หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำงานอยู่ในเมืองใหญ่ เมืองที่อะไรอะไรก็ดูจะเร่งรีบไปซะทุกอย่าง รีบตื่น รีบแต่งตัว รีบไปทำงาน(ส่วนใหญ่จะสายกันนะ) รีบทานข้าว รีบประชุม รีบกลับบ้าน(ไปดูละคร) แถมอะไรอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด จะออกจากบ้านแต่ละที หมดเงินเป็นพัน ลองนั่งนึกกันดูเล่นๆนะครับ เอาง่ายๆครับ คืนวันศุกร์สิ้นเดือน คุณทำอะไรกันบ้างลองคิดออกมาเป็นตัวเลขนะครับ เริ่มจากเลิกงาน คนมีแฟนก็ต้องไปดูหนัง ทานข้าว ต่ำๆ คนละหนึ่งพันบ้าน ดูหนังเสร็จไปส่งแฟนเสร็จ เพ่ือนซี้ของคุณก็ดันมาโพสที่ facebook ว่าจัดหนักกันอยู่ที่ RCA หมดไปอีกต่ำๆคนละหนึ่งพันบาท ถ้าถูกหวยโดนเป้าอีก ก็ สองหมื่นนะครับ แค่วันศุกร์วันเดียว คุณโดนไปแล้ว 22,000 บาทครับ แถมต้องไปบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมอีกเป็นเดือนๆ เห็นมั้ยครับว่า เราเสียเงิน เสียเวลาไปมากมายขนาดไหนเพียงแค่คืนเดียวในเมืองใหญ่เมืองนี้ เอาอย่างนี้มั้ยครับ ในเมื่อเราจะต้องเสียเงินทั้งที เราก็เลิกเสียให้กับอะไรที่มันคุ้มเงินและให้คุณค่ากับชีวิตเราและคนที่เรารักกันดีกว่าครับ ออกเที่ยว กันดีกว่าครับออกเดินทางไปเที่ยวเอาแค่ในประเทศไทยของเรานี่แหละครับ ครบรสแล้ว ถ้าครบแล้วยังรู้สึกว่าไม่ Fin ค่อยดอดไปเที่ยว ต่างประเทศก๋ได้ครับ แล้วแต่เงินในกระเป๋ากับรสนิยม
เริ่มแรกผมอยากจะพาไปเที่ยวใกล้ๆก่อนครับ คุณแถมยังจะได้บรรยากาศแบบต่างประเทศเลยครับ ราคาก็ถูกมากๆด้วยครับ แต่ต้องสัญญาก่อนนะว่าจะทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นอายุซักประมาณ 18-19 เพราะทริปของเราจะไปกันแบบ Back Packers เท่ๆครับ ทริปแรกนี้คือ สังขละบุรีครับ อยู่จังหวัดกาญจณบุรีครับ ห่างจาก กรุงเทพไม่เกิน 400 กิโลเมตรครับ ไม่เกินจริงๆ ถ้าไปกันน้อย แบบเราสองสามคนเนี้ยะ แนะนำครับว่า นั้งรถตู้จากอนุสเสาวรีย์ไปจะดีกว่าครับ แต่ต้องนั่งสองต่อนะครับ เริ่มที่คิวรถตู้ที่อนุสเสาวรีย์ข้างห้าง Century ครับ ที่มีโลโก้ Smillie นะครับ คนละ 110 บาทไปลงที่ขนส่งจังหวัดกาญจณบุรี ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองกาญ แล้วครับ พอถึงแล้วก็ต่อรถตู้อีก 110 บาทไปสังขละอีกที รถจะออกทุกๆ 15 นาทีครับ แต่ถ้าหิว ผมแนะนำร้าน ข้าวมันไก่ “ต้นแบบ” ครับ อยู่ใกล้ๆกับที่รถตู้จอดครับ
ราคาถูกมากแค่จานละ 10 บาทแต่รสชาติอร่อยเกินตัวครับ จากกรุงเทพถึงสังขละไม่เกิน 4 ชั่วโมงครับ จากดงตึกในเมืองใหญ่คุณก็มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และวิถีชีวิตอันเงียบสงบของชาวสังขละบุรีและชาวมอญ และห้อมล้อมไปด้วยสายน้ำและขุนเขา ด้วยเงินเพียง 220 บาทเท่านั้นเองครับ (ผมนั่งแท็กซี่จากลาดพร้าวไปเอกมัยคืนวันศุกร์ต่ำๆก็ 150 แล้วครับ)
ถามว่า “ที่สังขละ มีของดีอะไรบ้างเหรอถึงต้องไป” คำตอบคือ “ผมไม่รู้หรอกครับ” การออกเที่ยวในที่ต่างๆนั้นมันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันทุกคนนะครับ ไปสังขละบางคนอาจชอบ สะพานมอญ วิถีชีวิตชาวบ้าน อาหาร อากาศ ที่พัก มีสัญญาณ 3G เอ้ย!! ต้องลองไปดูครับ อิอิ
