ในช่วงนี้ของทุกปีหลายๆคน(รวมผมด้วย)คงจะบ่นเรื่องอากาศสุดแสนร้อนกันทั้งนั้น แถมฤดูร้อนปีนี้มาเร็วตั้งแต่มกราคม จะเที่ยวเหนือก็ไม่หนาวเท่าที่คิด ไปเล่นน้ำตกก็น้ำหมดอีก ถ้าอยากเที่ยวในเวลาแบบนี้จะไปไหนได้ดีที่สุดถ้าไม่ใช่ทะเล…
ทะเลบ้านเราได้ชื่อว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนในโลก การไปเที่ยวทะเลหนนี้ของเรานับเป็นทริบพิเศษจริงๆ เราตั้งใจที่จะขอกลับไปเยือนหมู่เกาะทะเลใต้ฝั่งอันดามันอีกซักครั้ง หลังจากปีก่อนไปชิมลางกับหมู่เกาะสุรินทร์มาแล้ว ประทับใจเหลือเกิน แม้เวลาที่ไปเยือนนั้นจะมีไม่มากนัก
คุณๆ สามารถอ่านทริบล่องใต้หมู่เกาะสุรินทร์ ครั้งที่แล้วได้เลยนะครับ
เช่นเคยรูปภาพทั้งหมดของทะเลหมู่เกาะสิมิลันสวยๆคราวนี้ผมเก็บไว้ทั้งหมดที่นี้นะครับ ตาม link ไปชมได้เลยครับ
http://blog.one22.com/pics/longtrips/andaman_sea/similan_2010
จริงๆแล้วเราเองยังพาคุณๆเที่ยวน่านไม่เสร็จดีจาก ทริบ ฮันนีมูน@North ที่ผ่านมา ยังไงขอพักขึ้นเหนือก่อนนะครับอากาศร้อนๆแบบนี้ ขอรีวิวทริบหมูเกาะสวรรค์ทะเลใต้ที่พึ่งได้ไปมาหมาดๆก่อน เพราะไปมาประทับใจมากๆจริงๆ
เราเริ่มต้นการเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชียที่จองไว้ตั้งแต่โปร 0 บาทเมื่อปีก่อน โปรดีๆแบบนี้ ช่วยประหยัดเงินค่าเครื่องไปได้มากทีเดียว หลังจากนั่งไม่ถึงชั่วโมงเราก็ถึงสนามบินเอา 3ทุ่มกว่าๆ เป็นเวลาที่รถแอร์บัสจากสนามบินวิ่งรับส่งเข้าเมืองหมดแล้ว ใครจะไปภูเก็ตต้องเช็คเวลาดีๆนะครับ เราเจอฤทธิ์แอร์เอเชียเลื่อน schedule ขยับเวลาออกมา ชั่วโมงเศษเป็นอันตกรถเที่ยวสุดท้ายตอน 3ทุ่มไปครับ ซึ่งรถแอร์นี้จะถือว่าเป็นรถที่ประหยัดที่สุดเพราะแค่80 บาทเท่านั้นเองยังไงมาให้ทัน 3ทุ่มนะครับ เรื่องเดินทางจากสนามบินภูเก็ตเดี๋ยวไว้ถึงวันรีวิวภูเก็ตจะกลับมาเล่าละเอียดๆให้อ่านกันอีกนะครับ
หลังจากจองโรงแรมผ่านโปรที่ได้จาก expedia ปีก่อนเช่นกัน เราเลือกโรงแรมในตัวเมืองเพราะอยากให้รถที่จะมาตอนเช้าเพื่อรับเราไปยังท่าเรือวิ่งมารับได้สะดวกๆครับ เข้าพักที่ Bhukita Hotel อยู่บริเวณ บขส ของจังหวัด
โรงแรมพอใช้ได้ ใหม่ดีอาหารเช้าปรกติไม่ได้พิเศษอะไรครับ สำหรับแวะพักไปต่อถือว่าใช้ได้ไม่เลวทีเดียวประมาณ 7 โมงเศษ รถตู้ก็มารับ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองร่วมๆเกือบ 2 ชั่วโมงมาถึงท่าเรือทับละมุของ ทับละมุอันดามันทัวร์ จากนี้2วันเราฝากชีวิตการท่องเที่ยวไว้กับที่นี้แล้ว
ถึงท่าเรือทับละมุเอาตอนเกือบ 9 โมงที่ท่าเรือมีชากาแฟต้อนรับ แต่เรามาถึงแบบพอดีมากมาถึงทางไกด์ก็แบ่งจำนวนลูกทัวร์ออกเป็นกลุ่มๆแล้วนำลงเรือกันเลยสำหรับเราทั้งคู่ เรือspeed boat วันนี้มีเราเป็นคนไทยอยู่แค่ 2 คนครับทีเหลือรัสเซียทั้งนั้น เกือบ24 คนได้ ภาพนี้ตอนเรือเริ่มออกจากฝั่งแล้ว ท้องฟ้าสีฟ้าเข้มตัดกับทะเลน้ำลึกสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน
