองเจอห้องแยกเป็นสองฝั่งเค้าจะพาเราไปนั่งที่ๆเหมาะกับเราเอง
ข้อดีคือ เค้าจะมีเมนูภาษาอังกฤษให้เราอ่านและดูภาพได้ แต่เวลาสั่งจะต้องใช้จดตัวเลขลงบนเมนูกระดาษที่เขียนเป็นภาษาจีนลงไปแทน แต่ถ้าถึงเวลาจริงให้เรียกพนักงานมาอธิบายก็จะดีกว่า
เมนูที่เราต้องลองก็มีทั้ง เสี่ยวหลงเป่า หน้าตาคุ้นเคย แต่พอกัดเข้าไปนี้น้ำทะลักออกมา อร่อยมาก อร่อยสุดๆไปเลยครับ
อร่อยจนเราอยากสั่งเพิ่ม แต่ยั้งใจไว้ก่อนอีกหลายเมนูกำลังรออยู่
เรามาต่อด้วย ขนมจีบกุ้ง ดูรูปกันเองได้เลยว่า กุ้งมาเต็มทั้งตัว กัดเข้าไปถึงเนื้อมาก รสชาติดีเลิศจริงจัง
นั่งรอไม่นานเมนู ฮะเก๋ากุ้งก็มา ใหญ่เต็มคำเสิร์ฟมา 5 ลูก แบ่งกันไม่ลงตัวกับเรามาสามคน ก็ต้องเสร็จปัน 2 ลูก แม่ปัน 2 ลูก พ่อก็ต้องยอมแพ้ 1 ลูกสินะ ฮืออออ
เริ่มชิมมาสามเมนู ยังไม่เจอความผิดหวังเลยครับ
เราลองสั่งแบบ ไส้ผักกุยช่ายมา แป้งจะบางมาก บางกว่าของบ้านเราเยอะเลย อร่อยจริงครับ
ตามมาติดๆ ด้วยซาลาเปาหมูแดง อร่อยจนปันร้องขอชีวิต(เว่อร์เนอะ) บอกพ่อสั่งเพิ่มอีกได้ไหม
แล้วก็มาถึงเมนูไฮไลท์ ที่เราอยากรู้ว่าจะอร่อยขนาดไหน เราเคยชิมเมนู ซาลาเปาหมูอบ ว่ากันจริงๆ รู้เลยตั้งแต่ตอนยกมาแล้ว ได้กลิ่นหอมของแป้งแตะจมูกมาแต่ไกลเลยครับ
กัดเข้าไปคำแรก โอ้ย อร่อย อร่อยสุดๆ อร่อยจริงจังมาก เราว่าอร่อยไม่ต่างกับร้านไต้หวันเจ้าดัง เผลอๆ จะอร่อยกว่านิดตรงแป้งที่หอมกว่าหน่อยๆ บอกไม่ถูกเหมือกัน
ผมลอง แหวกไส้ออกมาดู เจอไส้หมูแดงเยิ้มๆ รู้เลยว่าอร่อยแน่นอน
มื้อเช้าจะมีเมนูข้าวไม่เยอะเท่ามื้อเย็น แต่ที่เหมือนกันคือ มีหมูแดงเสิร์ฟคู่กับผักมาด้วย ทีแรกเราว่ามันดูน้อยไปนิดถ้าเทียบกับราคา แต่พอเริ่มชิมเท่านั้น ทั้งเรา ทั้งปัน พูดออกมาตรงกันเลยว่าเป็นหมูแดงที่อร่อยจริง อร่อยจนอยากสั่งเพิ่ม (อีกแล้ว) สั่งมากินกับข้าวเปล่าหอมๆ โอ้ยแค่คิดก็อยากกลับไปแล้ว
ปิดท้ายด้วยเมนู ข้าวซี่โครงหมูอบกับตีนไก่ บอกก่อนเลยว่า ส่วนตัวพวกเราเข้าใจกันผิดไปเองเนื่องจากเมนูนี้ไม่มีรูปให้ดู ใช้ฟังจากพนักงานแล้วสั่งเอาเองเลย ตอนแรกเห็นตีนไก่ จะไม่กินแล้ว แต่เสียดาย เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนปลื้มตีนไก่นัก แต่อร่อยจริง เนื้อไก่เคี่ยวมากำลังดีไม่เหนียวเลย ปรุงอบมา รสชาติดีมาก
