แจก #PlanTrip 3 วัน 2 คืน
และ 20+ Plan Trip Autumn Leaves : Nagano
มาแล้ว ภาค 2 ที่เป็นจุดกำเนิดของทริปนี้
รอบนี้ทำให้ดูง่ายขึ้นด้วยการ บอกเป็นวันๆ เลยว่าเที่ยวไหนได้บ้าง
และแถมข้อมูลแน่นๆ สำหรับคนชอบอ่านและชอบวางแผน จะเพิ่มเติมเนื้อหาให้มากกว่าที่ลงในเพจ
ให้สามารถอ่านกันมันส์ๆ ไปได้อีก
อย่างที่บอกไปในโพสต์ก่อนๆ เส้นทางทริปนี้ของแอดจะเป็นวงกลมแบบนี้
Tokyo> Gunma> Nagano> Fuji & 5 Lakes> Tokyo
เลยจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ภาค โดยทั้งหมดเราเน้นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นหลักนะ
Tokyo> Gunma
Link Review > https://bit.ly/one22-gunma
Tokyo>Nagano (รีวิวนี้ละครับ)
Tokyo> Fuji& 5Lake
Link Review > https://bit.ly/fujiautumnweb
***กรณีที่ไม่ได้บินลงที่โตเกียว เส้นทางนี้จะไม่แนะนำครับเพราะไกล และ เสียเวลาเดินทางมาก
Highlight Autumn leaves Nagano
Karuizawa
Kumoba Pond
Karuizawa Shiraito Falls
Karuizawa Kogen Church
Karuizawa St. Paul’s Catholic Church
Karuizawa Prince Shopping Plaza
Megane-bashi Bridge (Usui No. 3 Bridge)
Matsumoto
Matsumoto Castel Park
Kamikochi
Mt. Norikura Tatamidaira
Togakushi Ninja Museum
Hakuba Iwatake Mountain
Yudanaka Onsen
Nozawa Onsen
Yamada Onsen
Kagami-ike Pond
Takai Bridge
Zenkō-ji temple
Fudosawa Bridge
Narai Juku
Senjōjiki Cirque
Akasawa Natural Recreational Forest
จริงๆยังมีอีกเยอะมากเลยนะ สำหรับที่เที่ยวจังหวัดนี้ แต่มันอาจจะยังไม่ตรงกับฤดูเที่ยว
เช่น JIGOKUDANI MONKEY PARK สวนลิงหิมะ ซึ่งถ้ามาช่วงเดือน ตค.-พย.มันจะไม่เจอลิงลงแช่สิ
เพราะอากาศอาจจะยังไม่หนาวถูกใจลิงจนลงไปแช่ เพราะงั้นที่เลือกมาคือ สถานที่ๆ ไปแล้วมีสิทธิ์ลุ้นเจอใบไม้เปลี่ยนสีได้มากกว่านั้นเอง
มาถึงตัวอย่าง Plan Trip 3 วัน 2 คืนที่เที่ยวได้จริง ไม่เร่งรีบเกินไปเวลาประมาณนี้
📆 Day 1 Tokyo > Matsumoto จากโตเกียวสู่ปราสาทไม้อายุเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีในหมู่บ้านโบราณ
(นั่ง Shinkansen ที่ Shinjuku Station > Matsumoto Station(2.37 ชม. / ใช้ JR Pass ได้ /ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน/ ต่อรถไป Kamikochi จากสถานีปลายทางได้ )
วันแรกออกจากโตเกียวด้วยรถไฟเลียบริมฝั่งทะเล ขบวน Super Azusa วิวสวยมาก ถึงเมือง Matsumoto เข้าโรงแรม ฝากกระเป๋าแล้วออกมาเที่ยวต่อ หากมีบัตร JR East pass ใช้นั่งรถไฟเที่ยวได้ทุกที