ไม่นานเรือก็ผ่านเกาะแรกที่อยู่ใกล้ท่าเรือทับละมุที่สุด มีรีสอร์ทหนึ่งเดียวบนเกาะด้วยเสียดายเราไม่ได้ถามว่าเกาะนี้ชื่ออะไรนะครับ
นั่งเรือต่อกันมาอีกชั่วโมงมีฝนลงมาระหว่างทางเหมือนเป็นลางยังไงไม่รู้ในใจเราคิดว่าประวัติศาตร์จะซ้ำรอยไม่น้อกับเมื่อปีก่อนตอนไปหมู่เกาะสุรินทร์ แต่ไม่นานฝนก็ผ่านเราไปจนท้องฟ้าใสๆก็กลับมาให้ใจชื่นขึ้นอีกครั้ง
อึดใจนึงเราก็มาถึงจุดดำน้ำจุดแรกของเราแล้ว บริเวณเกาะเก้าหรือที่ชาวเรือเรียกกันว่าเกาะบางู
แต่…เพราะคลื่นลมแรงสุดท้ายเราก็ไม่ได้ลงจุดนี้ครับกับตับเรือไม่มั่นใจ เกรงว่าจะมีคลื่นใต้น้ำเราเลยย้ายกันไปจุดต่อไป
ที่เกาะแปด(เกาะสิมิลัน) น่าเสียดายแต่ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกทัวร์ครับ ที่เห็นเด่นอยูไกลๆคือสัญลักษณ์ของเกาะ 8 หินเรือใบนั้นเอง
น้ำใสแจ๋ว นี่ขนาดฝนพึ่งผ่านมานะ
หลังได้ดำน้ำกันพอหอมปากหอมคอ ใกล้เที่ยงขึ้นฝั่งไปทานอาหารกัน ผมเลยเก็บภาพหินสัญลักษณ์ทั้ง 2 ของเกาะแปดมา หินแรก หินโดนัลด์ หรือหินรองเท้าบู๊ทขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนครับ ส่วนตัวเราว่าคล้ายทั้ง 2 ชื่อ
หินเรือใบขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับเรือ
ขึ้นเกาะไปได้ไม่นาน ฟ้าเริ่มครึ้มๆมาแต่ไกลอีกแล้วล่ะครับ
หลังเรือต่างๆเข้าเทียบท่าเราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นประชากรส่วนน้อยของเกาะซะแล้วละ วันธรรมดาแบบนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ 90 % เรียกว่ามองไปทางไหนก็เหมือนฝรั่งบุกเลยทีเดียว
คนไทยนับหัวได้เลยถ้าไม่นับไกด์ของแต่ละที่ๆมากับเรือนะครับ ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะดูแลจับจองโต๊ะกันไปคนละมุมกัน
ของ ทับละมุอันดามันเอง สำหรับมื้อกลางวันจัดอาหารเป็น บุฟเฟ่ห์ เติมได้ไม่อั้นนับว่าอาหารหลากหลายดีครับ แถมผลไม้และเครื่องดื่มเติมได้ด้วยเช่นกัน เสียอย่างเดียวโต๊ะเราจัดไว้ด้านนอกพอฝนตกก็นั่งกันไม่ไ่ด้แล้วเลยต้องมาเบียดกันอยู่ในหลังคาของร้านอาหารของอุทยานแทน…ฟ้าฝนไม่เป็นใจซะเลย
จากฟ้าถึงพื้นน้ำสีที่ต่างกันถึงยังไงสีทะเลก็ยังใสและสวยอยู่เลย
ระหว่างทานข้าว เจ้าหน้าที่เล่าว่าวันนี้เป็นวันแรกนับตั้งแต่เปิดอุทยานมา 3 เดือนกว่าที่มีฝนตกลงมา แม้ผมช่างโชคดีเสียนี่กระไรจริงๆ
พอฝนซาฟ้าพอเปิด เราเริ่มสำรวจเกาะสิมิลัน ที่นี้เป็นที่ำทำการเช่นเดียวกับเกาะสี่(เกาะเมี่ยง)แต่ไม่มีบ้านพักจะมีที่อนุญาติก็เพียงเต๊นท์เท่านั้นครับ ที่อนุญาติให้มากางได้หรือจะเช่าเต๊นท์ก็ยังได้