สำหรับคนชอบกินตีนไก่ อันนี้เด็ดจริง คือผมกัดเข้าไปเนื้อไม่เหนียวอย่างที่กลัวแต่แรก เคี้ยวไปสักพักอร่อยเลย ถือว่าเซอร์ไพรส์คนไม่ชอบกินอย่างเราได้อย่างประหลาดใจ
ตบท้ายด้วยของหวาน คือบอกกันตรงๆเลยว่าจำชื่อไม่ได้ 555
เพราะสั่งแบบจิ้มจากรูป แต่มันคือแป้งโรยด้วยอัลมอนต์ ข้างในเป็นไส้หวานๆ อร่อยดี
สรุปกันหน่อย สำหรับราคาอาหารโดยรวมทั้งหมดไม่ถูกนัก แต่มันก็คุ้มค่าทุกบาทที่จ่าย เพราะมันอร่อย มากเลยครับ ร้านนี้เราขอแนะนำจริงๆ สำหรับราคาอาจจะดูสูงสักหน่อย สมกับความเป็นมิชลิน 2 ปีซ้อน แต่เรื่องรสชาติ อาหารไม่ผิดหวังเลย ถือเป็นร้านที่ถ้านับว่า เราเคยกินอาหารจีนที่มาเก๊าแล้วละก็ ขอยกให้เมนูนี้ อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินกันมาเลย
การเดินทาง
*** ถ้าร้านเปิดอีกครั้งจะมาอับเดตกันในนี้นะครับตอนนี้ดูให้น้ำลายซอกันไปก่อนนะ ไม่นานๆ ไม่ถึงสิ้นปีก็น่าจะเปิดแน่ๆครับ
14.ร้านบะหมี่ไข่สุดอร่อย Wong-Chi-Kei ร้านตำนานกว่า 60 ปีแล้ว
มาถึงร้านสุดท้ายที่พวกเราแวะชิมกันบนฝั่งมาเก๊าแล้ว เป็นร้านที่หาง่ายมาก อยู่ตรงเซนาโด้สแควร์เลย หน้าร้านจะเล็กหน่อยและต้องเข้าคิวเช่นกัน
ถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์แนะนำให้ไปเร็วหน่อย เพราะคนเยอะมาก บางทีรอกันเป็นชั่วโมงยังมี
วันที่เรามาโชคดีมาก เราใช้เวลารอไม่ถึง 10 นาทีก็ได้กินแล้ว เดินเข้ามาด้านใน เค้ามีทั้งหมด 3 ชั้นเราถูกเรียกให้ลงไปนั่งชั้นใต้ดิน เดินลงมาโต๊ะไม่เยอะนัก เราสั่งเมนูไฮไลท์มาหลายอย่าง และร้านนี้ก็ไม่ต้องรอกันนาน 10 กว่านาทีก็ยกมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว มาไล่ดูกันดีกว่า
เมนูแรก ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนชอบปลาหมึกมาก เลยลองสั่งบะหมี่น้ำปลาหมึกมาลองดู เนื้อปลาหมึกสดดีมาก น้ำซุปอร่อย
มาต่อกันที่บะหมี่ไข่เกี๊ยวกุ้ง รอไม่นานก็มาเสิร์ฟ ต้องบอกเลยว่าบะหมี่ไข่จะเป็นเส้นเล็กๆ ต่างกับบะหมี่บ้านเราเยอะเลยมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ที่สำคัญเหนียวนุ่มกัดแล้วหนึบหนับ เส้นเค้าจะเสิร์ฟมาแบบไม่ตัด ปล่อยเส้นให้ยาวๆ รู้แต่ว่าอร่อยมาก ต่างจากบะหมี่ที่เราเคยกินมาทั้งหมดเลย