Matsumoto Castle ( ช่วงเช้าเลือกไปชมปราสาท Matsumoto ก่อนคนน้อยคิวไม่ยาว)
Matsumoto Castle Park (สวนรอบๆ ใบไม้เปลี่ยนสีกำลังสวย เดินถ่ายรูปกันได้เลย)
Narai Juku ( บ่ายไปเที่ยวเมืองเก่าที่ยังคงรักษาบ้านเรือนยุคเอโดะไว้อย่างดี ถนนตลอดสองข้างเป็นแหล่งเดินเที่ยวถ่ายรูป ช้อปปิ้งได้ )
จากนั้นกลับมาเช็คอินที่พัก หากเวลาเหลือ เดินเที่ยวหาร้านอร่อยๆ ในเมือง Matsumoto กันต่อตามอัธยาศัยเตรียมพร้อมลุยวันถัดไป
📆 Day 2 Matsumoto > Kamikochi มีสองวิธีเดินทาง
วิธีที่ 1 นั่งบัสตรงจาก สถานีบัส Matsumoto Bus Terminal > Kamikochi ใช้เวลา 1.30 ชม. เท่านั้น นั่งยาวไม่ต้องเปลี่ยนขบวน มีข้อจำกัดคือ มีแค่ 2 เที่ยวต่อวันคือรอบ 05.30 น.และ 10.15 น.เท่านั้น
วิธีที่ 2 นั่งรถไฟต่อบัส จากสถานี Matsumoto Station ขึ้นสาย Matsumoto Dentetsu ใช้เวลา 30 นาที ลงที่สถานี Shin-Shimashima station เปลี่ยนไปขึ้นบัส จากหน้าสถานี สาย Kamikochi ใช้เวลาอีก 1 ชม.ถึง Kamikochi Bus
Terminal เลย (รถไฟใช้ JR Pass ไม่ได้ มีรถไฟและรถบัสออกทุกชั่วโมง) วันนี้เราจะเที่ยวกับธรรมชาติที่สวยงามที่สุกแห่งนึงของญี่ปุ่น หลังจากเลือกวิธีเดินทางได้แล้ว ออกแต่เช้าเท่าที่จะออกได้ จุดท่องเที่ยวบน Kamikochi เยอะมาก ควรใช้เวลาเต็มวันกับที่นี่สมกับที่อยากมา ไฮไลท์บนนั้นที่คนนิยมไปเที่ยวกันมีดังนี้
Taisho Pond บึงตามธรรมชาติอยู่ไม่ไกลจากสถานีเดินไปไม่ถึง 20 นาที
Kappa Bridge สะพานไม้อันเป็นสัญลักษณ์ ที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่มากที่สุดแล้ว
Dakesawa หนองน้ำที่ไม่ไกลจากสะพาน Kappa นักวิวสวยมากน้ำใสตัดกับใบไม้เปลี่ยนสีจากต้นสนสวยสุดๆ
Myojin Pond บึงตามธรรมชาติ สวยงามมากในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะเข้าชมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Hotaka & Tashiro Bridges สะพานด้านใน ที่ถือเป็นอีกจุดชมวิวเขาและสายน้ำใสๆสีเทอควอยสวยงาม
แน่นอนคนส่วนมากที่มาที่นี่มีเป้าหมายมาเดินเทรลกันทั้งนั้นเรายังสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ Information ของ Kamikochi จะอยู่ตรงบริเวณสถานีรถบัสนั้นเอง
เส้นทางที่แอดฯ ตั้งใจจะไปใช้เวลาสั้นๆ พาครอบครัวเดินเที่ยวกันคือ เส้นทางเดินเลาะเลียบริมฝั่งแม่น้ำ Azusa จากสถานีบัส Taisho Pond ผ่านบึงสวยๆ ผ่านสะพาน Kappa ไปจบที่ Tokusawa Campground and Lodge เส้นทางนี้ยาว 6 กม. ใช้เวลาเดิน 1-2 ชม.เท่านั้นแล้วแต่เรา