ทริปสังขละทริปนี้ผมไปกันเพื่อนนักเดินทางของผมคนหนึ่งครับ พอผมบอเขาว่าผมอยากไปสังขละบุรีนะ อยากไปเห็นสักครั้ง ไอ้ สะพานพังๆอะ สะพานอะไรนะ สะพานมอญน่ะ เขาก็อาสาจะพาไปทันทีครับเขาบอกผมว่า ไปมาสามครั้งแล้วสังขละบุรีเนี้ยะ ชอบมาก ใกล้ดี ที่พักที่นี้ ราคาไม่แพงครับแถมมีให้เลือกหลายสไล์มากๆครับ
ตั้งแต่เกสเฮ้าส์ เรือนแพ รีสอร์ทริมน้ำระดับหนึ่งดาวยันห้าดาวครับ แต่ไปช่วงนี้ดีครับ ช่วงหน้าฝน ค่าที่พักก็จะถูกลงเป็นเท่าตัว แถมนักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะครับ เงียบสงบดีมากๆครับ ทริปนี้ เป็นทริป สามวันสองคืนครับ คืนแรกเราพักกันที่ แพลุงเณร ราคาถูกมากครับ คืนละ 500 บาทได้แพทั้งหลังเลยครับ คืนที่สอง อยากนอนรีสอร์ทเลยพักกันที่ ซองกาเรีย รีสอร์ท ครับวิวสวยมากครับ สามารถมองเห็น สะพานมอญ ได้จากหน้าต่างห้องพักเกือบทุกห้องเลยครับ
มาที่นี้ตื่นเช้าสักหน่อยนะครับ มานั่งจิบกาแฟริมน้ำ ที่ร้าน Blend Coffee อยู่ตรงสะพานเลนครับ เช้าๆ พระจะเดินข้ามสะพานมาบิณทบาตร เป็นภาพสดที่หาดูยากครับ สวยดี สายๆสักหน่อย สวยชาวมอญก็จะเดินข้ามสะพานเอาของมาขายในตลอดฝั่งไทย สาวมอญจะเอาของหนักๆเทินไว้บนหัวทุกคนเลยครับเป็นภาพสดๆที่หาดูยากอีกแล้วครับ สวยดีครับ ถ้าหิวกันแล้ว ไม่แนะนำให้สั่งกระเพาหมูกินนะครับ มาสังขละ ต้องไปหา “ขนมจีน หยวกกล้วย” ทานกันให้ได้นะครับ
ไม่เหมือนที่ไหนเลยครับ เด็ดมาก เส้นจะคล้ายก๋วยจั๊บ แต่ เล็กว่า แล้วคนมอญที่นี่จะใส่กระเทียมเจียว และ มะขามเชียกเป็นฝักๆเลยครับ น้ำยาก็จะมันๆตัดกันดีมากกับรสเปรี้ยวลิ้นของมะขามเปียก แถมมีหยวกกล้วยเป็น”ฮไลท์ของงานครับ สุดยอดมากถ้วยละ 15 บาทจุกไปเลย ร้านดังที่ฝั่งมอญก็คือร้าน ป้าหยิน อยู่ที่ปลายสะพานเลยครับ ติดโลโก้ชวนชิมช่องโน้นช่องนี้เต็มร้านไปเลยครับ แต่ผมแนะนำให้ลองเดินเข้าไปลึกๆแถวๆตลอดครับ ของจริงอยู่ในซอยครับ และอีกเมนูที่ต้องลองอีก ก็คือ ก๋วยเดี๋ยวไก่ตุ๋น น้ำพริกกะเหรี่ยงครับ
สุดจริงๆครับ ถ้าไม่กินเผ็ดอย่าใส่เยอะนะครับ นำ้พริกกะเหรี่ยงเผ็ดร้อน อย่างแรง ราคาชามละไม่เกิน 20 บาทครับทุกร้าน
หลังจากท้องอิ่มกันแล้ว ต้องไปไหว้ขอพรหลวงพ่ออุตตะมะ และดูเจดีย์พุทธคะยา ศิลปะแบบพม่าเลยครับ สวยงามมากเลย ถ้าเดินจากสะพานมอญก็ไกลหน่อยครับแต่ได้สุขภาพ ถ้าเดินไม่ไหวก็มีวินมอเตอร์ไซค์นะครับ สิบบาทถึงวัดเลยครับ แล้วอย่าลืมเหมาเรือหางยาวออกไปดูวัดจมน้ำด้วยนะครับ เพราะครั้งแรกที่ผมเห็นวัดจมน้ำ ผมมีความรุ้สึกว่า ชาวบ้านที่นี่ศัทธาในพุทธศาสนา และก็ยังเสียสละมากๆด้วย เพราะยอมให้สร้างเขือนทั้งๆที่วัดที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจต้องจมอยู่ใต้น้ำ เพื่อประโยชน์แก่คนทั้งประเทสที่ได้จากการสร้างเขื่อน ต่างจากการเมืองที่เอาผลประโยชน์นองคนกลุ่มเดียวมาสำคัญกว่าปากท้องของคนทั้งประเทศ อายมอญมั้ยล่ะ
ผมและเพื่อนนักเดินทางของผมออกเดินทางจาก กรุงเทพมาสังขละบุรีตอนเช้าวันศุกร์และเดินทางกลับกันตอนเช้าวันอาทิตย์ เพ่ือจะได้กลับถึงกรุงเทพตอนบ่ายเผื่อเวลาสำหรับพักผ่อน จะได้มีพลังในการฟาดฟันกับงาน จะได้เก็บเงิน เพื่อ ออกเที่ยว อีกครั้ง….