เกี๊ยวกุ้งก็อร่อย กัดเข้าไปเจอกุ้งเต็มๆคำ ซดกับน้ำซุปอร่อยสุดๆ กินไม่ต้องปรุงยังได้เลยนะ
หันมามองแม่ลูกโอ้โห้ย กินกันแก้มตุ่ยแล้ว ไม่รอเราเลย
ตามด้วย บะหมี่โรยหน้าด้วยไข่กุ้ง อันหลังเป็นแบบแห้ง เส้นยังคงหนึบๆ เสิร์ฟมาพร้อมโรยหน้าด้วยไข่กุ้งด้านบน กินก็อร่อยดีนะ แต่เราชอบแบบบะหมี่น้ำมากกว่า ครบรสชาติดี
ตามมาด้วยเมนูเกี๊ยวกุ้งล้วนๆ บ้าง
พอเสิร์มาแค่เกี๊ยว น้ำซุปรสชาติจะเปลี่ยนเล็กน้อยนะครับ แต่ก็ยังอร่อยอยู่ดี ที่ทำให้เปลี่ยนไปน่าจะเพราะไม่มีเส้นบะหมี่ไข่ใส่มาด้วยนั้นเอง
มาต่อกันด้วยเกี๊ยวทอดยักษ์ ขนาดใหญ่ไม่ใหญ่ ปันลองเอามาส่องรูเป็นแว่นได้เลยอ่ะ
สำหรับเกี๊ยวทอด ทอดมากรอบกำลังดี กัดนี้เสียงดังสนั่นปากเลย อร่อยอีกแล้วครับ
ก่อนจะปิดท้ายด้วยชามะนาว เราไปนั่งร้านไหนในมาเก๊าก็ตาม ก็จะเจอชามะนาวแบบนี้ทั้งนั้น เย็นสดชื่นจริงจังเลย
เช็คบิลออกมา เราว่าไม่แพงเลยนะ เทียบกับปริมาณและรสชาติ สมกับที่ร้านเปิดมาจนกลายเป็นตำนาน
การเดินทาง
อย่างที่บอกไปมาง่ายมาก สำหรับสาขานี้ อยู่ตรงเซนาโด้สแควร์เลย เรียกว่าเป็นร้านยอดฮิตและยังหาทางไปง่าย เดินจากตรงน้ำพุมาไม่ถึง 100 เมตรมองมาทางซ้ายเดินเลียบอาคารร้านค้ามาเรื่อยๆเจอเลยครับ
15 ห้าง New Yaohan Macau สวรรค์แห่งการ กิน ช้อป ของครอบครัว
มาถึงที่สุดท้ายของตอนแรกนี้กับ รีวิวเที่ยว Macao 15 ที่ ครอบครัวเที่ยวมาเก๊าเองได้ กันก่อนแล้วนะครับ
สำหรับทุกครอบครัวเราไม่อยากให้พลาดห้างนี้ เพราะเป็นห้างที่ไปมาง่าย อยู่ใจกลางย่านช้อปปิ้ง รถเมล์วิ่งผ่านเยอะ ข้อดีของห้างนี้ คือ ตรงชั้น 7 จะมี Food Plaza ที่ดีเริ่ดมาก อาหารหลากหลาย ราคาย่อมเยา ไม่แพงเกินไปรวมร้านดังของที่นี่ไว้เยอะมากอีกด้วย
เราเดินเลือกกันอยู่นาน ที่นี่มีหมด ทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น ครบเลย
คนอาจจะแน่นหน่อยเพราะมันคุ้มค่าและหาอะไรทานก็ง่าย
เราสั่งอาหารมาจากหลายร้าน แต่ละอย่างอร่อยไปหมด สำหรับวิธีการสั่งอาหารที่นี่ อาจจะแตกต่างกว่าทุกที่ๆ เราเคยไปมา หากเราจะสั่งอาหารอะไร ให้เราไปที่ร้านนั้นๆเลือกเมนูให้เสร็จแล้วแจ้งพนักงานขายของร้าน เค้าจะให้เขียนเบอร์อาหารใส่ในกระดาษยื่นกลับมาให้เรา