กรณีพักบนนั้นก็สามารถจะจัดสรรเวลาของตัวเองได้ตามสะดวก หากต้องการกลับเข้าเมือง Matsumoto จะต้องดูเที่ยวรถบัส+รถไฟให้ดี สามารถดูเวลารถทั้งสองได้ที่นี่เลย
https://www.alpico.co.jp/th/timetable/kamikochi/r-matsumoto-kamikochi/
*กรณีตั้งใจใช้เวลามากกว่า 1 วันเที่ยวในละแวกนี้ คือ Matsumoto , Kamikochi , Mt. Norikura หรือใช้ขึ้นรถไฟสาย alpico มา Kamikochi รวมถึงบัสจาก Matsumoto แนะนำให้ซื้อพาส 2 day Free Passport เป็นพาสที่รวมทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว เหมาะมากกับคนที่ใช้เที่ยวย่านนี้มากกว่า 1 วัน ใช้คู่กับการ JR East Pass ได้เพราะจากสถานี Matsumoto มาจนถึง Kamikochi JR East Pass จะใช้ไม่ได้แล้ว
สามารถหาข้อมูลเกี่ยวข้องกับพาสนี้ได้ที่นี่เลย https://www.alpico.co.jp/th/2day-free-passport/
วันสุดท้าย เราสามารถแตกออกเป็นสองเส้นทางแล้วแต่ชอบได้อีก แอดฯ ทำมาให้เลือกแล้ว เอาแล้วแต่สะดวกกัน
📆 Day 3.1 Matsumoto > Nagano > Tokyo (นั่งบัส หรือนั่ง JR East Pass ออกจาก Matsumoto Station มาที่ Nagano Station>Ueno Station 2.18 ชม./ ใช้ JR Pass ได้/เร็วที่สุด ) วันนี้เก็บตกเที่ยววัดและเดินสำรวจธรรมชาติชมใบไม้เปลี่ยนสี อยู่ที่เราบริหารเวลาได้ บางจุดเดินเยอะ บางจุดเดินน้อย แล้วกลับมานั่งรถไฟกลับโตเกียว ที่สถานี Nagano Station
Zenkō-ji temple (วัดเซ็นโคจิ ต้นกำเนิดพุทธศาสนาเก่าแก่อายุกว่า 1,400 ปี )
Togakushi Ninja Museum (หมู่บ้านนินจาท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี เป็นทั้งสวนสนุก และพิพิธภัณฑ์มีกิจกรรมเหมาะกับครอบครัว )
Togakushi Shrine Okusha (ชมต้นสนซีดาห์ยักษ์ อายุไม่ต่ำกว่า 400 ปีสูงท่วมหัว ที่ศาลเจ้า ใช้เวลาเดินไปกลับ 1.30 ชม. )
Kagami-ike Pond ( บึงน้ำที่ล้อมด้วยใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ขับรถมาเที่ยวสะดวกสุด บัสจะมีเที่ยวรถน้อยรอนาน)
Day 3.2 Matsumoto > Karuizawa > Tokyo เที่ยวชมธรรมชาติใกล้โตเกียวและตบท้ายช้อปปิ้งมอลล์ที่ใหญ่สุดของจังหวัด เดินทางจาก Matsumoto > Karuizawa ด้วย JR East Pass: Nagano
( Matsumoto Station > Nagano Station > Karuizawa Station ใช้เวลาสั้นสุดคือ 1.46 ชม. เราจะเที่ยวแค่ใน Karuizawa เท่านั้น ที่เที่ยวก็ดังนี้เลย
Kumoba Pond (บึงธรรมชาติในสวนที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยสุดๆ ไปเลย ดูรีวิวแอดฯ ได้ที่นี่ https://bit.ly/karuizawaFB)