ภาพนี้ถ่ายตอนอยู่ในอาคารว่างๆเลยลองซูมเก็บภาพดูครับ ที่ล้างตัวหน้าเกาะแปด
หลังจากนี้ฝนเจ้ากรรมก็เทลงมาแบบไม่ยั้งจนสุดท้าย พอเวลาเรือออกเราต้องวิ่งฝ่าฝนกลับไปที่เรือเพื่อไปยังเกาะสี่ และเป็นอันว่าวันนี้ตลอดบ่ายเราอดดำน้ำตามโปรแกรมแล้ว เศร้า…
เก็บของเข้าห้องพักแล้ว เราเดินลงมาด้านล่าง แม้อากาศจะไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก ทะเลหน้าเกาะเมียงก็ยังใสและชายหาดก็ขาวสวยอยู่ดีครับ
หน้าหาดแม้จะไร้แดดแต่ทรายขาวๆทะเลใสๆก็สวยอยู่ดี
ใครบางคนเลยฝากรอยเท้าไว้…
ให้เราได้มาตามรอยบ้าง…
แดดอ่อนๆเริ่มทะลุเมฆลงมาได้บ้างแล้ว จากนั้นเราเดินไปทางบ้านสิมิลันด้านหลังจะเป็นทางไปชมพระอาทิตย์ตกและไปยังหาดนุ้ย
ทางเดินหลังฝนตกต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับหากใครจะไปทางดินล้วนๆมีเชือก ให้จับเพื่อปีนป่ายบ้างในบางระยะ
ฝ่าดงมาได้ก็เจอป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาลงมายังหาดนุ้ย หาดเล็กๆกว้างยาวเท่าที่เรากะด้วยสายตาไม่เกิน 5 เมตรได้ หาดเล็กๆที่เงียบสงบ ไม่มีใครอยู่เลย
จะมีก็เจ้าถิ่นตัวน้อยๆนี้ที่เดินผ่านให้เราได้จับภาพ…
ใกล้ๆ
หลังถ่ายรูปได้พักใหญ่ๆผมเดินกลับมายังหน้าหาด เดินกลับมาเจอ ฝรั่งคู่นี้เค้านั่งชมทิวทัศน์เลยแอบเก็บภาพน่ารักๆน่าอิจฉาเค้ามา
บ้างก็อาบแดดกัน อีกคู่…
ผมตัดสินใจเดินกลับห้องพักของตัวเองระหว่างทางเจอสหายตัวน้อยกำลังปีนป่ายอยู่ในดงไม้ข้างทาง ยกกล้องมาบันทึุกแทบไม่ทันรู้สึกว่าสัตว์ที่นี้จะคุ้นกับคนดีทีเดียวไม่รีบหนีไปไหนให้เราได้เก็บภาพอยู่พัีกนึงเลย
ไม่นานหลังดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ก็ได้เวลาลงมาทานอาหารมื้อค่ำที่ทัวร์เตรียมไว้ให้ เค้าจะจัดวางให้เป็นโต๊ะนั่งกันเฉลี่ย 4-10 คนขึ้นอยู่กับกรุ๊บที่มา ระหว่างทานอาหาร เรามีโอกาสได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนร่วมโต๊ะชาวต่างชาติหลายๆคนที่มาเที่ยวบ้านเรา ทุกๆคนบอกเป็นเสียงเดียวว่า ชอบที่นี้มากๆ อาหารอร่อย ทะเลสวย บางคนมาอยู่ไม่ไปไหนเลย 10 วันแล้วก็มีฟังแล้วก็ชื่นใจนะครับ ของดีๆบ้านเราที่ใครๆก็อยากจะมาชื่นชม เรามีโอกาสได้แนะนำบางที่ๆเค้าไม่รู้จักมาก่อน ทุกคนดูสนใจกันมากเพราะบางที่ก็ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในประเทศเราด้วย
ฝรั่งส่วนใหญ่จะเป็น backpacker ทั้งนั้น มาทีอยู่กันต่ำๆก็อาทิตย์นึงบ้างไม่ย้ายที่เลยก็มี บางคนไปมาแล้วทั่วโซนเอเชียบ้านเราอย่าง ลาว เขมร พม่า แต่เค้าบอกว่าชอบเมืองไทยเราที่สุด(ไม่รู้ว่าปากหวานพูดไปตามมารยาทรึเปล่านะครับ) หลังจากพูดคุยและแลกเปลี่ยนอีเมล์กันไป เราก็ขอลาไปพักผ่อน คืนนั้นผมหลับยาวถึงเช้าเลยทีเดียว