จากนั้นเอากระดาษที่ใส่เบอร์ของอาหารนั้นมาที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินอีกที
เราจะได้เป็นสลิปบอกคิวอาหาร และประเภทของอาหารมาในคิว สั่งเสร็จแล้วให้มาดูที่หน้าร้านที่เราสั่ง จะมี Board คอยแจ้งคิวไว้
ถ้าถึงคิวเราเมื่อไหร่ ก็เดินกลับมารับอาหารได้เลย เป็นแบบไม่ต้องยืนรอเข้าคิวหน้าร้านให้เสียเวลา เพราะคนมันเยอะจริงๆ
ถือว่าเป็นห้างที่คุ้มค่ากับการมาแวะชิม ช้อป จริงจังได้เลย
จากนั้นเราพากันลงมาที่ชั้น 5 อันเป็นชั้นของเล่นของเด็ก ชั้นนี้คือเป้าหมายสำคัญในทริปนี้ของปันเลยนะครับ
เค้าตั้งใจแบ่งเอาเงินที่ทะยอยเก็บสะสมมาตั้งแต่ต้นปี เพราะรู้ว่าพ่อแม่จะพามาเที่ยวมาเก๊าก็ตั้งใจจะมาซื้อของที่อยากได้ที่นี่
ชั้นนี้ เค้าจะแบ่งของเล่นออกเป็นโซนต่างๆ มีทั้งของเด็กเล็ก เด็กโต เด็กชาย เด็กหญิง
ของเล่นเยอะมาก, ดูอลังการ ราคาก็มีทั้งถูกทั้งแพงสลับกันไปถ้าเอาราคามาเทียบกับไทย, ก็อยู่ที่ของเราสนใจจะซื้ออะไรด้วยครับ.
แม่ปันเอง เค้าก็ได้ของสไตล์ผู้หญิงบริเวณชั้น 3-4 นะ
สำหรับส่วนของผู้ชายจะอยู่ชั้น 5-6 นะครับทุกคน
ถือเป็นการปิดทริปเสียตังค์ ที่ฝั่งมาเก๊ากันที่นี่ ก่อนจะกลับห้องพัก เดินตัวเบาสบายกันไป
การเดินทาง
จากสนามบินและท่าเรือ นั่งรถฟรีของโรงแรม Grand Emperor มาลงได้เลย เพราะอยู่ติดกัน รถเมล์ที่ผ่านเยอะ 32,3,10,28b ผ่านรอบๆ ตัวห้างหมด
เวลาเปิดปิด
10.30-22.00 น ทุกวัน
จบตอนแรกกันตรงนี้ก่อนนะครับ สำหรับอีก 5 ที่เที่ยวที่เหลือ ตอนหน้าเราจะพาทุกคนเข้าสู่ความสนุกสนาน ความบันเทิงในแบบครับครัวเที่ยวเอง สนุกสนานกันได้ทั้งบ้านกับฝั่ง ไทปา และโคไท เลยไปจนถึงโคโลอาน ใต้สุดของมาเก๊า
คุณๆ อาจจะไม่รู้เลยว่า มาเก๊าเค้ามีแบบนี้ด้วยเหรอ
เอาจริงๆ ณ ตอนที่เขียน รีวิวเที่ยว Macao 15 ที่ ครอบครัวเที่ยวมาเก๊าเองได้ สนุกมันส์ทั้งบ้าน พวกเรายังตื่นเต้น และคุยกันถึงที่เที่ยวมาเก๊าอยู่เลยว่า
ถ้ามีโอกาสจะพาปันกลับมาเที่ยวมาเก๊า และจะเน้นมายัง ฝั่งไทปา และโคไท อีกครับ
สำหรับคนที่ยังอยากพูดคุย ใกล้ชิดโต้ตอบกันง่ายขึ้น มาเจอพวกเราที่เพจ อยากรู้จักโลกกว้าง กันได้นะครับ
เราจะอับเดตกันสดๆ ทุกทริปที่เราเดินทางกันเลย
แล้วพบกันนะครับ
สวัสดี