Karuizawa Shiraito Falls (น้ำตกที่มีวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามด้านหลัง)
Karuizawa Kogen Church (โบสถ์ไม้ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีเหมาะกับการถ่ายรูป)
Karuizawa St. Paul’s Catholic Church (โบสต์สีขาวสวยท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี)
Karuizawa Prince Shopping Plaza ( Shopping Mall ที่ใหญ่ที่สุดใกล้โตเกียวเน้น Brandname และ Brand Local ยอดนิยม ) จากนั้นนั่ง Shinkansen ตรงกลับโตเกียวได้เลยใช้เวลาเดินทางกลับ 1.30 ชม.เท่านั้น
ใครที่ยังไม่ได้อ่าน Part 1. Tokyo > gunma เชิญทางนี้
วิธีการเดินทางมา Nagano
Train: มีให้เลือกสองแบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวนจาก Tokyo และเราใช้ JR East Pass: Nagano ได้หมด
ขบวนแรกคือ Hokuriku Shinkansen มีสองสถานีให้เลือกขึ้นได้คือ
Tokyo Station > Nagano Station (1.26 ชม./ ใช้ JR Pass ได้ /ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน)
Ueno Station > Nagano Station (1.18 ชม./ ใช้ JR Pass ได้/เร็วที่สุด /ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน )
ถ้าไปขึ้นที่ Shinjuku จะมีอีก 1 ขบวนที่เดินทางช้ากว่า แต่ว่ากันว่าเป็นเส้นทางที่เราสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้เลยในวันที่อากาศดีๆ และ วิวยังสวยกว่าขบวนแรกอีกด้วย แน่นอนยังใช้ JR Pass ได้เช่นกัน แต่ปลายทางจะเปลี่ยนจาก Nagano เมืองหลักของจังหวัดเป็น Matsumoto แทน เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจจะไปเที่ยว Kamikochi เลย เพราะจาก Matsumoto จะมีรถบัสวิ่งจากในเมืองไปยัง สถานีรถบัสที่ต่อขึ้นไปยัง Kamikochi ได้เลย คือขบวน Super Azusa ออกจากที่
Shinjuku Station > Matsumoto Station
(2.37 ชม. / ใช้ JR Pass ได้ /ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน/ ต่อรถไป Kamikochi จากสถานีปลายทางได้ )
Bus : ข้อดีอีกเช่นเคยถ้าเรานั่งบัสจาก สนามบิน Narita จะมีบัสวิ่งตรงไปยังจุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดเกือบทั้งหมด หรือ จะมาขึ้นที่โตเกียวก็ยังได้ไล่ไปเลยนะ
Narita Airport Shuttle Bus Terminal 1 ,2,3 > Nagano Bus Terminal
(7,000 yen/ Night Bus/ 5.25 ชม. )
Shinjuku Expressway Bus Terminal > Nagano Bus terminal
(5,100 yen / Day Bus / 3.40 ชม.)
Shinjuku Expressway Bus Terminal > Matsumoto Bus Terminal
(4,500 yen / Day Bus / 3.21 ชม.)
แน่นอนที่ๆ เป็นเป้าหมายหลัก ก็ยังมี Bus วิ่งตรงมาถึง สถานีรถบัส kamikochi ได้เลย จาก โตเกียว
Shinjuku Expressway Bus Terminal > Kamikochi Bus Terminal
( 8,200 – 12,200 yen/4.47 ชม. )
ดูรายละเอียดรถบัสวิ่งตรงได้ทางนี้ครับ
https://www.alpico.co.jp/th/timetable/kamikochi/r-tokyo-kamikochi/
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยว อื่นๆ ไล่ไปดูแต่ละจุดดีกว่านะ
Highlight ที่เที่ยว
มาถึง จังหวัดที่เป็น ไฮไลท์ ที่ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมาอย่าง จ.นากาโนะ จังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคโฮคุริคุ/ภูมิภาคชินเอ็ทสุ (Hokuriku/Shinetsu) ชื่อยาวเนอะ เป็น ไฮไลท์ในเส้นทาง JR East Pass ใช้เที่ยวได้
เป้าหมายหลักที่ทำให้เกิดทริป ใบไม้เปลี่ยนสีครั้งนี้ กว่าจะตัดใจเลือกได้สำหรับเวลาแค่ 3 วัน 2 คืนที่นี่แอดฯ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายวันมาก กว่าจะมาเล่าให้ฟังได้ เอาละ ไปไล่กันดีกว่า
Part 2. เน้นที่จังหวัด Nagano เส้นทางหลักที่มี Kamikochi อยู่นั้นเอง
Part 3.เน้นที่จังหวัด Yamanachi ( Fuji ) & 5 lakes
สำหรับ Fuji ณ.วันที่เราไปคือช่วงตุลาคม ยังไม่ใช่ช่วงเข้าสู่ใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่
ซึ่งปรกติ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ฟูจิ จะเริ่มจริงคือ ประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของ พย. เป็นต้นไป
Nagano เที่ยวไหน
Kamikochi
อุทยานแห่งชาติที่สดชื่น และ สวยงามเต็มไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย โดยจะเปิดตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน ถึง วันที่ 15 พฤศจิกายนทุกปี ครอบคลุม 3 ฤดูตั้งแต่ช่วงใบไม้ผลิ ฤดูร้อน จนถึงใบไม้เปลี่ยนสี ด้วยความที่ต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นสน เมเปิ้ล และไม้ยืนต้นที่จะเปลี่ยนผลัดใบเมื่อเปลี่ยนฤดู มันจึงจะออกสีสันสวยงามที่สุดในช่วงเดือน ตุลาคม ตรงกับช่วงเวลาแห่งการเดินทางของพวกเราพอดี เสน่ห์สำคัญที่เหมาะกับทุกคนที่อยากไปสัมผัสธรรมชาติ คือ ความหลากหลายของเส้นทางเดินชมป่าทั้งแบบง่าย และ ยาก และจากการเดินทางจากพื้นราบไปบนอุทยานสะดวก ด้วยรถบัสรับส่งจากสถานี Sawado Bus Terminal <-> Kamikochi Bus Terminal ใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น
วิธีการเดินทาง
Tokyo เป็นจุดตั้งต้นสำหรับพวกเรา สามารถมาได้ทั้ง รถไฟและบัส ตามนี้เลย ถ้าเน้นประหยัดเงินใช้รถไฟ กรณีมี JR Pass ถัาไม่ใช้ JR นั่งบัสไปสะดวกและประหยัดกว่าทอดเดียวถึงเลย
Train : Shinjuku Station > Matsumoto Station > Kamikochi Bus Trminal
( 8,200 yen / ใช้ JR Pass ได้ฟรี จนถึง Matsumoto station ต่อบัสมีค่าใช้จ่าย / 4.10 ชม.)
Bus : Shinjuku Expressway Bus Terminal > Kamikochi Bus Terminal
( 8,200 – 12,200 yen/ มีทั้ง Day bus & Night Bus ใช้เวลาเดินทางกลางวันสั้นกว่ากลางคืน / 4.47-7.00 ชม.)
Karuizawa
เมืองตากอากาศ ที่ใกล้โตเกียวที่สุดของคนญี่ปุ่น (อารมณ์ประมาณ เขาใหญ่ประเทศไทยครับ )
ใครไม่รู้ว่าจะเริ่มเก็บ Landmark ใบไม้เปลี่ยนสีที่แรกที่ไหน ที่นี่ใช่เลย
เสน่ห์สำคัญของสายชิลต้องชอบคือ เดินทางสะดวกนั่งรถไฟต่อเดียวจากโตเกียวถึงเลย
การชมใบไม้เปลี่ยนสีแสนง่าย ที่นี่เหมาะมากจะเช่าจักรยานปั่น เส้นทางเริ่มจากสถานีรถไฟ ไปจนทั่วได้เลย เลนจักรยานดีมากแยกฝั่งซ้ายขวา ตอนเราไปครั้งแรกก็เลือกวิธีนี้ในการเที่ยว หรือหากจะเลือกเดินเที่ยวก็ยังได้ เป็นการออกกำลังเบาๆ จุดที่ต้องไปสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีคือ
Kumoba Pond บึงขนาดไม่ใหญ่ เดินประมาณ 1-2 ชม.ก็ทั่วแล้ว ที่นี่ต้นไม้ต่างๆ หลากสีสันมาก เรียกว่ามาแล้วแทบจะครบทุกประเภทของต้นไม้ในช่วงฤดูนี้เลย แนะนำมากๆครับ
พิกัด: https://goo.gl/maps/PhNTqjX2BYdZ3d8P6
Karuizawa Shiraito Falls
น้ำตกเล็กๆ ไม่ใหญ่มากแต่เสน่ห์สำคัญเลยคือ ใบไม้เปลี่ยนสีที่ถ้ามาถูกช่วงเวลามันจะสวยแข่งกับน้ำตกเลยทีเดียว
การเดินทางก็ง่ายจากทางเข้าเดินเข้ามาไม่นานเจอเลย
พิกัด: https://goo.gl/maps/DrDEBstDwUAgh14A8
Karuizawa Kogen Church
โบสถ์คริสตจักรไม้สีไม้เน่้ออ่อนที่ออกแบบได้เท่มากๆ และยิ่งถ้าไปถูกเวลาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นไม้รอบๆสีสันแดงยิ่งขับให้โบสถ์เด่นขึ้นไป ตอนแอดฯไปโบสถ์เข้าปิดไม่ให้เข้าพอดี ยังไงตอนไปอย่าลืมเช็ค google Map กันด้วยนะว่าเปิดไหม
พิกัด: https://goo.gl/maps/wHPpEv7eFm7PiwDD8
Karuizawa St. Paul’s Catholic Church
โบสถ์ของคริสต์นิกายคาทอลิก ที่สวยเช่นกัน แวดรอบด้วยต้นไม้แข่งกันออกสีสันในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำว่าไปแล้วอย่าพลาด เป็นอีกจุดที่สวยงามและอย่างลืมเช็คเวลาเปิดปิดให้ดีๆ ด้วยนะ
พิกัด: https://goo.gl/maps/q5hB26uFGXk4PYQX6
Megane-bashi Bridge
สะพานอิฐแดงโบราณ เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคสงครามเพื่อลำเลียงเสเบียงอาหารทางรถไฟ
ความสวยงามของสะพานว่าสวยคลาสิกแล้ว แต่มันจะยิ่งสวยขึ้นไปอีกเมื่อเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีด้านหลังสะพานแข่งกันออกสีสันทั่วทั้งหุบเขา บริเวณด้านล่างเป็นอุโมงค์คนเดิน ได้มุมมองการถ่ายรูปที่แปลกตาออกไปอีกด้วย ด้านบนก็สวยมากเดินขึ้นมาแป๊บเดียวเท่านั้น วิวใบไม้เปลียนสีเหลืองตัดกับแดงอลังการหากมาถูกเวลา
ที่นี่จริงๆ ไม่ได้อยู่ใน จ.นากาโนะ แต่อยู่ใน จ.กุนมะ แต่ที่นำมาแนะนำในการมาเที่ยวฝั่งนี้ เพราะมันใกล้ Karuizawa มากกว่าหากมาจากทาง กุนมะตรงๆ นอกจากว่าเราจะเที่ยวกุนมะแล้วตัดเข้า นากาโนะ จากทางนี้ก็จะสามารถผ่านพอดี ตรงจุดนี้เป็นอีกจุดที่ต้องใช้รถเช่าขับมาเท่านั้น เพราะอยู่บนเขา
พิกัด: https://goo.gl/maps/RvGxCqg9c4mropTE9
Matsumoto
หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักของ จ.นากาโนะ และเป็นศูนย์กลางเดินทางฝั่งซ้ายของจ.นี้ ที่นี่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันเป็นไฮไลท์ที่สุด เพราะหาได้ยากไม่ใช่ทุกจ.จะมีให้ชม เพราะเป็น..
Matsumoto Castel Park
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีรอบปราสาทมัตสึโมโตะ ที่เราจะได้ชมไปพร้อมๆกันกับตัวปราสาทเลย มันสวยงามและอลังการสุดๆ
ที่แรกที่แอดฯ เคยไปเจอในช่วงเดียวกันจนจำติดตาคือที่ Wakayama Castle เลยติดใจจนตามเก็บสวนรอบปราสาทแบบนี้เท่าที่จะไปเจอได้ รอบนี้ ที่นี่คือใช่มาก และตัวปราสาทเองก็สวยงาม สมบูรณ์ที่สุดแห่งนึงของญี่ปุ่นก็ว่าได้
พิกัด: https://goo.gl/maps/sgmCv47LhGryJwh7A
จุดเที่ยวอื่นๆ
Kagami-ike Pond บึงกระจกแสนสวยที่ใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนลงบึงสวยสุดๆ ไปเลย
พิกัด: https://goo.gl/maps/4nfrZA3SMsYwRYLk6
Zenkō-ji temple วัดเซ็นโคจิ นิกายเซ็นทีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งนึงในญี่ปุ่น ถ้าไปถูกช่วงสวนด้านหลังจะมีใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับวัดสวยสุดๆ
พิกัด :https://goo.gl/maps/sskoQf1p2uggdsJr7
Togakushi Ninja Museum・Ninja Trick Mansion
หมู่บ้านนินจาที่เหมาะกับเด็กๆ จะมาเล่นและทำกิจกรรม เป็นสวนสนุกผสมโชว์ ท่ามกลางใบไม้เปลียนสีในหุบเขาถ้าไปถูกเวลา
พิกัด : https://goo.gl/maps/c97ZNpXK2e9s2ujo8
จริงๆ ยังมีอีกเยอะมากเลยครับ ที่แอดฯอยากแนะนำ แต่เท่านี้ก็ยาวมากๆแล้ว
อย่างท่ีบอกเลย ธรรมชาติของประเทศนี้อลังการสุดๆ ถ้าต้องเที่ยวให้หมดทุกจุดมันคงใช้เวลาเท่าๆ กับที่คนญี่ปุ่นเค้าเที่ยวกันทั้งปี เพราะงั้นลองทำการบ้านกันดูเองต่อกันนะ ใครที่อ่านจนถึงตรงนี้แสดงว่าสิ่งที่แอดฯ พยายามทำมาตลอดหลายสัปดาห์ สำริดผลเรียบร้อย อย่างที่บอกอยากให้ทุกคนวางแผนการเดินทางด้วยตัวเองได้ หากสงสัยก็แวะมาสอบถามกันได้ หากตอบได้ยินดีเลย หวังว่าทุกคนจะชอบ Plan trip นี้กันนะ โพสต์ถัดไปจะเป็นการหยิบเรื่องราวการเดินทางมาเล่าต่อ เป็นจุดๆ ให้ทุกคนสามารถหยิบมาต่อเป็นจิ๊กซอ ของตัวเองได้กันนะ ส่วน Part 2 Fuji & 5 Lakes จะตามมาในไม่ช้า
ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนพาสองคนในภาพไปเที่ยวกันครั้งแรกเป็นความประทับใจจนถึงวันนี้ และถ้ามีโอกาสก็จะพาสองคนนี้กลับไปถ่ายรูปมุมนี้กันอีกสักครั้ง
แล้วพบกันครับ
==============================
สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีแบบขับรถเที่ยว อ่านรีวิวผมได้ที่นี่เลย กับ
” 13 วัน 5 จังหวัด 1,300 กิโลเมตรขับรถไล่ล่าใบไม้เปลี่ยนสี Japan”
https://blog.one22.com/archives/19226
รวมการเดินทางทุกทริปในญี่ปุ่นของพวกเรา
https://blog.one22.com/?s=japan&category=&year=&month=&format=